กลัวความคิดตัวเอง!! ตั้งเป็นกระทู้สนทนาไม่ได้ เชิญแวะเข้ามาคุยกันนะคะ

ตอนเด็กพ่อหนูจะเอาเมียน้อย โดยให้เหตุผลว่าแม่ไม่มีลูกชายให้ คนที่พ่อจะเอาคือเด็กที่แม่เก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ คนนั้นเปรียบเหมือนลูกแม่เลย แม่ไม่ยอม พี่คนนั้นก็ไม่ยอม ตอนนั้นแม่มีหนูกับน้องสาวที่เป็นทารก พอไม่นานแม่ก็ท้องและคลอดน้องชายออกมา ทีนี้พ่อเลยไม่มีข้ออ้างที่จะไปเอาเมียน้อย
พ่อกับแม่รักน้องคนนี้มาก โอ๋มากๆ มันขี้ร้องไห้ ตอนมันอนุบาล ๓ มันไปตัดผมกลับมาแล้วหนูลูบหัวมันบอกว่าหล่อจังเลย มันก็ร้องไห้ แล้วแม่ก็ตีหนู เหตุการณ์ขี้ร้องไห้แล้วหนุโดนตีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก จนตอนนี้มันโตแล้ว แม่ก็โอ๋มันอยู่ จนหนูวีนแม่หลายรอบ บอกแม่ว่าแม่ลำเอียง แม่ถึงให้มันทำงานบ้านบ้าง (ล้างจานมื้อเย็นและช่วยงานที่ร้านในช่วงวันหยุด) เวลาทะเลาะกันตั้งแต่เด็ก หนูจะโดนด่าและตีก่อน โดยไม่ถามสาเหตุ สองเดือนก่อนหนูทะเลาะกับมัน จนตอนนี้ก็ไม่คุยกัน แล้ววันนี้หนูร้องเพลงประกอบดิสนีย์ ทำเสียงเด็กน้อยเเดินเข้าร้าน มันกินข้าวอยู่ ตะโกนด่าว่า อย่ามากวนตีนกูนะ หนูเลยขึ้นและด่ามัน มันหักตะเกียบและปาใส่หนู(แต่ไม่โดน) มันบอกว่าจะฆ่าหนู หนูก็ด่ามัน แม่รีบวิ่งมาห้าม แม่ด่าหนูว่าทำเกินไป(แม่เข้าใจว่าหนูกวนตีนมันก่อนเหมือนที่มันตะโกนด่าหนูตอนแรก) มันบอกจะฆ่าหนูหลายหนมาก ตอนนี้เสียงในหัวบอกหนูว่าถ้าเราไม่ชิงลงมือก่อน หนูจะเป็นคนที่ถูกฆ่า ตอนนี้หนูเกลียดมันมาก เกลียดเข้ากระดูกดำ อยากให้มันตาย แต่ประเด็นคือเวลาเราเจอข้อพระคัมภีร์ หรือเวลาไปโบสถ์รับใช้ รู้สึกผิด หนูไม่อยากเป็นแบบนี้

       ตอนเด็กหนูไม่ได้เป็นคนคิดมาก หนูเป็นคนเฮฮา ชอบเล่นกับเพื่อน ช่างพูด ช่างจา รู้สึกมีความสุขที่ได้ไปโบสถ์ชอบเจอเพื่อนเยอะๆ จนวันหนึ่งตอน ป.๓ ฝั่งไทยกับฝั่งพม่ามีปัญหากัน ด่านเลยปิด(ตอนนั้นบ้านหนูอยู่ฝั่งพม่า) เพื่อจะเรียนไทยหนูเลยต้องย้ายมาอยู่ฝั่งไทย แม่และน้องสองคนอยู่ฝั่งพม่า เพราะแม่ไม่มีสัญชาติไทย และน้องยังเด็ก ตอนนั้นไปอยู่บ้านของเพื่อนพ่อ เป็นห้องแถวเล็กๆ เขาอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกอีกสองคน คนโตอายุเท่าหนู พ่อและเพื่อนพ่อไปเล่นการพนันไม่เป็นอันทำมาหากิน จนเมียเขาหนีออกจากบ้านพร้อมลูกคนเล็ก ตอนนั้นหนูยังไม่รู้สาเหตุ ลูกคนโตน้องกวางร้องไห้หาแม่ทุกวัน จนวันหนึ่ง ลูกสาวเขามากระซิบใส่หูหนูว่า ที่แม่เขาออกไปจากบ้านเพราะหนูไปอยู่บ้านเขา หลังจากนั้นหนูนอนร้องไห้ทุกคืน ตื่นเช้าเดินไปเรียนหนังสือ พ่อยังไม่กลับบ้านเลย  มื้อเที่ยงที่โรงเรียนจ่ายเป็นเทอมแล้ว พ่อให้เงินไปโรงเรียน  ๒๐ บาท ทุกเย็นหนูกับน้องกวางจะชวนกันไปซื้อมาม่ามาต้มกิน บางวันน้าของน้องกวางที่อยู่ข้างบ้านสงสารเลยมาชวนไปกินข้าวบ้านเขา ส่วนโบสถ์ก็ไม่อยากไปแล้ว เพราะอายเขา สภาพตอนนั้นใส่เสื้อผ้าซ้ำไปซ้ำมา ตัวเหม็น และมีรอยยุงกัดแผลจากการเกาเต็มตัว พอขึ้น ป.๔ เราทั้งครอบครัวก็ย้ายมาอยู่ฝั่งไทย ตอนนั้นลำบากมาก เช่าบ้านอยู่ แม่ขายข้าวฟืนอุ่นถ้วยละ ๑๐ บาท ต้องตื่นมาซื้อถั่ว โม่ถั่ว คั้นน้ำมาต้มเป็นข้าวฟืน ซึ่งทำตั้งแต่เช้า และขายตอน ๕ โมงเย็นจน ๓ ทุ่ม ขึ้นอยู่กับว่าวันไหนหมดเร็วก็จะกลับเช้าหน่อย พี่ที่อยู่ด้วยแต่งงานไปแล้ว พ่อยังคงเล่นการพนันเหมือนเดิม น้องชายขี้ร้องไห้ น้องสาวก็ปกติ แม่เหนื่อยจนร้องไห้บ่อยมาก แม่กลยเป็นคนปากร้าย ชอบพูดจาและด่าทำร้ายจิตใจ หลายๆครั้งที่เห็นแม่ร้องไห้บอกหนูว่าอยากตาย แต่ยังดีที่วันอาทิตย์แม่ไปโบสถ์ ดูแล้วแม่จะดีขึ้น
       อีกอย่างคือพ่อเป็นคนปากร้าย ชอบพูด กู  ชอบด่าคำหยาบ ชอบแช่งให้ตาย ชอบทำลายข้าวของ หนูเคยถูกพ่อตบหน้าจนจมูกเลือดไหลหลายที มีเหตุการณ์หนึ่งที่จำฝังใจคือดูหนังกับพ่อ ฉากนั้นพระเอกไปเดินเอาฝามาห้อยคอ หนูเลยพูดเล่นว่าเท่จัง จะทำบ้าง พ่อก็ด่ามาว่า นี่อะไรๆก็เอาแต่เลียนแบบฝรั่ง ตอนฝรั่งยังอยู่ในป่าคนจีนก็ทำเสื้อใส่กันแล้ว คนจีนเก่งกว่าตั้งเยอะ หนูเลยเถียงว่า แค่พูดเล่น อะไรนักหนา อะไรก็คนจีนๆ เลยโดนตบหน้า หนูเลยก้มห้วลงซุกน่อง(ตอนนั้นนั่งเก้าอี้เตี้ยๆ) แล้วพ่อก็กระทืบลงที่ท้ายทอย จนหนูมึนจนลงไปกองกับพื้น แล้วก็มีคนมาห้ามพ่อ
      มีอยู่หลายครั้งที่พ่อพังเก้าอี้กับทีวี มือถือ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พ่อกับแม่ขายเกาลัดอยู่ แล้วลุกค้าเยอะ พ่อเอาเงินให้แม่ทอนตังค์แล้วแม่ยุ่งอยู่ เลยกำแบงค์ให้พ่อไปทอนเอง พ่อเลยด่าแม่ว่าทำไมไม่จัดให้ระเบียบ ทำงานชุ่ยๆ แม่เลยบอกว่ายุ่งอยู่ไม่เห็นหรอ แล้วพ่อก็โมโห เทเกาลัดที่คั่วแล้วลงพื้น ต่อหน้าคนที่เดินไปเดินมาอยู่แถวนั้น และขับมอเตอร์ไซค์ออกไปเลย คนแถวนั้นก็สงสารและมาช่วยแม่เก็บเกาลัด (อันนี้น้องเล่าให้ฟัง)
      ที่พักหลังพ่อเริ่มช่วยทำมาหากินเพราะว่าแม่บุกไปที่บ่อนหลายหนน่ะ แรกๆใช้ไม้อ่อนคืออุ้มน้องชายที่เดินไม่ได้และจูงมือเรากับน้องสาวไปยืนร้องไห้หน้าบ่อน จนพ่ออายะลและต้องกลับบ้าน พอหลังๆพ่อก็ยังไป ไม่ช่วยทำงานตอนนั้นลูกๆยังเด็ก แม่เลยบุกไปถล่มโดยคว่ำโต๊ะพนัน และด่าว่าพ่อไม่ช่วยทำมาหากิน หลังจากนั้นพ่อก็เริ่มช่วยทำงานบ้าง

       จริงๆยังมีอะไรอีกมากที่ฝังใจหนู แต่หนูพิมพ์ไม่หมดหรอก หนูรู้ว่าพระเจ้ารักหนูนะ แต่หนูยังคงรู้สึกตัวเองไม่มีดี ไม่มีค่า ทุกวันนี้หลังจากทำงานกลับจากร้านหนูก็ขังตัวเองในห้อง ไม่อยากเจอหรือพูดคุยกับใคร  หนูจบมหาลัยแล้ว เพื่อนๆก็ทำงานหมดแล้ว ตอนนี้หนูกำลังรอผลทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ หนูโคตรอยากไปไกลๆบ้านเลย ถ้าผลทุนออกแล้วหนูไม่ติดหนูต้องร้องไห้จนอยากตายแน่เลย เพราะหนูต้องรออีกปี หนูไปอยากอยู่บ้านเลย แต่ตอนนี้ต้องอยู่บ้านเพราะว่าแม่เป็นพังผืดที่มือ ผ่าตัดต้องพักฟื้น หนูเลยต้องอยู่ช่วยงานไปก่อน แต่รู้สึกเหมือนจะตายแล้ว เศร้าและห่อเหี่ยว
  
       เพื่อความแฟร์นะคะจะเล่านิสัย  จขกท. ให้ฟังด้วย ตอนสมัยเป็นลูกคนเดียวก็โดนโอ๋เหมือนกันค่ะ และได้นิสัยพ่อมาบ้าง เช่น ปากร้าย ขวานผ่าซาก อารมณ์ร้อน เลยเป็นสาเหตุที่กลัวว่าจะทำอะไรลงไปแบบที่คิดค่ะ พยายามปรับปรุงอยู่

อยากระบาย ต้องการกำลังใจและคำปรึกษา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่