***คำเตือนกระทู้นี้หลังๆมีดราม่า โปรดตั้งสติในการอ่าน ท่านใดจะเชื่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละท่าน
สวัสดีครับพอดีผมได้มีโอกาสได้อ่านกระทู้หนึ่งในพันทิป แล้วได้สะดุดกับคอมเม้นต์ที่ได้ตั้งข้อสงสัยกับเจ้าของกระทู้ว่า. โกหกหรือแต่งเรื่องขึ้นมาว่าเด็กอายุแค่นี้ซื้อสินทรัพย์ หรือมีเงินได้อย่างไร และเจ้าของกระทู้นั้นได้ถูกญาติๆมาอ้อมล้อม ซึ่งปัจจุบันผมก็โดนกับตัวเช่นกัน จนตอนนี้ผมค่อนข้างจะเดือดร้อนครับ ทีนี้ก็เลยมานึกถึงตัวผมเอง ที่ ณ.ตอนนี้ก็อายุเข้าปีที่24 แล้ว และผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวผมเองก็ผ่านอะไรมาไม่น้อยเช่นกัน ง่ายๆก็คือ โชกโชนพอตัว 5555 ซึ่งคนไกล้ตัวผมหรือเคยทำงานร่วมกับผมจะรู้ดีว่าผมผ่านไรมาถึงมีวันนี้ได้ และผมก็มีคำถามที่จะขอถามความเห็นจากมหาชนชาวพันทิปในท้ายเรื่องที่ผมเล่านี้ด้วยครับ
ผมขอเล่าเฉพาะสิ่งที่ไม่พาดพิงหรือ ไม่กระทบกับใครนะครับ และขอข้ามสิ่งที่ผมไม่ค่อยอยากจำเท่าไหร่ด้วย
เข้าเรื่องดีกว่าครับ ผมปัจจุบัน เป็นอาชีพอิสระครับ และเป็นนักศึกษาในมหาลัยแห่งหนึ่ง (ยังเรียนไม่จบ เพราะไปทำงานมา 8 ปี)คือพอดีผมกำลังคิดโปรเจค ในการทำงานใหม่(เขียนถูกไหมนะ) คิดไรไม่ค่อยออก ก็เลยไปอ่านกระทู้ข้างต้น เลยนอนไม่หลับเลย555 ย้อนกลับไปมองตัวผมเองแต่ก่อนที่ เอ๋อๆ มึนๆ เด็กบ้านๆคนนึงที่คิดว่าโชคชะตา โค-ตะ-ระ กลั่นแกล้งเลย เลยจะมาแบ่งปันประสบการณ์ของผมที่ผ่านมา (ผมเคยมีความคิดที่จะขอตีพิมพ์เป็นหนังสือ แต่คิดไปคิดมา อย่าดีกว่า กลัวโดนโดนโจมตีคนรอบข้างด่า และผมไม่ชอบความวุ่นวาย555 ก็เลยได้แต่เขียนใส่ไว้ในสมุดโน้ตของผมเอง และก็โดนญาติเอาไปเผาแล้วเรียบร้อย)
เริ่มเลยครับ ผมเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิดครับ (เด็กเมืองกรุงนะครับ แฮ่ๆ) ที่พ่อแม่ผมเลิกกันตั้งแต่ผมอยู่ในท้อง ซึ่งพอผมเกิดมาแม่เอาผมมาฝากไว้กับย่าแล้วไม่มาอีกเลย(T.T). แล้วที่นี้ย่าผมก็เลยต้องเลี้ยงผมมาแบบยากลำบาก เพราะย่าผมไม่มีตัง ทำอาชีพรับจ้าง ใครจ้างอะไรก็ทำ แต่หลักๆคือรับจ้างซักผ้ารีดผ้ารับ และที่สำคัญย่าผมทำอาหารเก่งมาก คนแถวบ้านเลยนิยมให้ย่าผมทำอาหารให้. ( ตัวผมเองก็เลยได้อนิสงส์ ทำกับข้าวเป็นตั้งแต่เด็กๆ เวลาไปเข้าค่ายลูกเสือในตอนประถมหน้าที่หลักเลย ทำอาหาร)
ต่อครับ และเมื่อผมเข้าโรงเรียนครับ ผมได้เรียน อนุบาล1 ในโรงเรียนวัดแถวบ้านแล้วข้ามไปประถม1เลย ไม่รู้เพราะอะไร แต่ย่าเคยบอกผมว่า ไม่มีตัง (ผมไม่ได้เรียนหนังสือเว้นไป1ปี และย่ามาบอกว่า ครูให้ไปเรียนต่อ ป.1) ผมก็กลับไปเรียน ป.1ครับ ผมก็เป็นเด็กที่อายุน้อยสุดในห้อง เพราะเรียนเร็วกว่าคนอื่น การเรียนผมก็เป็นไปด้วยดีครับ แค่เรียนได้เกือบตกในตอนแรกๆ เด็กในห้องมี40 กว่าคน ผมได้ที่ 27 โดยประมาณ
แต่ผมไม่รู้เป็นอะไร แต่กระนั้นผมก็เป็นเด็กสายกิจกรรมครับ เล่นดนตรี ทำโน้นนี่ไปทั่ว เด็กๆก็ว่าสิ่งเหล่านั้นสนุกดี คุณครูจะมาถามผมว่า นี่ๆนายทำนี่ให้ครูหน่อยทำได้ไหม ผมก็จะตอบไปว่าได้หรือไม่ได้ จนมีเพื่อนๆเรียกผมว่าเด็กเส้น เพราะสิ่งที่ตามมา โรงเรียนให้ทุนผมทุกปี ทุกเทอม และชอบให้ผมถือกุญแจเข้าออกโรงเรียนได้. ( คือตอนที่ผมได้ถือกุญแจประตูโรงเรียนเพราะ โรงเรียนให้ผมกินข้าวที่โรงเรียนฟรีครับ แต่ผมต้องช่วยงานโรงเรียน โดยการลงมาช่วยทำงานในครัวตอนพักเที่ยงวันเว้นวัน ดังนั้นในครัวก็จะมีของที่ชอบหมดแล้วให้ผมวิ่งไปคอยไปซื้อของหลังโรงเรียน) และจะมีเด็กที่เกเร มาคอยแกล้งครับจะมาคอยดักผมที่ประตูโรงเรียน ดักเวลาที่ผมจะออกไปซื้อของเพื่อจะหนีเรียน แต่ผมก็ป้องกันตัว ด้วยการไปขอความช่วยเหลือจาก ภารโรง ให้เค้าเดินมาส่งผมที่หน้าประตูตอนออกไป ผมจะได้ไม่ถูกคนอื่นต่อย เลยทำให้เด็กในโรงเรียนหลายคนไม่ชอบผม
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะตอนนั้นเด็กมาก และรู้สึกสนุก เพราะกลับมาบ้านก็จะมาเล่าให้ย่าฟังว่าทำไรมา แต่ย่าก็ไม่ค่อยฟังหรอกครับ เพราะย่าทำแต่งาน และตัวผมเองกลับมาบ้านก็ต้องมาทำงานต่อที่บ้าน คือทำไรได้ก็ทำครับ ผมทำหมด ไปรับจ้างล้างจานในงานวัด ได้วันละ 40บาท นานๆจะมีงานวัดที ปีนึงมางานวัดจะผลัดๆกันจัด ปีนึงประมาณ 3 เดือน ที่เหลือผมจะรับจ้างซื้อของครับ แถวบ้านผม พวกผู้ใหญ่เค้าจะไม่ค่อยออกจากบ้านกันครับ มีไรเค้าจะเรียกให้เราไปซื้อ และให้เงินเราทีละ 5บาท10บาท บางคนใจดีก็ 20-60บาท (กลับมาก็จะเอามาอวดย่าครับว่า ย่าๆนี่ผมมีตังด้วย ดูดิ ผมรวยแล้ว 55 ) วันๆนึงผมก็ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ละครับ ทำจนผมซื้อจักรยานได้ ปกติใครจะใช้ผมก็จะหาจักรยานมาให้ผม คราวนี้ผมเป็นของตัวเอง จำได้เลย พอปั่นไปโรงเรียนโดนเพื่อนแกล้งมาไขแฮนด์จักรยานผมไป ครูเลยให้จักรยานยืมเรียนกับผม เพราะผมโดนเพื่อนแกล้งบ่อย แต่ก็ต้องทำสมุดบันทึกกิจกรรมให้โรงเรียนและบอกผมว่าตอนเรียนจบเอามาคืนต้องสภาพสมบูรณ์ ทั้งๆที่ตอนมา รถมันบังโคลนหลุด มันดูเก่าๆ (แงๆ)
แต่พักหลังผมขึ้น ประถม3 ผมได้สนิทกับครูท่านนึงในโรงเรียน ท่านเป็นคนมาเปิดโลกผมเลย ท่านสอนวิชาวิทยาศาสตร์ครับ ด้วยความที่ผมนั้นเป็นเด็กที่ช่างถาม เพราะวิชาวิทยาศาสตร์เนี่ย มันมีอะไรที่สับสนไปหมดและเราก็ไม่เข้าใจ. ผมก็ยกมือทั้งวิชาจน ครูเรียกไปพบ และถามผมว่า อ่ะ อยากรู้อะไรก็ถามมา ผมก็จัดการเลยครับ ถามมันไปทุกอย่าง หินอะไรคืออะไร คนเราเกิดมาได้อย่างไร ทำไมเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ครูก็ตอบผมหมด และที่มากไปกว่านั้นคือ. ครูให้ผมเข้าห้องวิทยาศาสตร์ได้โดยไม่ต้องขอคือเข้ามาอ่านหนังสือในห้องได้ครับหยิบได้ แต่ต้องเอาเข้าคืนที่เดิม จนผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือตั้งแต่นั้นมา. จนพอสิ้นเทอมเด็กที่เรียนเกือบตกอย่างผม เรียนได้ เป็นตัวTOPของห้อง จนเป็นที่เล่าต่อกัน. (ที่เล่าต่อกันเพราะ ผมไปโม้ให้คนข้างบ้านฟังว่าผมเรียนรู้เรื่อง และก็ไปสารยายอวดวิชาให้ฟัง และน้าข้างบ้านเค้ามาถ้าผมว่าถ้าเรียนได้อันดับ1-10 จะให้เงิน 100บาทเป็นรางวัล และน้าเค้าเสียตังให้ผม จนเป็นที่เล่าต่อกันไปว่า น้าเสียรู้เด็ก555) หลังจากนั้นครับ ตั้งแต่ ป3-ป.6 ผมเรียนได้ดีขึ้นตลอด จนมาตกม้าตายเพราะวิชาภาษาอังกฤษครับ
เพราะผมเป็นเด็กช่างพูดช่างถาม มีวันนึงผมเรียนกลับมาถึงบ้าน ผมก็ร้อนวิชาครับ มาถึงจัดเลยครับ สนทนาเป็นภาษาอังกฤษกับย่าครับ hello ย่า my name is … เท่านั้นแหละครับ พ่อแม่..งเป็นฝรั่งหรอ ผมโดนด่าครับท่า555 รู้สึกหน้าแตกมาก ด่าเป็นชุด ต้องบอกก่อนว่า ย่ากับผมสนิทกันมาก เค้าเลี้ยงผมแบบไทยมากครับ คือ โดนตี โดนฟาดประจำ ง่ายๆคือหัวโบราณ เลยทำให้ผมกลัวไปเลย ไม่กล้าเอาวิชานี้ใส่หัวเด็ดขาด แต่ครูที่โรงเรียนก็ช่วยผมนะครับ ด้วยการให้ผมไปอ่านหนังสือภาษาอังกฤษหน้าเสาธงให้เพื่อนฟัง แต่ผมก็ได้แค่อ่านครับ ไม่เข้าใจ แกล้งทำเป็นเข้าใจให้ผ่านๆไป จนใครๆในโรงเรียน ก็คิดว่าผมเนี่ย เป็นเด็กที่เก่งมากๆ ไม่มีใครอยากแข่งอะไรด้วย แต่ผมก็บอกเพื่อนโรงเรียนนะครับว่า ผมโ-ง 555+ เพราะผมเป็นคนนึงที่ไม่ชอบให้เพื่อนลอกการบ้าน และก็ไม่ค่อยชอบทำการบ้านมา แต่ก็ไม่ลอกใคร. (อย่าทำตามนะครับ ไม่ดีเลย ต้องมาค่อยปั่นงานตอนก่อนเข้าห้องเรียน). เพราะผมคิดว่ามันคือการลอกความคิดคนอื่น แต่ถามผมได้นะครับเรียนไม่เข้าใจผมก็ติวให้เพื่อนประจำเวลาเพื่อน งง หรือไม่เข้าใจ แต่อย่ามาลอกของผม
(ขอนอกเรื่องแปป ผมมีประสบการณ์นึงครับ คือ เพื่อนมาเปิดงานผมลอกเอง ลอกเสร็จแล้วเอาของตัวเองไปส่ง เอาของผมไปให้คนอื่นลอกต่อ ทีนี้ละครับ ผมเอาของผมไปส่งบ้าง เกิดเหตุไม่คาดฝัน ผมโดนครูตีครับ ด่าแบบเจ็บช้ำมาก55 ว่าผมไปลอกงานเพื่อนคนนั้นมา แล้วบอกว่าไม่มีหัวคิดต่างๆนาๆ เลยฝังใจเลยครับว่า อย่าฝันว่าจะได้ลอก ผมเลยไม่ค่อยชอบทำการบ้านในตอนเด็ก)
แต่กระนั้นผมก็เรียนจบมาด้วยดีครับ มีความสุขกับย่าเช่นเดิม เพิ่มเติมคือ พอโตผมยิ่งรู้มากครับ ว่าญาติอันห่างเหินของไม่ชอบผม และค่อยมาด่า ต้องบอกก่อนว่า ถึงผมจะอยู่กับย่า แต่ตอนย่าอยู่ผมก็รู้ว่าใครเป็นใคร เช่น คนนี้คือลูกของย่า คนนี้คือแฟนของย่า และก็รู้ว่า พ่อกับแม่อยู่ไหนแต่ไม่ได้โหยหา ย่าเคยพาผมไปหาแม่ครับตอนนั้นผมก็ตามย่าไป พอไปถึงแม่ปิดประตูหนีผมครับ ผมก็เลยเฉยๆ เพราะย่าก็บอกผมว่า พ่อกับมา ไปมีครอบครัวให้และมีลูกใหม่ หลังจากเรียนจบประถมครับ ผมก็ได้ไปเรียนต่อในโรงเรียนมัธยมชื่อดังในย่านแถวบ้านผม (ตอนแรกนึกว่าจะเข้าไม่ได้555 เพราะข้อสอบยากมากๆๆๆๆๆ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเรียนมาก่อนแต่ ดีที่เป็น แบบมีตัวเลือกให้ตอบ เช่น สมัครนั้น คอมพิวเตอร์คืออะไร ผมนี่ไม่รู้จักเลย มันทำอะไรได้บ้าง ) พอเข้าไปได้ก็ดีใจครับ แต่ในตัวผมมีคำถามเต็มหัวเลยครับ เพราะก่อนเรียนจริงต้องไปเรียนปรับพื้นฐาน ผมก็คิดไป ว่าเห้ย! เราจะเรียนได้ไหมเนี่ย มันไม่เหมือนกันเลยโรงเรียนเก่าเราไม่เห็นสอนแบบนี้เลย เค้าสอนอะไรเรา ทำไมทุกคนเก่งจังเลย ครูพูดนิดเดียวทำไมคนพวกนั้นเข้าใจ ทำไมเราไม่เข้าใจ อุปกรณ์ในการเรียนก็แปลกใหม่ เราจะทำของเค้าพังไหมเนี่ย
พอผ่านไป อาทิตย์นึงครับปรับตัวได้ แต่กว่าจะปรับตัวไป ก็โดดนครูฝ่ายปกครองทุบกลางกระดูกสันหลังไปทีนึง เพราะผมหลบครูไม่ทัน ครูเดินพูดปากเปล่าว่าให้หลบ ซึ่งนักเรียนเป็นพันคน กับเสียงครูคนเดียวผมเลยไม่ได้ยิน ครูเลยเดินมาทุบ เหตุการณ์นี้เลยทำให้ทุกคนในโรงเรียนรู้จักผมอย่างรวดเร็ว
ขอเล่าถึงเท่านี้ก่อนนะครับ ผมต้องไปทำธุระก่อน ด่าผมได้แต่อย่าแรงนะครับ ผมกลัว55 ผมใช้มือถือพิมพ์อาจจะผิดบ้างนะครับ มือถือชอบช่วยสะกดเอง
*** ผมมาแก้ บรรทัดให้ แก้ลายตาครับ
(อ่านก่อนด่านะครับ) ไม่รู้จะตั้งชื่อกระทู้ไรดี แต่สรุปคนเราต้องการอะไรกันแน่
สวัสดีครับพอดีผมได้มีโอกาสได้อ่านกระทู้หนึ่งในพันทิป แล้วได้สะดุดกับคอมเม้นต์ที่ได้ตั้งข้อสงสัยกับเจ้าของกระทู้ว่า. โกหกหรือแต่งเรื่องขึ้นมาว่าเด็กอายุแค่นี้ซื้อสินทรัพย์ หรือมีเงินได้อย่างไร และเจ้าของกระทู้นั้นได้ถูกญาติๆมาอ้อมล้อม ซึ่งปัจจุบันผมก็โดนกับตัวเช่นกัน จนตอนนี้ผมค่อนข้างจะเดือดร้อนครับ ทีนี้ก็เลยมานึกถึงตัวผมเอง ที่ ณ.ตอนนี้ก็อายุเข้าปีที่24 แล้ว และผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวผมเองก็ผ่านอะไรมาไม่น้อยเช่นกัน ง่ายๆก็คือ โชกโชนพอตัว 5555 ซึ่งคนไกล้ตัวผมหรือเคยทำงานร่วมกับผมจะรู้ดีว่าผมผ่านไรมาถึงมีวันนี้ได้ และผมก็มีคำถามที่จะขอถามความเห็นจากมหาชนชาวพันทิปในท้ายเรื่องที่ผมเล่านี้ด้วยครับ
ผมขอเล่าเฉพาะสิ่งที่ไม่พาดพิงหรือ ไม่กระทบกับใครนะครับ และขอข้ามสิ่งที่ผมไม่ค่อยอยากจำเท่าไหร่ด้วย
เข้าเรื่องดีกว่าครับ ผมปัจจุบัน เป็นอาชีพอิสระครับ และเป็นนักศึกษาในมหาลัยแห่งหนึ่ง (ยังเรียนไม่จบ เพราะไปทำงานมา 8 ปี)คือพอดีผมกำลังคิดโปรเจค ในการทำงานใหม่(เขียนถูกไหมนะ) คิดไรไม่ค่อยออก ก็เลยไปอ่านกระทู้ข้างต้น เลยนอนไม่หลับเลย555 ย้อนกลับไปมองตัวผมเองแต่ก่อนที่ เอ๋อๆ มึนๆ เด็กบ้านๆคนนึงที่คิดว่าโชคชะตา โค-ตะ-ระ กลั่นแกล้งเลย เลยจะมาแบ่งปันประสบการณ์ของผมที่ผ่านมา (ผมเคยมีความคิดที่จะขอตีพิมพ์เป็นหนังสือ แต่คิดไปคิดมา อย่าดีกว่า กลัวโดนโดนโจมตีคนรอบข้างด่า และผมไม่ชอบความวุ่นวาย555 ก็เลยได้แต่เขียนใส่ไว้ในสมุดโน้ตของผมเอง และก็โดนญาติเอาไปเผาแล้วเรียบร้อย)
เริ่มเลยครับ ผมเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิดครับ (เด็กเมืองกรุงนะครับ แฮ่ๆ) ที่พ่อแม่ผมเลิกกันตั้งแต่ผมอยู่ในท้อง ซึ่งพอผมเกิดมาแม่เอาผมมาฝากไว้กับย่าแล้วไม่มาอีกเลย(T.T). แล้วที่นี้ย่าผมก็เลยต้องเลี้ยงผมมาแบบยากลำบาก เพราะย่าผมไม่มีตัง ทำอาชีพรับจ้าง ใครจ้างอะไรก็ทำ แต่หลักๆคือรับจ้างซักผ้ารีดผ้ารับ และที่สำคัญย่าผมทำอาหารเก่งมาก คนแถวบ้านเลยนิยมให้ย่าผมทำอาหารให้. ( ตัวผมเองก็เลยได้อนิสงส์ ทำกับข้าวเป็นตั้งแต่เด็กๆ เวลาไปเข้าค่ายลูกเสือในตอนประถมหน้าที่หลักเลย ทำอาหาร)
ต่อครับ และเมื่อผมเข้าโรงเรียนครับ ผมได้เรียน อนุบาล1 ในโรงเรียนวัดแถวบ้านแล้วข้ามไปประถม1เลย ไม่รู้เพราะอะไร แต่ย่าเคยบอกผมว่า ไม่มีตัง (ผมไม่ได้เรียนหนังสือเว้นไป1ปี และย่ามาบอกว่า ครูให้ไปเรียนต่อ ป.1) ผมก็กลับไปเรียน ป.1ครับ ผมก็เป็นเด็กที่อายุน้อยสุดในห้อง เพราะเรียนเร็วกว่าคนอื่น การเรียนผมก็เป็นไปด้วยดีครับ แค่เรียนได้เกือบตกในตอนแรกๆ เด็กในห้องมี40 กว่าคน ผมได้ที่ 27 โดยประมาณ
แต่ผมไม่รู้เป็นอะไร แต่กระนั้นผมก็เป็นเด็กสายกิจกรรมครับ เล่นดนตรี ทำโน้นนี่ไปทั่ว เด็กๆก็ว่าสิ่งเหล่านั้นสนุกดี คุณครูจะมาถามผมว่า นี่ๆนายทำนี่ให้ครูหน่อยทำได้ไหม ผมก็จะตอบไปว่าได้หรือไม่ได้ จนมีเพื่อนๆเรียกผมว่าเด็กเส้น เพราะสิ่งที่ตามมา โรงเรียนให้ทุนผมทุกปี ทุกเทอม และชอบให้ผมถือกุญแจเข้าออกโรงเรียนได้. ( คือตอนที่ผมได้ถือกุญแจประตูโรงเรียนเพราะ โรงเรียนให้ผมกินข้าวที่โรงเรียนฟรีครับ แต่ผมต้องช่วยงานโรงเรียน โดยการลงมาช่วยทำงานในครัวตอนพักเที่ยงวันเว้นวัน ดังนั้นในครัวก็จะมีของที่ชอบหมดแล้วให้ผมวิ่งไปคอยไปซื้อของหลังโรงเรียน) และจะมีเด็กที่เกเร มาคอยแกล้งครับจะมาคอยดักผมที่ประตูโรงเรียน ดักเวลาที่ผมจะออกไปซื้อของเพื่อจะหนีเรียน แต่ผมก็ป้องกันตัว ด้วยการไปขอความช่วยเหลือจาก ภารโรง ให้เค้าเดินมาส่งผมที่หน้าประตูตอนออกไป ผมจะได้ไม่ถูกคนอื่นต่อย เลยทำให้เด็กในโรงเรียนหลายคนไม่ชอบผม
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะตอนนั้นเด็กมาก และรู้สึกสนุก เพราะกลับมาบ้านก็จะมาเล่าให้ย่าฟังว่าทำไรมา แต่ย่าก็ไม่ค่อยฟังหรอกครับ เพราะย่าทำแต่งาน และตัวผมเองกลับมาบ้านก็ต้องมาทำงานต่อที่บ้าน คือทำไรได้ก็ทำครับ ผมทำหมด ไปรับจ้างล้างจานในงานวัด ได้วันละ 40บาท นานๆจะมีงานวัดที ปีนึงมางานวัดจะผลัดๆกันจัด ปีนึงประมาณ 3 เดือน ที่เหลือผมจะรับจ้างซื้อของครับ แถวบ้านผม พวกผู้ใหญ่เค้าจะไม่ค่อยออกจากบ้านกันครับ มีไรเค้าจะเรียกให้เราไปซื้อ และให้เงินเราทีละ 5บาท10บาท บางคนใจดีก็ 20-60บาท (กลับมาก็จะเอามาอวดย่าครับว่า ย่าๆนี่ผมมีตังด้วย ดูดิ ผมรวยแล้ว 55 ) วันๆนึงผมก็ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ละครับ ทำจนผมซื้อจักรยานได้ ปกติใครจะใช้ผมก็จะหาจักรยานมาให้ผม คราวนี้ผมเป็นของตัวเอง จำได้เลย พอปั่นไปโรงเรียนโดนเพื่อนแกล้งมาไขแฮนด์จักรยานผมไป ครูเลยให้จักรยานยืมเรียนกับผม เพราะผมโดนเพื่อนแกล้งบ่อย แต่ก็ต้องทำสมุดบันทึกกิจกรรมให้โรงเรียนและบอกผมว่าตอนเรียนจบเอามาคืนต้องสภาพสมบูรณ์ ทั้งๆที่ตอนมา รถมันบังโคลนหลุด มันดูเก่าๆ (แงๆ)
แต่พักหลังผมขึ้น ประถม3 ผมได้สนิทกับครูท่านนึงในโรงเรียน ท่านเป็นคนมาเปิดโลกผมเลย ท่านสอนวิชาวิทยาศาสตร์ครับ ด้วยความที่ผมนั้นเป็นเด็กที่ช่างถาม เพราะวิชาวิทยาศาสตร์เนี่ย มันมีอะไรที่สับสนไปหมดและเราก็ไม่เข้าใจ. ผมก็ยกมือทั้งวิชาจน ครูเรียกไปพบ และถามผมว่า อ่ะ อยากรู้อะไรก็ถามมา ผมก็จัดการเลยครับ ถามมันไปทุกอย่าง หินอะไรคืออะไร คนเราเกิดมาได้อย่างไร ทำไมเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ครูก็ตอบผมหมด และที่มากไปกว่านั้นคือ. ครูให้ผมเข้าห้องวิทยาศาสตร์ได้โดยไม่ต้องขอคือเข้ามาอ่านหนังสือในห้องได้ครับหยิบได้ แต่ต้องเอาเข้าคืนที่เดิม จนผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือตั้งแต่นั้นมา. จนพอสิ้นเทอมเด็กที่เรียนเกือบตกอย่างผม เรียนได้ เป็นตัวTOPของห้อง จนเป็นที่เล่าต่อกัน. (ที่เล่าต่อกันเพราะ ผมไปโม้ให้คนข้างบ้านฟังว่าผมเรียนรู้เรื่อง และก็ไปสารยายอวดวิชาให้ฟัง และน้าข้างบ้านเค้ามาถ้าผมว่าถ้าเรียนได้อันดับ1-10 จะให้เงิน 100บาทเป็นรางวัล และน้าเค้าเสียตังให้ผม จนเป็นที่เล่าต่อกันไปว่า น้าเสียรู้เด็ก555) หลังจากนั้นครับ ตั้งแต่ ป3-ป.6 ผมเรียนได้ดีขึ้นตลอด จนมาตกม้าตายเพราะวิชาภาษาอังกฤษครับ
เพราะผมเป็นเด็กช่างพูดช่างถาม มีวันนึงผมเรียนกลับมาถึงบ้าน ผมก็ร้อนวิชาครับ มาถึงจัดเลยครับ สนทนาเป็นภาษาอังกฤษกับย่าครับ hello ย่า my name is … เท่านั้นแหละครับ พ่อแม่..งเป็นฝรั่งหรอ ผมโดนด่าครับท่า555 รู้สึกหน้าแตกมาก ด่าเป็นชุด ต้องบอกก่อนว่า ย่ากับผมสนิทกันมาก เค้าเลี้ยงผมแบบไทยมากครับ คือ โดนตี โดนฟาดประจำ ง่ายๆคือหัวโบราณ เลยทำให้ผมกลัวไปเลย ไม่กล้าเอาวิชานี้ใส่หัวเด็ดขาด แต่ครูที่โรงเรียนก็ช่วยผมนะครับ ด้วยการให้ผมไปอ่านหนังสือภาษาอังกฤษหน้าเสาธงให้เพื่อนฟัง แต่ผมก็ได้แค่อ่านครับ ไม่เข้าใจ แกล้งทำเป็นเข้าใจให้ผ่านๆไป จนใครๆในโรงเรียน ก็คิดว่าผมเนี่ย เป็นเด็กที่เก่งมากๆ ไม่มีใครอยากแข่งอะไรด้วย แต่ผมก็บอกเพื่อนโรงเรียนนะครับว่า ผมโ-ง 555+ เพราะผมเป็นคนนึงที่ไม่ชอบให้เพื่อนลอกการบ้าน และก็ไม่ค่อยชอบทำการบ้านมา แต่ก็ไม่ลอกใคร. (อย่าทำตามนะครับ ไม่ดีเลย ต้องมาค่อยปั่นงานตอนก่อนเข้าห้องเรียน). เพราะผมคิดว่ามันคือการลอกความคิดคนอื่น แต่ถามผมได้นะครับเรียนไม่เข้าใจผมก็ติวให้เพื่อนประจำเวลาเพื่อน งง หรือไม่เข้าใจ แต่อย่ามาลอกของผม
(ขอนอกเรื่องแปป ผมมีประสบการณ์นึงครับ คือ เพื่อนมาเปิดงานผมลอกเอง ลอกเสร็จแล้วเอาของตัวเองไปส่ง เอาของผมไปให้คนอื่นลอกต่อ ทีนี้ละครับ ผมเอาของผมไปส่งบ้าง เกิดเหตุไม่คาดฝัน ผมโดนครูตีครับ ด่าแบบเจ็บช้ำมาก55 ว่าผมไปลอกงานเพื่อนคนนั้นมา แล้วบอกว่าไม่มีหัวคิดต่างๆนาๆ เลยฝังใจเลยครับว่า อย่าฝันว่าจะได้ลอก ผมเลยไม่ค่อยชอบทำการบ้านในตอนเด็ก)
แต่กระนั้นผมก็เรียนจบมาด้วยดีครับ มีความสุขกับย่าเช่นเดิม เพิ่มเติมคือ พอโตผมยิ่งรู้มากครับ ว่าญาติอันห่างเหินของไม่ชอบผม และค่อยมาด่า ต้องบอกก่อนว่า ถึงผมจะอยู่กับย่า แต่ตอนย่าอยู่ผมก็รู้ว่าใครเป็นใคร เช่น คนนี้คือลูกของย่า คนนี้คือแฟนของย่า และก็รู้ว่า พ่อกับแม่อยู่ไหนแต่ไม่ได้โหยหา ย่าเคยพาผมไปหาแม่ครับตอนนั้นผมก็ตามย่าไป พอไปถึงแม่ปิดประตูหนีผมครับ ผมก็เลยเฉยๆ เพราะย่าก็บอกผมว่า พ่อกับมา ไปมีครอบครัวให้และมีลูกใหม่ หลังจากเรียนจบประถมครับ ผมก็ได้ไปเรียนต่อในโรงเรียนมัธยมชื่อดังในย่านแถวบ้านผม (ตอนแรกนึกว่าจะเข้าไม่ได้555 เพราะข้อสอบยากมากๆๆๆๆๆ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเรียนมาก่อนแต่ ดีที่เป็น แบบมีตัวเลือกให้ตอบ เช่น สมัครนั้น คอมพิวเตอร์คืออะไร ผมนี่ไม่รู้จักเลย มันทำอะไรได้บ้าง ) พอเข้าไปได้ก็ดีใจครับ แต่ในตัวผมมีคำถามเต็มหัวเลยครับ เพราะก่อนเรียนจริงต้องไปเรียนปรับพื้นฐาน ผมก็คิดไป ว่าเห้ย! เราจะเรียนได้ไหมเนี่ย มันไม่เหมือนกันเลยโรงเรียนเก่าเราไม่เห็นสอนแบบนี้เลย เค้าสอนอะไรเรา ทำไมทุกคนเก่งจังเลย ครูพูดนิดเดียวทำไมคนพวกนั้นเข้าใจ ทำไมเราไม่เข้าใจ อุปกรณ์ในการเรียนก็แปลกใหม่ เราจะทำของเค้าพังไหมเนี่ย
พอผ่านไป อาทิตย์นึงครับปรับตัวได้ แต่กว่าจะปรับตัวไป ก็โดดนครูฝ่ายปกครองทุบกลางกระดูกสันหลังไปทีนึง เพราะผมหลบครูไม่ทัน ครูเดินพูดปากเปล่าว่าให้หลบ ซึ่งนักเรียนเป็นพันคน กับเสียงครูคนเดียวผมเลยไม่ได้ยิน ครูเลยเดินมาทุบ เหตุการณ์นี้เลยทำให้ทุกคนในโรงเรียนรู้จักผมอย่างรวดเร็ว
ขอเล่าถึงเท่านี้ก่อนนะครับ ผมต้องไปทำธุระก่อน ด่าผมได้แต่อย่าแรงนะครับ ผมกลัว55 ผมใช้มือถือพิมพ์อาจจะผิดบ้างนะครับ มือถือชอบช่วยสะกดเอง
*** ผมมาแก้ บรรทัดให้ แก้ลายตาครับ