"กอดสุดท้าย" เรื่องสั้นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ตรง

กระทู้สนทนา
"กอดสุดท้าย" เรื่องสั้นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ตรง

ณ ห้องสว่างโล่งห้องหนึ่ง รูปทรง สี่เหลี่ยมผืนผ้า ตามแนวยาวของห้อง มีเตียงผู้ป่วยเรียงกัน 5 เตียง ที่มุมห้องถัดจากประตู้เข้าออก มีโ่ต๊ะทำงานขอแพทย์เล็กๆตั้งอยู่ ใช่แล้ว! ที่นี่คือห้องฉุกเฉิน (ER)
.
“ฉัน”ซึ่งเป็นแพทย์เวรหน้ามันหัวยุ่ง มือซ้ายถือ stethoscope (หูฟัง) เพื่อฟังเสียงหัวใจของผู้ป่วย ในขณะที่มือขวาและตาจับจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อคีย์ข้อมูล
"ซาเกะ มาเนาะ" (ภาษายาวี: เจ็บตรงไหนคะ?)
"ซาเกะ ซีนี่" (เจ็บตรงนี้) ชายชราบอกพร้อมกับเอามือชี้ไปที่หน้าอก
"พี่คะ ทำ EKG  (คลื่นไฟฟ้าหัวใจ) ให้ เปาะจิ (คุณตา) นิดนึงค่ะ " ฉันบอกพลางหันหน้าไปหาพี่พยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
"เปาะจิ ดีโดซีนี่" (คุณตา นอนตรงนี้นะคะ) พี่พยาบาลพูดพร้อมกับเรียกคุณตาให้เข้าไปนอนที่เตียงเพื่อตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ขณะที่เปาะจิกำลังจะก้าวลุกไปที่เตียงนั้นเอง
.
.บึ้มมมมมม !!!!!!

เสียงนี้เป็นเสียงที่ชั้นไม่เคยได้ยินมาก่อน  ด้วยสัญชาตญาณ และด้วยสถานที่ที่ โรงพยาบาลนี้ตั้งอยู่ที่ให้ฉันรู้ได้ทันทีว่านี่คือ "เสียงระเบิด" !!!!!!!!!
"ตวู้มมมมม..." ทุ้มๆใหญ่ๆ แน่นๆ ไม่เหมือนกับที่เคยได้ยินมาก่อนแบบในละครหลังข่าวระเบิดภูเขาเผากระท่อม  ต้นเสียงคงไม่ใช่ที่ไหนไกลหรอก น่าจะมาจากแหล่งชุมชนแถวๆตลาดที่ห่างจาก รพ.ไปประมาณ 1 กม.

"โธ่โฟร๊ยยย..... ระเบิดวันไหนไม่ระเบิด ดันมาระเบิดลงวันที่ตรูอยู่เวรด้วยฟระ ยิ่งอยู่คนเดียวด้วย " แพทย์ใช้ทุนปี 1 ที่เพิ่งเรียนจบ 3 เดือนและไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการรับมืออุบัติภัยหมู่มาก่อน (อย่างมากสุดก็แค่มีประสบการณ์เย็บแผลเด็กแวนซ์ตีกันไม่เกิน 10 เข็ม)  สบถกับตัวเองพร้อมกับเดินกึ่งวิ่งไปที่ล็อกเกอร์ที่อยู่หลังห้องฉุกเฉิน.... เหมือนรู้ใจกัน ผู้ช่วยพยาบาลยืนรออยู่แล้วพร้อมกับยื่นเอี๊ยมพลาสติกเต็มตัวเพื่อกันเลือดให้
"เดี๋ยวต้องรีบไปเคลียร์เคสด้านหน้าให้หมดก่อนที่ "งานเข้า" ภายใน 5 นาทีนี้" คิดในใจพลางผูกเชือกเอี้ยมที่หลังเอวพร้อมกับเดินจ้ำกลับไปด้านหน้าห้องฉุกเฉิน เพื่อไปดูผู้ป่วยทั้งหมดที่ยังตรวจไม่เสร็จ
.

"อะอ้าว ?!? คนไข้หายไปไหนกันหมดพี่?"
"เค้าเผ่นกลับบ้านกันไปหมดแล้วหมอ เปาะจิคนเมื่อกี้ก็ไปแล้ว ไม่สงไม่สนแล้วเรื่องเจ็บอก บอกว่าวันอื่นเดี๋ยวมาใหม่ พี่บอกให้อยู่ตรวจก่อนเพราะกลัวเป็นโรคหัวใจ แกก็ไม่เชื่อ จะกลับท่าเดียว ตอนนี้ลืมเจ็บ เดินโสร่งปลิวไปนู่นแล่ววว"
ฉันมองออกไปนอกประตูโรงพยาบาลเห็นหลังเปาะจิกับโสร่งสีแดงลิบๆ เดินปร๋ออย่างที่พี่พยาบาลบอกจริงๆ
.
“เฮ้อ!!!!!!” ฉันถอนหายใจ แล้วกลับมานั่งหน้านิ่งคิ้วขมวดตรงเก้าอี้ตัวเดิมเพื่อเตรียมใจรับหน้าที่ที่ต้องทำภายในไม่กี่นาทีข้างหน้า
.
.

เงียบกริบ... ความเงียบเข้าปกคลุม ER บุคคลากรเจ้าหน้าที่อยู่เป็นสิบ แต่เงียบกริบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ทุกคนนั่งนิ่งๆไม่มีใครพูดอะไร เวลานี้อุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อเตรียมรับอุบัติภัยหมู่ได้ถูกจัดเตรียมประจำตำแหน่งไว้เรียบร้อยแล้ว ต่างคนต่างเตรียมใจรับสถานการณ์ที่ยังไม่รู้ว่าจะหนักหรือเหนื่อยขนาดไหน
..
"ทุกฝ่ายทราบ ทุกฝ่ายทราบ  มีระเบิดที่ตลาด รถจักรยานยนต์เสียหาย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้กำลังเข้าเคลียร์ความเรียบร้อย" เสียงวิทยุสื่อสารที่วางเอาไว้กลาง ER ดังขึ้น
.
.
"เฮ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! งานไม่เข้าแล้ววร๊อยยยยยย" ฉันชูมือขึ้น 2 ข้างดีใจแบบเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ หุหุ คนบาดเจ็บก็ไม่มี แถมคนไข้ที่ตรวจค้างไว้หนีกลับบ้านกันไปหมดสบายตัวแล้วเราวันนี้
.
"อย่าวางใจไปหมอ" แบแระ (แบ แปลว่า พี่ชาย) ชายวัยกลางคนเป็นทั้งคนขับรถและเจ้าหน้าที่เวรเปลของโรงพยาบาล ผู้ที่ปกติไม่ค่อยคุยกับใครเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นฉันยิ้มดีใจจนออกนอกหน้า
.
"ผมว่าอันนี้น่ะของปลอม "ของจริง" คงซ่อนอยู่ใกล้ๆแหระ รอเวลาเจ้าหน้าที่ กู้ภัย ตำรวจ ไทยมุงมาเยอะๆ ถึงตอนนั้นนะ   "มัน" ค่อยทำงาน"
.
.บ้าน่าาาา... ชั้นมองหน้าแบแระอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง "จริงเหรอแบ?" ฉันถามกลับเบาๆแบบไม่แน่ใจจนแบแระไม่ได้ยินคำถามนั้น ..... ปกติแล้วฉันฟังคำพูดของคนในพื้นที่เสมอ แบแระก็เป็นคนที่นี่ตั้งแต่เกิดต้องมีประสบการณ์มากแน่ๆ.........ถึงอย่างไรฉันก็ไม่อยากให้เป็นแบบที่แบแระทำนายเลย
...
ตอนนี้ฉันก้มมองจับพระที่คอตัวเอง นึกถึงวันแรกที่มีท่านติดตัว หลังจากที่ก้มกราบแม่ แม่คล้องท่านให้ฉันแล้วหยิบเศษดินโปรยบนหัวฉัน
"ตั้งใจทำงานนะลูก พระคุ้มครอง ฝากแม่พระธรณีดูแล แล้วกลับบ้านมาปลอดภัยนะลูกนะ"
"เราเป็นคนดี ไปทำดี ทำประโยชน์ให้แผ่นดิน ปลอดภัยอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงหรอกเนอะ จริงมั้ย?" ป้าพูดพร้อมกับกอดฉันและปลอบแม่ไปในทีเดียวกัน เสียงและความรู้สึกนั้นยังตรา..ตรึ.........................
.
บึ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
.
.
อาคาร 9 ชั้นที่ฉันอยู่สั่นสะเทือน ไปทั้งหลัง เสียงกระจกสั่นสะเทือนตามคารที่ไหว ไฟทุกดวงกระพริบ พริบ พริบ พริบ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!…..
สิ่งที่แบแระพูดเอาไว้เมื่อ 5 นาทีที่แล้วเกิดขึ้นไม่มีผิด วินาทีนี้ “ฉัน” ที่ไม่เคยเจอเหตุการอย่างนี้มาก่อน มือสั่น นิ่งไปทั้งตัว แม้แต่ควบคุมนิ้วชี้ให้คลิกเมาส์คอมพิวเตอร์ยังไม่ได้!!!!.
.
“ใจเย็นเถอะหมอ เดี๋ยว ”พวกเค้า” ก็มา” แบแระพูดเสียงเรียบๆตามองไปที่ทางเข้าโรงพยาบาล
.
ท่ามกลางความมืดของเวลาดึกแต่โดยรอบริเวณของโรงพยาบาลกลับสว่างไปด้วยไฟสีแดงขอรถกู้ภัยเสียงหวอดังต่อเนื่อง ทุกๆนาทีมีคนคนเจ็บทยอยโดนหามเข้า ER มาเรื่อยๆ พร้อมกับความโกลาหลที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณอย่างรวดเร็ว!
“เร็ว เร็ว เร็วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!”
“ตรงไหนว่างบ้าง???? ขอเตียงให้คนนี้หน่อยไม่ไหวแล้ว!!!!!!”
“หมอมาดูคนนี้หน่อย แย่แล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“หมอ! เอาคนนี้ก่อนคนนี้หนักสุดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!”
“หมอ! หมออยู่ไหน?!? คนนี้คลำชีพจรไม่ได้แล้วหมอออออออออออออออออ!!!!!!!!!!!!!!!!!”
.
ER เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผู้คนทุกฝ่ายทุกแผนกของโรงพยาบาลทั้งที่อยู่เวรและออกเวรไปแล้วลงมาช่วยกัน ไม่เว้นแม้แต่ภารโรง, คนสวน หรือ ผู้ป่วยบางแผนกที่พอเดินไหว ต่างลงมาช่วยกันขนคนเจ็บที่เดินไม่ได้มารักษาที่นี่!!! ทุกคนมาด้วยใจ!!!! ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้!!!!  ฝูงชนทั้งที่มารักษาและรับการรักษาต่างเบียดเสียดยัดเยียดเต็มห้อง เหมือนปลาดุกเบียดกันในกาละมังในตลาดสด แม้แต่จะเดินสวนกันยังต้องเบียดตะแคงข้าง พื้นห้องนองไปด้วยเลือด ทุกๆย่างก้าวของฉันเหยียบเลือดกระเด็นเต็มขากางเกงขึ้นมาถึงตาตุ่ม  
“ฮืออออออออออออออออ โอยยยยยยยยยยยยยยยยยย”เสียงร้องยังระงม คนเจ็บที่ร้องส่งเสียงนั้นอาการยังน่าเป็นห่วงก็จริง แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าคือคนที่นิ่งเงียบไม่ไหวติงและไม่มีเสียงร้องต่างหาก!!!!
.
ร่างๆหนึ่ง มีแผลไฟไหม้หนังลอกตามตัว  ใบหน้าซีดขาว ศอกและเข่าหงิกงอยึดเข้าหาตัว ข้อเท้าขาดเห็นกระดูกทั้ง2 ข้าง ชุดลายทหารหลอมละลายเข้ากับเนื้อ โดนเจ้าหน้าที่รีบวิ่งหามด้านหัวท้ายโดยไม่ใช้เปลเข้ามาวางบนเตียง …..
.ฉัน รีบสำรวจอาการและความบาดเจ็บของเขา คลำชีพจรไม่ได้!!!!  แต่ม่านตายังตอบสนองต่อแสง!! ไวเท่าความคิด ฉันและพยาบาลรีบรุมเขา ฉันใส่ท่อช่วยหายใจทางปาก ขณะที่พยาบาล1คนกำลังเปิดเส้นเลือดเพื่อให้ยากระตุ้นหัวใจ ส่วนผู้ช่วยพยาบาลอีกคนกำลังขึ้นปั้มหัวใจ หัวใจที่หยุดเต้นไปแล้ว ให้กลับมาเต้นอีกครั้งให้ได้ ขอเถอะ! ขอให้ฉันได้ช่วยชีวิตเขาเถอะ เขายังเด็กเหลือเกิน อายุน้อยกว่าฉันด้วยซ้ำ มันไม่ใช่ช่วงวัยที่ควรจะจากโลกนี้ไปเลย เค้ามีคนข้างหลังรออยู่ไหม? ถ้ามี...ยื้อเขาไว้ให้คนที่รักเขาได้ทำใจสักนิดก็ยังดี ฉันฉีกเสื้อและกางเกงที่รุ่งริ่งนั้นด้วยแรงและมือเปล่าของตัวเอง เพื่อหาแผลและหยุดเลือดไหล  เปิดสารน้ำทดแทนเลือดให้ไหลเข้าเส้นเลือดเต็มที่ ยากระตุ้นหัวใจถูกฉีดเข้าเส้นเลือดต่อเนื่อง ฉันผลัดกันกับพยาบาลและผู้ช่วยเข้ากดหน้าอกเขาตลอดเวลาไม่หยุด ทั้งหมดเพื่อให้ร่างที่หมดลมหายใจแล้วได้กลับมามีชีพจรอีกครั้ง…..
สำเร็จ !! ในที่สุดเค้าก็กลับมา!!!!!!!!!!!!!!!!!!
.
ฟ้าสางเริ่มเข้าวันใหม่แล้ว ฉันทรุดตัวลงตรงมุมแคบๆมุมหนึ่งของห้อง หลังพิงผนัง สภาพ ER ตอนนี้เละเทะเต็มไปด้วยซากของกลาดเกลื่อน ไม่ต่างไปจากเวทีหน้าเซ็นทรับเวิลด์หลังเคาน์ดาวน์เสร็จ แต่ทว่าต่างกัน การ count down เป็นการร่วมกิจกรรมสำหรับปีใหม่ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานรื่นเริง แต่ห้อง ER ตอนนี้เหลือแต่ความหดหู่หม่นหมอง อะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้คนเราต้องมาเข่นฆ่ากันแบบนี้ ความโกรธ ความเกลียด ความเห็นต่าง ความแตกแยก ความไม่เข้าใจกัน ความไม่ลงรอยกัน ความคับแค้น หรืออะไรก็แล้วแต่ฉันสุดจะรู้ได้ รู้แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เคยให้ผลดีกับใครทั้งนั้น ฉันเห็นก็แต่น้ำตา ความสูญเสีย และความบอบช้ำซ้ำซากไม่รู้จักจบจักสิ้น ระเบิดไม่เลือกเหยื่อ ผู้บริสุทธิ์มากมายไม่เว้นแม้กระทั่งทั้งเด็ก ผู้หญิง คนชรา ต้องมารับเคราะห์ที่ตัวเองไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ก่อ
.
3 วันหลังจากเหตุการณ์นั้น
.
ฉันรีบปั่นจักรยานออกมาจากหอพักแพทย์กลางดึก เพราะเพื่อนตามให้มาช่วยตรวจคนไข้ด่วนที่ ER  นั่น! ตรงนั้นมีคนเจ็บหนัก แล้วทำไมไม่เห็นใครเลยสักคน ทุกคนหายไปไหนกันหมด? ฉันรีบเข้าไปดูผู้ป่วยตรงหน้าในชุดทหาร เท้าสองข้างขาดรุ่งริ่ง  เลือดออกหยดนองที่เตียงไหลลงตามขาเตียง  ตามลำตัวมีรอยผิวหนังลอก ข้อศอกและเข่างอเกร็ง คิ้วและขนตาหายไปเพราะโดนไหม้  ฉันจ้องใบหน้านี้คุ้นตาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน? ทันใดนั้นเอง! ไวก่อนที่ฉันจะนึกออก! ดวงตาที่หลับอยู่ลืมตาเบิกโพง ตาดำหดเล็ก ตาขาวไม่มีแต่เป็นสีแดงทั้งหมด! เสียงร้องไห้ฮือออออออออออออออออ ดังเข้าโสตประสาทจนฉันปวดหู กลิ่นเนื้อมนุษย์ที่โดนเผาลอยมาเตะจมูก ชัดขึ้น หนักขึ้น เป็นกลิ่นเนื้อไหม้ หนักขึ้น หนักขึ้น แรงขึ้น จนฉันหายใจไม่ออก โอย ร้อน ลมหายใจสูดได้แต่ไอร้อน หายใจไม่ได้ หายใจไม่ออกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!
.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่