
“ พุระกำ ” ชื่อนี้สำหรับผมและใครหลายคน มันอาจจะเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหูนัก
ผมได้ยินชื่อนี้ครั้งแรกจากการบอกเล่าของคนอื่น มันจึงทำให้ผมอยากออกเดินทาง เพื่อไปให้เห็นสถานที่แห่งนี้ด้วยตาของตัวเอง
เพื่อความสนุกในการเดินทาง ผมได้ตั้งโจทย์การเดินทางขึ้นมา “ เราจะไม่หาข้อมูลใดๆ ของสถานที่นี้เลยนอกจากพิกัด GPS ”
( สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านเรามีตลิปวีดีโอสั้นๆให้ดูด้วย " เลื่อนไปด้านล่างได้เลย " )
ความเดิม
https://pantip.com/topic/34807539 ( หลงทางที่ “ พิจิตรจังหวัดที่ไม่คิดไปเหยียบ ” )
การเดินทางในครั้งนี้ผมไม่ได้ไปคนเดียวยังมีเพื่อนอีกสองคนร่วมเดินทางไปด้วย
และนี่คืออุปกรณ์ที่ใช้บันทึกเรื่องราวการเดินทางของเราในครั้งนี้
แน่นอนภาพถ่ายและวีดีโอที่ทุกคนจะได้เห็นต่อจากนี้มาจากพวกเราทั้งสามคน “ I am Nikon ”
เราเลือกการเดินทางแบบสองล้อ
โดยติดต่อเช่ามอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์จากร้าน MF Motion Big Bike ( พระรามสอง ) คุณเบนซ์ผู้ดูแลสาขา บริการดีและเป็นกันเองมากๆ ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดคือราคาที่ไม่แพงอย่างที่คิด^^
ตรงนี้หากใครอยากลองประสบการณ์ใหม่ๆในการเดินทางลองติดต่อไปดูครับ ( ควรมีพื้นฐานในการขับขี่บิ๊กไบค์ที่ดีนะครับ )
พาหนะคู่ใจสำหรับทริปนี้คือเจ้า BMW F800GS และ F700GS พร้อมแล้วหาเรื่องใส่ตัวกันเถอะ!
เราไม่ได้มีกำหนดการหรือเวลาในการเดินทางที่ตายตัว จะแวะจอดถ่ายภาพตามสถานที่ๆน่าสนใจระหว่างทางไปเรื่อยๆ
และสถานที่แรกที่เราแวะคือ สำนักสงฆ์ทะเลวัดรางจันทร์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดรับรถของเรามากนัก
จอดแวะเช็คอินกันหน่อย
นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมมาที่นี่ บรรยากาศค่อนข้างดีและเงียบสงบ เหมาะสำหรับมานั่งผ่อนคลาย หรือถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น
เราจอดถ่ายภาพและเช็คอาการรถกันอยู่พักใหญ่ ก่อนออกเดินทางตามพิกัด GPS บนถนนพระรามสองมุ่งหน้าจังหวัดราชบุรี
การขับขี่มอเตอร์ไซค์ในช่วงฤดูฝนอาจต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่มันไม่ใช่อุปสรรคในการเดินทางของเราในครั้งนี้
ฝนตกหนักเราก็จอดไม่ได้รีบอยู่แล้ว ^______^
เราจอดติดฝนกันอยู่ในปั้มเป็นชั่วโมงและกิจกรรมที่เราทำกันระหว่างรอฝนหยุดนั่นก็คือเล่นเกมส์ ROV!!!!!!
เล่นไปสามเกมส์ได้ MVP ไปสองเกมส์เลยนะ 555
หลังจากเล่นเกมส์เสร็จ….เอ้ย!!!
หลังจากฝนหยุดเราก็จัดซื้อเสบียงเตรียมไว้สำหรับหนึ่งคืน.........
(สาบานได้มั้ย ? ว่าไม่ได้ซื้อไปขาย)
ระหว่างนั้นก็ได้เจอกับพี่น้องชาวสองล้อกลุ่มใหญ่ ที่เพิ่งเดินทางกลับออกมาจาก พุระกำ
แอบถ่ายรูปมาด้วย^^
การเดินทางกันเป็นกลุ่มใหญ่ก็ดูน่าสนุกดี แต่สำหรับผมจำนวนไม่ต้องเยอะ ขอแค่เราคุยเรื่องเดียวกัน รักในสิ่งเดียวกัน และลงมือทำในสิ่งที่เรารักไปพร้อมๆกัน แค่นี้ก็เพียงพอ ไม่เน้นปริมาณเราเน้นคุณภาพ (เอ๊ะ!หรือไม่มีคนคบ 555+)
เอ้า!!!!! ออกเดินทางกันต่อมุ่งหน้า “ พุระกำ ”
ขับตามพิกัด GPS มาเรื่อยๆเราก็ต้องจอดรถอีกครั้ง เพราะเราเจอกับคอกแพะของชาวบ้านที่อยู่ติดริมถนน และมีแพะอยู่เยอะมากๆ เราไม่พลาดโอกาสที่จะลงไปถ่ายภาพ
ระหว่างถ่ายภาพอยู่ก็มีลุงกับป้าคู่หนึ่งเดินตรงเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แกทั้งคู่เป็นเจ้าของแพะที่เรากำลังยืนถ่ายรูปกันอยู่
ป้าแกเล่าให้เราฟังว่า “ แพะพวกนี้เป็นแพะเนื้อ พอน้ำหนักตัวถึง 25 กิโลกรัมก็จะมีคนมารับซื้อถึงที่ และจะถูกส่งไปขายต่อที่ประเทศเพื่อนบ้านที่นิยมเนื้อแพะ ”
รอยยิ้มของคุณลุงที่กำลังอุ้มลูกแพะในคอกมาโชว์เพื่อให้เราถ่ายภาพ ^______^
ยืนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กับแกทั้งคู่อยู่พักใหญ่เราจึงของตัวออกเดินทางต่อ และไม่พลาดที่จะขอถ่ายรูปลุงกับป้าเก็บไว้เป็นที่ระลึก
เวลาที่เราเสียไปส่วนใหญ่คือหมดไปกับการจอดถ่ายภาพข้างทางเรื่อยเปื่อย และการขับออกนอกเส้นทางโดยไม่สนใจพิกัด GPS ^^
จนมารู้สึกตัวอีกทีก็เวลาประมาณ 4 โมงเย็น จึงรีบมุงหน้าไปยังจุดหมาย และเราตกลงกันว่าจะกางเต้นท์นอนในบ้านพุระกำสักคืน
ถนนที่เข้าไปยังบ้านพุระกำเป็นถนนดินแดง ช่วงฤดูฝนทางเลยค่อนข้างลำบากกว่าเดิมหลายเท่า การขับขี่ทำความเร็วได้ไม่มากจึงเสียเวลากับช่วงนี้พอสมควร ( รถเก๋งไม่แนะนำให้มาเลยครับ )
บรรยากาศโดยรอบก็ร่มรื่นและเขียวชอุ่มตลอดเส้นทาง
ไม่นานเราก็มาถึงจุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์จุดหนึ่งของการเดินทางในครั้งนี้
จุดนี้คือฝายชะลอน้ำที่เราจะต้องขับรถผ่านก่อนเข้าไปยังบ้านพุระกำ เราสามารถนำรถผ่านไปได้อย่างสบายๆ
จากจุดนี้เหลือระยะทางอีกเพียง 1 กิโลฯ ก็จะถึงบ้านพุระกำ
จากฝายชะลอน้ำขับมาอีกไม่ไกลเราก็จะมาเจอกับจุดข้ามน้ำจุดที่2
การขับผ่านจุดนี้เป็นการขับผ่านลำห้วย ซึ่งมีความยากกว่าจุดแรกพอสมควร ใต้น้ำจะเป็นก้อนหินก้อนกรวดเล็กใหญ่สลับกันไป ขับดูลายไม่ดีอาจจะนอนเล่นน้ำได้ง่ายๆ^^
จากจุดนี้เหลือระยะทางอีกเพียง 500 เมตรเท่านั้นก็จะถึงบ้านพุระกำจุดหมายปลายทางของเรา
ชิลกันเหลือเกิน!!!!!! ช่างไม่รู้เลยว่าข้างหน้าจะเจออะไร 555+
พอเรามาถึงบ้านพุระกำ เราก็ตรงไปหาผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเพื่อขออนุญาติกางเต้นท์ และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!!!!!
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแจ้งว่า เราต้องทำหนังสือขออนุญาติจากสำนักงานหน่วยจัดการต้นน้ำฯ ถึงจะอนุญาติให้กางเต้นท์ได้......
ฟ๊าคคคคคคคค!!!!!!!
เวลาตอนนี้ประมาณ 18.30น. ทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย สภาพเราสามคนตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากลูกหมาเลย
เราจึงตัดสิ้นใจขับย้อนออกไปหาที่พักข้างนอกโดยไม่จอดแวะที่ไหนแล้ว T_T
ขับรถในป่าตอนกลางคืนนี่โคตรพี๊ค!!!!!!!!
จากบ้านพุระกำระยะทางประมาณ 10 กิโลฯ ( ใช้เวลาขับเท่าไหร่ไม่รู้แต่รู้สึกว่านานโคตรๆ ) ก็มาได้ที่พัก “ ภูอิงผา@สวนผึ้ง ”
พอเห็นที่นอนเท่านั้นแหล่ะขาแข้งมันก็เริ่มอ่อนแรง เหมือนจะพับลงเสียให้ได้
บรรยากาศบริเวณรอบๆที่พักในตอนเช้า
หลังจากใช้พลังงานจากการนอนไปจนหมดเราก็ต้องหาอะไรใส่ท้อง มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ.... มื้อเที่ยงมื้อเย็นก็เช่นกัน^^
ระหว่างกินข้าวเราก็ปรึกษากันว่าจะมุ่งหน้าไปยัง “ สำนักงานหน่วยจัดการต้นน้ำภาชี ” เพื่อขออนุญาติกางเต้นท์ในบ้านพุระกำ
เตรียมเสบียงกันก่อนออกเดินทาง เสบียงที่เตรียมไว้ก่อนหน้าถูกใช้ไปจนเกือบหมด ^_____^
พร้อมแล้วก็ไปยังจุดหมายแรกของวันนี้ “ สำนักงานหน่วยจัดการต้นน้ำภาชี ”
แต่ยังไม่ทันถึงไหนเราก็ขี่ออกนอกเส้นทางกันอีกจนได้!!!
แต่เส้นทางที่เราขี่ออกมานั้นมันช่างน่าสนใจ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือที่ไหนแต่ลองดูบรรยากาศสิ มันจะฟินๆหน่อย^^
บรรยากาศช่างเงียบสงบ พอดับเครื่องมอเตอร์ไซ เราจะได้ยินแต่เสียงลมและเสียงนกร้องเท่านั้น
จุดนี้เราใช้เวลาอยู่นานพอสมควรต่างคนต่างแยกย้ายไปหามุมถ่ายภาพของตัวเอง
วันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดีแดดไม่แรงเราจึงเดินถ่ายรูปกันเพลิน
ขาออกมาเราก็มองหาป้ายบอกทางว่าคือที่ไหน ป้ายเขียนว่า น้ำตกผาชนแดน,อ่างเก็บน้ำผาชลแดน
เป็นทางเข้าที่อึมครึมและวังเวงดูไม่ค่อยน่าขับเข้าไปสักเท่าไหร่
และแล้วเราก็มาถึง สำนักงานหน่วยจัดการต้นน้ำภาชี จังหวัดราชบุรี สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 ( บ้านโป่ง )
เราได้รับการต้อนรับจากพี่สุเนตร ต้นแก้ว หัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำภาชี ราวกับเป็นแขกคนสำคัญ
เรานั่งพูดคุยกันถึงการทำงานของเจ้าหน้าที ภูมิประเทศของพื้นที่บริเวณนี้รวมไปถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในละแวกนี้
หน้าที่การรับผิดชอบของหน่วยจัดการต้นน้ำคือ ดูแลรักษาป่าต้นน้ำไม่ให้ถูกบุกรุก ป้องกันการเกิดไฟป่า ปลูกพืชทดแทนในบริเวณพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม เพาะพันธุ์กล้าไม้ท้องถิ่นแจกให้แก่ชาวบ้านและสร้างฝายชะลอน้ำ
หลังจากพูดคุย พี่สุเนตร ก็ได้ชวนพวกเราพักกางเต้นท์กันที่บริเวณสำนักงาน แน่นนอนเราตอบตกลงทันทีเพราะระยะทางจากสำนักงานกับบ้านพุระกำห่างกันเพียง 2 กิโลฯเท่านั้น
จุดกางเต้นท์ของเรายังอยู่ใกล้กับลำภาชีอีกด้วย
จากการพูดคุยเราได้รับข้อมูลที่น่าแปลกใจคือ
ลำภาชีคือต้นน้ำของแม่น้ำแม่กลอง และยังเป็นแม่น้ำสายเดียวในประเทศไทยที่ไหลจากทิศใต้ขึ้นทิศเหนือ
ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนขี้สงสัย พอกลับถึงบ้านก็เลยลองเปิด Google Map ดู…….เออจริง!!!!!
( ผมลองนั่งลากเส้นสีแดงคร่าวๆพอให้เห็นภาพตาม )
จริงแล้วความรู้พวกนี้มันอาจไม่ได้ทำให้เราฉลาดขึ้น “ แต่มันทำให้เรารู้จักโลกมากขึ้น ”
หลังจากนั้นเราจึงขอตัวเพื่อไปยังบ้านพุระกำกันต่อ และไม่พลาดที่จะขอเก็บภาพกับพี่ๆเจ้าหน้าที่ไว้เป็นที่ระลึก
หาเรื่องใส่ตัว...ทั่ว " พุระกำ "
“ พุระกำ ” ชื่อนี้สำหรับผมและใครหลายคน มันอาจจะเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหูนัก
ผมได้ยินชื่อนี้ครั้งแรกจากการบอกเล่าของคนอื่น มันจึงทำให้ผมอยากออกเดินทาง เพื่อไปให้เห็นสถานที่แห่งนี้ด้วยตาของตัวเอง
เพื่อความสนุกในการเดินทาง ผมได้ตั้งโจทย์การเดินทางขึ้นมา “ เราจะไม่หาข้อมูลใดๆ ของสถานที่นี้เลยนอกจากพิกัด GPS ”
( สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านเรามีตลิปวีดีโอสั้นๆให้ดูด้วย " เลื่อนไปด้านล่างได้เลย " )
ความเดิม https://pantip.com/topic/34807539 ( หลงทางที่ “ พิจิตรจังหวัดที่ไม่คิดไปเหยียบ ” )
การเดินทางในครั้งนี้ผมไม่ได้ไปคนเดียวยังมีเพื่อนอีกสองคนร่วมเดินทางไปด้วย
และนี่คืออุปกรณ์ที่ใช้บันทึกเรื่องราวการเดินทางของเราในครั้งนี้
แน่นอนภาพถ่ายและวีดีโอที่ทุกคนจะได้เห็นต่อจากนี้มาจากพวกเราทั้งสามคน “ I am Nikon ”
เราเลือกการเดินทางแบบสองล้อ
โดยติดต่อเช่ามอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์จากร้าน MF Motion Big Bike ( พระรามสอง ) คุณเบนซ์ผู้ดูแลสาขา บริการดีและเป็นกันเองมากๆ ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดคือราคาที่ไม่แพงอย่างที่คิด^^
ตรงนี้หากใครอยากลองประสบการณ์ใหม่ๆในการเดินทางลองติดต่อไปดูครับ ( ควรมีพื้นฐานในการขับขี่บิ๊กไบค์ที่ดีนะครับ )
พาหนะคู่ใจสำหรับทริปนี้คือเจ้า BMW F800GS และ F700GS พร้อมแล้วหาเรื่องใส่ตัวกันเถอะ!
เราไม่ได้มีกำหนดการหรือเวลาในการเดินทางที่ตายตัว จะแวะจอดถ่ายภาพตามสถานที่ๆน่าสนใจระหว่างทางไปเรื่อยๆ
และสถานที่แรกที่เราแวะคือ สำนักสงฆ์ทะเลวัดรางจันทร์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดรับรถของเรามากนัก
จอดแวะเช็คอินกันหน่อย
นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมมาที่นี่ บรรยากาศค่อนข้างดีและเงียบสงบ เหมาะสำหรับมานั่งผ่อนคลาย หรือถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น
เราจอดถ่ายภาพและเช็คอาการรถกันอยู่พักใหญ่ ก่อนออกเดินทางตามพิกัด GPS บนถนนพระรามสองมุ่งหน้าจังหวัดราชบุรี
การขับขี่มอเตอร์ไซค์ในช่วงฤดูฝนอาจต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่มันไม่ใช่อุปสรรคในการเดินทางของเราในครั้งนี้
ฝนตกหนักเราก็จอดไม่ได้รีบอยู่แล้ว ^______^
เราจอดติดฝนกันอยู่ในปั้มเป็นชั่วโมงและกิจกรรมที่เราทำกันระหว่างรอฝนหยุดนั่นก็คือเล่นเกมส์ ROV!!!!!!
เล่นไปสามเกมส์ได้ MVP ไปสองเกมส์เลยนะ 555
หลังจากเล่นเกมส์เสร็จ….เอ้ย!!!
หลังจากฝนหยุดเราก็จัดซื้อเสบียงเตรียมไว้สำหรับหนึ่งคืน.........
(สาบานได้มั้ย ? ว่าไม่ได้ซื้อไปขาย)
ระหว่างนั้นก็ได้เจอกับพี่น้องชาวสองล้อกลุ่มใหญ่ ที่เพิ่งเดินทางกลับออกมาจาก พุระกำ
แอบถ่ายรูปมาด้วย^^
การเดินทางกันเป็นกลุ่มใหญ่ก็ดูน่าสนุกดี แต่สำหรับผมจำนวนไม่ต้องเยอะ ขอแค่เราคุยเรื่องเดียวกัน รักในสิ่งเดียวกัน และลงมือทำในสิ่งที่เรารักไปพร้อมๆกัน แค่นี้ก็เพียงพอ ไม่เน้นปริมาณเราเน้นคุณภาพ (เอ๊ะ!หรือไม่มีคนคบ 555+)
เอ้า!!!!! ออกเดินทางกันต่อมุ่งหน้า “ พุระกำ ”
ขับตามพิกัด GPS มาเรื่อยๆเราก็ต้องจอดรถอีกครั้ง เพราะเราเจอกับคอกแพะของชาวบ้านที่อยู่ติดริมถนน และมีแพะอยู่เยอะมากๆ เราไม่พลาดโอกาสที่จะลงไปถ่ายภาพ
ระหว่างถ่ายภาพอยู่ก็มีลุงกับป้าคู่หนึ่งเดินตรงเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แกทั้งคู่เป็นเจ้าของแพะที่เรากำลังยืนถ่ายรูปกันอยู่
ป้าแกเล่าให้เราฟังว่า “ แพะพวกนี้เป็นแพะเนื้อ พอน้ำหนักตัวถึง 25 กิโลกรัมก็จะมีคนมารับซื้อถึงที่ และจะถูกส่งไปขายต่อที่ประเทศเพื่อนบ้านที่นิยมเนื้อแพะ ”
รอยยิ้มของคุณลุงที่กำลังอุ้มลูกแพะในคอกมาโชว์เพื่อให้เราถ่ายภาพ ^______^
ยืนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กับแกทั้งคู่อยู่พักใหญ่เราจึงของตัวออกเดินทางต่อ และไม่พลาดที่จะขอถ่ายรูปลุงกับป้าเก็บไว้เป็นที่ระลึก
เวลาที่เราเสียไปส่วนใหญ่คือหมดไปกับการจอดถ่ายภาพข้างทางเรื่อยเปื่อย และการขับออกนอกเส้นทางโดยไม่สนใจพิกัด GPS ^^
จนมารู้สึกตัวอีกทีก็เวลาประมาณ 4 โมงเย็น จึงรีบมุงหน้าไปยังจุดหมาย และเราตกลงกันว่าจะกางเต้นท์นอนในบ้านพุระกำสักคืน
ถนนที่เข้าไปยังบ้านพุระกำเป็นถนนดินแดง ช่วงฤดูฝนทางเลยค่อนข้างลำบากกว่าเดิมหลายเท่า การขับขี่ทำความเร็วได้ไม่มากจึงเสียเวลากับช่วงนี้พอสมควร ( รถเก๋งไม่แนะนำให้มาเลยครับ )
บรรยากาศโดยรอบก็ร่มรื่นและเขียวชอุ่มตลอดเส้นทาง
ไม่นานเราก็มาถึงจุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์จุดหนึ่งของการเดินทางในครั้งนี้
จุดนี้คือฝายชะลอน้ำที่เราจะต้องขับรถผ่านก่อนเข้าไปยังบ้านพุระกำ เราสามารถนำรถผ่านไปได้อย่างสบายๆ
จากจุดนี้เหลือระยะทางอีกเพียง 1 กิโลฯ ก็จะถึงบ้านพุระกำ
จากฝายชะลอน้ำขับมาอีกไม่ไกลเราก็จะมาเจอกับจุดข้ามน้ำจุดที่2
การขับผ่านจุดนี้เป็นการขับผ่านลำห้วย ซึ่งมีความยากกว่าจุดแรกพอสมควร ใต้น้ำจะเป็นก้อนหินก้อนกรวดเล็กใหญ่สลับกันไป ขับดูลายไม่ดีอาจจะนอนเล่นน้ำได้ง่ายๆ^^
จากจุดนี้เหลือระยะทางอีกเพียง 500 เมตรเท่านั้นก็จะถึงบ้านพุระกำจุดหมายปลายทางของเรา
ชิลกันเหลือเกิน!!!!!! ช่างไม่รู้เลยว่าข้างหน้าจะเจออะไร 555+
พอเรามาถึงบ้านพุระกำ เราก็ตรงไปหาผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเพื่อขออนุญาติกางเต้นท์ และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!!!!!
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแจ้งว่า เราต้องทำหนังสือขออนุญาติจากสำนักงานหน่วยจัดการต้นน้ำฯ ถึงจะอนุญาติให้กางเต้นท์ได้......
ฟ๊าคคคคคคคค!!!!!!!
เวลาตอนนี้ประมาณ 18.30น. ทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย สภาพเราสามคนตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากลูกหมาเลย
เราจึงตัดสิ้นใจขับย้อนออกไปหาที่พักข้างนอกโดยไม่จอดแวะที่ไหนแล้ว T_T
ขับรถในป่าตอนกลางคืนนี่โคตรพี๊ค!!!!!!!!
จากบ้านพุระกำระยะทางประมาณ 10 กิโลฯ ( ใช้เวลาขับเท่าไหร่ไม่รู้แต่รู้สึกว่านานโคตรๆ ) ก็มาได้ที่พัก “ ภูอิงผา@สวนผึ้ง ”
พอเห็นที่นอนเท่านั้นแหล่ะขาแข้งมันก็เริ่มอ่อนแรง เหมือนจะพับลงเสียให้ได้
บรรยากาศบริเวณรอบๆที่พักในตอนเช้า
หลังจากใช้พลังงานจากการนอนไปจนหมดเราก็ต้องหาอะไรใส่ท้อง มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ.... มื้อเที่ยงมื้อเย็นก็เช่นกัน^^
ระหว่างกินข้าวเราก็ปรึกษากันว่าจะมุ่งหน้าไปยัง “ สำนักงานหน่วยจัดการต้นน้ำภาชี ” เพื่อขออนุญาติกางเต้นท์ในบ้านพุระกำ
เตรียมเสบียงกันก่อนออกเดินทาง เสบียงที่เตรียมไว้ก่อนหน้าถูกใช้ไปจนเกือบหมด ^_____^
พร้อมแล้วก็ไปยังจุดหมายแรกของวันนี้ “ สำนักงานหน่วยจัดการต้นน้ำภาชี ”
แต่ยังไม่ทันถึงไหนเราก็ขี่ออกนอกเส้นทางกันอีกจนได้!!!
แต่เส้นทางที่เราขี่ออกมานั้นมันช่างน่าสนใจ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือที่ไหนแต่ลองดูบรรยากาศสิ มันจะฟินๆหน่อย^^
บรรยากาศช่างเงียบสงบ พอดับเครื่องมอเตอร์ไซ เราจะได้ยินแต่เสียงลมและเสียงนกร้องเท่านั้น
จุดนี้เราใช้เวลาอยู่นานพอสมควรต่างคนต่างแยกย้ายไปหามุมถ่ายภาพของตัวเอง
วันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดีแดดไม่แรงเราจึงเดินถ่ายรูปกันเพลิน
ขาออกมาเราก็มองหาป้ายบอกทางว่าคือที่ไหน ป้ายเขียนว่า น้ำตกผาชนแดน,อ่างเก็บน้ำผาชลแดน
เป็นทางเข้าที่อึมครึมและวังเวงดูไม่ค่อยน่าขับเข้าไปสักเท่าไหร่
และแล้วเราก็มาถึง สำนักงานหน่วยจัดการต้นน้ำภาชี จังหวัดราชบุรี สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 ( บ้านโป่ง )
เราได้รับการต้อนรับจากพี่สุเนตร ต้นแก้ว หัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำภาชี ราวกับเป็นแขกคนสำคัญ
เรานั่งพูดคุยกันถึงการทำงานของเจ้าหน้าที ภูมิประเทศของพื้นที่บริเวณนี้รวมไปถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในละแวกนี้
หน้าที่การรับผิดชอบของหน่วยจัดการต้นน้ำคือ ดูแลรักษาป่าต้นน้ำไม่ให้ถูกบุกรุก ป้องกันการเกิดไฟป่า ปลูกพืชทดแทนในบริเวณพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม เพาะพันธุ์กล้าไม้ท้องถิ่นแจกให้แก่ชาวบ้านและสร้างฝายชะลอน้ำ
หลังจากพูดคุย พี่สุเนตร ก็ได้ชวนพวกเราพักกางเต้นท์กันที่บริเวณสำนักงาน แน่นนอนเราตอบตกลงทันทีเพราะระยะทางจากสำนักงานกับบ้านพุระกำห่างกันเพียง 2 กิโลฯเท่านั้น
จุดกางเต้นท์ของเรายังอยู่ใกล้กับลำภาชีอีกด้วย
จากการพูดคุยเราได้รับข้อมูลที่น่าแปลกใจคือ
ลำภาชีคือต้นน้ำของแม่น้ำแม่กลอง และยังเป็นแม่น้ำสายเดียวในประเทศไทยที่ไหลจากทิศใต้ขึ้นทิศเหนือ
ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนขี้สงสัย พอกลับถึงบ้านก็เลยลองเปิด Google Map ดู…….เออจริง!!!!!
( ผมลองนั่งลากเส้นสีแดงคร่าวๆพอให้เห็นภาพตาม )
จริงแล้วความรู้พวกนี้มันอาจไม่ได้ทำให้เราฉลาดขึ้น “ แต่มันทำให้เรารู้จักโลกมากขึ้น ”
หลังจากนั้นเราจึงขอตัวเพื่อไปยังบ้านพุระกำกันต่อ และไม่พลาดที่จะขอเก็บภาพกับพี่ๆเจ้าหน้าที่ไว้เป็นที่ระลึก