โรค MS และ NMO ทั้ง 2 โรคมีอาการคล้ายกัน เหมือนเป็นโรคพี่น้องกัน แต่โรค NMO อาการจะหนักกว่า MS ซึ่งวิธีการรักษาของทั้ง 2 โรคจะคล้ายกัน คือถ้าขณะที่กำลังมีอาการกำเริบ วิธีการรักษาคือ
1. การให้ยาสเตียรอยร์แบบฉีด (Methylprednisolone) ซึ่งจะให้ 3 หรือ 5 หรือ 7 วัน แล้วแต่ความหนักเบาของอาการของผู้ป่วยแต่ละคน ซึ่งวิธีนี้เป็นการให้เหมือนให้น้ำเกลือ คือให้ยาเข้าเ้นเลือด โดยผู้ป่วยจะนอนให้ยาที่รพ. หรือให้ยาแบบไปกลับก็ได้ ซึ่งบางท่านที่รักษาที่รพ.ของรัฐบาล จะค่อนข้างหาเตียงยาก หากคนไข้ยังสามารถช่วยเหลือตนเองได้ อาจให้แบบไปกลับ โดยแต่ละวันจะต้องให้ยาเวลาเดียวกัน เพราะต้องให้ยาห่างกัน 24 ชม. เพื่อไม่ให้ยาไปต้านฤทธิ์กัน แต่ถ้าให้ยาแบบไปกลับ ก็จะต้องมาเปิดเ้นให้ยาใหม่ โดยส่วนมากจะไม่มีการเปิดเส้นทิ้งไว้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
2. หากให้ยาสเตียรอยด์แล้วไม่ได้ผล คืออาการไม่ดีขึ้นหรืออาการแย่ลง จะมีการทำ Plasma Exchange เป็น step ต่อไป การทำ Plasma Exchange นี้ คล้ายกับการฟอกไต คือการทำเปลี่ยนถ่ายเลือด โดยจะมีการเปิดเส้น เจาะที่คอ หรือขาหนีบ หรือที่แขน ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการดึงเอาเลือดออกมา แล้วแยกนน้ำเหลืองออกจากเลือด พร้อมทั้งใส่สรอาหารเข้าไปแทน ซึ่งวิธีนี้ก็จะใช้เวลาทำประมาณ 5 หรือ 7 วันแล้วแต่อาการของผู้ป่วยเช่นกัน โดยจะทำวันเว้นวัน
3. หากวิธีทำ Plasma Exchange ยังไม่ได้ผล ก็จะต้องใช้วิธีการให้ IVIG โดยวิธีรักษาแบบการให้ IVIG คือ การให้ภูมิคุ้มกันทางหลอดเลือดดำ โดยทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณา โดยอาจจะให้ 3 วันหรือ 5 วันแล้วแต่อาการของคนไข้
หากมีอาการกำเริบ หลังจากให้ยาหรือรักษาตามวิธีดังกล่าวแล้ว แพทย์มักจะให้ยาสเตียรอยด์แบบทาน (Prednisolone) ต่อโดยประมาณ 2 อาทิตย์ หากอาการยังดีขึ้นไม่มาก แพทย์อาจพิจารณาให้ทานยาสตียรอยด์ต่อ
โดยคนไข้โรค MS และ NMO จะต้องทานยากดภูมิต้านทานควบคู่ด้วย ซึ่งคนไข้โรค MS จะมียากดภูมิทั้งแบบทานและแบบฉีด ซึ่งแบบทานก็จะเป็นยา Azathioprine หรือ Fingolimod หรือยาฉีดคือ Interferon beta หรือ Rebif
และคนไข้โรค NMO ก็เช่นเดียวกัน โดยคนไข้จะต้องทานยากดภูมิคือยา Azathioprine หรือ Cellcept โดยโรค NMO จะไม่สามารถใช้ยาฉีดได้ เนื่องจากอาจทำให้โรคเกิดการกำเริบขึ้นได้
**หากข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจนประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ**
วิธีการรักษาของโรค MS และ NMO (โรคปลอกหุ้มประสาทอักเสบ)
1. การให้ยาสเตียรอยร์แบบฉีด (Methylprednisolone) ซึ่งจะให้ 3 หรือ 5 หรือ 7 วัน แล้วแต่ความหนักเบาของอาการของผู้ป่วยแต่ละคน ซึ่งวิธีนี้เป็นการให้เหมือนให้น้ำเกลือ คือให้ยาเข้าเ้นเลือด โดยผู้ป่วยจะนอนให้ยาที่รพ. หรือให้ยาแบบไปกลับก็ได้ ซึ่งบางท่านที่รักษาที่รพ.ของรัฐบาล จะค่อนข้างหาเตียงยาก หากคนไข้ยังสามารถช่วยเหลือตนเองได้ อาจให้แบบไปกลับ โดยแต่ละวันจะต้องให้ยาเวลาเดียวกัน เพราะต้องให้ยาห่างกัน 24 ชม. เพื่อไม่ให้ยาไปต้านฤทธิ์กัน แต่ถ้าให้ยาแบบไปกลับ ก็จะต้องมาเปิดเ้นให้ยาใหม่ โดยส่วนมากจะไม่มีการเปิดเส้นทิ้งไว้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
2. หากให้ยาสเตียรอยด์แล้วไม่ได้ผล คืออาการไม่ดีขึ้นหรืออาการแย่ลง จะมีการทำ Plasma Exchange เป็น step ต่อไป การทำ Plasma Exchange นี้ คล้ายกับการฟอกไต คือการทำเปลี่ยนถ่ายเลือด โดยจะมีการเปิดเส้น เจาะที่คอ หรือขาหนีบ หรือที่แขน ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการดึงเอาเลือดออกมา แล้วแยกนน้ำเหลืองออกจากเลือด พร้อมทั้งใส่สรอาหารเข้าไปแทน ซึ่งวิธีนี้ก็จะใช้เวลาทำประมาณ 5 หรือ 7 วันแล้วแต่อาการของผู้ป่วยเช่นกัน โดยจะทำวันเว้นวัน
3. หากวิธีทำ Plasma Exchange ยังไม่ได้ผล ก็จะต้องใช้วิธีการให้ IVIG โดยวิธีรักษาแบบการให้ IVIG คือ การให้ภูมิคุ้มกันทางหลอดเลือดดำ โดยทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณา โดยอาจจะให้ 3 วันหรือ 5 วันแล้วแต่อาการของคนไข้
หากมีอาการกำเริบ หลังจากให้ยาหรือรักษาตามวิธีดังกล่าวแล้ว แพทย์มักจะให้ยาสเตียรอยด์แบบทาน (Prednisolone) ต่อโดยประมาณ 2 อาทิตย์ หากอาการยังดีขึ้นไม่มาก แพทย์อาจพิจารณาให้ทานยาสตียรอยด์ต่อ
โดยคนไข้โรค MS และ NMO จะต้องทานยากดภูมิต้านทานควบคู่ด้วย ซึ่งคนไข้โรค MS จะมียากดภูมิทั้งแบบทานและแบบฉีด ซึ่งแบบทานก็จะเป็นยา Azathioprine หรือ Fingolimod หรือยาฉีดคือ Interferon beta หรือ Rebif
และคนไข้โรค NMO ก็เช่นเดียวกัน โดยคนไข้จะต้องทานยากดภูมิคือยา Azathioprine หรือ Cellcept โดยโรค NMO จะไม่สามารถใช้ยาฉีดได้ เนื่องจากอาจทำให้โรคเกิดการกำเริบขึ้นได้
**หากข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจนประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ**