ผมซื้อที่ดินจากบริษัทบริหารทรัพย์สิน S
เป็นที่ว่างเปล่า เมื่อหันหน้าเข้าหาที่ดิน ฝั่งซ้ายมือเป็นบ้านพักอาศัยของบุคคลทั่วไป
ฝั่งขวามือเป็นบ้านร้างซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท S
ก่อนซื้อไม่ได้รังวัด เพราะบริษัท S ผู้ขายล้อมรั้วและติดป้ายระบุพื้นที่ไว้ 80 ตร.วา และในโฉนดระบุพื้นที่ 80 ตร.วา
เมื่อซื้อขายและได้โฉนดมาเรียบร้อยแล้วสังเกตเห็นว่าพื้นที่ที่ได้มาอาจจะไม่ครบ
จึงให้สำนักงานที่ดินมารังวัด ปรากฏว่าพื้นที่หายไป 10 ตร.วา
วันที่รังวัดตัวแทนบริษัทมาร่วมชี้จุดด้วย เจ้าหน้าที่รังวัดปักหมุดใหม่ เลยแนวรั้วที่บริษัท S กั้นไว้เข้าไปฝั่งเขาประมาณ 1.30 ม.
ถ้ายึดตามแนวที่ได้วัดครั้งนี้ ทำให้ได้พื้นที่คืนมาครบตามจำนวน 80 ตร.วา ที่ทำสัญญาซื้อขายกัน
เจ้าหน้าที่รังวัดแจ้งว่าการรังวัดใช้ระบบดาวเทียมมีความแม่นยำสูง จ่ายค่าดำเนินการประมาณ 7000 บาท
ประมาณ 1 เดือนจากนั้นก็ได้รับโฉนดที่มีการแก้ไขรายละเอียดของหมุดที่ลงใหม่เรียบร้อย
3 เดือนถัดมา มีหนังสือจากสำนักงานที่ดินขอให้ไปเฝ้าจุด เพราะบริษัท S ยื่นขอรังวัดพื้นที่ข้างเคียง(แปลงเดียวกับที่ที่ของผมล้ำเข้าไปตามการรังวัดครั้งก่อน)
เมื่อรังวัดครั้งที่ 2 เจ้าหน้าที่รังวัดเป็นชุดเดียวกับครั้งแรก และไม่มีความเปลี่ยนแปลงทางภูมิประเทศใดๆทั้งสิ้น
ผลคือ ที่ของบริษัท S ได้หมุดใหม่กลับคืนมาที่แนวรั้วเดิม ทำให้ที่ของผมกลับหายไป 10 ตร.วา อีกครั้ง จึงทำคำแย้งไป
สอบถามเจ้าหน้าที่รังวัดว่า ทำไมการรังวัด 2 ครั้ง ผลถึงไม่เหมือนกันก็ได้คำตอบที่ไม่ชัดเจน
ระบบดาวเทียมที่ว่ามีความแม่นยำสูง ทำไมให้ผลต่างกัน ได้คำตอบว่าการรังวัดไม่สามารถชี้ขาดได้ว่าที่เราจริงๆ อยู่ตรงไหน
มีพื้นที่เท่าไหร่ การวางหมุดขึ้นอยู่กับเจ้าของที่ 2 ฝ่ายจะตกลงกัน
เคยโทรไปเบอร์ฝ่ายรังวัดของกรมที่ดิน ก็ไม่ต่างกัน
คนรับสายบอกว่า ที่ดินมีหน้าที่ออกไปรังวัดตามที่มีการร้องขอ จะวัดกี่ครั้งก็ได้ แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อพิพาท
ตอนนี้ผม กับ บริษัท S เลยเปลี่ยนสถานะจากผู้ขาย และลูกค้า เป็นคู่กรณี
ถามโง่ๆ เลยครับว่า
1. ถ้าเราซื้อเงาะที่เค้าประกาศขาย 5 โล 100 จ่ายเงินไปแล้ว 100 แต่ได้เงาะแค่ 4 โล คนขายมีความผิดอะไรมั้ยครับ
2. เรารังวัดที่ดินไปเพื่ออะไรครับ ถ้าวัดแล้วมันไม่มีข้อยุติ และชี้ขาดได้ เปลี่ยนแปลงหลักหมุดไปมาได้ตลอด
3. การรังวัดที่ดิน 2 รอบ แล้วผลไม่ตรงกันในระยะเวลาไม่กี่เดือน มีใครต้องรับผิดชอบมั้ยครับ
4. ควรดำเนินการอย่างไรต่อไปครับ
รบกวนผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ ขอบคุณครับ
มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรังวัดที่ดินครับ
เป็นที่ว่างเปล่า เมื่อหันหน้าเข้าหาที่ดิน ฝั่งซ้ายมือเป็นบ้านพักอาศัยของบุคคลทั่วไป
ฝั่งขวามือเป็นบ้านร้างซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท S
ก่อนซื้อไม่ได้รังวัด เพราะบริษัท S ผู้ขายล้อมรั้วและติดป้ายระบุพื้นที่ไว้ 80 ตร.วา และในโฉนดระบุพื้นที่ 80 ตร.วา
เมื่อซื้อขายและได้โฉนดมาเรียบร้อยแล้วสังเกตเห็นว่าพื้นที่ที่ได้มาอาจจะไม่ครบ
จึงให้สำนักงานที่ดินมารังวัด ปรากฏว่าพื้นที่หายไป 10 ตร.วา
วันที่รังวัดตัวแทนบริษัทมาร่วมชี้จุดด้วย เจ้าหน้าที่รังวัดปักหมุดใหม่ เลยแนวรั้วที่บริษัท S กั้นไว้เข้าไปฝั่งเขาประมาณ 1.30 ม.
ถ้ายึดตามแนวที่ได้วัดครั้งนี้ ทำให้ได้พื้นที่คืนมาครบตามจำนวน 80 ตร.วา ที่ทำสัญญาซื้อขายกัน
เจ้าหน้าที่รังวัดแจ้งว่าการรังวัดใช้ระบบดาวเทียมมีความแม่นยำสูง จ่ายค่าดำเนินการประมาณ 7000 บาท
ประมาณ 1 เดือนจากนั้นก็ได้รับโฉนดที่มีการแก้ไขรายละเอียดของหมุดที่ลงใหม่เรียบร้อย
3 เดือนถัดมา มีหนังสือจากสำนักงานที่ดินขอให้ไปเฝ้าจุด เพราะบริษัท S ยื่นขอรังวัดพื้นที่ข้างเคียง(แปลงเดียวกับที่ที่ของผมล้ำเข้าไปตามการรังวัดครั้งก่อน)
เมื่อรังวัดครั้งที่ 2 เจ้าหน้าที่รังวัดเป็นชุดเดียวกับครั้งแรก และไม่มีความเปลี่ยนแปลงทางภูมิประเทศใดๆทั้งสิ้น
ผลคือ ที่ของบริษัท S ได้หมุดใหม่กลับคืนมาที่แนวรั้วเดิม ทำให้ที่ของผมกลับหายไป 10 ตร.วา อีกครั้ง จึงทำคำแย้งไป
สอบถามเจ้าหน้าที่รังวัดว่า ทำไมการรังวัด 2 ครั้ง ผลถึงไม่เหมือนกันก็ได้คำตอบที่ไม่ชัดเจน
ระบบดาวเทียมที่ว่ามีความแม่นยำสูง ทำไมให้ผลต่างกัน ได้คำตอบว่าการรังวัดไม่สามารถชี้ขาดได้ว่าที่เราจริงๆ อยู่ตรงไหน
มีพื้นที่เท่าไหร่ การวางหมุดขึ้นอยู่กับเจ้าของที่ 2 ฝ่ายจะตกลงกัน
เคยโทรไปเบอร์ฝ่ายรังวัดของกรมที่ดิน ก็ไม่ต่างกัน
คนรับสายบอกว่า ที่ดินมีหน้าที่ออกไปรังวัดตามที่มีการร้องขอ จะวัดกี่ครั้งก็ได้ แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อพิพาท
ตอนนี้ผม กับ บริษัท S เลยเปลี่ยนสถานะจากผู้ขาย และลูกค้า เป็นคู่กรณี
ถามโง่ๆ เลยครับว่า
1. ถ้าเราซื้อเงาะที่เค้าประกาศขาย 5 โล 100 จ่ายเงินไปแล้ว 100 แต่ได้เงาะแค่ 4 โล คนขายมีความผิดอะไรมั้ยครับ
2. เรารังวัดที่ดินไปเพื่ออะไรครับ ถ้าวัดแล้วมันไม่มีข้อยุติ และชี้ขาดได้ เปลี่ยนแปลงหลักหมุดไปมาได้ตลอด
3. การรังวัดที่ดิน 2 รอบ แล้วผลไม่ตรงกันในระยะเวลาไม่กี่เดือน มีใครต้องรับผิดชอบมั้ยครับ
4. ควรดำเนินการอย่างไรต่อไปครับ
รบกวนผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ ขอบคุณครับ