มายาพิศวาส ตอน 1

กระทู้สนทนา


นิยายสั้นพัฒนาจากเรื่องสั้นของตัวเอง


มายาพิศวาส


โดย ล. วิลิศมาหรา


"จะตีหนึ่งอยู่แล้ว ใจคอจะทนนั่งหลังแข็งรอผัวอยู่ตรงนี้จริงๆ เหรอลิล แกพึ่งหายป่วยนะ"

หญิงสาวร่างบอบบางบนเก้าอี้นวมในห้องรับแขกเงยหน้าขึ้นมองคนทักที่ขึ้นเสียงสูงถามเธอแวบหนึ่ง ก่อนเลื่อนสายตากลับไปจ้องหน้าจอโทรศัพท์อย่างเก่า ทำท่าไม่สนใจเสียงทักแหลมปรี๊ดนั้นซึ่งที่จริงแล้วมันเข้าไปบาดทั้งหูบาดทั้งใจ แม้ว่าจะเป็นคำถามแฝงความห่วงใยจากกานดาเพื่อนสาวคนสนิทที่เธอรู้ว่ารักและหวังดีกับเธอเสมอก็ตาม

"ก็รอเหมือนทุกคืนนั่นล่ะ เขาจะกลับบ้านประมาณตีหนึ่ง...แล้วป่านนี้ทำไมยังไม่นอน แกลุกมาอีกทำไมล่ะดา"

ตอบคนทักทั้งสายตาหม่นหมองยังจ้องติดอยู่กับรูปภาพพร้อมข้อความในสื่อออนไลน์ที่ถืออยู่ เลยเที่ยงคืนมานานแต่ป่านนี้เลิศภพก็ยังไม่กลับเข้าบ้าน หน้าไลน์ถึงเธอนิ่งสนิท ทว่าในเฟสของเขากลับโพสต์ว่าเขากำลังสนุกสุดเหวี่ยงกับบรรดาเพื่อนฝูงและผู้หญิงคนนั้น...เพื่อนร่วมงานแสนสวยที่ชื่อวัลภาหรือที่เขามักเรียกอย่างสนิทสนมว่าพี่ภา ในเวลาที่อยากจะเล่าเรื่องความเก่งกล้าและฉลาดรอบรู้ของเจ้าหล่อนให้คนเป็นภรรยาฟัง

ชายผู้เป็นสามีของเธอกำลังชูแก้วไวน์ในมือให้กล้อง โดยมีใบหน้าของวัลภาแนบติดชิดใกล้ ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในชุดวาบหวิว โชว์เนื้อตัวอวดส่วนเว้าส่วนโค้ง อย่าว่าแต่ผู้ชายจะชอบมองเลย รูปร่างเซ็กซี่ของหล่อนแม้แต่ผู้หญิงด้วยกันก็ยังต้องมอง จึงไม่สงสัยเลยที่สามีของเธอก็ไม่อยู่ในข้อยกเว้น
เมื่อวานซืนเธอเกิดวูบจากสาเหตุเดิมๆ คือเลือดจางจนร่างกายอ่อนแอ ก็มีแต่แม่เพื่อนสาวแสนดีที่กำลังทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างคนนี้ที่ช่วยเป็นธุระพาเธอไปส่งโรงพยาบาล ทั้งยังจัดการเรื่องนอนพักรักษาตัวและอยู่เฝ้าไข้ ก่อนแจ้งให้เลิศภพรู้

ในขณะที่คนเป็นสามีตามมาดูอาการตอนเช้าวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตอนบ่ายเขาไม่ว่างต้องไปงานเลี้ยงของวัลภาที่ถอยรถเก๋งป้ายแดงออกมาขับ เขาบอกอย่างภูมิอกภูมิใจราวกับมีส่วนร่วมในรถคันนั้นด้วย คำพูดของเขาชวนให้ระแวงอีกตามเคย ซึ่งมันมากมายหลายครั้งเสียจนเธอเลิกระแวง เธอคิดว่าสิ่งที่ตนเองเฝ้าระแวงมาทั้งหมดนั้นมันได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ นั่นแหละ และที่พอทำได้ก็เพียงนั่งนึกครุ่นคิดน้อยใจ ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านี้

สถานะภรรยาของอาจารย์เลิศภพผู้มากความสามารถที่มีแต่คนนิยมนับถือ เธอได้มาเพราะเขาจำต้องแต่งงานด้วยเพื่อช่วยเหลือหญิงสาวโชคร้ายอย่างเธอเท่านั้นเองหรอก ซึ่งต้องนับว่าเป็นความเสียสละอันใหญ่หลวงของเขา มันเป็นความกรุณามากจนเกินพอ เกินกว่าจะเรียกร้องเอาอะไรจากเขาอีก นี่ยังไม่นับที่เขาให้อยู่อย่างสบายไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน มีเงินทองใช้จ่ายตามสมควร อยากได้อะไรก็หามาให้ สิ่งเหล่านี้เธอน่าจะพอใจ ลลินีพยายามเตือนตัวเองแบบนี้มาตลอด

แต่ก็นั่นแหละ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาทุกคนจะทนเห็นสามีสนิทกันกับผู้หญิงคนอื่นในลักษณะที่มากจนเกินพอดี ถึงกับเข้านอกออกในบ้านของตัวเองได้สบายราวเป็นเจ้าของบ้านอีกคนได้ยังไง มิหนำซ้ำยังควงคู่กันออกงานทุกงานอย่างหน้าชื่นตาบาน สามีเธอกับผู้ร่วมงานหญิงแสดงตัวเหมือนเป็นคู่สามีภรรยากันก็ไม่ปาน

และพอเธอท้วงว่าต้องออกจากโรงพยาบาลบ่ายนี้ เขาก็อ้างว่างานยุ่ง แล้ววานให้เพื่อนในที่ทำงานมาช่วยเป็นธุระจัดการให้ ซึ่งเธอก็ได้บอกปัดคนๆ นั้นไปอย่างสุภาพ คิดว่าพอช่วยเหลือตัวเองไหวเพราะอาการเจ็บป่วยไม่ได้รุนแรงอะไร แต่เธอก็ได้แม่เพื่อนรักมาอาสาทำให้ทุกอย่างเสียเอง ทั้งเรื่องค่ารักษาพยาบาลกับช่วยพามาส่งบ้านเสร็จสรรพ

เธอแอบเกรงใจอยากปฏิเสธ แต่พอเห็นประกายยินดีในดวงตาเพื่อนก็ต้องลอบถอนใจ โธ่เอ๋ย...ทำไมฟ้าดินชอบเล่นตลกกับตัวเองแบบนี้ นี่ถ้าหากกานดาไม่ใช่ผู้หญิง...ส่ายศีรษะไล่ความคิดแบบนั้นออกไป เธอไม่ควรคิดอะไรแบบนี้

หลายครั้งที่ลลินีพยายามเข้าใจในตัวกานดา แม่เพื่อนแสนห้าวผู้มีลักษณะนิสัยคล้ายผู้ชาย กานดาปฏิบัติกับเธอมากกว่าความเป็นเพื่อน เธอเองก็อยากตอบแทนในความใจดีของเพื่อนสาว แต่สิ่งที่กานดาเคยสารภาพก็ทำให้เธอต้องลำบากใจ

เหมือนที่เธอพยายามเข้าใจสามีตัวเอง ผู้ชายรูปหล่อปากหวานอย่างเขาดูไปก็เหมาะกับผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่งแบบเพื่อนร่วมงานของเขาคนนั้นมากกว่าผู้หญิงจืดชืดและขี้โรค เขาไม่น่ามาแต่งงานกับผู้หญิงน่าเบื่อแบบเธอเลย ซึ่งในตอนนั้นตัวเองไม่ได้คิดไปถึงเรื่องนี้ ก็ในเมื่อมีผู้ชายรูปหล่อและรวยมากอย่างเขาอุตส่าห์มาสนใจ บุญแค่ไหนแล้วที่เขายอมแต่งด้วย พฤติกรรมบางอย่างของสามีเธอจึงต้องอดทน

ภาพชายหญิงที่แสดงความใกล้ชิดแบบถึงเนื้อถึงตัวกันเหมือนเป็นคู่รักในหน้าจอโทรศัพท์ ถึงพยายามจะไม่สนใจแต่ก็อดมองดูไม่ได้ ดูแล้วต้องกัดริมฝีปากล่าง ข่มกลั้นก้อนสะอื้นที่กำลังเอ่อล้นหัวอกออกมา ผัวใคร ๆ ก็หวง อยากเอะอะโวยวายเขาดูสักครั้งก็ไม่กล้า ตลอดชีวิตการครองเรือนเธอมีแต่ยอมเขาเรื่อยมา ยอมทุกอย่างชนิดที่ไม่เคยโต้เถียงเขาเลยสักครั้ง
ถอนใจยาว เก็บมือถือให้พ้นสายตาคนที่ถือวิสาสะชะโงกหน้ามาดู แต่ไม่ทัน

"ดึกดื่นแล้วยังไม่ยอมกลับบ้าน แถมโพสต์โชว์ในเฟสบุคหรา จะเกรงใจเมียสักนิดก็ไม่มี เมียนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลไม่เคยมาดูดำดูดี นั่น...นังภากิ๊กเค้านี่ ใช่ไหม ดูดู๊ เห็นตำหูตำตาแบบนี้ทุกวัน ฉันไม่เข้าใจแกเลยจริง ๆ ว่าแกทนอยู่กับผัวคนนี้ได้ยังไง"

เพราะแม่เพื่อนจอมจุ้นเห็นเข้าเสียก่อน หล่อนจึงตอกย้ำด้วยเสียงแหลมๆ ให้เจ็บปวดใจมากขึ้นไปอีก  ชำเลืองมองร่างในชุดเสื้อนอนตัวยาวแค่ครึ่งน่องสีชมพูซึ่งเป็นของเธอที่ให้เพื่อนยืมใส่อย่างไม่พอใจก่อนปิดโทรศัพท์ลง ถึงจะห่วงแต่ไม่มีเสียละที่กานดาจะพูดจาปลอบโยนแสดงความเห็นใจในเรื่องนี้ มีแต่ซ้ำเติมและยุให้เธอเลิกกับสามีเจ้าชู้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

"หลงอะไรกับคุณภพนักหนา หน้าตาดีอยู่หรอกแต่ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาไม่แคร์คนเป็นเมีย ทำร้ายจิตใจกันทุกวันแบบนี้แกทนได้ยังไง ทีแรกฉันนึกว่าแกจะลงเอยกับอีตาพระเอกเกาหลีคนนั้น เสียอีก น่าสงสาร ฉันเห็นเขาตามแกต้อย ๆ"

นอกจากยุให้เลิกกับเลิศภพ บางทีแม่เพื่อนสาวก็ยังยุให้มองคนอื่นอีกด้วย กานดาบอกว่าน่าจะเกลือจิ้มเกลือ หล่อนยุให้ลลินีลองเปิดใจคบหากับชาญวิทย์อดีตรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่เคยตามจีบก่อนหน้าที่เธอจะตกลงปลงใจกับเลิศภพดู  บอกว่าเผื่อเข้าท่าจะได้ขอเลิกกับเลิศภพเสียเลย ลลินีได้แต่ส่ายหน้า เรื่องบางเรื่องของตัวเองก็ไม่อาจเล่าให้ใครฟังได้

"ฮื้อ อย่าบ่นนักเลยน่า แล้วพูดอะไรออกมาแบบนั้นฉันแต่งงานแล้วนะ...นี่นังดา ฉันขอให้แกมาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ได้ให้มาบ่น คุณภพเค้าไปฉลองกับเพื่อนเขาหรอก เห็นว่าถอยรถใหม่เลยพากันไปเลี้ยงเหล้า"

"จ้า...แม่นางเอกหนังไทย แม่คนใจบุญ เที่ยวบริจาคสามีให้ชาวบ้านแล้วก็มานั่งตากยุงรอผัวทุกคืน เมื่อวานฉลองวันเกิด วันนี้ฉลองรถใหม่ พรุ่งนี้คงฉลองเมียใหม่เสียล่ะมั้ง"

"ไปนอนเหอะดา ขอฉันอยู่คนเดียวเงียบๆ ได้ไหม"

เจ็บปวดกับคำพูดเพื่อนสาวเสียจนน้ำตาคลอเลยออกปากบอกแล้วขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งอย่างลืมเกรงใจ ไม่บ่อยครั้งที่ตัวเองจะพูดตัดบทหล่อน เพราะรู้ดีว่าที่หล่อนพูดแบบนี้ก็เพราะเป็นเดือดเป็นแค้นแทน

"ที่งี้ล่ะไล่ แกเป็นคนชวนฉันให้มาอยู่เป็นเพื่อนนะเว้ย ฉันไม่ได้มาเอง ผัวประเภทไหนกันทิ้งเมียให้เฝ้าบ้านอยู่คนเดียวทุกคืนในบ้านกลางซอยเปลี่ยว ไม่ห่วงเมียสักนิด ฉันไม่อยากมานักหรอกขวางหูขวางตาไอ้ผัวเฮงซวย แต่อดห่วงแกไม่ได้นั่นแหละพึ่งหายป่วย แล้วนี่ไง...เหมือนทำคุณบูชาโทษ วันหลังแกอยู่คนเดียวเลยนะ ฉันไม่มาแล้ว"

ต้องถอนใจยาวให้กับความเจ้าอารมณ์ของเพื่อนสาว บทจะงอนขึ้นมากานดาก็เอาเรื่อง วีนเหวี่ยงคนเป็นที่หนึ่ง เพราะอย่างนี้ถึงต้องครองตัวเป็นโสดมาตลอด ไม่มีแฟนกับใครเขาสักคน ไม่ว่าจะเป็นแฟนผู้ชายหรือผู้หญิงด้วยกันเหมือนอย่างที่กำลังนิยมกันอยู่สมัยนี้

แอบค่อนหล่อนในใจแต่ก็ไม่เคยพูดออกมาตรงๆ เธอยอมเพื่อนสาวเหมือนยอมสามีมาแต่ไหนแต่ไร และนี่กานดาคงโกรธจัดถึงกับบอกว่าจะทิ้งเธอ ซึ่งต่อให้โกรธขนาดไหนก็ไม่เคยออกปากว่าจะทิ้งกันมาก่อน

อันที่จริงเรื่องมันก็น่าโมโห กานดาไม่ได้พูดอะไรผิดสักคำมันเป็นความจริงทุกอย่าง เพียงแต่เจ้าความจริงนั้นมันทำร้ายจิตใจเพื่อนรักโดยที่คนพูดไม่รู้ตัว

"อย่าโกรธฉันเลย ขอโทษนะ แกไม่รักฉันแล้วหรือไงถึงพูดแบบนี้ ไม่มีแกเสียคนฉันก็ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาขอความช่วยเหลือจากใคร"เอ่ยขอโทษออกมาอย่างยอมจำนน ซึ่งพอเจอลูกอ้อนของเพื่อนรัก กานดาก็คลายสีหน้าลงแต่ยังไม่วายมองค้อน

"เอาล่ะๆ เชิญแกนั่งรอผัวตัวดีของแกต่อไปเถอะ พอป่วยก็ฉันอีกแหละหอบหิ้วไปโรงพยาบาล ผัวแกตาซ้ายเขาก็ไม่แล"และแม้เสียงอ่อนลงแต่ยังไม่วายทิ้งท้ายให้เจ็บใจอยู่อีก

"นั่น...คงกลับมาแล้ว ฉันไปนอนล่ะนะไม่อยากเห็นหน้าคน...แกไปเปิดประตูรับผัวแกเถอะ"

เสียงรถคุ้นหูแล่นเข้ามาจอดในโรงรถข้างตัวบ้าน ลลินีชะเง้อมองส่วนกานดาลุกขึ้นยืนทันที เธอพยักหน้าให้เพื่อนแล้วผละจากไป ลลินีมองตามหลังหญิงสาวที่เดินหายเข้าห้องนอนรับรองแขก ก่อนลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูรับสามี

เมื่อเปิดประตูให้ก็เห็นเลิศภพยืนโงนเงนอยู่ข้างรถเก๋งของเขา นัยน์ตาหรี่ปรือมองมาทางเธอที่ออกมายืนรอแล้วสาวเท้าโซเซมาหา  พอก้าวถึงตัวมือใหญ่ก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขน เขาจ้องหน้าทำตาวาว กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้ง

"รอผมอยู่เหรอ...ที่รัก" นึกแปลกใจที่คืนนี้สามีทำตัวประหลาด เขาเรียกเธอว่าที่รักเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่ฟังแล้วมันทะแมงชอบกล  เพราะกว่าสองปีที่แต่งงานกันเลิศภพไม่เคยเรียกเธอแบบนี้มาก่อน ไม่นับความสัมพันธ์บนเตียงแบบผัวเมียที่แทบจะนับครั้งได้

"ไปงานเลี้ยงมาสนุกไหมคะ" กลั้นใจถามเรียบๆ

"สนุก...แต่คิดถึงเมียคนดี...เมียผมคนนี้ช่างใสซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสา"

ถึงสะดุ้งกับคำพูดคล้ายประชดของเขา ความเมาหรือเปล่าที่พลั้งปากออกมา ก็เขาเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะไม่ขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก

"เมามากสิเนี่ย เข้าบ้านอาบน้ำแล้วเข้านอนกันเถอะ ดึกแล้วค่ะ พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีกนะคะ ไม่ใช่วันหยุด"

"แน่น๊อน...." เขาตอบเสียงดัง คว้าเอวเธอดึงเข้ามากอด อ้อมกอดที่รัดอยู่แน่นเสียจนรู้สึกเจ็บ

"อย่าน่า ตรงนี้ประเจิดประเจ้อ รีบเข้าบ้านนะคะคุณเมามากจริงๆ"

แม้นึกน้อยใจที่เขาไม่ถามถึงอาการเจ็บป่วยของเธอสักคำ ไม่คำนึงว่าเธอพึ่งออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อไหร่ มาถึงบ้านได้อย่างไร แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ประคองพาเขาเข้าในบ้าน

เขามีท่าทางผิดปกติ นอกจากคำพูดเหมือนหาเรื่องแล้ว มือใหญ่ข้างหนึ่งโอบเอวเธอไว้ อีกข้างเริ่มลูบไล้ไปตามแก้มคาง ระเรื่อยมาถึงหน้าอก ก่อนหยุดอยู่ที่นั่นแล้วออกแรงบีบเคล้นหนักมือ

"อย่าค่ะ..."

ชักตกใจที่เขาทำรุ่มร่ามข้างนอกห้องนอน มันผิดปกติมากด้วยที่มาทำท่าอยากพิศวาสเธอในคืนนี้  เพราะก่อนหน้าก็เห็นทอดทิ้งกันเป็นเดือนๆ หันไปหลงใหลกับบทรักของสาวอื่น น้ำพริกถ้วยเก่าจึงถูกปล่อยทิ้งคาถ้วยไม่เหลียวแลมากินเหมือนเก่านานแล้ว

"อายอะไร อยู่กันสองคนในบ้านใครจะมาเห็น อย่าทำเล่นตัวหน่อยเลยน่าเดี๋ยวได้หมดอารมณ์ อดกันพอดี ผมจะรักกับเมียมันตรงนี้แหละใครจะมาสอดรู้สอดเห็นก็ช่างหัวมัน..."

ตกใจหนักยิ่งขึ้นกับคำพูดในทางหยาบโลน ต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นข้างนอกบ้านในคืนนี้ อะไรที่ทำให้เขามีคำพูดคำจาทั้งกิริยาท่าทางล้วนเชือดเฉือนประชดประชันเอากับเธออย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

และพอพากันเดินมาถึงเก้าอี้นวมตัวยาวในห้องรับแขกเขาก็หยุดพร้อมกดตัวเธอให้นอนลง ลลินีตกใจขืนตัวเองเอาไว้ นี่คงเพราะไม่รู้ว่าเธอมีกานดามาอยู่เป็นเพื่อน เขาถึงได้รุ่มร่ามเอาแบบนี้

"เดี๋ยว...ดื่มน้ำส้มคั้นเย็นๆ ให้หายเมาก่อนดีไหมคะจะได้สดชื่นขึ้น ลิลจะไปเอามาให้"

พยายามหน่วงเหนี่ยวเวลาเพื่อหาทางชวนเขาให้เข้าห้องนอน แม้คืนนี้คิดว่าจะยอมตามใจแต่ต้องไม่ใช่ตรงนี้...บนเก้าอี้นวมในห้องรับแขกนี่...

ตาเข้มคมคายที่เธอเคยหลงใหลตอนนี้ส่อแววกระด้าง กลิ่นเหล้าคละคลุ้งเสียจนเวียนหัว รอยยิ้มแสยะติดตรงมุมปากพาให้ใจแป้ว นี่เขาต้องการเธอเพราะรักหรือเพราะอะไรกันแน่ เขาส่งเสียง หึ ในลำคอ ทรุดลงนั่งเคียง

"ไปเอามาสิ แล้วจะได้ถึงเวลาสนุกกันเสียที...."

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่