"พล่าปลาหลังเขียว" กับแกล้ม สายกรึ๊บ


ลมพัดเอื่อยๆ พาผิวน้ำทะเลขึ้นเป็นระลอกๆ ระยิบระยับ ในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตก
ผิวน้ำจะสะท้อนแสงรำไรของดวงอาทิตย์ ที่จะเริ่มส่องสว่าง และ มืดค่ำลง ในช่วงนี้ เป็นช่วงที่จับปลาหลังเขียว
ได้ในปริมาณที่มากกว่า ในข่วงเวลาอื่นๆ ในช่วงกลางวัน จะไม่ค่อยได้พบตัวปลาชนิดนี้เพราะอยู่ลึกลงไป
แต่ถ้าเป็นช่วงรุ่งสาง และ พลบค่ำ มักพบตัวได้บ่อยครั้ง ลมที่พัดเอื่อยๆ พัดพาแพลงตอนมารวมกัน
ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ เจ้าหลังเขียว ก็พากันเข้ารุมกิน กลุ่มก้อนของแพลงตอน  ปลาใหญ่เช่น สาก อินทรี กระมง
สละ โต้มอญ ก็ไล่ตามล่า กลุ่มปลาหลังเขียว อีกที
ปลาหลังเขียว มีชื่อเรียกต่างกันไปตามพื้นที่ บ้างก็เรียก กุแล อกแล แชรั้น แซลั้ง
ในภาษาของอุตสหกรรมปลากระป๋อง จะเรียก ซาร์ดีน Sardine หรือ Pilchard ที่นำไปทำปลากระป๋องทั้งซ้อสและน้ำมัน
ปลาหลังเขียว เป็นปลาเกล็ด มีก้างละเอียดแทรก ราวท้องก้างแยะ เป็นปลาที่มีเนื้อมาก จึงนิยมนำไปลงกระป๋อง
จัดว่าเป็นปลาที่มีโปรตีนสูง เมื่อปรุงสุกเนื้อมีความนุ่มมัน

การจับปลาชนิดนี้ ส่วนใหญ่ใช้อวนล้อม -อวนซั้ง-อวนจม ในบางครั้งพบว่ามีการรวมฝูงปะปนกับปลาชนิดอื่นๆ
เช่นปลาทู ปลาลัง ปลาตาโต ปลาข้างเหลือง ปลาสีกุน พบในเรืออวนซั้งและอวนดำปั่นไฟ
แต่ที่นำมาเสนอในวันนี้ เป็นอวนติดตา ที่ออกวางในช่วงเวลาที่บอกไว้ด้านต้น
เรือจะออกวิ่งเข้าที่หมายให้ทันกำหนดเวลา และสังเกตุฝูงปลา เมื่อพบฝูง ก็จะปล่อยอวนไปตามน้ำ
ปลาจะวิ่งทวนน้ำเข้าติดาอวนตลอดผืน ความถี่และถ่างของปริมาณ จะสลับกันไป
เมื่อปล่อยอวนจนหมดผืน ก็จะเร่งกู้อวนในทันใด เพราะขืนชักช้า ปลาจะไม่สด ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด
ปลาหลังเขียวกินทั้งซากแพลงตอน ซึ่งแพลงตอนบางชนิดจะย่อยสลายเร็วมาก ทำให้ท้องปลาที่บอบบาง
ย่อยสลายตามไปด้วย เราจึงมักใช้สังเกตุความสดของปลาอื่นๆได้เช่นกัน ที่เรียกว่าท้องบาง ท้องแตก
เมื่อเรือถึงฝั่ง ก็จะเกณฑ์คนมาช่วยปลดปลาออกจากอวน โดยการสบัดอวน เพื่อให้ปลาหลุดตาอวน
ปลาที่ได้ จะเห็นว่ามีความสดสูง และต้องรีบดองปลาด้วยน้ำแข็ง ก่อนส่งเข้าโรงงานหรือตลาด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่