สวัสดีค่ะนี้คือกระทู้แรกเขียนผิดเขียนถูกยังไงต้องขอโทษด้วยนะค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า ตอน4โมงเย็นของวันที่4/05/60 ได้ออกเดินทางจากอุดรมุ่งหน้าสู่จ.โคราช เพื่อที่จะไปรับเพื่อนมาเที่ยวอุดร เราเดินทางกันทั้งหมด3คน มีเราแฟนและน้องชายประมาณ11ขวบ ปกติทางเส้นนี้จะผ่านตลอดอยู่แล้วเพราะเดินทางไปกับพัทยาอุดรตลอด เราจึงมั่นใจกับถนนเส้นนี้ พอไปถึงขอนแก่นจะเข้าสู่โคราช เราก็ให้เพื่อนคนที่เราจะไปรับส่งโลเคชั่นมาเพื่อที่จะดูว่าที่ตั้งบ้านของเขาอยู่ตรงไหน แต่มันขึ้นแสดงที่ตั้งว่า ตำบลทุ่งกระเต๊น อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ เราก็ถามเพื่อนว่าไหนบอกว่าบ้านอยู่โคราช ย้ำนะค่ะว่าบ้านเพื่อนไม่ได้อยู่ที่นี้พอดีว่าเขาพาหลานมาหาพ่อแฟนเลยไม่รู้จักเส้นทาง ระหว่างทางก็เป็นทางหลักอยู่เส้นทางก็เริ้มมืดลงเวลาประมาณ1ทุ่ม ด้วยความที่เราคิดว่าไปรับแล้วกับเลยแม่ก็ทำกับข้าวรอที่บ้าน เราคิดว่าเวลาจากอุดรไปโคราชใช่ระยะเวลาแค่4ชม.แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ ตอนก่อนถึงโคราชเราก็เปิดแผนที่ไปตามโลเคชั่นที่เพื่อนส่งมา พอใกล้ถึงโคราชฝนก็ตกแรงมากจนมองไมเห็นถนนเลยกิ่งไม้ก็หักลมแรงมากรถคันอื่นก็จอดอยู่ข้างทางหมด แต่เราเลือกที่จะไปต่อเพราะว่าแม่รอกินข้าว เราก็โทรบอกเพื่อนว่าในแผนที่บอกว่าอีกไม่กี่กิโลก็จะถึงแล้วนะ พอบอกไปเพื่อนก็นึกว่าจะถึงแล้วเลยเก็บเสื้อผ้ามายืนรอกับลูก(7เดือน)อยู่หน้าบ้าน ในขณะนั้นเพื่อนก็บอกเราว่าฝนตกแรงมาก เราก็เลยบอกเพื่อนไปว่าตอนนี้ที่นี้ก็ตกมองไม่เห็นถนนเลย แสงสว่างนอกจากไฟหน้ารถแล้วก็มีแต่แสงจากฟ้าแลบตลอดทางหน้ากลัวมากตกใจกรี๊สอยู่ตลอดทาง ส่วนเพื่อนก็บอกกับเราว่าสงสัยใกล้จะถึงแล้วเพราะฝนตกแรงเหมือนกันเราบอกให้เพื่อนหาที่หลบฝนก่อนเพราะเพื่อนมีลูกเล็ก เพื่อนก็บอกว่าหลบอยู่หน้าธนาคาร แต่พอไปถึงโคราชปุบแผนที่ก็ให้เลี้ยวไปทางพิมายแล้วระยะทางก็ห่างออกไปอีก4ชม.ตอนนั้นก็เป็นเวลา3ทุ่ม เราก็เลยโมโหกับแฟนว่าทำไมแผนที่ตั้งแล้วมันไม่ไปตามที่ตั้ง เราเลยโทรบอกเพื่อนว่าให้เข้าบ้านไปก่อนเพราะระยะทางในแผนที่มันไกลออกไปอีกทาง2ข้างทางมืดมาก ไม่มีไฟไม่มีแม้แต่บ้านคนมีแต่รถของเราคันเดียวที่วิ้งอยู่บนถนนเส้นนี้ ในตามองที่เกน้ำมันน้ำมันก็ใกล้จะหมดแล้ว แต่ชื้นใจขับไปตามแผนที่เลยเจอปั้มน้ำมัน เลยถามคนที่ปั้มน้ำมันว่าทางไปหมูบ้านนี้ไปทางไหนเขาบอกว่าไม่รู้จัก เรามองหน้ากับแฟนทำได้เพียงขับไปตามแผนที่ในโทรศัพท์เราก็ขับไปเรื่อยๆ ตอนนั้นเหมือนรู้สึกว่าใจไม่ดีแล้ว ก็ขับรถไปจนน้ำมันใกล้จะหมดอีกครั้ง เราก็เพื่อนก็โทรติดต่อกันตลอด พ่อแฟนเพื่อนก็บอกเส้นทางแต่ตอนนั้นมืดมากสิ่งเดียวที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนั้นคือแผนที่ในโทรศัพท์ จะถามคนแถวนั้นก็ไม่มีใครอยู่เลยเพราะมันดึกมากแล้วและก็ฝนตกตลอดทั้งคืน แต่โชคยังดีมีคนนั้งหลบฝนอยู่ที่ศาลา3คนเราก็ถามว่าจะไปบ้านหนองกี่ไปทางไหนไม่มีใครรู้จักสักคนเราเลยถามหาปั้มน้ำมันเขาก็ชี้บอกทางแต่ก็ไปอีกไกลพอเราไปถึงปั้มน้ำมันเป็นปั้มน้ำมันอยู่กลางป่าไม่มีบ้านคนตังติดตัวที่มีติดมาก็เติมไปแล้ว2รอบเลยถามเด็กปั้มว่สมีตู้ATMไหมเขาก็เลยบอกว่าต้องเข้าไปในตัวเมืองแต่แฟนเราก็เลยถามว่ามีที่รูดบัตรไหมแต่โชคยังดีที่มีที่รูดบัตร แล้วเราก็เลยถามเด็กปั้มว่าจะไปบ้านหนองกี่ไปทางไหนเด็กปั้มเลยบอกว่าให้เลี้ยวขวาไปทางอำเภอห้วยแถลงเราก็ขับไปตามที่เด็กปั้มบอก ตอนนั้นเริ้มไม่แน่ใจเลยโทรถามปู่เพื่อนเขาก็บอกให้เราดูป้ายทางหลักเราเลยบอกไปว่าเราอยู่3แยก ฝั่งซ้ายไปจักราชฝั่งขวาไปอ.แถลง ปูเพื่อนบอกว่าให้เลือกไปทางจักราชแต่เด็กปั้มบอกเราเมื้อกี้ว่าให้ไปอ.แถลง(ในใจตอนนั้นคือไม่อยากไปต่อแล้วอยากกลับ) เราก็เลยเลือกไปทางจักราชตามที่ปู่เพื่อนบอก เราก็ขับไปเรื่อยๆมันก็ยิ่งมืดยิ่งเงียบยิ่งไกลออกไปไม่มีรถสักคันโชคดีที่เจอบ้านคนแฟนก็เลยลงไปเคาะประตูถามว่าหนูจะไปบ้านหนองกี่ไปทางไหนเขามองหน้าแล้วทำหน้างงแล้วย้อนกลับมาถามเราว่าเราเป็นคนที่ไหนทำไมมาทางนี้เวลานี้ก็ตอบเขาไปตามที่เราก่าวข้างต้นเขาก็ชี้บอกเราว่าให้ไปทางอ.แถลงเราก็วนรถกลับไป แล้วเขาก็บอกเราว่าถ้าไม่ไหวก็ให้หาที่พักก่อนเช้าค่อยเดินทางต่อตอนนั้นเราก็เริ้มใจไม่ดีแล้วอยากกลับบ้านแต่หาทางออกไม่เจอ เราก็ขับไปเลื่อยๆประมาณ60โลตอนนั้นเหนื่อยและเพลียมากเพราะขับรถมาครึ้งวันยังไม่ได้พักเลย ปู่เพื่อนก็โทรมาเราเลยบอกไปว่าคนแถวนั้นให้มาอ.แถลงปู่เลยบอกว่าถ้ามาทางนี่ก็จะเจอทางรถไฟเจอป้อมตำรวจให้เลี้ยวขวาตอนนั้นตังในโทรศัพท์และเน็ตก็หมดทั้งสองคน แต่ฝั่งตรงข้ามกับป้อมตำรวจมีตู้เติมเงินออนไลเราไม่มีตังสักบาทมีแต่ตังเหรียนเติมได้แค่20บาทแฟนก็รีบสมัคเน็ต จากนั้นจอดตั้งหลักตรงสี่แยกปู่เพื่อนบอกว่าถ้าเจอป้อมให้เลี้ยวขวาเข้าไปแต่ในใจไม่อยากเข้าไปเพราะทางมันหน้ากลัวมากแต่ก็ขับเข้าไปได้นิดนึกก็เจอกลุ่มควันเต็มหน้ารถไปหมดแล้วฝนก็ตกหนักเลยโทรถามเพื่อนเพื่อความแน่ใจว่าใช่บ้านหนองหินไหมที่เลี้ยวเข้ามาเขาก็บอกว่าใช่ทาง3แยกรึป่าวแต่เรามองไปมันเป็นทาง4แยกเราก็เลยเลือกที่จะไปตามแผนที่ ขับไปสักพักโชคยังดีที่เจอร้านขายของเหมือนเขายังไม่นอนก็เลยลงไปถามทางเขาอีกครั้งเขาก็ถามเรากลับมาเหมือนเดิมว่าเราคนที่ไหนทำไมมาทางเส้นนี้แล้วจะไปไหนกันเราเลยบอกกลับไปว่าจะไปบ้านหนองกี่เขาเลยบอกว่าอธิบายยากเลยวาดแผนที่ให้แต่พอเขาวาดแผนที่ให้เสร็จเขาเลยบอกว่าให้หาที่พักก่อนอย่าพึ่งไปต่อเลย เราก็ไปตามทางที่เขาบอกโชคดีเจอปั้มอีกมี7-11ด้วยความที่เหนื่อยยังไม่มีใครได้กินข้าวสักคนก็ลงไปซื้อข้าวที่7-11แล้วถามคนใน7-11ว่าบ้านหนองกี่ไปทางไหนเขาก็ชี้บอกทางเรา เราก็ขับออกมาเรื่อยๆมาเจอรีสอร์ทตอนนั้นฝนก็ตกแรงมากแฟนเลยบอกว่าขอพักก่อนได้ไหมขับไม่ไหวแล้วทางมันมืดมากเราก็เลยให้แฟนพักก่อนพอขับรถเข้าไปสอบถามราคาห้องเขาก็บอกค้างคืน400เราก็เลยตกลงที่จะพักเวลาตอนนั้นประมาณเกือบตี1 ตอนนั้นคิดแค่ว่าอยากนอนให้รอถึงเช้าเพราะในใจคิดว่าตอนนั้นมันใกล้จะถึงแล้ว พอเปิดประตูห้องเข้าไปสภาพห้องที่เห็นคือห้องลกมากฝุ่นเยอะมากเหม็นอับมากคือต้องใส่รองเท้าเดินเข้าไปแต่ด้วยความที่เหนื่อยพร้อมที่จะนอนไม่ได่ถอดแม่แต่เสื้อผ้าออกแค่อยากล้มตัวลงนอนเฉยๆขนาดห้องน้ำยังไม่ก้าเข้าเพราะว่ามีแต่ฝุ่นตรงอ้างล้างหน้าก็มีแต่ขี่ตะไคร้น้ำ กะว่าจะนอนแล้วเลยปิดทีวีปิดรอบแรกมันก็ติดขึ้นมาอีกปิดรอบสองมันก็ติดขึ้นมาอีกพอปิดรอบที่สามมันก็ติดขึ้นมาอีกแต่รอบนี้มันไม่มีสัญญาณทีวีแล้วเราก็เลยไหว้แล้วเอาตังเหรียนบาท2บาทใส่ใต้หมอนในขณะนั้นก็มีแต่เสียงฝนตกตอนนั้นในใจกลัวมากและสักพักได้ยินเสียงคนด่ากันเป็นเสียงผู้หญิงตอนนั้นเราคิดว่าเราได้ยินแค่คนเดียวแต่แฟนเราก็ได้ยินแล้วเราก็มองหน้ากันแต่ก็ไม่ได้ทักอะไรกันแต่แฟนเราก็เลยตัดสินใจเปิดประตูออกไปดูคิดว่าเป็นห้องข้างๆพอเปิดออกไปแล้วก็ไม่เจอใครเลยแล้วห้องข้างๆก็ไม่มีคนอยู่ ก็เลยปิดประตูกลับเข้ามาน้องชายก็ร้องไห้แฟนเราก็เลยถามว่ากลับเลยไหมน้องชายก็เลยตอบว่ากลับเราก็เลยลุกขึ้นรถกลับกันเลยอยู่ในรีสอร์ทนั้นไม่ถึง30นาที(แต่มือเราดันหยิบสบู่ออกมา3ก้อน) พอออกมาที่รถแล้วก็เปิดแผนที่ดูต่อคิดว่าใกล้จะถึงแล้วขับไปขับมาวนไปวนมาที่เดิมจนเช้าทางแผนที่ก็บอกให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาแต่ไม่มีทางที่จะเลี้ยวเลยแล้วก็บอกให้กลับรถอยู่ตลอด เราก็ไม่กลับเราก็ขับตรงอย่างเดียวในใจตอนนั้นอยากหาทางออกที่จะกลับบ้านจนตี5:30 พึ่งจะมาเจอป้ายบ้านหนองกี่ แต่เราไม่ไปแล้วและไปเจอคนทำไฟอยู่ข้างทางก็เลยถามว่าทางออกที่จะไปขอนแก่นไปทางไหนเพราะว่าเราไม่รู้ทางว่าตอนนี่เราอยู่ที่ไหนเขาเลยบอกว่าเราอยู่ทางที่จะไปสุรินแล้ว เขาก็เลยบอกว่าถ้าจะกลับก็ต้องเข้าตัวโคราชก่อน แล้วก็หาทางออกจากตัวโคราช แล้วเราก็มาถึงบ้านประมาณ9โมงกว่า แม่ก็เลยพาไม่รดน้ำมนเลย
เป็นการเดินทางที่ไม่เคยลืม
(อยากจะถ่ายรูปมาให้ดูทั้งหมดแต่ไม่ก้าเพราะในใจตอนนั้นมีแต่กลัว)
เล้าประสบการณ์จากอุดรไปโคราชตั้งแต่4โมงเย็นถึงตี5
เรื่องมีอยู่ว่า ตอน4โมงเย็นของวันที่4/05/60 ได้ออกเดินทางจากอุดรมุ่งหน้าสู่จ.โคราช เพื่อที่จะไปรับเพื่อนมาเที่ยวอุดร เราเดินทางกันทั้งหมด3คน มีเราแฟนและน้องชายประมาณ11ขวบ ปกติทางเส้นนี้จะผ่านตลอดอยู่แล้วเพราะเดินทางไปกับพัทยาอุดรตลอด เราจึงมั่นใจกับถนนเส้นนี้ พอไปถึงขอนแก่นจะเข้าสู่โคราช เราก็ให้เพื่อนคนที่เราจะไปรับส่งโลเคชั่นมาเพื่อที่จะดูว่าที่ตั้งบ้านของเขาอยู่ตรงไหน แต่มันขึ้นแสดงที่ตั้งว่า ตำบลทุ่งกระเต๊น อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ เราก็ถามเพื่อนว่าไหนบอกว่าบ้านอยู่โคราช ย้ำนะค่ะว่าบ้านเพื่อนไม่ได้อยู่ที่นี้พอดีว่าเขาพาหลานมาหาพ่อแฟนเลยไม่รู้จักเส้นทาง ระหว่างทางก็เป็นทางหลักอยู่เส้นทางก็เริ้มมืดลงเวลาประมาณ1ทุ่ม ด้วยความที่เราคิดว่าไปรับแล้วกับเลยแม่ก็ทำกับข้าวรอที่บ้าน เราคิดว่าเวลาจากอุดรไปโคราชใช่ระยะเวลาแค่4ชม.แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ ตอนก่อนถึงโคราชเราก็เปิดแผนที่ไปตามโลเคชั่นที่เพื่อนส่งมา พอใกล้ถึงโคราชฝนก็ตกแรงมากจนมองไมเห็นถนนเลยกิ่งไม้ก็หักลมแรงมากรถคันอื่นก็จอดอยู่ข้างทางหมด แต่เราเลือกที่จะไปต่อเพราะว่าแม่รอกินข้าว เราก็โทรบอกเพื่อนว่าในแผนที่บอกว่าอีกไม่กี่กิโลก็จะถึงแล้วนะ พอบอกไปเพื่อนก็นึกว่าจะถึงแล้วเลยเก็บเสื้อผ้ามายืนรอกับลูก(7เดือน)อยู่หน้าบ้าน ในขณะนั้นเพื่อนก็บอกเราว่าฝนตกแรงมาก เราก็เลยบอกเพื่อนไปว่าตอนนี้ที่นี้ก็ตกมองไม่เห็นถนนเลย แสงสว่างนอกจากไฟหน้ารถแล้วก็มีแต่แสงจากฟ้าแลบตลอดทางหน้ากลัวมากตกใจกรี๊สอยู่ตลอดทาง ส่วนเพื่อนก็บอกกับเราว่าสงสัยใกล้จะถึงแล้วเพราะฝนตกแรงเหมือนกันเราบอกให้เพื่อนหาที่หลบฝนก่อนเพราะเพื่อนมีลูกเล็ก เพื่อนก็บอกว่าหลบอยู่หน้าธนาคาร แต่พอไปถึงโคราชปุบแผนที่ก็ให้เลี้ยวไปทางพิมายแล้วระยะทางก็ห่างออกไปอีก4ชม.ตอนนั้นก็เป็นเวลา3ทุ่ม เราก็เลยโมโหกับแฟนว่าทำไมแผนที่ตั้งแล้วมันไม่ไปตามที่ตั้ง เราเลยโทรบอกเพื่อนว่าให้เข้าบ้านไปก่อนเพราะระยะทางในแผนที่มันไกลออกไปอีกทาง2ข้างทางมืดมาก ไม่มีไฟไม่มีแม้แต่บ้านคนมีแต่รถของเราคันเดียวที่วิ้งอยู่บนถนนเส้นนี้ ในตามองที่เกน้ำมันน้ำมันก็ใกล้จะหมดแล้ว แต่ชื้นใจขับไปตามแผนที่เลยเจอปั้มน้ำมัน เลยถามคนที่ปั้มน้ำมันว่าทางไปหมูบ้านนี้ไปทางไหนเขาบอกว่าไม่รู้จัก เรามองหน้ากับแฟนทำได้เพียงขับไปตามแผนที่ในโทรศัพท์เราก็ขับไปเรื่อยๆ ตอนนั้นเหมือนรู้สึกว่าใจไม่ดีแล้ว ก็ขับรถไปจนน้ำมันใกล้จะหมดอีกครั้ง เราก็เพื่อนก็โทรติดต่อกันตลอด พ่อแฟนเพื่อนก็บอกเส้นทางแต่ตอนนั้นมืดมากสิ่งเดียวที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนั้นคือแผนที่ในโทรศัพท์ จะถามคนแถวนั้นก็ไม่มีใครอยู่เลยเพราะมันดึกมากแล้วและก็ฝนตกตลอดทั้งคืน แต่โชคยังดีมีคนนั้งหลบฝนอยู่ที่ศาลา3คนเราก็ถามว่าจะไปบ้านหนองกี่ไปทางไหนไม่มีใครรู้จักสักคนเราเลยถามหาปั้มน้ำมันเขาก็ชี้บอกทางแต่ก็ไปอีกไกลพอเราไปถึงปั้มน้ำมันเป็นปั้มน้ำมันอยู่กลางป่าไม่มีบ้านคนตังติดตัวที่มีติดมาก็เติมไปแล้ว2รอบเลยถามเด็กปั้มว่สมีตู้ATMไหมเขาก็เลยบอกว่าต้องเข้าไปในตัวเมืองแต่แฟนเราก็เลยถามว่ามีที่รูดบัตรไหมแต่โชคยังดีที่มีที่รูดบัตร แล้วเราก็เลยถามเด็กปั้มว่าจะไปบ้านหนองกี่ไปทางไหนเด็กปั้มเลยบอกว่าให้เลี้ยวขวาไปทางอำเภอห้วยแถลงเราก็ขับไปตามที่เด็กปั้มบอก ตอนนั้นเริ้มไม่แน่ใจเลยโทรถามปู่เพื่อนเขาก็บอกให้เราดูป้ายทางหลักเราเลยบอกไปว่าเราอยู่3แยก ฝั่งซ้ายไปจักราชฝั่งขวาไปอ.แถลง ปูเพื่อนบอกว่าให้เลือกไปทางจักราชแต่เด็กปั้มบอกเราเมื้อกี้ว่าให้ไปอ.แถลง(ในใจตอนนั้นคือไม่อยากไปต่อแล้วอยากกลับ) เราก็เลยเลือกไปทางจักราชตามที่ปู่เพื่อนบอก เราก็ขับไปเรื่อยๆมันก็ยิ่งมืดยิ่งเงียบยิ่งไกลออกไปไม่มีรถสักคันโชคดีที่เจอบ้านคนแฟนก็เลยลงไปเคาะประตูถามว่าหนูจะไปบ้านหนองกี่ไปทางไหนเขามองหน้าแล้วทำหน้างงแล้วย้อนกลับมาถามเราว่าเราเป็นคนที่ไหนทำไมมาทางนี้เวลานี้ก็ตอบเขาไปตามที่เราก่าวข้างต้นเขาก็ชี้บอกเราว่าให้ไปทางอ.แถลงเราก็วนรถกลับไป แล้วเขาก็บอกเราว่าถ้าไม่ไหวก็ให้หาที่พักก่อนเช้าค่อยเดินทางต่อตอนนั้นเราก็เริ้มใจไม่ดีแล้วอยากกลับบ้านแต่หาทางออกไม่เจอ เราก็ขับไปเลื่อยๆประมาณ60โลตอนนั้นเหนื่อยและเพลียมากเพราะขับรถมาครึ้งวันยังไม่ได้พักเลย ปู่เพื่อนก็โทรมาเราเลยบอกไปว่าคนแถวนั้นให้มาอ.แถลงปู่เลยบอกว่าถ้ามาทางนี่ก็จะเจอทางรถไฟเจอป้อมตำรวจให้เลี้ยวขวาตอนนั้นตังในโทรศัพท์และเน็ตก็หมดทั้งสองคน แต่ฝั่งตรงข้ามกับป้อมตำรวจมีตู้เติมเงินออนไลเราไม่มีตังสักบาทมีแต่ตังเหรียนเติมได้แค่20บาทแฟนก็รีบสมัคเน็ต จากนั้นจอดตั้งหลักตรงสี่แยกปู่เพื่อนบอกว่าถ้าเจอป้อมให้เลี้ยวขวาเข้าไปแต่ในใจไม่อยากเข้าไปเพราะทางมันหน้ากลัวมากแต่ก็ขับเข้าไปได้นิดนึกก็เจอกลุ่มควันเต็มหน้ารถไปหมดแล้วฝนก็ตกหนักเลยโทรถามเพื่อนเพื่อความแน่ใจว่าใช่บ้านหนองหินไหมที่เลี้ยวเข้ามาเขาก็บอกว่าใช่ทาง3แยกรึป่าวแต่เรามองไปมันเป็นทาง4แยกเราก็เลยเลือกที่จะไปตามแผนที่ ขับไปสักพักโชคยังดีที่เจอร้านขายของเหมือนเขายังไม่นอนก็เลยลงไปถามทางเขาอีกครั้งเขาก็ถามเรากลับมาเหมือนเดิมว่าเราคนที่ไหนทำไมมาทางเส้นนี้แล้วจะไปไหนกันเราเลยบอกกลับไปว่าจะไปบ้านหนองกี่เขาเลยบอกว่าอธิบายยากเลยวาดแผนที่ให้แต่พอเขาวาดแผนที่ให้เสร็จเขาเลยบอกว่าให้หาที่พักก่อนอย่าพึ่งไปต่อเลย เราก็ไปตามทางที่เขาบอกโชคดีเจอปั้มอีกมี7-11ด้วยความที่เหนื่อยยังไม่มีใครได้กินข้าวสักคนก็ลงไปซื้อข้าวที่7-11แล้วถามคนใน7-11ว่าบ้านหนองกี่ไปทางไหนเขาก็ชี้บอกทางเรา เราก็ขับออกมาเรื่อยๆมาเจอรีสอร์ทตอนนั้นฝนก็ตกแรงมากแฟนเลยบอกว่าขอพักก่อนได้ไหมขับไม่ไหวแล้วทางมันมืดมากเราก็เลยให้แฟนพักก่อนพอขับรถเข้าไปสอบถามราคาห้องเขาก็บอกค้างคืน400เราก็เลยตกลงที่จะพักเวลาตอนนั้นประมาณเกือบตี1 ตอนนั้นคิดแค่ว่าอยากนอนให้รอถึงเช้าเพราะในใจคิดว่าตอนนั้นมันใกล้จะถึงแล้ว พอเปิดประตูห้องเข้าไปสภาพห้องที่เห็นคือห้องลกมากฝุ่นเยอะมากเหม็นอับมากคือต้องใส่รองเท้าเดินเข้าไปแต่ด้วยความที่เหนื่อยพร้อมที่จะนอนไม่ได่ถอดแม่แต่เสื้อผ้าออกแค่อยากล้มตัวลงนอนเฉยๆขนาดห้องน้ำยังไม่ก้าเข้าเพราะว่ามีแต่ฝุ่นตรงอ้างล้างหน้าก็มีแต่ขี่ตะไคร้น้ำ กะว่าจะนอนแล้วเลยปิดทีวีปิดรอบแรกมันก็ติดขึ้นมาอีกปิดรอบสองมันก็ติดขึ้นมาอีกพอปิดรอบที่สามมันก็ติดขึ้นมาอีกแต่รอบนี้มันไม่มีสัญญาณทีวีแล้วเราก็เลยไหว้แล้วเอาตังเหรียนบาท2บาทใส่ใต้หมอนในขณะนั้นก็มีแต่เสียงฝนตกตอนนั้นในใจกลัวมากและสักพักได้ยินเสียงคนด่ากันเป็นเสียงผู้หญิงตอนนั้นเราคิดว่าเราได้ยินแค่คนเดียวแต่แฟนเราก็ได้ยินแล้วเราก็มองหน้ากันแต่ก็ไม่ได้ทักอะไรกันแต่แฟนเราก็เลยตัดสินใจเปิดประตูออกไปดูคิดว่าเป็นห้องข้างๆพอเปิดออกไปแล้วก็ไม่เจอใครเลยแล้วห้องข้างๆก็ไม่มีคนอยู่ ก็เลยปิดประตูกลับเข้ามาน้องชายก็ร้องไห้แฟนเราก็เลยถามว่ากลับเลยไหมน้องชายก็เลยตอบว่ากลับเราก็เลยลุกขึ้นรถกลับกันเลยอยู่ในรีสอร์ทนั้นไม่ถึง30นาที(แต่มือเราดันหยิบสบู่ออกมา3ก้อน) พอออกมาที่รถแล้วก็เปิดแผนที่ดูต่อคิดว่าใกล้จะถึงแล้วขับไปขับมาวนไปวนมาที่เดิมจนเช้าทางแผนที่ก็บอกให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาแต่ไม่มีทางที่จะเลี้ยวเลยแล้วก็บอกให้กลับรถอยู่ตลอด เราก็ไม่กลับเราก็ขับตรงอย่างเดียวในใจตอนนั้นอยากหาทางออกที่จะกลับบ้านจนตี5:30 พึ่งจะมาเจอป้ายบ้านหนองกี่ แต่เราไม่ไปแล้วและไปเจอคนทำไฟอยู่ข้างทางก็เลยถามว่าทางออกที่จะไปขอนแก่นไปทางไหนเพราะว่าเราไม่รู้ทางว่าตอนนี่เราอยู่ที่ไหนเขาเลยบอกว่าเราอยู่ทางที่จะไปสุรินแล้ว เขาก็เลยบอกว่าถ้าจะกลับก็ต้องเข้าตัวโคราชก่อน แล้วก็หาทางออกจากตัวโคราช แล้วเราก็มาถึงบ้านประมาณ9โมงกว่า แม่ก็เลยพาไม่รดน้ำมนเลย
เป็นการเดินทางที่ไม่เคยลืม
(อยากจะถ่ายรูปมาให้ดูทั้งหมดแต่ไม่ก้าเพราะในใจตอนนั้นมีแต่กลัว)