ตั้งท้องได้จะเข้า 5 เดือนแล้วค่ะ พ่อของลูกรับรู้แต่ไม่เคยมาหา เรากับพี่เขาอยู่กันคนละจังหวัด ต่างคนต่างทำงานค่ะ ทำธุรกิจส่วนตัวทั้งคู่ และยังไม่ได้แต่งงานกัน เนื่องด้วยเราทำงานอาชีพสายเดียวกันก็เลยมีโอกาสได้เจอพี่เขา เขามาจีบเราก่อน ซึ่งตอนนั้นพี่เขาทั้งความคิดและภาวะการเป็นผู้นำดีมาก มันก็เลยทำให้เราเผลอใจและคิดว่าคนนี้แหละคือคู่ชีวิตคนนี้แหละที่เราอยากสร้างครอบครัวด้วย เราก็เลยตัดสินใจคบกัน ต้องบอกก่อนว่าพี่เขาเคยมีครอบครัว มีลูกติด 1 คน (ภรรยาเก่าเสียแล้ว) เราทั้งคู่ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่เขาไม่ว่างเลยค่ะ บอกติดงานตลอดเราก็เข้าใจนะ ไม่เป็นไรเราอยู่ได้ แต่ในที่สุดเรื่องราวมันไม่ได้สวยงามขนาดนั้น วันเวลาทำให้เขาเปลี่ยนไปจากเคยโทรหาเราบ่อยๆ กลายเป็นเราต้องโทรตามโทรหาซะเอง คนอยู่ไกลกันเนอะทางเดียวที่จะได้คุยกันคือโทรศัพท์ และ ไลน์ พักหลังๆเขาไม่รับสายเราและไม่ตอบไลน์เลย มีบ้างที่โทรกลับมาแต่น้อยมากค่ะ เขาเริ่มเปลี่ยนไปก่อนที่จะรู้ว่าเราท้อง เราก็โอเคไม่เป็นไรแอบทำใจอยู่ลึกๆ แต่ตอนนี้สถานะมันไม่ใช่เราตัวคนเดียวแล้วไงตอนนี้เรายังมีลูกของเขาอยู่ในท้อง พอรู้ว่าท้องก็แค่บอกเขาว่าเราอยากเจอ นัดเขาไปที่เกาะล้าน เขาบอกให้เราข้ามเกาะไปก่อนเด๋ยวเขาจะตามไป แต่เขาเบี้ยวเราค่ะเขาไม่มาสรุปคือวันนั้นเราต้องนอนที่เกาะคนเดียว วันนั้นก็เลยตัดสินใจส่งรูปผลตรวจครรภ์ให้เขา เขาก็รับรู้นะแต่เขาก็ไม่ตามมาอยู่ดี และหลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้เขาก็ไม่มาหาเราเลย
ที่บ้านรับรู้แล้วว่าท้อง เราก็รอวันที่เขาจะมาหาพ่อกับแม่ นัดกันเดือนเมษา ใกล้วันนัดก็ไม่มาค่ะ เขาบอกอย่างเดียวคือติดปัญหาเรื่องงาน และยังบอกกับเราว่า " พี่จะไม่ทิ้งหนู พี่ขอโทษที่ไปไม่ได้ " และเขาก็รับปากเราตลอดเวลาว่าเขาจะไม่ทิ้งๆ แต่การกระทำของเขามันไม่ใช่ไง เขาไม่มาหาเราเลย ไม่มีแม้แต่จะโทร พอเราถามเยอะขึ้นโทรจิ๊กเยอะขึ้น บ่นมากขึ้น เขาก็รำคราญเรา เราน้อยใจค่ะ เสียใจ เราไปฝากท้องคนเดียว เดินทางไปไหนคนเดียวเราต่อสู้อะไรๆคนเดียวหมดทุกอย่าง ทั้งเรื่องที่บ้านต้องก้มหน้ายอมรับกับพ่อและแม่ไปว่าเราท้องไม่มีพ่อ ที่บ้านเราเสียใจมากค่ะแต่พ่อกับแม่ก็คอยปลอบใจเราเสมอ เราต้องเดินทางไปๆมาๆ กทม - เชียงใหม่ ทุกเดือน เพราะเรามีธุรกิจอยู่ที่นั้น กลับเชียงใหม่ทีนึงก็ยังดีขึ้นบ้างเพราะครอบครัวเราอยู่ที่เชียงใหม่กลับไปก็ยังมีแม่คอยพูดคุยด้วยไม่ทำให้คิดมากเท่าไหร่ แต่ถึงเวลาที่ต้องกลับมา กทม ตือเราต้องดูแลตัวเองทุกอย่างคนเดียวจริงๆ เราท้อเหลือเกินค่ะ ทำยังไงเขาก็ไม่มาหาเราเคยคุยกันเขาบอกว่าพี่ทำงานกลางวันถ้าโทรไปเขาไม่รับเขาจะโทรกลับเองและเขาก็รับปากว่าจะมาหาเราหลังจากเสร็จงาน ซึงจังหวัดที่เขาอยู่กับ กทม. มันแค่ 400 กว่าโลเองถ้าเขาจะมาจริงๆทำไมมันจะมาไม่ได้ละ และมันน่าแปลกไหมค่ะช่วงกลางคืนเราโทรไป 10 ๆ สายเขาไม่รับสายเราเลยเราไม่ได้จะตามอะไรขนาดนั้นนะบางทีมันมีเรื่องงานที่ต้องคุยกันพอเป็นแบบนี้ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวก็เลยเดินต่อไม่ได้ค่ะ
เราเป็นคนที่โมโหรุนแรงถ้าเขาไม่รับสายและทำไม่ได้อย่างที่รับปากเราจะไลน์ไปบ่นให้เขาเขาก็บอกว่าเราไม่มีเหตุผลเคยบอกกับเขาแล้วนะ ว่าถ้าไม่อยากมีปัญหากันก็รับสายกันบอกดีๆก็ได้ว่าไม่สะดวกหรืออะไรก็บอกกัน เขาปรับปรุงเป็นพักๆ แล้วก็กลับมาทำแบบเดิมซ้ำๆ บางครั้งบอกจะโทรกลับหาเรา ก็ไม่โทรเราก็รอทั้งคืนเลย โทรไปก็ไม่รับอีก เพื่อนๆว่าการกระทำของเขามันน่าบ่นไหมละ
ช่วงเวลาที่เราอยู่ กทม เราตกเลือด 2 ครั้ง ต้องเข้าออก รพ. บ่อยขึ้น อาทิตย์ที่ผ่านมาก็เพ่งออกจาก รพ. ช่วงที่อยู่ รพ. เราก็ต้องดูแลตัวเองคนเดียวไป รพ. ยังต้องขับรถไปเองทั้งๆที่เลือดไหลเราโทรบอกเขาบอกว่าเราอยู่ รพ.นะ หมอให้นอนทั้งคืนนั้นเขาก็ไม่โทรกลับมาหาเราเลยค่ะ รุ่งเช้าพอตั้งสติได้ก็จับมือถือโทรหาเขาก่อนเลยก็ไม่รับสายช่วงบ่ายๆโทรกลับมาหาเรา ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง นู้นนี่นั้น เราก็บ่นเขาไปน้ำเสียงเขาเหมือนรำคราญเราก็ร้องไห้จุดนั้นพูดอะไรไม่ออกแล้วค่ะ เอามือลูบท้องคุยกับลูกว่าเราจะเข้มแข็งนะ ช่วงเวลานั้นมันเจ็บทั้งกายทั้งใจหดหู่มากไม่รู้จะอธิบายยังไงวันทั้งวันได้นั้งคิดทบทวนถึงชีวิตเรากับลูกในวันข้างหน้านั้งถามกับใจตัวเองว่าเราจะอยู่ได้ไหมถ้าเราตัดเขาออกไป เราพร้อมไหมที่คลอดลูกเอง หรือเราจะรอเขาให้เขามาหา คิดต่างๆนาๆ ระเบิดในหัวสมองไปหมดร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน ไม่กล้าโทรบอกที่บ้านไม่อยากให้เขาต้องคิดมากเพราะเรา ความต้องการของเราตอนนี้คือแค่อยากให้เขามาหาเราบ้างใส่ใจเราบ้างเราอุ้มท้องลูกเขานะเขาเคยคิดไหมเคยนึกถึงใจเราไหม มีแต่คำถามเต็มหัวไปหมด เรื่องเงินทองเราก็ไม่เคยร้องขออะไรเลยขอแค่ให้เขานึกถึงเราบ้าง หรือ ถ้าเขามีใครถ้าเขาไม่ต้องการเราอยากให้เขาบอกตรงๆมากกว่าค่ะ ไม่ใช่ก่ำกึ่งแบบนี้ที่เราอดทนได้มากขนาดนี้ลึกๆ ก็หวังว่าเรากับเขาจะปรับความเข้าใจและสร้างครอบครัวกันได้ แต่ยิ่งอดทนยิ่งทรมานเขาก็ยิ่งห่างเราไปทุกที
2-3 วันที่ผ่านมาตอนออกจาก รพ. กลับมาที่คอนโดนั้งคิดทบทวนอีกรอบเลยตัดสินใจบอกเขาไปว่าเราขอชีวิตใหม่กับลูกในเมื่อเขาไม่ต้องการเราเราก็จะไป ข้อความสุดท้ายที่เราพิมพ์ส่งในไลน์ไป มีดั้งนี้ค่ะ
" ถ้าวันนี้พี่รู้สึกรำคราญหนูให้พี่ดูข้อความนี้ไว้นะ ลองอ่านให้จบ
1. ตั้งแต่ที่บ้านรู้ว่าหนูท้อง พ่อรับไม่ได้เลยต้องการรู้ว่าพ่อของลูกในท้องหนูเป็นใคร คนเป็นพ่อแม่คนมันไม่มีใครรับได้ อีกอย่างทั้งชื่อเสียงเกรียติยศตำแหน่งของที่บ้านไม่สามารถอยู่ในวงสังคมได้เหมือนเดิมเพราะหนู
หนูยอมทนให้คนอื่นเขารู้ว่าหนูท้องไม่มีพ่อไม่ใช่ว่าหนูเลือกผิด แต่หนูรู้ว่าพี่ไม่พร้อมที่มาหา หนูเลือกปกป้องพี่เพื่อให้เวลาพี่ให้พี่ได้ใช้ชีวิตปกติรอวันที่พี่มาหา
2. หนูถอนชื่อพี่ออกตอนฝากท้อง เพราะหนูรู้ว่ายังไงพอต้องสืบอยู่ดีถ้ารู้ชื่อหนูไม่อยากให้พี่เดือดร้อน
3.หนูเลือกที่จะไม่ไปหาไม่ไปตามทั้งๆที่รู้บ้านพี่เพราะหนูเชื่อใจพี่เสมอ
4. หนูตกเลือดเข้า รพ. 2 ครั้ง หนูเลือกที่จะไม่บอกที่บ้านเพราะรู้ว่าถ้าเขามาเขาต้องถามถึงพี่อีกซึ่งหนูเลือกจะไม่บอกไปเลยดีกว่า
ข้อสุดท้าย ทั้งชีวิตที่หนูมีหนูให้พี่ไปหมดแล้ว ความเสียสละ ความอดทน ความเจ็บปวด และลูกของเราที่กำลังจะเกิดมาหนูก็จะไม่ให้เขาไปวุ่นวายอะไรในชีวิตพี่ หนูจะไม่บ่นหนูจะไม่ว่าอะไรพี่อีกที่หนูเป็นแบบนี้หนูแค่ต้องการความใส่ใจแต่ถ้าวันนี้ความรุ้สึกที่พี่มีมันไปต่อไปไม่ได้หนูก็จะเข้าใจ
หนูสัญญาว่าจะไม่ขอร้องจะไม่บ่นอะไรอีก
ทุกๆวันที่พี่มีพี่ใช้ชีวิตได้ปกติแล้วพี่ลองหันกลับมามองหนูบ้างไหม หนูต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง
หนูกับลูก และครอบครัวของหนูเสียสละเพื่อพี่มากพอรึยัง... "
เขาเปิดอ่านค่ะ และ วันนั้นจนถึงวันนี้เขาก็ไม่ติดต่อเรามาอีกเลย และเราก็ปล่อยวางทุกอย่างเลือกที่จะเงียบไม่ตามเขาเหมือนที่ผ่านมาเราไม่มีแรงที่จะตามเขาแล้วค่ะ ...
ท้องได้ 5 เดือนจะตัดสินใจเป็น Single Mom หรือ ตามพ่อของลูกกลับมาดีค่ะ
ที่บ้านรับรู้แล้วว่าท้อง เราก็รอวันที่เขาจะมาหาพ่อกับแม่ นัดกันเดือนเมษา ใกล้วันนัดก็ไม่มาค่ะ เขาบอกอย่างเดียวคือติดปัญหาเรื่องงาน และยังบอกกับเราว่า " พี่จะไม่ทิ้งหนู พี่ขอโทษที่ไปไม่ได้ " และเขาก็รับปากเราตลอดเวลาว่าเขาจะไม่ทิ้งๆ แต่การกระทำของเขามันไม่ใช่ไง เขาไม่มาหาเราเลย ไม่มีแม้แต่จะโทร พอเราถามเยอะขึ้นโทรจิ๊กเยอะขึ้น บ่นมากขึ้น เขาก็รำคราญเรา เราน้อยใจค่ะ เสียใจ เราไปฝากท้องคนเดียว เดินทางไปไหนคนเดียวเราต่อสู้อะไรๆคนเดียวหมดทุกอย่าง ทั้งเรื่องที่บ้านต้องก้มหน้ายอมรับกับพ่อและแม่ไปว่าเราท้องไม่มีพ่อ ที่บ้านเราเสียใจมากค่ะแต่พ่อกับแม่ก็คอยปลอบใจเราเสมอ เราต้องเดินทางไปๆมาๆ กทม - เชียงใหม่ ทุกเดือน เพราะเรามีธุรกิจอยู่ที่นั้น กลับเชียงใหม่ทีนึงก็ยังดีขึ้นบ้างเพราะครอบครัวเราอยู่ที่เชียงใหม่กลับไปก็ยังมีแม่คอยพูดคุยด้วยไม่ทำให้คิดมากเท่าไหร่ แต่ถึงเวลาที่ต้องกลับมา กทม ตือเราต้องดูแลตัวเองทุกอย่างคนเดียวจริงๆ เราท้อเหลือเกินค่ะ ทำยังไงเขาก็ไม่มาหาเราเคยคุยกันเขาบอกว่าพี่ทำงานกลางวันถ้าโทรไปเขาไม่รับเขาจะโทรกลับเองและเขาก็รับปากว่าจะมาหาเราหลังจากเสร็จงาน ซึงจังหวัดที่เขาอยู่กับ กทม. มันแค่ 400 กว่าโลเองถ้าเขาจะมาจริงๆทำไมมันจะมาไม่ได้ละ และมันน่าแปลกไหมค่ะช่วงกลางคืนเราโทรไป 10 ๆ สายเขาไม่รับสายเราเลยเราไม่ได้จะตามอะไรขนาดนั้นนะบางทีมันมีเรื่องงานที่ต้องคุยกันพอเป็นแบบนี้ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวก็เลยเดินต่อไม่ได้ค่ะ
เราเป็นคนที่โมโหรุนแรงถ้าเขาไม่รับสายและทำไม่ได้อย่างที่รับปากเราจะไลน์ไปบ่นให้เขาเขาก็บอกว่าเราไม่มีเหตุผลเคยบอกกับเขาแล้วนะ ว่าถ้าไม่อยากมีปัญหากันก็รับสายกันบอกดีๆก็ได้ว่าไม่สะดวกหรืออะไรก็บอกกัน เขาปรับปรุงเป็นพักๆ แล้วก็กลับมาทำแบบเดิมซ้ำๆ บางครั้งบอกจะโทรกลับหาเรา ก็ไม่โทรเราก็รอทั้งคืนเลย โทรไปก็ไม่รับอีก เพื่อนๆว่าการกระทำของเขามันน่าบ่นไหมละ
ช่วงเวลาที่เราอยู่ กทม เราตกเลือด 2 ครั้ง ต้องเข้าออก รพ. บ่อยขึ้น อาทิตย์ที่ผ่านมาก็เพ่งออกจาก รพ. ช่วงที่อยู่ รพ. เราก็ต้องดูแลตัวเองคนเดียวไป รพ. ยังต้องขับรถไปเองทั้งๆที่เลือดไหลเราโทรบอกเขาบอกว่าเราอยู่ รพ.นะ หมอให้นอนทั้งคืนนั้นเขาก็ไม่โทรกลับมาหาเราเลยค่ะ รุ่งเช้าพอตั้งสติได้ก็จับมือถือโทรหาเขาก่อนเลยก็ไม่รับสายช่วงบ่ายๆโทรกลับมาหาเรา ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง นู้นนี่นั้น เราก็บ่นเขาไปน้ำเสียงเขาเหมือนรำคราญเราก็ร้องไห้จุดนั้นพูดอะไรไม่ออกแล้วค่ะ เอามือลูบท้องคุยกับลูกว่าเราจะเข้มแข็งนะ ช่วงเวลานั้นมันเจ็บทั้งกายทั้งใจหดหู่มากไม่รู้จะอธิบายยังไงวันทั้งวันได้นั้งคิดทบทวนถึงชีวิตเรากับลูกในวันข้างหน้านั้งถามกับใจตัวเองว่าเราจะอยู่ได้ไหมถ้าเราตัดเขาออกไป เราพร้อมไหมที่คลอดลูกเอง หรือเราจะรอเขาให้เขามาหา คิดต่างๆนาๆ ระเบิดในหัวสมองไปหมดร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน ไม่กล้าโทรบอกที่บ้านไม่อยากให้เขาต้องคิดมากเพราะเรา ความต้องการของเราตอนนี้คือแค่อยากให้เขามาหาเราบ้างใส่ใจเราบ้างเราอุ้มท้องลูกเขานะเขาเคยคิดไหมเคยนึกถึงใจเราไหม มีแต่คำถามเต็มหัวไปหมด เรื่องเงินทองเราก็ไม่เคยร้องขออะไรเลยขอแค่ให้เขานึกถึงเราบ้าง หรือ ถ้าเขามีใครถ้าเขาไม่ต้องการเราอยากให้เขาบอกตรงๆมากกว่าค่ะ ไม่ใช่ก่ำกึ่งแบบนี้ที่เราอดทนได้มากขนาดนี้ลึกๆ ก็หวังว่าเรากับเขาจะปรับความเข้าใจและสร้างครอบครัวกันได้ แต่ยิ่งอดทนยิ่งทรมานเขาก็ยิ่งห่างเราไปทุกที
2-3 วันที่ผ่านมาตอนออกจาก รพ. กลับมาที่คอนโดนั้งคิดทบทวนอีกรอบเลยตัดสินใจบอกเขาไปว่าเราขอชีวิตใหม่กับลูกในเมื่อเขาไม่ต้องการเราเราก็จะไป ข้อความสุดท้ายที่เราพิมพ์ส่งในไลน์ไป มีดั้งนี้ค่ะ
" ถ้าวันนี้พี่รู้สึกรำคราญหนูให้พี่ดูข้อความนี้ไว้นะ ลองอ่านให้จบ
1. ตั้งแต่ที่บ้านรู้ว่าหนูท้อง พ่อรับไม่ได้เลยต้องการรู้ว่าพ่อของลูกในท้องหนูเป็นใคร คนเป็นพ่อแม่คนมันไม่มีใครรับได้ อีกอย่างทั้งชื่อเสียงเกรียติยศตำแหน่งของที่บ้านไม่สามารถอยู่ในวงสังคมได้เหมือนเดิมเพราะหนู
หนูยอมทนให้คนอื่นเขารู้ว่าหนูท้องไม่มีพ่อไม่ใช่ว่าหนูเลือกผิด แต่หนูรู้ว่าพี่ไม่พร้อมที่มาหา หนูเลือกปกป้องพี่เพื่อให้เวลาพี่ให้พี่ได้ใช้ชีวิตปกติรอวันที่พี่มาหา
2. หนูถอนชื่อพี่ออกตอนฝากท้อง เพราะหนูรู้ว่ายังไงพอต้องสืบอยู่ดีถ้ารู้ชื่อหนูไม่อยากให้พี่เดือดร้อน
3.หนูเลือกที่จะไม่ไปหาไม่ไปตามทั้งๆที่รู้บ้านพี่เพราะหนูเชื่อใจพี่เสมอ
4. หนูตกเลือดเข้า รพ. 2 ครั้ง หนูเลือกที่จะไม่บอกที่บ้านเพราะรู้ว่าถ้าเขามาเขาต้องถามถึงพี่อีกซึ่งหนูเลือกจะไม่บอกไปเลยดีกว่า
ข้อสุดท้าย ทั้งชีวิตที่หนูมีหนูให้พี่ไปหมดแล้ว ความเสียสละ ความอดทน ความเจ็บปวด และลูกของเราที่กำลังจะเกิดมาหนูก็จะไม่ให้เขาไปวุ่นวายอะไรในชีวิตพี่ หนูจะไม่บ่นหนูจะไม่ว่าอะไรพี่อีกที่หนูเป็นแบบนี้หนูแค่ต้องการความใส่ใจแต่ถ้าวันนี้ความรุ้สึกที่พี่มีมันไปต่อไปไม่ได้หนูก็จะเข้าใจ
หนูสัญญาว่าจะไม่ขอร้องจะไม่บ่นอะไรอีก
ทุกๆวันที่พี่มีพี่ใช้ชีวิตได้ปกติแล้วพี่ลองหันกลับมามองหนูบ้างไหม หนูต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง
หนูกับลูก และครอบครัวของหนูเสียสละเพื่อพี่มากพอรึยัง... "
เขาเปิดอ่านค่ะ และ วันนั้นจนถึงวันนี้เขาก็ไม่ติดต่อเรามาอีกเลย และเราก็ปล่อยวางทุกอย่างเลือกที่จะเงียบไม่ตามเขาเหมือนที่ผ่านมาเราไม่มีแรงที่จะตามเขาแล้วค่ะ ...