ผ่านมาเมื่อเย็นนี้เองครับ (ตอนผมเขียนนี่ ตี 1..07 นาที นะครับ เหตุเกิดประมาณ 6โมงเย็นถึง1ทุ่มกว่าๆครับ)
เรื่องเป็นอย่างงี้ครับ ผมขี่รถออกบ้านไปประมาณ 4โมงเย็นครับ ผมไปเอานาฬิกาที่เอาไปซ่อมไว้ ไปถึงร้านประมาณ 4.30โมง ครับ พอได้นาฬิกามาปุ๊บ
ผมก็โทรถามแม่ว่า แม่มีธุระอะไรที่บ้านให้ทำไหม ถ้าไม่มีผมอยากจะแวะไปตัดผม เพราะผมเริ่มยาวแล้ว แม่ผมก็บอกว่า ไม่ได้ๆ กลับมาที่บ้านมาช่วยทำงานบ้านหน่อย
ทีนี้ผมก็บอกรับทราบครับแล้วก็วางสายไป พอกำลังจะกลับมีเพื่อนคนนึงโทรมาบอกว่า แวะมาหาที่นี่หน่อยมาเอาตังไปฝากให้เพื่อนพระหน่อย ห่างจากที่ผมไปเอานาฬิกาประมาณ 1-2โลเองครับครับ ผมเห็นว่าใกล้ๆเลยอาสาไปเอาตังค์ให้ (เพื่อนพระหมายถึง เพื่อนผมบวชอยู่นะครับ)
ทีนี้ผมก็ขี่รถไป แต่ผมเป็นคนขี่รถช้าครับไม่ชอบขับไว เลยใช้เวลานิดหน่อยเพราะตอนนั้นช่วงเย็นเด็กกำลังเลิกเรียนที่ๆจะไปเอาตังก็ต้องขี่ผ่านจุดโรงเรียนด้วยเลยรถติด
พอถึงที่ปั๊บ (เวลา ประมาณ 5โมงเย็นครับ) ผมก็ขึ้นไปรอเค้าเอาตังมาให้ครับทีนี้โทรไปดันไม่รับสายซะงั้น 2-3 สายก็แล้ว ผมก็รอซักพักนึงครับแล้วทีนี้เค้าก็เดินมาหา เค้าบอกว่าไปกดตังค์ให้หน่อยชั้นร่าง (ทีนี่มีตู้กดตังค์ครับผมอยู่ชั้น5แต่ต้องลงไปกดตังที่ชั้น1) แต่ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ เพราะเพื่อนผมเค้าแต่งตัวโชว์อยู่มันไม่เหมาะจะเดินไปกดตังค์
ทีนี้ผมก็อาสาไปให้ก็ลงไปตามระเบียบครับใช้เวลาประมาณซัก10นาทีได้ พอกดตังค์เสร็จก็ขึ้นมาครับ พอโทรหาเค้าอีกครั้งเอ๊าาา!! ดันไม่รับสายซะงั้นทีนี้ผมก็เดินวนเวียนอีกประมาณ10นาทีได้ครับจนถามคนแถวนั้นจนรู้ว่าอยู่ตรงไหนเลยเอา บัตรATM ไปคืนเค้า ทีนี้ผมก็รีบกลับครับเพราะจะได้ไปช่วยงานที่บ้าน
แต่ทีนี้ผมตั้งใจว่าจะแวะซื้อเคสโทรศัพท์อยู่แล้วครับเพราะมันทางผ่านทางกลับบ้านพอดี ทีนี้ก็แวะร้านครับซื้อเคสโทรศัพท์ ใช้เวลาอีกเกือบ10นาทีครับ ทีนี้แม่ผมโทรมาครับ ผมก็รับสาย ทีนี้แม่ว่าผมครับว่าไป ถเลถไล ที่ไหนนักหนา เมื่อไหร่จะกลับ แนวแบบอารมณ์น้ำเสียงโมโหมากๆครับ ทีนี้ผมได้ยินผมก็ไม่ได้โมโหอะไรนะครับผมเข้าใจว่าเค้าต้องโกรธเราแน่ๆก็ไปซะนานขนาดนั้น ผมก็บอกแกไปครับว่าไปงี้ๆๆๆมานะ ฟังไม่ทันจบแม่กดตัดสายไปครับ
ผมเลยเริ่มโมโหแม่และว่าทำไมไม่ฟังให้หมดก่อนจะรีบตัดสายทำไม ผมไม่ค่อยชอบเวลาเราคุยกับใครแล้วอธิบายอยู่แล้วโดนตัดสายครับเพราะมันคุยไม่รู้เรื่องแทนที่จะได้คุยกันดันเงียบใส่กันอีก เรื่องที่เราทำมันผิดก็จริงแต่ก็ไม่น่าจะโมโหอะไรขนาดนั้น ณ ตอนนั้นคิดแบบนั้นครับเพราะกำลังโมโหแล้ว ผมก็เลยรีบขี่รถกลับบ้านด้วยความไวสูงเลยครับ เพราะจะรีบกลับไปคุยกับแม่ แป๊ปเดียวครับถึง ระยะทางจากร้านที่ซื้อเคสโทรศัพท์ไปจนถึงบ้านผมประมาณ10กิโลได้ครับ แต่ผมขี่แค่ 5นาทีกว่าๆ แบบรถติดด้วย (อย่าง

มมินิคเลยครับ 555)
พอผมถึงบ้านครับผมก็เดินเข้าไปหาแม่เลย กำกุญแจรถยนต์ไปคืนเค้าแล้วก็บอกกับเค้าว่า ขายๆไปเหอะ พอซื้อรถยนต์มาจะไปไหนมาไหนโดนว่าตลอด
(แม่ผมเค้าพึ่งออกรถให้ครับได้ประมาณเดือนนึงและ) ทีนี้แม่ผมก็พูดกลับมาว่า กูไม่ขาย นั่นมันรถกูถ้าจะไม่ขี่ก็จอดไว้เฉยๆ จะขายไม่ขายนั่นมันเรื่องของกู (เวลาแม่ผมโมโหทีไรอารมณ์จากนางฟ้าตัวน้อยๆจะกลายเป็นอารมณ์ของซาตานโดยแท้จริงครับซึ่งเวลาแกโมโหแกจะเสียงดังและดุมากๆ)
ทีนี้ผมก็ไม่พอใจครับผมไม่ได้โมโหเรื่องที่จะขายหรือไม่ขายครับแต่ผมโมโหที่ว่า ผมมันทำผิดร้ายแรงอะไรขนาดนั้นเลยหรอ ถึงต้องว่าผมอารมณ์น้ำเสียงรุนแรงขนาดนี้ ผมเลยเสียงดังใส่แม่ไปว่า ผมผิดอะไรนักหนาวะ ประมาณนี้ครับ ทีนี้ผมกับผมก็ทะเราะตะโกนกันไปได้ซักพักครับ ทีนี้แม่เกิ่นขึ้นมาคำว่า
อะมันรักเพื่อนมากกว่าแม่
พอผมได้ยินคำนี้จากปากแม่เท่านั้นแหละครับ อารมณ์ระเบิดออกมาแบบสุดขีดเลยครับ (แน่นอนครับเป็นแม่ลูกกันหน้าตาอารมณ์นิสัยใจดีก็จะคล้ายๆกัน แต่ผมกับแม่จะต่างกันอย่างนึงตรงที่ แม่ผมจะเป็นคนอารมณ์ร้อนไม่พอใจด่าเลย แต่ผมจะเป็นคนอารมณ์เย็นแบบเย็นมาก แต่ถ้าระเบิดขึ้นมาทีก็ตัวใครตัวมัน) ประมาณนี้ครับ ผมเลยตะโกนด่าแม่ไปว่า เห้ย ที่ทำมาทั้งหมดอะแม่ไม่คิดว่าผมรักแม่มั่งเลยหรอ มันเริ่มเปลี่ยนประเด็นไปเรื่อยๆครับเพราะอารมณ์ตอนนี้ไม่ค่อยคุยด้วยเหตุผลและ เป็นแนวอยากด่ากันเรื่องที่เก็บอัดอั้นกันมามากกว่า
อธิบายนอกเรื่องซะหน่อยนะครับว่าทำไมผมถึงโมโหกับคำพูดแม่มากๆใครไม่อยากรู้อยากรู้เรื่องต่อกดข้ามใด้นะครับผม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่ผมน้อยใจคำพูดของแม่คำนี้ก็คือ ผมเนี่ยเชื่อมันในใจตัวเอง 100% ครับ ว่ารักแม่มากๆถึงมากที่สุด บ้านผมเนี่ยทำธุรกิจครับ ไอ่ผมเนี่ยตอนวัยรุ่นดันติดเกมส์เกเรบ้างเป็นครั้งคราวแล้วไม่อยากเรียนหนังสือ อยากจะทำงาน เพราะที่บ้านทำธุรกิจอยู่แล้ว ผมเลยกลับบ้านแล้วเริ่มทำงานที่บ้านครับ สมัยนั้นผมติดเกมส์ครับแล้วไม่เคยลำบาก พอเริ่มทำงานครั้งแรกครับแน่นอนครับจากคุณหนูที่แม่ส่งเงินให้เรียนมีเงินใช้อยู่ดีๆต้องพิกผันมาทำงานแบบโคตรหนักครับ
ทำงานกลางแดดจัดๆใส่เสื้อผ้าบังแสงแดดเพราะกลัวดำใส่ทั้งตัวจนหายใจไม่ค่อยทัน(ผมอ้วนครับ- -) ทำทั้งวันครับ เหงื่อนี่ท่วมล่างไปหมดตัวจากขาวๆนี่เริ่มคล้ำละครับ 5555 ผมปรับตัวไมทันครับเพราะไม่เคยทำงานเวลาผมเหนื่อยๆผมจะทะเราะกับแม่ตลอดครับว่าทำไมให้ทำงานหนักจังจ้างคนมั่งเหอะ
นิสัยลูกคุณหนูแหละครับเบาไม่เอาหนักไม่สู้ ทีนี้แม่ก็พูดกับผมขึ้นมาครับว่า แกไม่เรียนไม่เป็นไรชั้นไม่ว่าแก แต่ที่ชั้นให้แกทำหัวงกๆหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินเนี่ยก็เพราะวันนึงแม่ดันเป็นอะไรขึ้นมาแม่ตายจากไปแกจะใช้ชีวิตอยู่ยังไงถ้าแกทำอะไรไม่เป็น อย่างมากก็แค่ขายถ้าไม่ทำ แต่เงินหนะจะมีกี่ล้านๆทั้งชีวิตหนะมันก็หมดไปถ้าแกขายสมบัติกิน ที่ชั้นใช้งานให้ทำทุกอย่างเนี่ย แกจะได้ทำเป็นเอาตัวรอดเป็นสืบกิจการเป็นยามที่แม่ไม่อยู่แกจะได้ดูแลตัวแกเองได้
พอผมได้ยินคำนี้จากปากแม่เท่านั้นแหละครับ ผมก็เริ่มขยันทำงานสู้งานมากขึ้น เริ่มขี่รถตัก กวาดโกดัง เรื่องแรงงาน แม้กระทั่งเสมียร ด้วย คือพูดง่ายๆก็เหลือแค่ขับรถพ่วงส่งของครับ ผมคงไม่ฝึกขนาดนั้น 55555 ผมกะแบบว่าให้แม่ไม่ต้องจ้างคนงานเลยอะไรที่ทำได้เดี๋ยวทำเอง จะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย ประมานนี้ครับ เนี่ยครับ คือผมทำทุกอย่างก็เพื่อแม่ทั้งหมดครับ แม่ก็ทำทุกอย่างเพื่อผมเหมือนกัน เรารักกันมากครับ แต่พอผมโดนแม่ว่าคำนั้นออกไปผมเลยจุกเลยครับ มาต่อเรื่องกันเลยครับ เล่าซะยาว 555
ผมเลยด่ากับแม่ชุดใหญ่จัดหนักกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์เลยครับ ตะโกนลั่นทุ่งกันเลยทีเดียว ทีนี้ผมเลยควบคุมตัวเองไม่อยู่ครับเริ่มว่าแม่แรงขึ้นเรื่อยๆ ทีนี้มันมีคำขาดครับ ว่า ถ้าบ้านมันอยู่ไม่ได้ก็ออกไป๊ ทีนี้แหละครับ ผมเดินดิ่งกับห้องจะไปเอามอเตอร์ไซค์แล้วขี่รถออกไปครับ แต่ดั๊นนน ลุงยืมรถมอไซค์ไป
ผมเลยนั่งรออยู่หน้าห้องครับแล้วระหว่างนั้นผมก็โมโหแบบ เกิน 100%ไปแล้วครับ ผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เริ่มโมโหอยากพังข้าวของ ผมเลยซัดไปที่ประตูห้องแบบเต็มข้อไปทีนึงครับ ดังต้ำ! มือผมแหกครับ ประตูก็แตกด้วย ทีนี้แม่ผมก็เดินมาครับ แล้วก็มาทะเราะกันต่อ
(อย่าเข้าใจว่าถ้าผมโมโหขนาดนี้ผมจะทำร้ายแม่นะครับ ไม่นะครับ ผมแยกแยะได้ ผมไม่มีวันทำร้ายแม่แน่นอน แต่ลงกับสิ่งของแทนนี่สิไม่ดีนะครับข้าวของเสียหายด้วยตัวเองก็เจ็บด้วยใครที่เวลาโมโหแล้วชอบทำรายข้าวของ มาเลิกพร้อมกันกับผมเลยครับ ต่อไปนี้จะไม่ทำแล้วจ้า)
ทีนี้ผมก็จะออกจากบ้านตามที่แม่พูดแหละครับ แม่ไม่ให้เอามอไซค์ไปจะไปก็เอาแต่ตัวไป ผมเลยโทรหาเพื่อนครับว่าให้มารับที่บ้านหน่อย ทีนี้แม่ก็พูดขึ้นมาว่าถ้าเพื่อนมารับกูจะตะโกนให้ด่าให้เพื่อนออกไปไม่ทันเลย ทีนี้ผมเลยโทรหาแท็กซี่ครับ ว่าให้มารับ พอแท็กซี่โทรกลับมา แม่ก็ตะโกนผ่านโทรศัพท์ไปว่า
ไม่ต้องมา เหมือนแกไม่ให้ผมไปครับ ทีนี้ก็คุยกันมายาวเหยียดเลยครับ ทีนี้แม่ผมร้องไห้ครับ ช็อตนี้แหละครับ ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน เลยร้องไห้เหมือนกัน ทีนี้ก็เริ่มคุยกันด้วยเหตุผลมากขึ้นครับ พอเริ่มเข้าใจกันก็คืนดีกอดกันขอโทษกันครับ
เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับ นี่แหละครับอารมณ์ถ้าเราควบคุมมันไม่อยู่จากเรื่องเล็กๆที่ไม่น่าจะต้องทะเราะกันให้ใหญ่โตแค่ด่านิดหน่อยก็พอ มันก็จบแล้วแต่ดัน ทำให้มันบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ทั้งๆที่เรื่องไม่เป็นเรื่อง พอคุณเริ่มอารมณ์เย็นลงปุ๊บจนกลับมาเป็นอารมณ์เดิมและมีสติอีกครั้ง ตอนนั้นแหละครับคุณจะพึ่งมานึกรู้สึกเสียใจกับการกระทำทั้งหมดที่ทำกับคนที่คุณรักมากถึงมากที่สุดลงไปแต่มันคือความจริงที่เราได้กระทำแบบนั้นลงไปแล้วมันผ่านมาแล้วมันไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขมันได้ ตอนที่ผมพิมอยู่ตอนนี้ ผมก็ยังคงนึกถึงเรื่องเมื่อเย็นที่ผ่านมาแล้วรู้สึกผิดอยู่ตลอด ได้แต่นั่งนึกว่าโถ่เอ๊ยยย ไม่น่าไปว่าแม่ขนาดนั้นเลย ไม่น่าทำให้แกเสียใจ ไม่น่าทำให้แกร้องไห้เลย ทั้งๆที่เรื่องทั้งหมดเราผิดเองแท้ๆที่เรากลับบ้านช้าเพราะแม่ก็รอผมกลับมาทำงานที่บ้านอยู่แต่ก็รอเป็นชั่วโมง ใครๆเค้าก็โมโหแน่นอนรอโคตรนาน เราผิดแต่เราดันไม่ยอมรับผิดแล้วแถแถดๆๆๆไปเรื่อยๆแบบเถียงกันไม่ยอมกันจากที่ทะเราะกันเรื่องเล็กๆกลายบานปลายเป็นเรื่องใหญ่เบอเร่อเลย แล้วทีนี้ทำไงหละ ขอโทษ แล้วมันลืมไหมไอความรู้สึกผิดต่อคนที่คุณรักมากๆ พูดได้ครับกับคำว่าขอโทษ แต่มันยังเป็นแผลในใจครับ เค้าถึงบอกไงครับ พูดขอโทษแล้วคิดว่าจะให้อภัยหรอ ปากบอกอโหสิแต่ใจนั้นไม่เลย (สำหรับบางคนนะครับ)
พรุ่งนี้ผมตั้งใจจะซื้อพวงมาลัยมากราบขอขมาแม่และสัญญากับท่านว่าต่อไปนี้จะไม่โมโหใส่แม่แบบนี้อีกแล้ว แล้วกะจะไปทำบุญด้วยครับ
ขอสัญญาเลยนะครับว่าผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์นะครับ สำหรับคนที่ชอบทะเราะกับพ่อหรือแม่ ทะเราะกันให้ตายไปข้างนึงแต่ผลสุดท้ายยังไงๆ เค้าก็ไม่มีวันทิ้งเราแน่นอนครับ เพราะฉะนั้นปรับปรุงตัวใหม่พยายามอย่าให้พวกท่านเสียใจมากนะครับ ทะเราะกันเรื่องมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งมันเรื่องปกติครับคนอยู่ด้วยกันจะทะเราะกันมันเรื่องธรรมดา 555555 ฝากกระทู้ข้อคิดนี้ไว้ด้วยนะครับ ไปละครับ บายยย
รู้สึกผิดกับแม่มากเลยครับมาแชร์ประสบการณ์การทะเราะกับแม่ครับ
เรื่องเป็นอย่างงี้ครับ ผมขี่รถออกบ้านไปประมาณ 4โมงเย็นครับ ผมไปเอานาฬิกาที่เอาไปซ่อมไว้ ไปถึงร้านประมาณ 4.30โมง ครับ พอได้นาฬิกามาปุ๊บ
ผมก็โทรถามแม่ว่า แม่มีธุระอะไรที่บ้านให้ทำไหม ถ้าไม่มีผมอยากจะแวะไปตัดผม เพราะผมเริ่มยาวแล้ว แม่ผมก็บอกว่า ไม่ได้ๆ กลับมาที่บ้านมาช่วยทำงานบ้านหน่อย
ทีนี้ผมก็บอกรับทราบครับแล้วก็วางสายไป พอกำลังจะกลับมีเพื่อนคนนึงโทรมาบอกว่า แวะมาหาที่นี่หน่อยมาเอาตังไปฝากให้เพื่อนพระหน่อย ห่างจากที่ผมไปเอานาฬิกาประมาณ 1-2โลเองครับครับ ผมเห็นว่าใกล้ๆเลยอาสาไปเอาตังค์ให้ (เพื่อนพระหมายถึง เพื่อนผมบวชอยู่นะครับ)
ทีนี้ผมก็ขี่รถไป แต่ผมเป็นคนขี่รถช้าครับไม่ชอบขับไว เลยใช้เวลานิดหน่อยเพราะตอนนั้นช่วงเย็นเด็กกำลังเลิกเรียนที่ๆจะไปเอาตังก็ต้องขี่ผ่านจุดโรงเรียนด้วยเลยรถติด
พอถึงที่ปั๊บ (เวลา ประมาณ 5โมงเย็นครับ) ผมก็ขึ้นไปรอเค้าเอาตังมาให้ครับทีนี้โทรไปดันไม่รับสายซะงั้น 2-3 สายก็แล้ว ผมก็รอซักพักนึงครับแล้วทีนี้เค้าก็เดินมาหา เค้าบอกว่าไปกดตังค์ให้หน่อยชั้นร่าง (ทีนี่มีตู้กดตังค์ครับผมอยู่ชั้น5แต่ต้องลงไปกดตังที่ชั้น1) แต่ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ เพราะเพื่อนผมเค้าแต่งตัวโชว์อยู่มันไม่เหมาะจะเดินไปกดตังค์
ทีนี้ผมก็อาสาไปให้ก็ลงไปตามระเบียบครับใช้เวลาประมาณซัก10นาทีได้ พอกดตังค์เสร็จก็ขึ้นมาครับ พอโทรหาเค้าอีกครั้งเอ๊าาา!! ดันไม่รับสายซะงั้นทีนี้ผมก็เดินวนเวียนอีกประมาณ10นาทีได้ครับจนถามคนแถวนั้นจนรู้ว่าอยู่ตรงไหนเลยเอา บัตรATM ไปคืนเค้า ทีนี้ผมก็รีบกลับครับเพราะจะได้ไปช่วยงานที่บ้าน
แต่ทีนี้ผมตั้งใจว่าจะแวะซื้อเคสโทรศัพท์อยู่แล้วครับเพราะมันทางผ่านทางกลับบ้านพอดี ทีนี้ก็แวะร้านครับซื้อเคสโทรศัพท์ ใช้เวลาอีกเกือบ10นาทีครับ ทีนี้แม่ผมโทรมาครับ ผมก็รับสาย ทีนี้แม่ว่าผมครับว่าไป ถเลถไล ที่ไหนนักหนา เมื่อไหร่จะกลับ แนวแบบอารมณ์น้ำเสียงโมโหมากๆครับ ทีนี้ผมได้ยินผมก็ไม่ได้โมโหอะไรนะครับผมเข้าใจว่าเค้าต้องโกรธเราแน่ๆก็ไปซะนานขนาดนั้น ผมก็บอกแกไปครับว่าไปงี้ๆๆๆมานะ ฟังไม่ทันจบแม่กดตัดสายไปครับ
ผมเลยเริ่มโมโหแม่และว่าทำไมไม่ฟังให้หมดก่อนจะรีบตัดสายทำไม ผมไม่ค่อยชอบเวลาเราคุยกับใครแล้วอธิบายอยู่แล้วโดนตัดสายครับเพราะมันคุยไม่รู้เรื่องแทนที่จะได้คุยกันดันเงียบใส่กันอีก เรื่องที่เราทำมันผิดก็จริงแต่ก็ไม่น่าจะโมโหอะไรขนาดนั้น ณ ตอนนั้นคิดแบบนั้นครับเพราะกำลังโมโหแล้ว ผมก็เลยรีบขี่รถกลับบ้านด้วยความไวสูงเลยครับ เพราะจะรีบกลับไปคุยกับแม่ แป๊ปเดียวครับถึง ระยะทางจากร้านที่ซื้อเคสโทรศัพท์ไปจนถึงบ้านผมประมาณ10กิโลได้ครับ แต่ผมขี่แค่ 5นาทีกว่าๆ แบบรถติดด้วย (อย่าง
พอผมถึงบ้านครับผมก็เดินเข้าไปหาแม่เลย กำกุญแจรถยนต์ไปคืนเค้าแล้วก็บอกกับเค้าว่า ขายๆไปเหอะ พอซื้อรถยนต์มาจะไปไหนมาไหนโดนว่าตลอด
(แม่ผมเค้าพึ่งออกรถให้ครับได้ประมาณเดือนนึงและ) ทีนี้แม่ผมก็พูดกลับมาว่า กูไม่ขาย นั่นมันรถกูถ้าจะไม่ขี่ก็จอดไว้เฉยๆ จะขายไม่ขายนั่นมันเรื่องของกู (เวลาแม่ผมโมโหทีไรอารมณ์จากนางฟ้าตัวน้อยๆจะกลายเป็นอารมณ์ของซาตานโดยแท้จริงครับซึ่งเวลาแกโมโหแกจะเสียงดังและดุมากๆ)
ทีนี้ผมก็ไม่พอใจครับผมไม่ได้โมโหเรื่องที่จะขายหรือไม่ขายครับแต่ผมโมโหที่ว่า ผมมันทำผิดร้ายแรงอะไรขนาดนั้นเลยหรอ ถึงต้องว่าผมอารมณ์น้ำเสียงรุนแรงขนาดนี้ ผมเลยเสียงดังใส่แม่ไปว่า ผมผิดอะไรนักหนาวะ ประมาณนี้ครับ ทีนี้ผมกับผมก็ทะเราะตะโกนกันไปได้ซักพักครับ ทีนี้แม่เกิ่นขึ้นมาคำว่า
อะมันรักเพื่อนมากกว่าแม่
พอผมได้ยินคำนี้จากปากแม่เท่านั้นแหละครับ อารมณ์ระเบิดออกมาแบบสุดขีดเลยครับ (แน่นอนครับเป็นแม่ลูกกันหน้าตาอารมณ์นิสัยใจดีก็จะคล้ายๆกัน แต่ผมกับแม่จะต่างกันอย่างนึงตรงที่ แม่ผมจะเป็นคนอารมณ์ร้อนไม่พอใจด่าเลย แต่ผมจะเป็นคนอารมณ์เย็นแบบเย็นมาก แต่ถ้าระเบิดขึ้นมาทีก็ตัวใครตัวมัน) ประมาณนี้ครับ ผมเลยตะโกนด่าแม่ไปว่า เห้ย ที่ทำมาทั้งหมดอะแม่ไม่คิดว่าผมรักแม่มั่งเลยหรอ มันเริ่มเปลี่ยนประเด็นไปเรื่อยๆครับเพราะอารมณ์ตอนนี้ไม่ค่อยคุยด้วยเหตุผลและ เป็นแนวอยากด่ากันเรื่องที่เก็บอัดอั้นกันมามากกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมเลยด่ากับแม่ชุดใหญ่จัดหนักกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์เลยครับ ตะโกนลั่นทุ่งกันเลยทีเดียว ทีนี้ผมเลยควบคุมตัวเองไม่อยู่ครับเริ่มว่าแม่แรงขึ้นเรื่อยๆ ทีนี้มันมีคำขาดครับ ว่า ถ้าบ้านมันอยู่ไม่ได้ก็ออกไป๊ ทีนี้แหละครับ ผมเดินดิ่งกับห้องจะไปเอามอเตอร์ไซค์แล้วขี่รถออกไปครับ แต่ดั๊นนน ลุงยืมรถมอไซค์ไป
ผมเลยนั่งรออยู่หน้าห้องครับแล้วระหว่างนั้นผมก็โมโหแบบ เกิน 100%ไปแล้วครับ ผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เริ่มโมโหอยากพังข้าวของ ผมเลยซัดไปที่ประตูห้องแบบเต็มข้อไปทีนึงครับ ดังต้ำ! มือผมแหกครับ ประตูก็แตกด้วย ทีนี้แม่ผมก็เดินมาครับ แล้วก็มาทะเราะกันต่อ
(อย่าเข้าใจว่าถ้าผมโมโหขนาดนี้ผมจะทำร้ายแม่นะครับ ไม่นะครับ ผมแยกแยะได้ ผมไม่มีวันทำร้ายแม่แน่นอน แต่ลงกับสิ่งของแทนนี่สิไม่ดีนะครับข้าวของเสียหายด้วยตัวเองก็เจ็บด้วยใครที่เวลาโมโหแล้วชอบทำรายข้าวของ มาเลิกพร้อมกันกับผมเลยครับ ต่อไปนี้จะไม่ทำแล้วจ้า)
ทีนี้ผมก็จะออกจากบ้านตามที่แม่พูดแหละครับ แม่ไม่ให้เอามอไซค์ไปจะไปก็เอาแต่ตัวไป ผมเลยโทรหาเพื่อนครับว่าให้มารับที่บ้านหน่อย ทีนี้แม่ก็พูดขึ้นมาว่าถ้าเพื่อนมารับกูจะตะโกนให้ด่าให้เพื่อนออกไปไม่ทันเลย ทีนี้ผมเลยโทรหาแท็กซี่ครับ ว่าให้มารับ พอแท็กซี่โทรกลับมา แม่ก็ตะโกนผ่านโทรศัพท์ไปว่า
ไม่ต้องมา เหมือนแกไม่ให้ผมไปครับ ทีนี้ก็คุยกันมายาวเหยียดเลยครับ ทีนี้แม่ผมร้องไห้ครับ ช็อตนี้แหละครับ ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน เลยร้องไห้เหมือนกัน ทีนี้ก็เริ่มคุยกันด้วยเหตุผลมากขึ้นครับ พอเริ่มเข้าใจกันก็คืนดีกอดกันขอโทษกันครับ
เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับ นี่แหละครับอารมณ์ถ้าเราควบคุมมันไม่อยู่จากเรื่องเล็กๆที่ไม่น่าจะต้องทะเราะกันให้ใหญ่โตแค่ด่านิดหน่อยก็พอ มันก็จบแล้วแต่ดัน ทำให้มันบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ทั้งๆที่เรื่องไม่เป็นเรื่อง พอคุณเริ่มอารมณ์เย็นลงปุ๊บจนกลับมาเป็นอารมณ์เดิมและมีสติอีกครั้ง ตอนนั้นแหละครับคุณจะพึ่งมานึกรู้สึกเสียใจกับการกระทำทั้งหมดที่ทำกับคนที่คุณรักมากถึงมากที่สุดลงไปแต่มันคือความจริงที่เราได้กระทำแบบนั้นลงไปแล้วมันผ่านมาแล้วมันไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขมันได้ ตอนที่ผมพิมอยู่ตอนนี้ ผมก็ยังคงนึกถึงเรื่องเมื่อเย็นที่ผ่านมาแล้วรู้สึกผิดอยู่ตลอด ได้แต่นั่งนึกว่าโถ่เอ๊ยยย ไม่น่าไปว่าแม่ขนาดนั้นเลย ไม่น่าทำให้แกเสียใจ ไม่น่าทำให้แกร้องไห้เลย ทั้งๆที่เรื่องทั้งหมดเราผิดเองแท้ๆที่เรากลับบ้านช้าเพราะแม่ก็รอผมกลับมาทำงานที่บ้านอยู่แต่ก็รอเป็นชั่วโมง ใครๆเค้าก็โมโหแน่นอนรอโคตรนาน เราผิดแต่เราดันไม่ยอมรับผิดแล้วแถแถดๆๆๆไปเรื่อยๆแบบเถียงกันไม่ยอมกันจากที่ทะเราะกันเรื่องเล็กๆกลายบานปลายเป็นเรื่องใหญ่เบอเร่อเลย แล้วทีนี้ทำไงหละ ขอโทษ แล้วมันลืมไหมไอความรู้สึกผิดต่อคนที่คุณรักมากๆ พูดได้ครับกับคำว่าขอโทษ แต่มันยังเป็นแผลในใจครับ เค้าถึงบอกไงครับ พูดขอโทษแล้วคิดว่าจะให้อภัยหรอ ปากบอกอโหสิแต่ใจนั้นไม่เลย (สำหรับบางคนนะครับ)
พรุ่งนี้ผมตั้งใจจะซื้อพวงมาลัยมากราบขอขมาแม่และสัญญากับท่านว่าต่อไปนี้จะไม่โมโหใส่แม่แบบนี้อีกแล้ว แล้วกะจะไปทำบุญด้วยครับ
ขอสัญญาเลยนะครับว่าผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์นะครับ สำหรับคนที่ชอบทะเราะกับพ่อหรือแม่ ทะเราะกันให้ตายไปข้างนึงแต่ผลสุดท้ายยังไงๆ เค้าก็ไม่มีวันทิ้งเราแน่นอนครับ เพราะฉะนั้นปรับปรุงตัวใหม่พยายามอย่าให้พวกท่านเสียใจมากนะครับ ทะเราะกันเรื่องมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งมันเรื่องปกติครับคนอยู่ด้วยกันจะทะเราะกันมันเรื่องธรรมดา 555555 ฝากกระทู้ข้อคิดนี้ไว้ด้วยนะครับ ไปละครับ บายยย