มายาพิศวาส ตอนที่ 5

กระทู้สนทนา


ตอน 1
https://pantip.com/topic/36536928
ตอน 2
https://pantip.com/topic/36589707
ตอน 3
https://pantip.com/topic/36598370
ตอนที่ 4
https://pantip.com/topic/36606578


มายาพิศวาส


โดย ล. วิลิศมาหรา




5.

ประตูห้องนอนของเธอถูกดันเปิดออก พร้อมร่างสูงทะมัดทะแมงของสามีเดินผ่านเข้ามา ลลินีหันไปมองแวบหนึ่งก่อนเบือนหน้าหนี ซึ่งเขาก็คงจะยังทันเห็นคราบน้ำตาบนใบหน้าเธอ หางตาจึงแลเห็นเขาชะงักเท้าไปนิดหนึ่ง แล้วถึงเดินเข้ามาหยุดยืนคุยด้วยข้างเตียง

“ผม...จะออกไปส่งพี่ภาที่บ้าน”

น้ำเสียงที่บอกก็มีสะดุดอยู่นิดๆ เหมือนกัน ซึ่งคงเป็นผลมาจากมโนธรรมที่เขาน่าจะพอมีหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งพวกเขาสองคนเอาไว้ได้หรอก ไม่ว่าเธอจะร้องไห้จนน้ำตาไหลเป็นสายเลือด หรือถึงจะคุกเข่าลงขอร้องอ้อนวอนจนหมดเสียงก็ตาม

เบือนหน้ากลับมาผงกศีรษะรับรู้แล้วไม่ถามอะไรต่อทั้งนั้น มันเป็นอย่างนี้มานานตั้งแต่ปีแรกของการแต่งงาน เรื่องทุกอย่างระหว่างเธอกับเขาไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนรวมหรือเรื่องส่วนตัว ถ้าเขาอยากบอกก็จะบอกเอง แต่ถ้าเขาไม่บอกแล้วเธออยากรู้ก็ต้องหาวิธีรู้คำตอบเอาเอง จะโดยวิธีไหนก็สุดแล้วแต่สถานการณ์ แต่ไม่ใช่การขอร้องให้เขาเล่าให้ฟังเด็ดขาด เธอกับเขาต่างคนต่างอยู่มานานแล้ว รวมถึงการแยกห้องกันนอนด้วย

เมื่อเหลือบขึ้นมองปะทะสายตาเย็นชาของสามี ใจเธอก็ถอยวูบไปหาความรู้สึกที่เคยมีก่อนหน้า...ก่อนจะเกิดมีเรื่องให้ต้องหมางใจกัน แล้วต่างก็กลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้าต่อกันไปแบบนี้ ในเวลานั้นสายตาของผู้ชายคนที่เธอหวังมอบทั้งชีวิตไว้ให้คนนี้มีแต่ความห่วงหาอาทร อ่อนหวาน ละเมียดละไม นึกถึงอ้อมกอดอบอุ่น มือใหญ่แข็งแรงที่มักลูบศีรษะปลอบประโลม จำได้ดีถึงสัมผัสที่ลาดไหล่แล้วไล้ปลายนิ้วไปบนผิวแก้มเนียนของเธอพร้อมกับคำพูดให้กำลังใจสารพัด...กับคำกระซิบบอกรักนั่น

บัดนี้ความรู้สึก คำพูดและสัมผัสที่เคยได้รับจากเขาเมื่อสองปีก่อนมันหายไปไหนหมด หายไปได้อย่างไร หรือเพราะเธอไม่ดีเองจึงทำให้มันหายไป ยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มทิ้งไปเสีย ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทักถึงมัน

“ค่ะ” รับคำแสนสั้นเหมือนกับทุกครั้ง

“พี่ภาจะไปภูเก็ตมะรืนนี้ เธอขอฝากรถไว้ที่บ้านเรา แถวคอนโดของพี่เค้ามันไม่ค่อยปลอดภัย เธอคงกลัวรถหาย ผมก็เลยให้ทิ้งรถไว้ที่นี่เสียเลย แล้วผมจะขับรถไปส่งเธอที่คอนโด...”  

ผงกศีรษะรับรู้อีกครั้ง ก็ยังดีที่เขายังมีแก่ใจเข้ามาอธิบาย นึกเอาไว้แล้วว่าวันนี้ยังไงเสีย ผู้หญิงข้างนอกห้องนั่นก็คงไม่ยอมมาให้เสียเที่ยวเปล่า หล่อนต้องใช้มารยาขอให้เขาไปส่งถึงที่พักจนได้ สงสัยนิดเดียวว่าแล้วหล่อนจะไปทำงานพรุ่งนี้ยังไง แต่พวกเขาคงสุมหัวคิดกันแล้ว และคงเป็นสามีเธอนั่นแหละที่จะช่วยรับส่ง ไม่ผิดไปจากนี้แน่ คนยืนข้างเตียงเหมือนรอฟังว่าเธอจะพูดอะไร แต่เมื่อเห็นเธอเงียบก็บอกต่ออีกว่า

“ผมทำสลัดกุ้งกับสตูหมูไว้ให้ คุณทานก่อนได้เลย ไม่ต้องรอ...ผมคงกลับดึก”

กลับเช้าต่างหาก เธอคิดในใจ แต่ที่ทำก็คือรับคำสั้นๆ ตามเคย ที่จริงวันนี้เขายังอุตส่าห์ทำอาหารมื้อเย็นไว้ให้ ยังอุตส่าห์บอก ทั้งที่หลายครั้งนึกอยากจะไปไหนกับ“พี่ภา”เขาก็ไปได้เลย ไม่บอกให้รู้ด้วยซ้ำว่าไปกับหล่อนที่ไหน ไปทำไม เธอยังรอฟังด้วยว่าเขาตกลงจะไปภูเก็ตกับหล่อนด้วยไหม แต่ก็ไม่ต้องรอนานเพราะได้ยินเขาสั่งว่า

“ช่วยจัดเสื้อผ้าให้ผมสักสี่ห้าวันนะ...ผมจะไปสัมนาที่ภูเก็ต”ขนาดเตรียมใจตั้งรับไว้เต็มที่ แต่พอได้ยินเข้าจริงๆ ก็เกิดร้อนวาบไปทั้งตัว ใจเต้นถี่เร็วจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดจากขั้ว เขาจะไปกับหล่อนจริงๆ...คราวนี้ลลินีบังคับตัวเองเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป

“ทำไมคุณต้องไปด้วย”ตวัดสายตาขึ้นถามเขาเสียงขุ่น ทันทีนั้นเองน้ำตาเจ้ากรรมก็แข่งกันหลั่งไหลพรั่งพรูลงอาบใบหน้าจนต้องใช้สองมือเช็ด

“คุณร้องไห้ทำไม ผมไปประชุมสัมนา ไปทำงานตามหน้าที่” เขาย้อนถามกลับ น้ำเสียงดูหงุดหงิดขึ้นมาพร้อมสายตาตำหนิ หัวคิ้วหนาขมวดเป็นปม

“ก็คุณจะไปกับพี่ภา”

“ใช่ ไปกับพี่ภา แล้วยังไง...ไปกันเป็นหมู่คณะตั้งยี่สิบคน”

“คุณ...”

เอ่ยได้เท่านี้ก็หมดปัญญาจะโต้เถียง...แม้ข้อเท็จจริงจะรู้กันอยู่เต็มอกทั้งสองคนว่ามันคืออะไร แต่เขาก็กำลังย้ำว่าเขาต้องออกไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูเธอนั่นไง หัดรู้จักสำนึกตัวเสียบ้าง ซึ่งเมื่อเขาอ้างเอาเสียแบบนี้เธอก็หมดหนทางที่จะเหนี่ยวรั้งเขาไว้อีก...ก็คงต้องปล่อยพวกเขาไประเริงรักกันตามเคย ข่มก้อนสะอื้นลงแล้วฝืนใจบอก พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น

“งั้น...ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวลิลจะจัดกระเป๋าไว้ให้ ถามไปอย่างนั้นเอง ไม่ใช่อะไรหรอก ลิลทนได้”

ใบหน้าคมแม้ยังดูเคร่งเครียดแต่ก็คลายหัวคิ้วออก คงพอใจที่ได้ยินว่าเธอยัง“ทนได้”ก็แน่ล่ะ สำหรับคนไร้ทางไปอย่างเธอ ถึงทนไม่ได้ก็ต้องทน ซึ่งเมื่อเห็นว่าบรรลุจุดประสงค์ที่ต้องการแล้ว เพราะคนเป็นภรรยารับคำอย่างว่าง่าย เขาจึงครางอืม...ในลำคอ

“อย่าคิดมาก ผมยังเหมือนเดิมกับคุณทุกอย่าง...ถึงยังไงระหว่างเราก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”  

ย้ำมาให้คิดอีกครั้ง นี่คงต้องนับว่าเป็นความกรุณาด้วยสินะที่เขายังไม่ขอหย่า คำพูดของเขามีนัยอย่างนั้น...และเมื่อหมดธุระจะคุยกับเธอแล้วร่างสูงก็หมุนตัวเดินกลับออกจากห้องไป ซึ่งทันทีนั้นทำนบน้ำตาของคนบนเตียงก็พังทลายลง น้ำตาจึงหลั่งไหลออกมาราวเขื่อนแตก จนมองเห็นแผ่นหลังของร่างสูงๆ ที่กำลังลับหายไปจากประตูห้องนอนพร่ามัวจากม่านน้ำตาบัง เธอกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร่ำไห้ สองมือกำเข้าหากันแน่น ใจหนึ่งก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไป แต่อีกใจหนึ่งก็อดอยากรู้ไม่ได้จึงเงี่ยหูฟังว่าพวกเขาจะทำยังไงกันต่อ ซึ่งก็ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ข้างนอกห้อง เสียงนั้นน่าจะดังมาจากหน้าห้องนอนของเขาที่อยู่ตรงข้ามกันกับห้องเธอนี่เอง สักพักจึงได้ยินเสียงเขาคุยกันกับหล่อนว่าให้ช่วยหิ้วของแล้วชวนกันไปขึ้นรถจากที่ตรงนั้นเอง...คุณพระช่วย นี่เขาให้หล่อนเข้ามาลึกถึงห้องนอนตัวเองเลยอย่างนั้นหรือ

สะกดใจนิ่งฟังจนได้ยินเสียงคนทั้งสองห่างออกไปและมีเสียงปิดประตูบ้านตามมา เธอไม่ยอมออกจากห้องเพื่อเดินไปส่ง ที่จริงยังอยากวิ่งตามไปกระชากตัวผู้หญิงคนนั้นให้หันมาหา แล้วตะโกนใส่หน้าหล่อนว่าห้ามมาที่นี่อีก จะไปทำอะไรกันที่ไหนก็ไป แต่ที่ทำได้ก็เพียงหอบหายใจแรงเร็ว ร่างเกร็งแข็งจนเผลอจิกเล็บลงบนเนื้อฝ่ามือที่กำแน่นของตัวเองเท่านั้น จวบจนได้ยินเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์และเสียงรถแล่นออกจากบ้านไป

พลันก็มีเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายข้างตัวดังขึ้น ร่างเกร็งเขม็งของเธอจึงค่อยคลายตัวลง มือลากสายสะพายกระเป๋าเข้ามาใกล้ตัวแล้วควานหามือถือจนเจอ พอกดรับก็ได้ยินเสียงที่ทำให้ใจซึ่งปวดร้าวเคร่งเครียดทุเลาลง

“แกเป็นไงมั่ง นังลิล”เสียงกานดาถามราวรู้ว่าขณะนี้เธอกำลังเสียใจและเจ็บปวดอยู่

“ดา แกอยู่ที่ไหน” ยังไม่ตอบแต่ย้อนถามกลับ พลางปล่อยเสียงสะอื้นไห้ดังไปตามสาย

“ทะเลาะกันกับผัวอีกแล้วสิ ฉันก็อยู่ที่ห้องนี่แหละ” เพื่อนเธอตอบและเดาอาการของเธอจากเสียงตอบโต้ในโทรศัพท์ ซึ่งก็ยังเดาไม่ถูกนัก เพราะที่จริงเธอไม่มีปัญญาจะไปทะเลาะอะไรกับเขา เพียงแค่ถูกเขาทำร้ายจิตใจเอาอย่างแสนสาหัสเท่านั้นเอง

“คืนนี้เขาจะไปค้างกับผู้หญิงคนนั้น...”ตั้งต้นเล่าเหตุการณ์ให้กานดาฟังด้วยประโยคที่ทิ่มแทงใจตัวเอง แล้วจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆ ให้เพื่อนรักฟังทั้งน้ำตา

“เฮ้อ มันก็พูดยาก เขาสองคนคงมีอะไรกันไปแล้วล่ะถึงไปค้างอ้างแรมด้วยกันแบบนั้น แต่จะว่าผัวแกไม่รักแกก็ไม่ใช่นะ เห็นแกเล่าว่าเขาก็ไม่เคยถามหย่าไม่ใช่เหรอ”

“คงอีกไม่นานหรอก ถ้าลองแม่นั่นมาหาถึงห้องนอนแบบนี้ อีกหน่อยเขาก็คงขอเลิกกับฉันแน่ๆ ดา แกว่าฉันควรจะทำยังไงดี”บอกเพื่อนแล้วหารืออย่างท้อแท้

“แล้ววันนี้แกไปหาหมอสันติมาหรือยัง”

“ไปมาแล้ว”เธอตอบเสียงเครือ

“ดีมาก”กานดาชมเพื่อนมาตามสาย น้ำเสียงดูโล่งใจที่เธอยอมไปพบจิตแพทย์เสียที กานดาบอกหลายครั้งแล้วว่าควรเริ่มต้นแก้ไขจากจุดนี้ สาวทอมอย่างเพื่อนเธอกลับเข้าใจถึงชีวิตคู่ของสามีภรรยาดี หล่อนบอกว่าเรื่องบนเตียงสำคัญไม่แพ้เรื่องเงินๆ ทองๆ เลยทีเดียว

“แล้วหมอบอกว่าไง”

“ก็ให้ยานอนหลับกับยาต้านโรคซึมเศร้ามากิน แล้วก็นัดคุย”

“ฉันหมายถึงเรื่องนั้น”ลลินีเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฉับพลันน้ำตาที่เริ่มจะแห้งก็ไหลพรากลงมาอีก

“แกต้องกล้านะเพื่อน เพราะเรื่องนี้เรื่องเดียวนี่แหละที่ทำให้แกกับผัวเป็นแบบนี้ แล้วแม่ภาอะไรนั่นถึงเข้ามาแทรกกลางได้ คุณภพเขายังรักแกอยู่ ไม่งั้นคงขอเลิกไปนานแล้ว ซึ่งเหตุผลที่ขอเลิกก็มีน้ำหนักทางกฎหมายที่บอกว่า หากผัวหรือเมียมีสภาพร่างกายบกพร่องจนทำให้ไม่อาจร่วมเพศกันได้ อีกฝ่ายหนึ่งสามารถฟ้องหย่าได้เสียด้วยนะเว้ย”

คำพูดของกานดาราวกับสุมไฟเข้าไปในหัวอกของคนฟังก็ไม่ปาน เธอนึกร้อนใจกลัวเลิศภพจะขอหย่าด้วย เพราะนั่นจะทำให้ทั้งแม่และเธอลำบาก นอกเหนือจากความเจ็บช้ำน้ำใจที่ถูกผู้หญิงอื่นแย่งสามี

ไม่ใช่ไม่รู้ เธอรู้ดีว่าทำไมเลิศภพถึงหันไปใกล้ชิดกับวัลภาอีก ทั้งที่ก่อนหน้าจะแต่งงากับเธอเขาพยายามทำตัวห่างๆ หล่อนมาตลอด เหตุเพราะกลัววัลภาจะทึกทักเอาว่าเป็นแฟนกันนั่นเอง และเมื่อเขามาคบหากันกับเธอ ผู้หญิงคนนี้ก็ยังคอยตามติดเขาไม่เลิก มักแสดงตัวว่าสนิมสนมเป็นคนพิเศษของอาจารย์เลิศภพมาโดยตลอด จนเขากับเธอเคยมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะหล่อนตั้งหลายครั้ง ซึ่งในที่สุดก็ยังสามารถปรับความเข้าใจกันได้ทุกครั้ง...แต่นั่นมันเป็นเมื่อก่อน ตอนที่ยังเป็นแค่แฟนกัน

ต่อเมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นกับเธอครั้งนั้น แม้เลิศภพเองยังคลางแคลงใจว่าเธอถูกข่มขืนหรือไม่ แต่ในเมื่อเธอยืนยันว่าเจ้าปีศาจร้ายตนนั้นไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าจับต้องของสงวนภายนอก กระทั่งแม่มาช่วยเอาไว้ได้ทัน ซึ่งเขาก็ยอมเชื่อคำพูดของเธอแต่โดยดี แต่นั่นก็ได้ทำให้วัลภาเห็นช่องทาง หล่อนพยายามโจมตีเธอด้วยเรื่องนี้เรื่อยมา ซึ่งก็ไม่เป็นผล เพราะในที่สุดเลิศภพยังตกลงใจแต่งงานกับลลินีอยู่ดี แถมยังแต่งเร็วขึ้นอีกด้วย หลังจากที่เธอเกิดอาการเครียดจัดจนตัดสินใจกินยาตาย ทว่าเขาเข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน

แต่แล้วเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตคู่ต้องล่มลงอย่างไม่เป็นท่าเสียตั้งแต่คืนแรกของการแต่งงานก็เกิดขึ้น เมื่อกลางดึกของคืนนั้นเองที่เธอเอาแต่ตัวสั่นเทาขณะสามีเกิดอารมณ์ปรารถนาจะทำอะไรกับคนเป็นภรรยา ตอนแรกเลิศภพคงนึกว่าเธอกลัวตามประสาสาวบริสุทธิ์ที่ยังไม่เดียงสาต่อเรื่องแบบนี้ เขาจึงสัมผัสละมุนละม่อมอ่อนโยน ชวนให้เคลิบเคลิ้ม แต่พอถูกเขาล่วงล้ำเข้าไปจริงๆ ลลินีก็กรีดเสียงหวีดร้องออกมาจนสุดเสียง ไม่ใช่จากความกระสันรัญจวน หากแต่เป็นเสียงหวีดร้องของความเจ็บปวดและตระหนกตกใจ กระถดถอยหนีและปฏิเสธอย่างหวาดกลัว ซึ่งมันคงทำให้เขาหมดอารมณ์ คู่บ่าวสาวต้องแยกห้องกันนอนเสียตั้งแต่ในคืนแรกของการแต่งงานนั่นเลยทีเดียว

และแม้ในครั้งต่อๆ มาเลิศภพจะพยายามอีก แรกที่ถูกเขาเล้าโลมกอดจูบก็ยังรู้สึกดีๆ อยู่ ครั้นพอถึงขั้นลึกล้ำทีไรเธอก็เป็นเสียอย่างนี้ทุกครั้งไป ถึงแม้บางครั้งจะพยายามกล้ำกลืนข่มเก็บความกลัวลงได้ แต่อาการตัวเกร็งแข็งทื่อก็ทำให้เลิศภพหยุดเสียกลางคันทุกที สังเกตเห็นว่าเขาหงุดหงิดงุ่นง่านมากมาย แต่เธอเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาถึงกับเคยเอ่ยปากอยากพาเธอไปพบจิตแพทย์ แต่เพราะความอายเธอจึงบ่ายเบี่ยงมาตลอดปีแรกของการแต่งงาน ซึ่งไม่รู้ตัวเลยว่ามันจะเป็นหนทางไปสู่หายนะของชีวิตคู่ เมื่อวัลภาถือโอกาสนั้นเข้ามาสนิทสนมกับเลิศภพอีกครั้งหนึ่ง กระทั่งจนถึงทุกวันนี้


(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่