ลูกไม้มวยไทย ตอนที่ ๗ “นี่คือสิ่งที่เอ็งต้องการรึไอ้สิงห์"

บ่ายวันต่อมา...

ทับทิมมาเดินเล่นแถวลำธาร สิงห์แอบตามมา แต่ทับทิมจับฝีเท้าได้
       
        “เอ็งตามข้ามาทำไมไอ้สิงห์”
       
        “ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย”
       
        “เรื่องกระไร”
       
        “ฉันก็ฝึกมวยมาสองเดือนแล้ว ครูเที่ยงบอกว่าฉันเริ่มชำนาญขึ้นมาก ทั้งหมดมันเป็นเพราะทับทิม”
       
        “เอ็งก็เลยจะมาขอบคุณข้างั้นรึ”
       
        “ฉันก็ต้องขอบคุณทับทิมอยู่แล้ว แต่มีอีกเรื่อง ฉันจะอยู่ฝึกมวยอีกสักเดือนก็คงจะมีเชิงมวยไปอวดพ่อกับแม่ได้”
       
       “เอ็งจะไปแล้วรึ” ทับทิมเริ่มรู้สึกใจหาย
       
       “ใช่ ฉันจะกลับไป...กลับไปพาแม่มาสู่ขอทับทิม...ฉันรักทับทิม...รักตั้งแต่แรกพบ...รักมาตลอด...ยิ่งนานวันก็ยิ่งรักมากขึ้น ทับทิมออกเรือนกับฉัน มาเป็นเมียแก้วเมียขวัญให้ฉันเถิดนะ” สิงห์จับมือทั้งสองของทับทิมขึ้นมาจะจูบ ในขณะที่ทับทิมนั้นยังคงนิ่งราวกับอยู่ในภวังค์ แต่เมื่อรอยจูบของสิงห์สัมผัสกับมือทับทิมก็เริ่มรู้สึกตัว ดึงมือออกจากสิงห์ แล้วซัดหมัดใส่สิงห์ทันที
       
      “ข้านี่รึจะออกเรือนกับเอ็ง เอ็งฝันกลางวันอยู่รึไอ้สิงห์ ข้าไม่มีวันเป็นเมียเอ็ง ข้ามีคนที่ข้ารักอยู่แล้ว เอ็งอย่ามาฉวยโอกาสกับข้าอีก จำไว้” หัวใจสิงห์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนสี
       
      “ถ้าฉันเดาไม่ผิด พี่เพลิงคือคนคนนั้นใช่หรือไม่” สิงห์ฝืนใจเอ่ยถามทั้งที่แทบจะไม่มีแรงทำอะไรแล้วเพราะโดนทับทิมปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
       
      “เอ็งรู้” ทับทิมตกใจที่สิงห์รู้ทัน

      “รู้ก็ดี ใช่...พี่เพลิงคือคนที่ข้ารัก และเอ็ง...เอ็งมันไม่ได้ครึ่งพี่เพลิงของข้าด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเอ็งอย่ามายุ่งกับข้า ถ้าอยากออกเรือนนัก ก็ให้แม่เอ็งไปขอนังอบเชยโน่น เอ็งมันเจ้าชู้ประตูดิน เที่ยวเกี้ยวพาราสีไปทั่ว แต่เอ็งจำไว้ ข้าไม่มีวันหลงน้ำคำของเอ็ง ไม่มีวันออกเรือนกับเอ็ง ไม่มีวัน...เป็นเมียเอ็ง”

      “เกลียดฉันนักรึ ถ้าฉันฝันกลางวัน แล้วทับทิมเล่า รักเขาข้างเดียว ไม่ต่างกันนักดอก”

      “เอ็งหมายความว่ากระไร ห้ะ ไอ้สิงห์” ทับทิมโกรธจัด คว้าคอเสื้อสิงห์ขึ้นมา

     “พี่เพลิงเห็นทับทิมเป็นแค่น้องเท่านั้น ไม่เคยคิดเห็นเป็นอื่น เพราะว่าเขามีคนที่เขารักอยู่แล้วกระไรเล่า”

     “ไม่จริง เอ็งโกหก” ทับทิมยิ่งโกรธหนักที่สิงห์พูดสิ่งที่ตนไม่อยากได้ยิน

     “ฉันพูดจริง พี่เพลิงรักอบเชย” สิ้นคำสิงห์ทับทิมก็แทบหมดแรงจะยืนแขนขาอ่อนแรง เอาแต่พูดซ้ำๆว่าไม่จริง สิงห์จึงฉุดร่างไร้เรี่ยวแรงนั้นไปหาคำตอบกับเพลิง


เมื่ออยู่ต่อหน้าเพลิง สิงห์จึงรีบเค้นเอาความ เพื่อหวังให้ทับทิมได้หูตาสว่างขึ้น


        “พี่เพลิง ช่วยกระไรฉันที”

        “ให้ข้าช่วยกระไรวะ”

        “ช่วยบอกฉันอีกสักครั้ง ว่าใคร...คือคนที่พี่รัก เอาให้เสียงดังฟังชัดนะพี่” เพลิงไม่เข้าใจว่าสิงห์ให้ทำแบบนั้นเพื่ออะไร สิงห์จับแขนทับทิมลากมายังไม่ยอมปล่อย ทับทิมจึงสะบัดแขนออก แล้วตั้งใจฟังความจากปากเพลิง เพลิงยังยืนมองทั้งคู่เพราะเห็นว่าอาการผิดสังเกต สิงห์จึงย้ำอีกครั้งให้เพลิงบอกออกมา

        “ก็อบเชยไงเล่า ข้ารักอบเชย เอ็งเป็นกระไรวะไอ้สิงห์ ถามซ้ำไปซ้ำมาอยู่ได้ อยากฟังอีกไหม...ข้ารักอบเชย” เพลิงพูดว่ารักอบเชยซ้ำไปมาจนทับทิมทนไม่ได้ วิ่งหนีไปจากตรงนั้น

       “นี่คือสิ่งที่เอ็งต้องการรึไอ้สิงห์"

       “ฉันแค่อยากให้ทับทิมตัดใจจากพี่เสียที แลนี่ก็เป็นเพียงหนทางเดียว” เพลิงตบบ่าให้กำลังใจสิงห์ แต่นัยน์ตากลับเปลี่ยนเป็นเศร้าเพราะตนเองก็เอาตัวไม่รอดที่โดนอบเชยปฏิเสธเมื่อวันวาน

00000000


        ทับทิมวิ่งหนีออกมาน้ำตาไหลพรากตลอดทาง หากคนที่เพลิงรักเป็นคนอื่นก็คงจะไม่รู้สึกเจ็บปวดหัวใจถึงเพียงนี้ ทับทิมมาอยู่ตรงที่เดิม...ที่เก่า ต้นกล้วยหลังบ้าน แต่คราวนี้ไม่มีเรี่ยวแรงจะเตะมันให้ยับเหมือนทุกครั้ง มีแต่เพียงน้ำตาที่ไหลท่วมท้นออกมาไม่ยอมหยุด ทับทิมนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้นนานสองนาน นานจนไม่รู้เวลาแล้วว่าผ่านล่วงเลยไปเท่าใด

        “พี่ทับทิม พ่อให้มาตามไปกินข้าวจ้ะพี่ มีแกงเขียวหวานของโปรดพี่ด้วย” อบเชยมาตามทับทิมไปกินข้าว

        “ข้าไม่หิว” ทับทิมหันหลังไม่ยอมให้อบเชยเห็นหยาดน้ำตา

        “แต่พี่ไม่ได้กินกระไรมาตั้งแต่เช้าแล้วนี่จ๊ะ” ไม่ว่าอบเชยจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรทับทิมก็นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา อบเชยจึงเดินเข้าไปดูหน้าทับทิมใกล้ๆ

        “พี่ทับทิมร้องไห้รึ เป็นกระไรจ๊ะ ใครทำกระไรพี่ ” อบเชยเอ่ยถามไม่หยุดเพราะความเป็นห่วง แต่ทับทิมยิ่งทวีความโมโหจึงลุกขึ้นผลักอบเชยจนล้มไป

       “ก็เอ็งอย่างไรเล่า เป็นเพราะเอ็งคนเดียวนังอบเชย เอ็งมันเป็นมารผจญชีวิตข้า ทุกคนที่ข้ารักมองข้ามหัวข้าไปรุมรักเอ็ง เอ็งจะเกิดมาทำไมวะ เอ็งเกิดมาทำไม ข้าเกลียดเอ็งนังอบเชย” ทับทิมระเบิดอารมณ์ใส่หน้าอบเชย อบเชยทั้งตกใจและเสียใจ ทับทิมบีบแขนทั้งสองข้างของอบเชยจนรอยเขียวเริ่มก่อตัว อบเชยไม่มีแรงจะสู้และไม่เคยคิดจะสู้พี่สาว ได้แต่ปล่อยให้ทับทิมระเบิดอารมณ์ใส่หน้า เพลิงที่เพิ่งเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็รีบวิ่งเข้าไปแยกทับทิมออกจากอบเชย แล้วผลักทับทิมจนร่างกระแทกพื้น

      “มันจะมากไปแล้วนะทับทิม อบเชยคือน้องสาวเอ็งนะ พี่จะไม่ยอมให้เอ็งรังแกอบเชยอีกแล้ว”

      “เอ็งบอกว่าอบเชยเกิดมาทำลายชีวิตเอ็ง ข้าจะบอกเอ็งเอาไว้ ว่าเอ็งนั่นแหละที่เกิดมาทำลายชีวิตอบเชย อย่าให้ข้าเห็นนะทับทิม ว่าเอ็งมาทำร้ายอบเชยอีก”

        ทับทิมมองแผลที่ข้อศอก แผลที่เพลิงหยิบยื่นให้ แต่ความเจ็บปวดจากแผลนั้นมันไม่ได้ครึ่งความเจ็บปวดใจจากคำพูดของเพลิงที่เหมือนมีดกรีดหัวใจของทับทิมจนแหลกสลายไปอย่างร้าวราน ทับทิมค่อยๆลุกขึ้น เลือดจากแผลค่อยๆไหลลงมา ทับทิมก้าวเดินแต่ก็เซจนล้มเพราะขาก็เริ่มรู้สึกเจ็บ ทับทิมพยุงตัวขึ้นอีกครั้งแล้วฝืนวิ่งหนีออกไปให้ไกลที่สุด ไปให้พ้นจากคนทั้งคู่ที่เพิ่งสร้างบาดแผลทั้งทางกายและทางใจไว้ให้

ทางด้านเพลิงเมื่อเห็นทับทิมไปพ้นตาก็หันมาประคองอบเชย...

        “เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนบ้างรึ” อบเชยสะบัดแขนออกจากเพลิง

        “เห็นรึยัง ฉันบอกพี่แล้วว่าอย่ามาสร้างรอยร้าวให้ฉันกับพี่ทับทิม แต่วันนี้...พี่ทำร้ายจิตใจพี่ทับทิม คนที่รักพี่สุดหัวใจ พี่ทำได้อย่างไรพี่เพลิง พี่ทำพี่ฉันก็เหมือนทำฉัน ฉันเกลียดพี่” อบเชยต่อว่าเพลิงทั้งน้ำตา

        “แต่พี่ทำไปเพราะปกป้องเอ็งนะอบเชย”

        “ไม่ต้องมาปกป้องฉัน ฉันไม่ได้เป็นกระไร ฉันเจ็บเพียงเท่านี้ แต่คนที่เจ็บกว่าฉันคือพี่ทับทิม ยิ่งพี่ทำแบบนี้ พี่ทับทิมก็ยิ่งเกลียดฉัน พี่ช่วยไปให้พ้นหน้าฉันที” เพลิงยืนน้ำตาคลอไม่ยอมไป อบเชยจึงเป็นฝ่ายไปจากตรงนั้นเสียเอง

        จุกเฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่าง ยืนร้องไห้สะอื้นเสียใจที่เหตุการณ์มันกลับกลายมาเป็นเช่นนี้...

        เพลิงเดินกลับบ้านเหมือนร่างไร้วิญญาณ ภาพเหตุการณ์ต่างๆวนเวียนเข้ามากระทบจิตใจ เพลิงระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความอัดอั้น

        “โธ่เว้ยย...” กำปั้นของเพลิงซัดไปที่ต้นมะพร้าวข้างทาง แผลถลอกปอกเปิก เลือดสีแดงข้นค่อยๆซึมออกมา

00000000


คลองท้ายหมู่บ้าน...

        ทับทิมพาร่างที่ชอกช้ำมาพักไว้ที่ริมลำธาร นั่งซึมอยู่อย่างนั้นจนเวลาล่วงเลย ซักพักก็ร้องไห้ สักพักก็ซุกหน้าลงตรงเข่า เสียงสะอื้นของทับทิมดังก้องในบริเวณนั้น ลำธารที่เคยให้ความชุ่มชื่นแต่บัดนี้คงซึมซับได้ถึงความเจ็บปวดของทับทิม แลดูท่าว่าจะสะอื้นคล้อยตามกันไป
สิงห์มานั่งมองดูทับทิมอยู่ไม่ห่าง สักพักจึงมานั่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดไม่เอ่ยถาม เพียงแต่นั่งอยู่ข้างๆอย่างนั้น เพื่อให้ทับทิมไม่รู้สึกว่าไม่เหลือใคร สิงห์หวังแต่เพียงว่าใจที่ส่งไปปลอบโยนทับทิมนั้น จะพอทุเลาความเศร้าในหัวใจของทับทิมได้บ้าง สายฝนค่อยๆโปรยปรายลงมา ทับทิมยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมลุกไปไหน สิงห์ก็เช่นกัน...

00000000


โปรดติดตามตอนต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่