JJNY : "นวลน้อย" วิพากษ์ 3 ปี คสช. กังขาภาษีมรดก-ที่ดิน ลงทุนไม่ขยับเศรษฐกิจไม่ฟื้น

กระทู้คำถาม
สัมภาษณ์พิเศษ

3 ปี 4 คณะรัฐมนตรี 2 แม่ทัพเศรษฐกิจของรัฐบาล-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชูโรงด้วยผลงาน ปั๊ม "หัวใจเศรษฐกิจ" ให้ลุกขึ้นจากเตียงด้วยตัวเลข GDP แตะ 3 เปอร์เซ็นต์ งัดสารพัดมาตรการฉุกเฉิน-เร่งด่วน ขึ้นมาใช้

"ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์" อาจารย์ประจำสาขาเศรษฐศาสตร์-การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวาระ 3 ปี คสช. ประเมินผลงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจทุกระดับชนชั้น

- นโยบายทางเศรษฐกิจเรื่องใดบ้างที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

รัฐบาลทำเยอะ แต่ที่เป็นรูปธรรมยังไม่ชัดเจน ดูเหมือนรัฐบาลแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

- รัฐบาลทหารมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดการปฏิรูปเรื่องยาก ๆ ทำไมถึงไม่สำเร็จ

แม้จะเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่กลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มอำนาจในสังคมทางเศรษฐกิจมีอยู่มาก ไม่ใช่กลุ่มหนึ่งขึ้นมาแล้วอยากจะทำอะไรก็ทำได้ทันที อยากจะหันซ้ายหันขวาก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นรัฐบาลขึ้นมาด้วยอำนาจพิเศษแบบนี้อาจจะมีอำนาจมากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอาจทำได้เร็ว แต่ถ้าไม่มีความรอบคอบ กฎ กติกาที่ออกมาอาจไม่สามารถใช้การได้เช่นกัน ใช้แล้วมีปัญหา กลายเป็นกระแสตีกลับมายังรัฐบาล หลายเรื่องได้ผลเฉพาะเริ่มต้นแต่พอเวลาผ่านไปก็กลับสู่สภาพเดิม

- ระดับความหวังที่จะเห็นการปฏิรูปเรื่องยาก ๆ ของรัฐบาล

(ตอบสวนทันที) กระบวนการยุติธรรม ไม่ได้หมายถึงศาลอย่างเดียว เริ่มต้นจากตำรวจ กว่ารัฐบาลจะหยิบเรื่องนี้มาทำก็ล่วงเลยเข้าสู่ปีที่ 3 และยังไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะหากย้อนกลับไปดูการปฏิรูปตำรวจหลายสมัย ปฏิรูปทีไร ตำรวจก็ใหญ่ขึ้นทุกที ถ้าไม่ปฏิรูปจะไปต่อได้หรือไม่ ลำบาก เพราะโลกสมัยใหม่ต้องอยู่กับกฎ ระเบียบ กติกา มากขึ้น เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจผูกโยงกันมากขึ้น เช่น เรื่องการลงทุน ต้องปฏิรูปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎ ระเบียบ กติกา ถ้าไม่ทำจะเกิดความลักลั่น กฎ กติกา ไม่สามารถบังคับใช้ได้และยังหาประโยชน์จากคนที่กำกับ ควบคุมกฎ กติกานั้น

- ผลงานที่โดดเด่นของ คสช. 3 ปีที่ผ่านมาคืออะไร

ในเชิงเศรษฐกิจต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกมีปัญหาอย่างต่อเนื่องพอสมควร ยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดการณ์ ส่งผลที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เรื่องของสินค้าเกษตรที่ตกต่ำกระทบต่อกลุ่มคนจน

รัฐบาลแก้ปัญหารายวัน รายสัปดาห์ เลยเห็นผลงานรัฐบาลที่ประกาศจะทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะ แต่รัฐบาลปัจจุบันมาด้วยวิธีพิเศษและเรียกร้องให้มาทำการปฏิรูป แนวทางปฏิรูปเรื่องใหญ่ ๆ ที่คนคาดหวังก็ไปไม่ไกลเท่าไหร่ และจะเอาเรื่องนี้ไปบรรจุในยุทธศาสตร์ชาติก็จะผัดไปอีก ผลงานที่ดูเป็นชิ้นเป็นอันจึงไม่น่าประทับใจ

เรื่องกฎหมายภาษีมรดก แทบจะไม่มีคนต้องเสียภาษี เพราะเพดานเงินหรือจำนวนที่จะต้องจ่ายถูกกำหนดสูงมาก ขณะเดียวกันกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ออกมาก็ทำให้เกิดข้อกังขาเยอะ มีข้อยกเว้นสูงมาก สุดท้ายรัฐบาลผลักดันกฎหมายภาษีสองฉบับออกมาได้ แต่ก็ไม่มีประสิทธิผลมากนัก

เรื่องตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ขยายตัว 3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคนคาดหวังว่าจะโตกว่านี้อีกหน่อยเมื่อเทียบกับประเทศอาเซียนเก่า เรายังเติบโตน้อย เป็นแรงกดดันที่ส่งผลต่อรัฐบาลว่าเศรษฐกิจไม่ฟื้น แต่ปัญหาหลัก ๆ นอกจากจะไม่โตสูงกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ ยังกระจุกตัว เป็นปัญหาสองเด้ง คนที่อยู่ในระดับรายได้น้อย เกษตรกร คนจน ทำให้กำลังซื้อหดตัว ดันไม่ขึ้น

สิ่งที่รัฐบาลทำคิดว่าถูก แต่ไม่ได้โดดเด่น ความพยายามกระตุ้นให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่ แต่การลงทุนภาคเอกชนยังน้อย ดังนั้นที่คิดว่าการลงทุนภาครัฐจะช่วย แต่ผ่านมา 3 ปี มีการลงทุนขนาดใหญ่อะไรบ้าง มีการพูดเยอะแต่ผลที่เห็น รู้สึกว่ามันน้อยไปหน่อย ลงทุนแล้วสิ่งที่เป็นรูปธรรมอยู่ตรงไหน จับต้องไม่ได้

- ที่บอกว่าโตกระจุก ไปกระจุกตัวอยู่ตรงไหน

เราบอกว่าจีดีพีโต 3 เปอร์เซ็นต์ แต่ตลาดหุ้นแม้จะผันผวน แต่ใน 2-3 ปี กลับโตมากกว่าเศรษฐกิจไทย สวนทางกับจำนวนคนที่มาลงทะเบียนคนจนมีจำนวนมาก เป็นตัวที่สะท้อนว่าการเติบโตกระจุกตัวในบางภาคเศรษฐกิจเท่านั้น พอคนจนเยอะ ทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ขึ้น มีปัญหากำลังซื้อ

การให้สวัสดิการแห่งรัฐแก่คนจนที่จริงแล้วรัฐบาลควรทำให้เป็นระบบมากกว่านี้ เช่น เรื่องการทำภาษีติดลบ negative tax สำหรับคนจนให้อยู่ในระบบ เมื่อรายได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นรัฐบาลมีเงินอุดหนุนให้ แต่เมื่อขึ้นถึงระดับหนึ่งก็ไม่ต้องจ่ายเงินอุดหนุน

- นโยบายของรัฐบาลพยายามช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แต่ทำไมยังจนกระจาย

รัฐบาลช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แต่จริง ๆ สิ่งที่ออกมาเป็นเหมือนน้ำจิ้ม

- 3 ปีที่ผ่านมารัฐบาลสนใจเฉพาะเศรษฐกิจมหภาค เพื่อให้จีดีพีดูดี แต่เศรษฐกิจปากท้องรัฐบาลไม่ได้ลงมาดูอย่างจริงจัง

รัฐบาลก็พยายามมาดูโดยผ่านโครงการประชารัฐ จะบอกว่าไม่ทำไม่ได้ แต่ทำแล้วได้ผลขนาดไหนเป็นอีกเรื่อง แต่จะมีความยากลำบากอยู่ เศรษฐกิจของคนภาคเกษตรพึ่งพิงกับตลาดโลก จึงไม่ได้ผลแพร่กระจายเท่าที่ควร

- มองบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่เกาะเกี่ยวในนโยบายประชารัฐอย่างไร

รัฐบาลมองว่าต้องใช้คนที่ทำธุรกิจเก่งมาช่วยเพราะปัญหาที่มีมักจะเป็นปัญหาเรื่องการตลาดแต่พอลงไปจริง ๆ จะใช่หรือเปล่าไม่รู้ เพราะปัญหาแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน เท่าที่เคยได้ยินในบางพื้นที่มีความขัดแย้งกันระหว่างชุมชน เพราะชุมชนรู้สึกว่าไม่ใช่ทางที่อยากจะไป เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่เอา แม้ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นภาพรวม แต่ก็สะท้อนว่ากลุ่มทุนธุรกิจที่ลงไปเขาก็อาจจะไม่มีความเข้าใจในพื้นที่ เพราะธุรกิจชาวบ้านไม่ใช่ธุรกิจใหญ่โต เขาก็มีวิถีของมันอีกแบบ

ที่สำคัญกว่านั้น การทำประชารัฐเราไม่รู้ว่าตอนที่รัฐบาลคิดอยากให้ยั่งยืนแค่ไหน เขาคงอยากให้ยั่งยืน แต่ถ้าไปสอดคล้องกับวิถีชุมชนชาวบ้านที่สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง เขาก็กลายเป็นแค่คนทำส่ง และมีคนจัดการให้หมด แล้วจะไปทางไหน ยังไงก็ไม่รู้ เพราะไม่ได้เติบโตจากความเข้าใจของเขาเอง ยืนได้ด้วยตัวเขาเองได้

- โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลพยายามลงทุนจะกระตุ้นให้เอกชนมาลงทุนได้จริงหรือไม่

รัฐบาลพยายามเปิดโครงการใหม่ ๆ ตลอด บางโครงการสัญญาณการลงทุนภาครัฐชัดเจน เช่น สนามบินอู่ตะเภา แต่การเชื่อมโยงที่จะทำให้เห็นผลทางปฏิบัติยังไม่รู้เมื่อไหร่ เพราะหลายโครงการรัฐบาลส่งสัญญาณมานานพอสมควรทำให้เอกชนบางส่วนก็ไปลงทุนดักหน้า แต่สุดท้ายภาครัฐไม่มา

- มองความล่าช้าเกิดจากอะไรแม้จะมีอำนาจพิเศษ

ภาครัฐยังทำงานแบบราชการ เรื่องอำนาจพิเศษ แม้จะปลดล็อกแต่ปลดล็อกได้ถูกจุดหรือเปล่า เพราะอำนาจพิเศษหลายฉบับไม่ได้มีความรอบคอบ การใช้อำนาจพิเศษมีความรวดเร็วแต่ขาดความรอบคอบ ออกมาแล้วเกิดปัญหา สร้างปัญหาใหม่เกิดขึ้นตามมา เพราะไม่มีกระบวนการตรวจสอบ อำนาจพิเศษถูกตั้งคำถาม

- มองความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลทหารกับการผลักดันนโยบาย 4.0 อย่างไร

มีความขัดแย้งอยู่ในตัวพอสมควร เพราะทิศทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลยังไม่ชัด เช่น การไม่สามารถใช้ big data จากภาครัฐเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลได้ ข้อมูลถูกปิด ถนัดการตีปี๊บ แต่ไม่สามารถใช้การได้จริง ทำให้โยงไปถึงเรื่องปัญหาการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารและวนกลับไปสู่ปัญหาเรื่องความโปร่งใส

- รัฐบาลมีนโยบาย 4.0 แต่กลับออกกฎหมายควบคุมต่าง ๆ โลกไซเบอร์ขัดแย้งกันหรือไม่

จะให้เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้แต่รัฐบาลต้องทำให้เกิดความชัดเจนว่าข้อมูลประเภทไหนเปิดเผยได้หรือไม่ได้รัฐบาลคำนึงถึงเรื่องความมั่นคงมากเกินไปจนเกิดการสร้างความกลัวรัฐบาลไม่ควรสร้างความกลัวให้กับประชาชน

- การสร้างความกลัวจะส่งผลกระทบไปถึงเศรษฐกิจเรื่องอื่น ๆ หรือไม่

ทำให้เกิดความชะงักงันในการดำเนินธุรกิจอื่น ๆ ไม่สามารถผลักดันสังคม 4.0 ได้

- 3 ปีที่ผ่านมาดูเหมือนรัฐบาลจะทำไม่ถูกใจใครเลย

ถูกใจใครบ้าง...คนหลายกลุ่มก็บอกว่า อย่างน้อยที่สุดความตึงเครียดทางการเมืองแบบเผชิญหน้าก่อนรัฐบาลนี้จะมาในปัจจุบันลดลงแต่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเป็นความสงบเรียบร้อยที่ฝังอยู่ใต้พรมหรือไม่ถึงเวลาอาจปะทุขึ้นมาอีก

- หากรัฐบาลต้องการหาจุดเปลี่ยนในช่วงที่เหลืออยู่ของรัฐบาล-คสช.1

รัฐบาลควรเปิดให้เกิดการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนมากขึ้นซึ่งที่ผ่านมาการผลักดันนโยบายออกมาเร็วมากแต่ขาดทิศทางที่จะนำไปสู่ในแต่ละเรื่องที่ชัดเจนรู้ว่ารัฐบาลทำหลายเรื่อง เป็นรัฐบาลที่ขยันรัฐบาลหนึ่ง แต่บางเรื่องความล่าช้า ไม่มีความชัดเจน ทำให้หลายเรื่องที่รัฐบาลทำไม่เกิดผล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่