ในวันที่คำว่าแม่เหลือเพียงสถานะตามกฎหมาย แม่แบบนี้ควรรับมือยังไงดี

เรื่องราวที่จะเขียนต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงทุกประการ ไม่ใช่เรื่องแต่งแต่อย่างใด
   เราก็มีแม่มีพ่อเหมือนครอบครัวปกติ ถ้าคนภายนอกมองจะรู้สึกว่าเออมีครบครอบครัวดีพร้อมแต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่เลย มันแค่เคยดีต่างหาก...
ย้อนไปประมาณ20ปีก่อนสมัยเรายังไม่เข้าโรงเรียน เราไม่รู้หรอกว่าพ่อเจอกับแม่ได้ยังไง แต่เขาเลี้ยงเราทิ้งๆขว้างๆตั้งแต่เด็กๆ อาจจะเพราะมีเราตั้งแต่อายุน้อยๆรึเปล่าเรียกง่ายๆก็ทีนมัม ที่จำได้เพราะตอนนั้นพ่อเป็นเหมือนทุกอย่างเป็นครูคนแรกตั้งแต่สอนพูด ท่องA-Z ท่องคำศัพท์พื้นฐานได้ ท่องก-ฮ คัดก-ฮได้ นับเลขได้ บวกเลขเป็น เขียนชื่อตัวเองได้ ทุกอย่างทำเป็นตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนอนุบาล1 ตอนเช้าพ่อก็ทำกับข้าวให้กิน(ไม่ได้อร่อยหรอกแต่จำได้ว่าพ่อเลี้ยงมาก็เพราะข้าวมันไม่อร่อยนี่ล่ะ) ช่วงเด็กแม่ยังอยู่กับเราแต่ก็เหมือนไม่อยู่เหมือนไม่มีแม่ แม่ด่าแม่ว่าตอนเด็กๆเราไม่เข้าใจเขาก็ตีเรา เราสอบได้ที่1ทุกปี แต่เขาก็ไม่เคยได้ภูมิใจในตัวเราเลยหรืออาจะภูมิใจลึกๆเราก็ไม่รู้ มาช่วงตอนเราอายุประมาณ14พ่อเราก็ออกจากงานที่ทำอยู่ อายุก็มากแล้วเงินเก็บก็มากพอสมควร เลยขอพักบ้างแล้วด้วยความไว้ใจก็ให้แม่บริหารเงินของบ้านให้บัตรเอทีเอ็มไว้ แม่อยากลงทุนทำธุรกิจพ่อก็ไปกู้ออกมาให้5แสน ออกรถมาคันนึงหลังจากเออรี่แต่ซื้อเป็นชื่อญาติฝั่งแม่ เพราะตอนนั้นมีโครงการรถคันแรกก็คุยกันไว้ว่าผ่อนจบแล้วจะโอนให้พ่อ เออรี่ได้ไม่ถึง2เดือนพ่อก็จับได้ว่าแม่มีชู้ จริงๆรู้มาจากคำบอกเล่าของคนรู้จักก่อน แต่พูดกับแม่ทีไรก็ว่าโดนใส่ร้ายแถมยังทำลายข้าวของในบ้านพังไปหมดยังไม่พอเอามีดมาจี้พ่อจี้เรา จนเราไม่ไหวต้องหาคนช่วยโดยการออกมายืนหน้าบ้านให้คนออกมาดูเยอะๆจนเขาอายละก็หยุดไปเอง เรากับพ่อถึงกับต้องวางแผนไปขโมยมีดตอนเขาหลับแล้วปีนเอามีดทั้งหมอไปซ่อนบ่นหลังคา ก็นั่นแหล่ะมีชู้จนจับได้คือท้องโตละ แต่มันไม่หยุดแค่นั้นเรามารู้ต่อมาว่าคนที่เป็นชู้กับแม่คือพ่อของเพื่อน ซึ่งเราพูดตรงๆว่ารู้สันดา..อยู่แล้วคือชู้นั่นก็มีลูกมีเมียอยู่แล้ว เราก็เตือนๆแม่นะ แต่แม่ไม่เคยฟังเลย แม่ยังหน้าระรื่นกับการเป็นเมียน้อยคนอื่นทั้งที่ยังไม่ได้หย่ากับพ่อเราด้วยซ้ำ แม่ใช้เงินจนฟุ้งเฟ้อมากดุจปั๊มเงินใช้เอง ซื้อเครื่องสำอางค์แบรนด์เนม ซื้อทอง อออกรถให้ชู้ กินข้าวแพงๆกับชู้นอกบ้านทุกวัน ส่วนเรากับน้องกับพ่อก็นั่งแหง็กอยู่บ้านทุกวันเพราะต้องรอเขาเอากับข้าวมาให้จะให้ซื้อมาเองเลยไม่ได้หรอกเพราะเขากุมเงินหมดเลย พ่อบอกเราว่าเก็บเงินไว้2แสนสุดท้ายไว้ให้เราว่าถ้าติดมหาลัยเงินส่วนนี้ก็ให้เป็นค่าเทอมในแต่ละเทอม แต่มันก็สายไปแล้วพ่อไปถึงธนาคารก็ต้องช๊อคกับเงินที่เหลือเศษ33บาทในบัญชี พ่อรีบดูบัญชีอื่นๆเงินที่อยู่ในบัญชีTMBร่วมๆ9แสน ออมสินอีก2แสน กรุงไทย7แสน9หมื่น ธนาคารกรุงเทพอีก3แสน ทุกบัญชีบัญชีหมดแล้วไม่เหลืออะไรเลย ยังไม่พอหนี้บัตรเครดิตที่เป็นชื่อพ่อแต่แม่ใช้อีก380,000฿ เราไม่เคยขัดสนเรื่องเงินขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต พ่อต้องทำงานทั้งที่ควรจะได้พัก เงินอยู่แม่แต่ค่าเทอมแม่ไม่เคยออกสักบาท เราขอเงิน20฿ยังโดนด่าจนเพื่อนถามว่ากูให้ยืมมั้ย เราไม่สามารถไปทำงานพาร์ททามได้เนื่องจากว่าแค่เราเรียนคือมันเหนื่อยแทบไม่มีเวลานอนแล้วค่ะ จะให้ลาอออกไม่เรียนเพื่อทำงานมันก็ดูตัดอนาคตกันเกินไปส่วนตัวเราคิดว่ายอมเป็นหนี้เพื่อเรียนให้จบแล้วหางานทำมันดีกว่าการลาออกไม่เรียนแล้วจะรับจ้างอะไรก็ไม่ได้อายุก็น้อยอยู่ เรียนมาขนาดนี้แล้วอ่ะกัดฟันเรียนต่อจะดีกว่า ครั้นจะลาออกมันไม่ได้หรอกเพราะพ่อเราเป็นคนส่งเรียนพ่อจบปริญญาโทมาเลยไม่ยอมแน่ๆถ้าลูกจะเรียนไม่จบตั้งแต่ม.ต้น เราเองไม่สามารถทำพาร์ทไทม์ได้ แต่เราไม่เคยให้ที่บ้านออกค่าใช้จ่ายพวกค่ารายงานค่าอะไรที่ต้องจ่ายที่โรงเรียนหรือแม้แต่ไปเที่ยว เพราะว่าเราขายของออนไลน์ก็เก็บเงินมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายถูๆไถๆไปเรื่อยไม่ก็รับทำรายงานบ้างอะไรบ้าง ส่วนแม่ก็พยายามเสี้ยมทุกวันว่าให้เลิกเรียนๆแล้วอ้างว่าทีคนไม่เรียนบางคนยังประสบความสำเร็จได้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เราไม่สนใจเพราะแม่ไม่ได้ส่งเรียน และตลอดเวลาก่อนเรียนจบม.ต้นนั้นเราไปโรงเรียนเราถูกด่าถูกว่าตลอดว่าแม่ไปเป็นเมียน้อยคนอื่น แม่เป็นKaree น้องนี่พ่อเดียวกันปะ โธ่น้องมันลูกชู้ เราต้องคอยรับแรงกดดันจากจุดนี้มาตลอด เพื่อนอะไรก็ไม่ค่อยยุ่งไม่อยากคบ เพราะเพื่อนมองว่าเราไม่ดีมีแม่แบบนี้ เราเคยต่อยกับผู้ชายที่ด่าแม่เราหลายครั้งจนเข้าห้องปกครองเราก็ต้องเล่าเหตุผลที่ต่อยให้เขาฟังเครียดมากพูดเลย ต่อมาน้อง[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คลอด ใครเลี้ยงอีกล่ะ..พ่อเราไงเลี้ยงตั้งแต่วันแรกที่กลับมาอยู่บ้านเรา แม่เราน่ะหรอลั๊ลลาไปเรื่อยแถมคุยโอ่ว่าได้ผัวใหม่ที่รวยกว่า คุยจนคนเขารู้กันหมดว่าเป็นเมียน้อยและกระทบมาถึงพ่อเราในทำนองว่าครอบครัวแตกแยกเมียมีชู้ แต่พ่อเราไม่เคยเอาไปพูดเลยว่าครอบครัวมีปัญหาอะไรบ้าง มีแต่แม่ที่ชอบคุยโอ่เราเดินตลาดด้วยเรายังอาย จนเราไม่ไปเดินด้วยเลย แม่ทะนงตัวเองว่ามีตังค์จะทำอะไรก็ได้แต่ความมารยาททรามที่ทำมันดูแย่กว่าพวกคนที่รวยแล้วทรามอีก(ความทรามแบบมีคลาส) ไม่นานพ่อกับแม่ก็หย่ากัน เพราะแม่จะไปอยู่กับฝั่งชู้เป็นเรื่องเป็นราว ส่วนพ่อที่ยื้อไม่หย่าเพราะแม่จะได้เอาไปพูดไม่ได้ว่าเลิกกันแล้วและคนอื่นจะได้มองไม่ดีด้วยอาจจะมองว่าที่พ่อทำมันไร้สาระแต่เราก็เข้าใจมุมมองของพ่อนะเพราะครอบครัวฝั่งพ่อก็เป็นใหญ่เป็นโตกันเยอะ ถึงขณะนี้แม่หย่าแล้วก็จริงแต่ก็ยังมาอยู่บ้านเดียวกับเราทั้งที่คุยไว้เยอะว่ามีผัวใหม่แล้ว ก็นะแผนการของแม่ไม่สำเร็จ พอฝั่งชู้นั้นรู้ว่าหย่า+เงินใกล้หมดแล้วปุ๊ปก็ตบตีผลักไสไล่ส่งแม่ สุดท้ายแม่ก็ต้องกลับมาอยู่บ้านเดียวกับเราแบบถาวร แต่คืองานการอะไรก็ไม่ทำทรัพย์สินต่างๆ รถ สร้อย แหวน เงินทอง โดยปล่อยยึดจาการเป็นหนี้ของแม่ ไม่เหลืออะไรเลย.. จนตอนนี้เราอยู่มหาลัยแล้ว น้องคนเล็กก็ยังไม่ได้เข้าโรงเรียน เหตุเพราะแม่ไม่มีตังค์ แต่ก็งงใจว่าทำไมไม่คิดจะขวนขวายหาเงินบ้างไม่ใช่มากินๆนอนๆที่บ้านอยู่แบบนี้ ตอนนี้น้องคนเล็กพ่อเราก็เลี้ยงอยู่แค่เท่าที่ทำได้ พ่อบอกส่งทีเดียวสามคนไม่น่าไหว พ่อก็ทำได้แค่ซื้อข้าวซื้อขนมค่านมค่าแพมเพิร์สอะไรพวกนี้พ่อทำให้ตั้งน้องคนเล็กยังเล็กๆอยู่เลย เวลาแม่ไม่อยู่พ่อก็ต้องเข้างานช้าเพราะเลี้ยงน้องคนเล็ก พ่อรักน้องคนเล็กเหมือนลูกตัวเองด้วยซ้ำ แต่แม่ไม่ว่ากับลูกคนไหนก็ทิ้งขว้างมาโดยตลอด
จนกระทั่งไม่กี่วันมานี้เราทะเลาะกับแม่ เพราะญาติเอาเงินมาให้เป็นค่าเทอมน้อง แต่ทว่าเอะอะแม่จะให้น้องเข้าโรงเรียนปีหน้า เด็กมันต้องเรียนนะคะเดี๋ยวจะไม่ทันเพื่อน เรารู้นิสัยแม่ดีว่าจะเอาเงินไปทำอย่างอื่นและเขาก็รู้ด้วยว่าเราเป็นคนคุมงบเป๊ะคือถ้ายังใช้จ่ายตามจุดประสงค์หลักไม่ครบเราจะไม่ปล่อยเงินกระเด็นไปในทางไรสาระรึไม่เกี่ยวกับจุดประสงค์เด็ดขาด แม่ไม่พอใจเราที่เข้ามายุ่งเรื่องเงิน แต่ที่เราทำเพราะเจ้าของเงินเขาสั่งมาเพราะเขาก็รู้นิสัยแม่เหมือนกัน เรานั่งกินข้าวแม่ก็พูดอยู่นั่นว่าจะให้น้องเรียนปีหน้า เราเป็นพวกหัวร้อนง่ายแต่ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ เราเลยถามว่า"จะให้เรียนปีหน้าทำไม เงินค่าเทอมก็มีแล้ว เห็นรออยู่นั่นไม่รู้จะให้รออะไร รอแบบนี้ไปเรื่อยๆเห็นแก่ตัวไปนะเงินก็จะเอาเรียนก็ไม่ให้เรียนค่าเทอมไม่จ่ายแต่ก็ไม่หาเงิน" เขาบอก"เออGuจะไปละกูไม่ขวนขวายใครจะทำไม" เราเลย"เอองั้นจะไปไหนก็ไปเถอะมาอยู่ก็อยู่เปล่าๆ แค่กินข้าวจานยังไม่เก็บ เสื้อผ้าอะไรก็ไม่เคยมาจับมาซัก" เราพูดไปด้วยแรงกดดันที่เราเก็บมาตลอดเกือบทั้งชีวิต เขาสวดเราทิ้งท้ายไว้ว่า
แม่: จำไว้เลยคนแบบไม่มีความสุขความเจริญในชีวิตหรอก
เรา: ไม่ต้องมาสวดให้หรอก แค่นี้ก็ชีวิตดีจะแย่แล้ว หาเงินใช้เอง แฟนก็ดีไม่ต้องไปแย่งใครเขามาแถมช่วยทำมาหากิน ไอที่สวดๆมาก็เข้าตัวคนพูดนั่นแหล่ะ
แม่: แหมอี... นับจากตอนนี้เป็นต้นไปกูไม่ใช่แม่อีกต่อไป แล้วอย่ามาเรียกกูว่าแม่อีกจำใส่กะโหลกของไว้ด้วย
เรา: ดราม่าอะไรมากมายแค่เรื่องจะเอาเงิน กับลูกอ่ะพูดีๆเป็นมั้ย ทีกับผู้ชายพูดดี๊ดี ไม่ใช่แค่กับลูกกับผัว กับแม่ของแม่เองยังใช้คำต่ำตม
แม่: แหมอีนี่กูคลอดมานะ แด_นมกูไปตั้งเท่าไหร่ ยังไม่สำนึกบุญคุณ มาด่ากูฉอดๆๆแบบนี้ อีลูกเนรคุณ จำใส่หัวไว้ด้วยว่าได้ดีทุกวันนี้ก็เพราะกูคลอดออกมา
แล้วแม่ก็ออกไปข้างนอกพร้อมโทรไปฟ้องญาติไปคุยทั่วว่าเราไล่เขาออกจากบ้านแถมหาว่าเราขโมยเงินส่วนที่ญาติฝากมาไปใช้เที่ยวอีก คืองงมาก ทีแรกก็ไม่รู้หรอกแต่มีคนมาถามจนเราแบบเห้ยแม่ทำงี้แรงไปนะเริ่มสุดๆละถ้าทำงี้ก็อย่ามายุ่งกันเลย

เราไม่เข้าใจคำว่าเนรคุณ เราไม่เคยหาเรื่องเขาเลย แต่ถ้าอะไรมันไม่ถูกจะแย้งด้วยหลักการทันทีไม่รอช้า ช่วยอะไรได้ก็ช่วยตลอด เงินไม่มีก็หยิบยืมหามาให้ใช้ ได้คืนบ้างไม่ได้คืนบ้างตามนิสัยเขา แล้วไอที่บอกว่า"ได้ดีทุกวันนี้ก็เพราะกูคลอดออกมา"ที่คลอดออกมาเนี่ยเหมือนแค่อาศัยท้องเกิดอาศัยนมดูดด้วยซ้ำแค่คลอดได้มันไม่พอต้องเลี้ยงได้ด้วย สำหรับเราการท้องไม่พร้อมแถมไม่มีปัญญาจะเลี้ยง ปล่อยให้เด็กคลอดออกมาแล้วต้องมามีปมในใจ ทรมานทั้งกายใจทั้งชีวิตขนาดนี้ทำลายชีวิตกันขนาดนี้มันบาปกว่าการทำแท้งอีกนะ ในมุมมองของเราคนที่ให้ชีวิตเราจริงๆคือพ่อนะไม่ใช่แม่ ลองคิดดูว่าระหว่างพ่อทำทุกอย่างเพื่ออนาคตเพื่อชีวิตของลูก กับแม่ที่แค่คลอดแต่ทอดทิ้ง ใครกันแน่ที่ทำให้มีทุกวันนี้

ตอนนี้เรากลุ้มใจมาก ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี ควรรับมือกับแม่แบบนี้ยังไงดี เราไม่ได้มีเจตนาประจารการกระทำของแม่ รักแม่ก็รักนะแต่คือเราก็ไม่ไหวเหมือนกัน เราอึดอัดจนเก็บไปเครียดไปกดดัน เราเป็นคนแรกที่ต้องทนเจอการกระทำของแม่ น้องยังต้องเจออะไรแบบนี้ต่อจากเราอีกหรอ


***Edit แก้ไขคำผิดและการจัดวางประโยค
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่