จากความรู้สึกตัวเอง และจากการตีความของความเห็นจากหลายๆคนที่มาตอบกระทู้
ทำให้เห็นว่า คนไทยที่รักประเทศไทย ยังชาตินิยม ไม่ได้มีความคิดชังชาติยังมีอีกมาก
ยิ่งมีกระทู้เปรียบเทียบเวียดนามกับไทยมาเมื่อไหร่ ยิ่งกระตุ้นความรักชาติ ความชาตินิยมมากขึ้น
1. ทำให้มีความรู้สึกอยากมีส่วนร่วมอะไรบางอย่างแม้เพียงสักเล็กน้อยก็ยังดี ในการพัฒนาประเทศให้ถีบตัวหนี เพิ่มระยะห่างจากประเทศนี้ให้มากขึ้นเรื่อยๆ
2. เป็นแรงกระตุ้นให้พัฒนาขีดความสามารถของตัวเอง (ยกตัวอย่างเลยคือ ภาษาอังกฤษ ปกติจะพอสื่อสารได้ แต่จะมีปัญหาเรื่องการฟัง ที่ไม่ค่อยเข้าใจ ตอนนี้ฝึกฟังบทสนทนาบ่อยๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ดีกว่าไม่ได้คิดจะพัฒนาอะไรให้ตัวเองเลย)
3. เพิ่มความเป็นชาตินิยมและเลือดรักชาติในตัวเอง คือ พออาจพระทู้พวกแซะไทย อวยเวียดนาม ชูเวียดนามบ่อยๆ มีมาทุกเดือน แล้วรู้สึกว่า ขนาดเขาด้อยกว่าเรา เขายังสามารถหาส่วนดีๆของเขาเอามาแขวะ เอามากดเราได้บ่อยๆ แต่ในเมื่อเรามีอะไรดีๆกว่าเขาตั้งหลายอย่าง เราควรต้องภูมิใจในประเทศของเรา
4. ทำให้รู้สึกว่า การใดๆ หรือธุรกิจ ธุรกรรมใดๆ อันจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบหรือขาดดุลต่อประเทศนี้ จะไม่ทำเด็ดขาด (แต่สนับสนุนนักลงทุนไทยนะครับ ให้ไปกอบโกยเอาผลประโยชน์กลับมามากๆ)
แต่ทุกครั้งที่มีคนให้ข้อมูลจากหลายๆความเห็น ไปในทางตรงข้ามกับ กองอวย และคนเวียดนาม ใจเวียดนาม แต่พิมพ์ไทยได้ คนพวกคงกระอักเลือดไปเลย
- อย่างสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าไทยยังครองความนิยมอย่างสูงในเวียดนาม
จนแม้กระทั่งเจ้าตลาด ยังร้องเรียนรัฐบาลว่าถูกสินค้าไทยแย่งตลาดอย่างหนัก
- อุตสาหกรรมรถยนต์
ได้ข่าวว่าค่อยๆถอนตัวกันไปแล้ว โดยจะเน้นไปที่การน้ำเข้าจากไทยหรืออินโดนีเซียแทนการประกอบในประเทศ เพราะความไม่พร้อมทั้งทางด้าน supplier, ทักษะฝีมือ, ประสิทธิภาพการผลิต และการขนส่ง
- ติ่งเวียดนามมักจะอวดอยู่เสมอว่า เศรษฐกิจดี เจริญรุ่งเรือง
แต่มันค้านกับภาพที่ปรากฏ
ยกตัวอย่าง อย่างการยกเลิกการเป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมส์
ที่ผ่านมา มีการยกเลิกจัด 2 ครั้ง ซึ่งไทยรับจัดแทนทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งเหตุผลสำคัญ คือ ปัญหาด้านสงครามและปัญหาเศรษฐกิจ
โดย เอเชียนเกมส์ 1970 ตามกำหนดเดิม เกาหลีรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน แต่เมื่อเหลืออีก 1 ปี จะถึงกำหนดการแข่งขัน เกิดสงครามระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
และ เอเชียนเกมส์ 1978 ปากีสถานมีปัญหาทางการเมือง เศรษฐกิจภายในประเทศและภาวะเงินเฟ้อ
และเอเชี่ยนเกมส์
เหงียน เติ๊น สุง นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการขอถอนตัวจากการเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน โดยอ้างว่าปัญหาเศรษฐกิจและภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
แต่สื่อของเวียดนาม กลับออกข่าวในทำนอง เทียบกับไทยว่า ไทยเคยจัดมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นจะมีผลกับการพัฒนากีฬาอะไรของไทย (คือ ไทยเสนอตัวแค่ 2 ครั้ง ส่วนอีก 2 ครั้ง จัดแทนประเทศอื่น แถมตอนที่จัดแทนเกาหลี ก็แทบไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินด้วยซ้ำ เพราะถูกขอร้องแกมบังคับให้จัด)
งงครับ ตอนเสนอตัวไม่ได้คิดถึงประเด็นนี้
พอเสนอตัว บิดได้ ได้รับสิทธิจัด กลับเพิ่งคิดได้ เลยเลิกจัด
ถ้าเชื่อที่สื่อเวียดนามเสนอมาจริงๆ และเป็นความจริง ก็คงต้องบอกว่า แสดงว่าทีมงานที่เสนอตัวจนได้รับคัดเลือก คงโง่และห่วยสุดๆไปเลยครับ ประเด็นง่ายๆแค่นี้ กลับคิดไม่ได้ มาคิดได้เอาตอนที่ได้สิทธิจัดแล้ว
การยกเลิกจัดเอเชี่ยนเกมส์ ไม่ได้สะท้อนแค่ปัญหาด้าน เศรษฐกิจการเงินการคลังของประเทศที่ถดถอยเท่านั้น
แต่สะท้อนถึงความสามารถของการบริหารจัดการของฝ่ายบริหารในการรับมือกับปัญหาครั้งนี้ด้วย
(เอเชี่ยนเกมส์ 1998 หรือ 2541 ของไทย จัดหลังจากเกินวิกฤติต้มยำกุ้ง แต่ก็สามารถจัดการแข่งขัน โดยปรับให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในขณะนั้น โดยจัดให้มีความยิ่งใหญ่ตระการตา โดยเน้นความประหยัด และประชาสัมพันธ์ประเทศไทยให้สอดคล้องต่อปีแห่งการท่องเที่ยว หรือ Amazing Thailand) ปละจากตัวเลขนักท่องเที่ยวในปีนั้น 7.8 ล้านคน ส่งผลให้ตัวเลขในปีที่แล้วมีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 32.5 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย รองจากจีน
(อาจจะมีบางคนบอกว่า เพราะค่าใช้จ่ายในประเทศไทยของเราถูกกว่า ประเทศที่ค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับเรา อย่าง มาเลเซีย หรือประเทศที่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าเรา อย่างเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ทำไมถึงไม่เป็นที่นิยมเท่าเรา)
เอาแบบสดๆร้อนๆ ก็วงการกีฬาวอลเลย์บอลที่ผมติดตาม
ไทยชนะบราซิล ทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในรายการ WGP และ top 5 ของโลกมาหมาดๆ รวมทั้งเคยชนะทั้งจีน จ้าวเอเชีย ญี่ปุ่น เกาหลี แต่เวียดนามเพิ่งจะแพ้อินโดนีเซียคาบ้าน ต่อหน้ากองเชียร์ประเทศตัวเอง
หรือ ไทยเคยใช้บริการโค้ชญี่ปุ่น คือ ยานางิโมโต้ มาเป็นโค้ชทีมชายสมัยโค้ชอ๊อดยังเป็นทีมชาติ จนไทยได้แชมป์ซีเกมส์ หลังจากนั้นก็กลับประเทศได้ไต่เต้าไปคุมทีมชาติญี่ปุ่นทีมหญิงชุดใหญ่เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว
แต่เวียดนาม ใช้โค้ชญี่ปุ่นมาคุมทีมช่วงสั้นๆ แม้จะพาทีมได้ที่ 3 U23 ชิงแชมป์เอเชีย แต่หลังจากนั้นไม่นาน โค้ชญี่ปุ่นกลับประเทศ แล้วไม่ได้กลับมาคุมทีมต่อตามที่ได้ตกลงกันไว้แต่แรก แม้เหตุผลที่แท้จริงไม่มีใครทราบ แต่อย่างน้อยๆ ก็สะท้อนปมปัญหาบางอย่างของวลการกีฬาเวียดนามได้เป็นอย่างดี
ปล. ไม่ต้องมาบอกนะครับว่า อย่าทะนงตนไป เพราะไม่ได้มีประโยคไหนเลยที่บอกว่าเวียดนามไม่มีความสามารถจะแซงไทยได้ หรือบอกว่าไทยเหนือกว่าเวียดนามแบบเทียบกันไม่ติด บอกแค่ว่า รู้สึกเป็นแรงกระตุ้นเลือดรักชาติได้เป็นอย่างดี อยากทำอะไรเพื่อประเทศนี้ให้มากขึ้น
กระทู้อวยเวียดนาม จะว่าไปก็มีประโยชน์เหมือนกัน เพราะแต่ละความเห็นทำให้กองอวยและคนเวียดพิมพ์ไทยได้กระอัก
ทำให้เห็นว่า คนไทยที่รักประเทศไทย ยังชาตินิยม ไม่ได้มีความคิดชังชาติยังมีอีกมาก
ยิ่งมีกระทู้เปรียบเทียบเวียดนามกับไทยมาเมื่อไหร่ ยิ่งกระตุ้นความรักชาติ ความชาตินิยมมากขึ้น
1. ทำให้มีความรู้สึกอยากมีส่วนร่วมอะไรบางอย่างแม้เพียงสักเล็กน้อยก็ยังดี ในการพัฒนาประเทศให้ถีบตัวหนี เพิ่มระยะห่างจากประเทศนี้ให้มากขึ้นเรื่อยๆ
2. เป็นแรงกระตุ้นให้พัฒนาขีดความสามารถของตัวเอง (ยกตัวอย่างเลยคือ ภาษาอังกฤษ ปกติจะพอสื่อสารได้ แต่จะมีปัญหาเรื่องการฟัง ที่ไม่ค่อยเข้าใจ ตอนนี้ฝึกฟังบทสนทนาบ่อยๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ดีกว่าไม่ได้คิดจะพัฒนาอะไรให้ตัวเองเลย)
3. เพิ่มความเป็นชาตินิยมและเลือดรักชาติในตัวเอง คือ พออาจพระทู้พวกแซะไทย อวยเวียดนาม ชูเวียดนามบ่อยๆ มีมาทุกเดือน แล้วรู้สึกว่า ขนาดเขาด้อยกว่าเรา เขายังสามารถหาส่วนดีๆของเขาเอามาแขวะ เอามากดเราได้บ่อยๆ แต่ในเมื่อเรามีอะไรดีๆกว่าเขาตั้งหลายอย่าง เราควรต้องภูมิใจในประเทศของเรา
4. ทำให้รู้สึกว่า การใดๆ หรือธุรกิจ ธุรกรรมใดๆ อันจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบหรือขาดดุลต่อประเทศนี้ จะไม่ทำเด็ดขาด (แต่สนับสนุนนักลงทุนไทยนะครับ ให้ไปกอบโกยเอาผลประโยชน์กลับมามากๆ)
แต่ทุกครั้งที่มีคนให้ข้อมูลจากหลายๆความเห็น ไปในทางตรงข้ามกับ กองอวย และคนเวียดนาม ใจเวียดนาม แต่พิมพ์ไทยได้ คนพวกคงกระอักเลือดไปเลย
- อย่างสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าไทยยังครองความนิยมอย่างสูงในเวียดนาม
จนแม้กระทั่งเจ้าตลาด ยังร้องเรียนรัฐบาลว่าถูกสินค้าไทยแย่งตลาดอย่างหนัก
- อุตสาหกรรมรถยนต์
ได้ข่าวว่าค่อยๆถอนตัวกันไปแล้ว โดยจะเน้นไปที่การน้ำเข้าจากไทยหรืออินโดนีเซียแทนการประกอบในประเทศ เพราะความไม่พร้อมทั้งทางด้าน supplier, ทักษะฝีมือ, ประสิทธิภาพการผลิต และการขนส่ง
- ติ่งเวียดนามมักจะอวดอยู่เสมอว่า เศรษฐกิจดี เจริญรุ่งเรือง
แต่มันค้านกับภาพที่ปรากฏ
ยกตัวอย่าง อย่างการยกเลิกการเป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมส์
ที่ผ่านมา มีการยกเลิกจัด 2 ครั้ง ซึ่งไทยรับจัดแทนทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งเหตุผลสำคัญ คือ ปัญหาด้านสงครามและปัญหาเศรษฐกิจ
โดย เอเชียนเกมส์ 1970 ตามกำหนดเดิม เกาหลีรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน แต่เมื่อเหลืออีก 1 ปี จะถึงกำหนดการแข่งขัน เกิดสงครามระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
และ เอเชียนเกมส์ 1978 ปากีสถานมีปัญหาทางการเมือง เศรษฐกิจภายในประเทศและภาวะเงินเฟ้อ
และเอเชี่ยนเกมส์
เหงียน เติ๊น สุง นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการขอถอนตัวจากการเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน โดยอ้างว่าปัญหาเศรษฐกิจและภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
แต่สื่อของเวียดนาม กลับออกข่าวในทำนอง เทียบกับไทยว่า ไทยเคยจัดมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นจะมีผลกับการพัฒนากีฬาอะไรของไทย (คือ ไทยเสนอตัวแค่ 2 ครั้ง ส่วนอีก 2 ครั้ง จัดแทนประเทศอื่น แถมตอนที่จัดแทนเกาหลี ก็แทบไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินด้วยซ้ำ เพราะถูกขอร้องแกมบังคับให้จัด)
งงครับ ตอนเสนอตัวไม่ได้คิดถึงประเด็นนี้
พอเสนอตัว บิดได้ ได้รับสิทธิจัด กลับเพิ่งคิดได้ เลยเลิกจัด
ถ้าเชื่อที่สื่อเวียดนามเสนอมาจริงๆ และเป็นความจริง ก็คงต้องบอกว่า แสดงว่าทีมงานที่เสนอตัวจนได้รับคัดเลือก คงโง่และห่วยสุดๆไปเลยครับ ประเด็นง่ายๆแค่นี้ กลับคิดไม่ได้ มาคิดได้เอาตอนที่ได้สิทธิจัดแล้ว
การยกเลิกจัดเอเชี่ยนเกมส์ ไม่ได้สะท้อนแค่ปัญหาด้าน เศรษฐกิจการเงินการคลังของประเทศที่ถดถอยเท่านั้น
แต่สะท้อนถึงความสามารถของการบริหารจัดการของฝ่ายบริหารในการรับมือกับปัญหาครั้งนี้ด้วย
(เอเชี่ยนเกมส์ 1998 หรือ 2541 ของไทย จัดหลังจากเกินวิกฤติต้มยำกุ้ง แต่ก็สามารถจัดการแข่งขัน โดยปรับให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในขณะนั้น โดยจัดให้มีความยิ่งใหญ่ตระการตา โดยเน้นความประหยัด และประชาสัมพันธ์ประเทศไทยให้สอดคล้องต่อปีแห่งการท่องเที่ยว หรือ Amazing Thailand) ปละจากตัวเลขนักท่องเที่ยวในปีนั้น 7.8 ล้านคน ส่งผลให้ตัวเลขในปีที่แล้วมีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 32.5 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย รองจากจีน
(อาจจะมีบางคนบอกว่า เพราะค่าใช้จ่ายในประเทศไทยของเราถูกกว่า ประเทศที่ค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับเรา อย่าง มาเลเซีย หรือประเทศที่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าเรา อย่างเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ทำไมถึงไม่เป็นที่นิยมเท่าเรา)
เอาแบบสดๆร้อนๆ ก็วงการกีฬาวอลเลย์บอลที่ผมติดตาม
ไทยชนะบราซิล ทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในรายการ WGP และ top 5 ของโลกมาหมาดๆ รวมทั้งเคยชนะทั้งจีน จ้าวเอเชีย ญี่ปุ่น เกาหลี แต่เวียดนามเพิ่งจะแพ้อินโดนีเซียคาบ้าน ต่อหน้ากองเชียร์ประเทศตัวเอง
หรือ ไทยเคยใช้บริการโค้ชญี่ปุ่น คือ ยานางิโมโต้ มาเป็นโค้ชทีมชายสมัยโค้ชอ๊อดยังเป็นทีมชาติ จนไทยได้แชมป์ซีเกมส์ หลังจากนั้นก็กลับประเทศได้ไต่เต้าไปคุมทีมชาติญี่ปุ่นทีมหญิงชุดใหญ่เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว
แต่เวียดนาม ใช้โค้ชญี่ปุ่นมาคุมทีมช่วงสั้นๆ แม้จะพาทีมได้ที่ 3 U23 ชิงแชมป์เอเชีย แต่หลังจากนั้นไม่นาน โค้ชญี่ปุ่นกลับประเทศ แล้วไม่ได้กลับมาคุมทีมต่อตามที่ได้ตกลงกันไว้แต่แรก แม้เหตุผลที่แท้จริงไม่มีใครทราบ แต่อย่างน้อยๆ ก็สะท้อนปมปัญหาบางอย่างของวลการกีฬาเวียดนามได้เป็นอย่างดี
ปล. ไม่ต้องมาบอกนะครับว่า อย่าทะนงตนไป เพราะไม่ได้มีประโยคไหนเลยที่บอกว่าเวียดนามไม่มีความสามารถจะแซงไทยได้ หรือบอกว่าไทยเหนือกว่าเวียดนามแบบเทียบกันไม่ติด บอกแค่ว่า รู้สึกเป็นแรงกระตุ้นเลือดรักชาติได้เป็นอย่างดี อยากทำอะไรเพื่อประเทศนี้ให้มากขึ้น