ยังไม่ได้ทำอะไรก็หมดปีซะแล้ว รู้จัก ‘Chronophobia’ อาการกลัวเวลาไหลผ่าน

ยังไม่ได้ทำอะไรก็หมดปีซะแล้ว รู้จัก ‘Chronophobia’ อาการกลัวเวลาไหลผ่าน
.
เคยไหมเริ่มต้นปีใหม่ ตั้งใจแพลนสิ่งที่อยากทำไว้เสียดิบดี พอหมดหมดปี สรุปไม่ได้ทำอะไรสักอย่างจนต้องถามตัวเองว่า ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วขนาดนี้?

ความรู้สึกที่ว่า “แป๊บๆ หมดปีแล้วเหรอเนี่ย ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” อาจเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับใครหลายคน ไม่ว่าจะด้วยการงานที่ยังค้างคาไม่รู้จักจบสิ้น หรือแผนที่วางไว้ไม่เคยเป็นแบบที่คิด จนเรากลายเป็นกังวลกับเวลาที่เดินไปเรื่อย ๆ แบบควบคุมไม่ได้
.
ความรู้สึกเหล่านี้มักจะทำให้เราเซ็ง เครียด และวิตกกังวลกับเวลาที่ไม่เคยรอเรา บางคนความกังวลนั้นรุนแรงถึงขั้นกลายเป็นภาวะ ‘Chronophobia’ หรือโรคกลัวเวลาที่ผ่านไป’ ซึ่งเชื่อมโยงกับความรู้สึกว่าเวลาชีวิตมีจำกัด ทำให้ยิ่งคิด ยิ่งเครียด
.
โลว์รี โดธเวต-วอลช์ (Lowri Dowthwaite-Walsh) นักจิตบำบัดด้านพฤติกรรมการรับรู้และผู้บรรยายอาวุโส มหาวิทยาลัยแลนคาเชอร์ (University of Central Lancashire) สหราชอาณาจักร ได้อธิบายไว้ว่าอาการนี้อาจเริ่มจากเบา ๆ เช่น
ไม่อยากพูดถึงอนาคต นอนไม่หลับ กังวลว่าจะทำอะไรไม่ทัน ไปจนถึงหนักขึ้น เช่น รู้สึกโดดเดี่ยว ตื่นตระหนก หรือแยกตัวจากสังคม กระทั่งภาวะซึมเศร้า
.
สำหรับบางคนอาจมีความวิตกกังวลสูงมาก ซึ่งต้นตออาจมาจากบาดแผลทางจิตใจ เช่น การสูญเสีย หรืออุบัติเหตุต่างๆ นอกจากนี้พวกเขาอาจรู้สึกโดดเดี่ยว ตลอดจนมี ‘ภาวะความจริงวิปลาส’ (Derealization) ภาวะนี้เป็นการตัดการเชื่อมต่อจากความเป็นจริงและสิ่งแวดล้อมรอบตัว
.
ส่วนผู้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคกลัวเวลาที่ผ่านไปมากที่สุด คือผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีอาการป่วยระยะสุดท้าย เนื่องจากไม่มีทางรู้เลยว่าลมหายใจสุดท้ายของพวกเขาจะสิ้นสุดเมื่อใด
.
แต่คนคนรุ่นใหม่เองก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน โดยเฉพาะหลังช่วงโควิดที่ทำให้หลายคนรู้สึกว่าเวลา “เร็วมากแต่ก็ช้ามาก” ในเวลาเดียวกัน เหตุการณ์สำคัญในชีวิตเหมือนถูกเลื่อนออกไปหมด จนเกิดความกังวลสะสมโดยไม่รู้ตัว
.
อย่างไรก็ตาม หากเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะเป็นคนที่เข้าข่าย ‘โรคกลัวเวลาที่ผ่านไป’ บอกกับตัวเองก่อนอย่างแรกว่า “ไม่เป็นไรนะ” เพราะโรคนี้เราสามารถแก้ไขมันได้
.
เริ่มจากการฝึกสมาธิ อย่าง ‘การเล่นโยคะ’ กำหนดลมหายใจ จะช่วยดึงเราให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน ลดความฟุ้งซ่านและความกังวลลงได้
.
การเขียนไดอารี ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ดี เพราะมันจะช่วยให้เห็นว่าตลอดปีที่ผ่านมา เราผ่านอะไรมาบ้าง สิ่งไหนคือบทเรียนจากความผิดพลาด สิ่งไหนชอบ สิ่งไหนไม่โอเค และอะไรที่ทำให้ตนเองดีใจไปจนถึงภาคภูมิใจแม้มันจะเล็กน้อยก็ตาม
.
สุดท้ายคือการทบทวนเป้าหมายชีวิต ไม่จำเป็นต้องเป็นเป้าหมายใหญ่ ขอแค่ชัดขึ้นนิดหนึ่ง ก็ช่วยให้เราใช้เวลาที่มีอยู่ได้อย่างมีความหมายมากกว่าเดิมแล้ว
.
ถ้าคุณรู้สึกว่า “ปีนี้ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย” บางทีสิ่งที่คุณทำมาตลอดปี แต่มันอาจสิ่งเล็กน้อยจนคุณลืมมันไป ที่จริงแล้วสิ่งเล็กน้อยเหล่านั้นอาจมีความหมายมากกว่าที่คิดก็ได้นะ
.
ที่มา : ฺBrandthink
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่