คือตัวเราเองรักษาอาการโรคซึมเศร้าอยู่ที่ประเทศเยอรมันนีเป็นเวลา 3 ปี กว่าแล้ว ไม่เคยต้องใช้ยาเลย
คุณหมอเยอรมันค่อนข้างจะจ่ายยาให้กับคนไข้ยากมาก (ทำมาเป็นงกยากับคนในประเทศ แต่ผลิตยาส่งออกไปประเทศอื่นเป็นว่าเล่น 5555)
แต่เราเข้าใจเป้าหมายของเขานะ ว่าอยากจะรักษาด้วยวิธีการทางธรรมชาติก่อน เพื่อจะได้เกิดผลข้างเคียงกับร่างกายที่ได้มาจากยาที่เป็นสารเคมี น้อยที่สุด
อย่างเรารักษาโรคซึมเศร้าโดยวิธี "จิตบำบัด(psychotherapy)" เป็นหลัก คือจะเน้นเป็นทางการรักษาทางจิตใจมากกว่า
ซึ่งมีวิธีรักษาทางจิตใจอยู่หลายรูปแบบ ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งอาจเป็นการ”พูดคุย”กับจิตแพทย์ 10 ถึง 20 ครั้ง จะช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความเข้าใจกับสาเหตุของปัญหา และนำไปสู่การแก้ไขปัญหา โดยการเปลี่ยนมุมมองกับจิตแพทย์ การรักษาทางพฤติกรรมจะช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีที่จะได้รับความพอใจ หรือความสุขจากการกระทำของเขา และพบวิธีที่จะหยุดพฤติกรรมที่ อาจนำไปสู่ความซึมเศร้าด้วย
การรักษาอีก 2 รูปแบบที่เราได้รับการบำบัดจากจิตแพทย์ คือ การรักษาแบบปรับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และการรักษาแบบปรับความคิดและพฤติกรรม โดยการรักษารูปแบบแรกมุ่งไปที่การแก้ไขปัญหาระหว่าง ผู้ป่วยกับคนรอบข้างที่อาจ เป็นสาเหตุและกระตุ้นให้เกิดความซึมเศร้า ส่วนการรักษาแบบหลังจะช่วยให้ผู้ป่วยเปลี่ยนความคิด และพฤติกรรมในแง่ลบกับตนเอง
ส่วนการรักษาโดยอาศัยทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ก็นำมารักษาโรคนี้ โดยจิตแพทย์จะช่วยผู้ป่วยค้นหาปัญหาข้อขัดแย้งภายในจิตใจผู้ป่วย ซึ่งอาจมีรากฐานมาจากประสบการณ์ตั้งแต่เด็ก
ซึ่งการรักษาแบบจิตบำบัดอย่างเดียวอาจจะทำให้เห็นผลช้า แต่เราว่ามันเห็นผลได้ในระยะยาว และที่สำคัญคือมันทำให้เราดีขึ้นได้โดยไม่ต้องพึ่งยา
ทำให้ไม่เกิดผลข้างเคียง และทำให้ตัวเราไป depend on มันมากจนเกินไป จนอาจจะทำให้เกิดอาการติดได้...
ซึ่งเราได้อ่านกระทู้ของคนไทยที่รักษาโรคซึมเศร้าในไทยเยอะและสังเกตว่า ทุกคนจะได้รับการจ่ายยาจากแพทย์แทบจะทันทีที่ได้เข้าพบ
และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า เราเลยอยากจะรู้ว่าคุณหมอส่วนใหญ่ใช้เวลานานแค่ไหนในการตัดสินใจที่จะจ่ายยาคะ? จ่ายทันทีที่ได้พูดคุยครั้งแรกเลยหรือเปล่า? แล้ววิธีการตัดสินใจในการจ่ายยาที่ถูกต้องคืออะไรกันแน่ ควรจ่าย หรือ ไม่ควรจ่ายยาดีกว่ากันคะ?
จิตแพทย์ไทยใช้เวลานานแค่ไหนในการตัดสินใจจ่ายยาให้คนไข้คะ?
คุณหมอเยอรมันค่อนข้างจะจ่ายยาให้กับคนไข้ยากมาก (ทำมาเป็นงกยากับคนในประเทศ แต่ผลิตยาส่งออกไปประเทศอื่นเป็นว่าเล่น 5555)
แต่เราเข้าใจเป้าหมายของเขานะ ว่าอยากจะรักษาด้วยวิธีการทางธรรมชาติก่อน เพื่อจะได้เกิดผลข้างเคียงกับร่างกายที่ได้มาจากยาที่เป็นสารเคมี น้อยที่สุด
อย่างเรารักษาโรคซึมเศร้าโดยวิธี "จิตบำบัด(psychotherapy)" เป็นหลัก คือจะเน้นเป็นทางการรักษาทางจิตใจมากกว่า
ซึ่งมีวิธีรักษาทางจิตใจอยู่หลายรูปแบบ ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งอาจเป็นการ”พูดคุย”กับจิตแพทย์ 10 ถึง 20 ครั้ง จะช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความเข้าใจกับสาเหตุของปัญหา และนำไปสู่การแก้ไขปัญหา โดยการเปลี่ยนมุมมองกับจิตแพทย์ การรักษาทางพฤติกรรมจะช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีที่จะได้รับความพอใจ หรือความสุขจากการกระทำของเขา และพบวิธีที่จะหยุดพฤติกรรมที่ อาจนำไปสู่ความซึมเศร้าด้วย
การรักษาอีก 2 รูปแบบที่เราได้รับการบำบัดจากจิตแพทย์ คือ การรักษาแบบปรับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และการรักษาแบบปรับความคิดและพฤติกรรม โดยการรักษารูปแบบแรกมุ่งไปที่การแก้ไขปัญหาระหว่าง ผู้ป่วยกับคนรอบข้างที่อาจ เป็นสาเหตุและกระตุ้นให้เกิดความซึมเศร้า ส่วนการรักษาแบบหลังจะช่วยให้ผู้ป่วยเปลี่ยนความคิด และพฤติกรรมในแง่ลบกับตนเอง
ส่วนการรักษาโดยอาศัยทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ก็นำมารักษาโรคนี้ โดยจิตแพทย์จะช่วยผู้ป่วยค้นหาปัญหาข้อขัดแย้งภายในจิตใจผู้ป่วย ซึ่งอาจมีรากฐานมาจากประสบการณ์ตั้งแต่เด็ก
ซึ่งการรักษาแบบจิตบำบัดอย่างเดียวอาจจะทำให้เห็นผลช้า แต่เราว่ามันเห็นผลได้ในระยะยาว และที่สำคัญคือมันทำให้เราดีขึ้นได้โดยไม่ต้องพึ่งยา
ทำให้ไม่เกิดผลข้างเคียง และทำให้ตัวเราไป depend on มันมากจนเกินไป จนอาจจะทำให้เกิดอาการติดได้...
ซึ่งเราได้อ่านกระทู้ของคนไทยที่รักษาโรคซึมเศร้าในไทยเยอะและสังเกตว่า ทุกคนจะได้รับการจ่ายยาจากแพทย์แทบจะทันทีที่ได้เข้าพบ
และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า เราเลยอยากจะรู้ว่าคุณหมอส่วนใหญ่ใช้เวลานานแค่ไหนในการตัดสินใจที่จะจ่ายยาคะ? จ่ายทันทีที่ได้พูดคุยครั้งแรกเลยหรือเปล่า? แล้ววิธีการตัดสินใจในการจ่ายยาที่ถูกต้องคืออะไรกันแน่ ควรจ่าย หรือ ไม่ควรจ่ายยาดีกว่ากันคะ?