ธนาคารออมสินกับสินเชื่อตามนโยบายรัฐช่วยเหลือคนจน งั้นเหรอ?

กระทู้นี้ไม่ได้ต้องการสื่อสารหรือเรียกร้องอะไรจากเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินหรอกครับ คุณไม่ต้องมารับเรื่องหรือชี้แจงอะไร

ผมมาพูดคุยกับคนที่คิดจะกู้สินเชื่อธนาคารออมสินตามนโยบายรัฐ เพื่อให้เค้าเตรียมรับมือหากได้เห็นนโยบายรัฐแล้วมีความหวัง ว่าจะลืมตาอ้าปากจากนโยบายรัฐในครั้งนี้เท่านั้นครับ

เรื่องนี้ผมรับรู้มาจากพ่อค้าที่ขายของในตลาดคนนึง
บังเอิญซื้อของแกบ่อยจนได้พูดคุยกับแกสัพเพเหระ จนมาถึงเรื่องการกู้เงินของธนาคารออมสิน
แกบอกว่าแกกู้ไม่ผ่าน ตอนแรกที่ฟังผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก็น่าไม่ผ่านหรอกมั๊ง เค้าต้องตรวจสอบให้มั่นใจล่ะ ลุงแกคงแสดงหลักฐานไม่พอมั๊งเลยไม่ผ่าน  

แต่พอคุยไปคุยมาโคตรเซอร์ไพร์สครับ ลุงแกมีหลักฐานทุกอย่างที่ดีมากๆ  เดิน Stagement ทุกอย่างตามธนาคารแนะนำแต่กลับไม่ผ่าน

ผมจะเล่าให้ฟังพอสังเขปครับ แกทำอะไรบ้างกับโครงการฝันกลางวันของธนาคารออมสิน ที่ให้คนที่ไม่เข้าใจ "คนจน" จริงๆมาป็นคนกำหนดนโยบายนี้


ลุงแกขายของทำสดอยู่ในตลาด รายได้สุทธิประมาณวันละ 600-800 บาท
แต่ติดปัญหาตอนเริ่มค้าขายแกไม่มีเงินทุน เลยกู้นอกระบบมาเป็นจำนวนเงิน 8000 บาท
ดอก 20% จ่ายรายวัน (ตกจ่ายวันละ 400 บาท)

ซึ่งรายได้ต่อวันที่แกได้มาส่วนหนึ่งก็ต้องหักจ่ายตรงนี้ไป พอถ้าหักค่าทุนซื้อของและกินใช้รายวัน (ลูกเล็ก 1 คน) ก็หมดไม่เหลือเก็บ (ทุนโดยประมาณ 500-600 บาทต่อวัน)
ทำให้ต้องกู้ใหม่ทุกครั้งเมื่อหมดแต่ละงวดเพื่อเอามาจ่ายค่าเช่าบ้านค่ารายเดือนต่างๆ หมุนเวียนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ


เดือนมีนาคมแกเดินผ่านธนาคารออมสิน เห็นโบรชัวร์โครงการรัฐช่วยเหลือคนจน นาทีนั้นแกก็คงดีใจมากล่ะครับ เลยเข้าไปติดต่อ

*ชื่อโครงการต่อจากนี้ผมไม่รู้ว่ามีชื่อโครงการอะไรบ้างนะครับ ลุงแกก็จำชื่อไม่ได้ แต่มีหลักๆอยู่ 3 โครงการผมเรียกชือแบบตรงๆเลยละกัน

โครงการแรก สินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีคนค้ำ
ไม่มีอะไรมากครับ สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่ได้มีรายได้ประจำ เค้าให้โชว์หลักฐานไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าที่ บิลใบเสร็จซื้อของต่างๆ เพื่อยืนยันว่าเราค้าขายจริง แต่หลักฐานต่อมาคือ Statement ย้อนหลัง 6 เดือน และคนค้ำประกัน

ถ้าคุณจะดู Statements ย้อนหลัง 6 เดือนพอเป็นพิธี อันนี้ไม่ว่าอะไรครับ แต่ลุงบอกว่าเจ้าหน้าที่บอกชัดเลยว่าถ้าเงินไม่เหลือเก็บก็กู้ยาก แล้วที่สำคัญต้องมีคนค้ำประกันด้วย และคนค้ำประกันนั้นต้องโชว์ Statement และเป็นลูกจ้างประจำมีเงินเดือนชัดเจน

ธนาคารออมสินเค้าคงไม่เข้าใจว่า คนหาเช้ากินค่ำ ที่จนถึงขนาดต้องมากู้เงินเนี่ย ไม่มีใครมี Statement ที่สวยๆ ให้คุณดูหรอกครับ ตอนตั้งนโยบายมาคนที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดคุณสมบัติถ้าไม่นั่งห้องแอร์กินกาแฟหรูจนรากงอกเก้าอี้ ก็ควรยกก้นตัวเองออกมาพูดคุยกับคนจนจริงๆ พูดคุยและดูวิถีชีวิตจริงๆ เค้าก่อนประกาศอะไรออกมาก่อนก็ยังดี  สิ่งที่คุณประกาศคุณสมบัติออกมาไม่ต่างกับคุณสมบัติที่ธนาคารอื่นต้องการเลยครับ ดังนั้นเค้าคำว่าช่วยคนจนออกไปจากสาระบบเถอะ อย่าพูดให้ดูดีเลย

สิ่งที่เค้าควรทำคือหาวิธีตรวจสอบหรือจัดตั้งคนเข้าตรวจสอบร้านค้า สถานที่ว่ามีหลักแหล่งมีอยู่จริงหรือไม่ จะด้วยเอกสารหรือหลักฐาน ภาพถ่าย หรือจะขเ้าไปดูสถานที่จริงก็ทำได้ทั้งนั้น ถ้าคิดจะออกนโยบายนี้ต้องจัดสรรคือบุคคลกรเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว คนกู้นอกระบบยังทำได้ ตามไปถึงบ้านได้เลย


โครงการแรกล้มไปครับ เพราะลุงหาคนค้ำไม่ได้อยู่แล้วแน่นอน

โครงการที่สอง ล้างเงินกู้นอกระบบครับ
โครงการแรกหนักกว่าแล้ว โครงการที่สองหนักกว่าอีก เพราะนอกจากจะเอาหลักฐานทุกอย่างตามโครงการแรกแล้ว ยังจะเอาตัวคนให้กู้นอกระบบ มาเซ็นต์เอกสารพร้อมบัตรประชาชนเค้ามาเซ็นต์รับรองอีกว่าให้กู้นอกระบบในอัตรากฎหมายเกินกำหนดจริง ยอมรับว่าฟังแล้วผมสบถหยาบคายมากๆ ครับ แต่ผมพิมพ์ในนี้ไม่ได้   คิดตามตรรกะง่ายๆ คนทำผิดกฎหมาคนไหนจะมาเซ็นต์ให้คุณครับ


คุณคิดว่า 2 โครงการแรกหนักหนาสาหัสสำหรับคนจนแล้วใช่มั๊ยครับ หนักขนาดที่ว่า ตกลงจะให้คนจนกู้จริงๆหรือเปล่า หรือเงินก้อนนี้สุดท้ายคนที่ได้ไปก็ไม่พ้นคนที่มี Statements สวยๆ คนมีเงินเดือนประจำดีๆ เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคำว่าช่วยคนจนให้ดูดีไว้

โครงการที่ 3 นี่ล่ะครับที่บ่อนทำลายคนจนแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ
โครงการนี้ชื่อว่า ออมประจำ 3 เดือนกับธนาคารออมสิน แล้วใช้บัญชีนั้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

ฟังดูดีใช่มั๊ยครับ เหมือนมาแก้โจทย์ปัญหาไม่มี Statements ไม่มีหลักทรัพย์ ไม่มีคนค้ำ อยากกู้ได้ต้องสร้างหลักทรัพย์เอง
ลุงคิดว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ลุงเข้าโครงการนี้โดยเปิดบัญชีธนาคารออมสิน โดยจะต้องเอาเงินเข้าวันละ 120 บาททุกวัน
ให้ได้ตลอดระยะเวลา 3 เดือน จากนั้นพอครบแล้วจึงเอาเงินในบัญชีนั้นเป็นหลักทรัพย์ในการกู้ โดยมีวงเงิน 5 เท่าของเงินเก็บ

นี่ล่ะใช่ สมเหตุสมผล มันชี้ให้เห็นว่าคุณมีกำลังเก็บเท่าไหร่พอที่จะชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับธนาคารจริงไหม
ถึงในความเป็นจริง ไม่มีคนจนคนไหนที่จะทำอย่างนี้ได้ง่ายๆ เพราะร้อนเงินกันทั้งนั้น แต่ลุงกัดฟันเข้าโครงการนี้ครับ

ช่วงแรกๆ การฝากเงินรายวันไม่มีปัญหาครับ
แต่มันมีปัญหาที่บางวันฝากไม่ได้เพราะตู้ฝากเงินที่ใกล้บ้านแกที่สุด (2 กม.) เสีย
และเสียบ่อยมาก และตู้ธนาคารออมสินที่ฝากเงินได้พวกคุณคงรู้ครับว่าหายาก หายากสุดๆ
ลุงแกเลยใช้วิธีเก็บเงินไว้ก่อน แล้วพอสะดวกก็รวบเงินเป็นก้อนไปโอนเข้าแบ็งค์ตามวันที่หายไป

ซึ่งเงินก็ครบถ้วนเหมือนเดิม

ระหว่างนั้นแกมีความกังวัลว่าแกทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า
แกเลยเอาสมุดไปให้เจ้าหน้าที่ดู  คำตอบที่ได้"ตามดุลยพินิจไม่น่ามีปัญหา"
เดือนนึงถัดมาก็มีเหตุการณ์แบบนี้อีก คือตู้เสียและบ่อยและนานมาก บางครั้งแกก็ติดปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้
เช่นป่วย รถมอเตอร์ไซค์เสีย ฯลฯ แกก็ใช้วิธีรวบเงินโอนเข้าตู้ทีเดียว โดยผมดู Statements แก การรวบเงินแต่ละครั้งไม่เกิน 4 วัน
ไม่เคยนานกว่านี้

และแกก็ไปตามเจ้าหน้าที่เป็นระยะว่าอย่างนี้มีปัญหามั๊ย ซึ่งเจ้าหน้าที่อีกก็เช่นเดิม "ไม่น่ามีปัญหา"

มันก็ Make Sense อยู่ล่ะครับ ถ้าแบ็งค์จะดูกำลังการเก็บเงินเพื่อวัดศักยภาพการชำระ
บางวันลุงขายได้มากหน่อยก็เอาเงินเข้า 200 บาทด้วยซ้ำ (แต่วันอื่นๆก็คือกัดฟันจ่ายทั้งนอกระบบ กับเอาเงินเข้าตู้)

สุดท้ายแกเก็บเงินเข้าตู้โดยมียอดรวมๆ แล้วเกิน 3 เดือนด้วยซ้ำ คือ 12,000 บาท  (หาร 90 วัน)

และเมื่อแกนำ Bookbank ไปให้เจ้าหน้าที่เพื่อขอทำเรื่อง คำตอบที่แกได้ก็คือ "ไม่ได้ ธนาคารนับเป็นวัน ไม่ได้นับจำนวนเงินที่มี"
ผมจะเข้าใจธนาคารเรื่องนี้ ถ้าลุงยัดเงินก้อนใหญ่ๆมาในวันสุดท้ายทีเดียว แต่ผมดูตาม Statement เงินเป็นก้อนที่กระโดดข้ามวันไม่เคยเกิน 4 วัน ไม่มีทางที่ลุงจะไปกู้เงินชั่วคราวใครมาแล้วเอามายัดให้ดูเลขครบ เพราะเงินก้อนที่ดูเป็นเงินเก็บจริงๆมันก็นอนนิ่งๆของมันอยู่อย่างนั้นไม่ออกไปไหน แล้วคำว่าดุลยพินิจไปไหน

ไม่ว่าลุงจะอธิบายยังไงไม่ว่าจะเป็นเรื่องตู้มีปัญหา หาสาขาไม่เจอ ติดขัด หรือแม้กระทั่งเคยปรึกษาเจ้าหน้าที่แล้ว ก็ไม่รับฟังทั้งสิ้น ทั้งๆที่คนที่บอกว่าไม่ผ่านก็เป็นคนเดียวกับคนที่บอกว่าไม่มีปัญหา


นี่ล่ะครับที่อยากจะเตือนพี่ๆน้องๆ ที่คิดจะกู้ธนาคารออมสิน ขนาดโครงการที่ทำได้ยากที่สุดอย่างออมเงิน 3 เดือน มีเงินเก็บจริงๆทุกเดือน ก็ยังไม่ผ่าน นับจำนวนวันแบบเถรตรงโดยไม่ดูว่าตู้ธนาคารของตัวเองมันกันดานขนาดไหน  ถ้าคุณคิดจะกู้ การอ่านกระทู้นี้ก็น่าจะมีประโยชน์

สุดท้ายลุงกู้ไม่ได้ครับ แต่มีเงินเก็บ 12,000 บาท ก็แนะนำให้แกจัดสรรเงินนี้ยังไง ในแง่ที่ดี โครงการนี้มันก็ทำให้ลุงได้เก็บเงินอย่างจริงจังถึงที่ผ่านมามันจะลำบากขนาดไหนก็ตาม แต่ลุงเก็บเงินได้จริงๆ

แต่โดยสรุปธนาคารออมสิน กับสินเชื่อตามนโยบายของรัฐ คุณไม่ได้เข้าใจคนยากจนจริงๆ คุณไม่ได้ช่วยคนจนจริงๆ ถึงคุณจะอ้างว่าคุณปล่อยกู้ให้กับคนจนจริงๆมาแล้ว แต่นั่นก็บ่งบอกว่าคุณไม่มีหลักเกณฑ์ที่ยุติธรรมกับทุกคน สาขาที่ดีก็โชคดี สาขาที่ไม่ดีก็โชคร้ายอย่างงั้นเหรอ คุณควรมีการอบรมพนักงานให้มีความเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับนโยบายให้ชัดเจน ไม่ใช่บอกว่าไม่มีปัญหา แต่เอาเข้าจริงดันมีปัญหา   3 เดือนมันไม่ใช่น้อยๆ สำหรับ "ความหวัง" ของคนยากจน ถ้าคุณไม่เคยจน อย่ามาทำอะไรชุ่ยๆ กับคนจน

เรื่องของลุงจริงๆจบลงด้วยดี ผมก็มีฐานะพอที่จะช่วยลุงได้อีกก้อน ทำในสิ่งที่ลุงอยากทำ เงินใน Bookbank ทำให้ผมมั่นใจว่าลุงโคตรมีศักยภาพ มากกว่ามนุษย์เงินเดือนบางคนที่ธนาคารมั่นใจด้วยซ้ำ  "ดุลยพินิจ" สำคัญมากๆนะครับ กับการเลือกคนมาทำงานตรงนี้  คัดคนที่มีมันจริงๆ ก่อนส่งเค้ามาช่วยคนอื่น

ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่