วันนี้ ผมค่อนข้างยุ่ง จะเข้ามาอ่านราว 20-30 นาทีครั้งนะครับ
ก่อนจะชมแท็คติคที่มูริญโญ่วางขอพูดถึง ‘โชค’ ของแมนฯยูก่อนดังนี้ :
1. กูร์ตัว (โกล์) ลงไม่ได้ ทำให้ตัวสำรองออกมาปิดแรซฟอร์ดได้ไม่ดีนัก จนโดนยิงผ่านเข้าประตูไปได้
2. อลองโซ่เจ็บก่อนเกม ทำให้ตัวสำรองที่ลงมาไม่สามารถเติมเกมในแดนซ้ายของเชลซีได้เลย
3. กรรมการไม่เป่าฟาล์วแฮนด์บอลของเออร์ไรร่า ทำให้เขาจ่าย killer pass ให้แรซฟอร์ดหลุดไปยิงประตูได้
(สำหรับผมที่ดูบอลมาเป็นพันๆนัด เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาตราบใดที่ยังไม่มีการใช้ภาพช้าที่ฟีฟ่ากำลังทดลองอยู่ เพราะเคยเห็นทีมเสียประโยชน์และได้ประโยชน์จากกรรมการมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว)
4. ก่อนเสียประตูที่ 2 เคฮิลล์เสียสมาธิไปดึงลินการ์ดขึ้นจากพื้น
ขอขมแท็คติคของมูริญโญ่บ้าง (เชื่อว่าเขาวางหมากนี้มานานแล้ว เพราะก่อนแข่งเขาก็บอกว่าเชลซีฤดูกาลนี้ซึ่งเป็นทีมที่เล่นเกมโต้กลับได้ดีที่สุดในประเทศไม่ต้องถูกวิจารณ์เหมือนที่เขาเคยโดน) :
1. เปลี่ยนระบบเป็นกลาง 4 สู้กลาง 4 ของเชลซี
2. ใช้ดาวรุ่งที่มีความเร็วอย่างแรซฟอร์ดและลินการ์ดเป็นหน้าคู่แทนอิมบราและมาร์ติคยานที่ช้ากว่าอยู่บ้างไว้ข้างสนาม เพื่อกดดันเกมรับของเชลซีด้วยการตั้งรับแล้วโต้กลับ
3. ผู้เล่นกองกลางและกองหลังมีความขยันในการเข้าประกบไล่บี้ผู้เล่นเชลซีตั้งแต่เมื่อเชลซีเข้าในครึ่งสนามชองทีม โดยเฉพาะอาร์ซาร์และคอสต้า จะโดนประกบเป็นพิเศษ โดยโรโฮ และ ไบยี่วันนี้ทำได้ดีมาก โดยพอคอสต้าโดนใบเหลืองนาทีที่ 33 ก็ดูเหมือนเขาจะลดความดุดันลงไป
4. เน้นการครองบอล ถ้าไปข้างหน้าไม่ได้ก็จ่ายขวางหรือจ่ายคืนให้กองหลังหรือเดเกอา ไม่ให้โอกาสเชลซีได้บอลไปง่ายๆ
5. เข้าจู่โจมเร็วใน 5 นาทีแรกของครึ่งหลัง (ทั้งที่ในครึ่งแรกไม่ได้เน้นบุกตั้งแต่ 5 นาทีแรก) ที่ปกตินักเตะจะเสียสมาธิอยู่แล้ว ทำให้ได้ประตูที่ 2 เข้าแท็คติคของมูริญโญ่
edit - ข้อ 1, 4 และข้อ 5 ทำให้แดนกลางของแมนฯยูไนเต็ดเอาชนะแดนกลางของเชลซีไปได้เกือบทั้งแมทช์
6. นาทีที่ 60 เปลี่ยนคาริกแทนลินการ์ดเพิ่มกองกลางเป็น 5 ตัว และลงต่ำลงไปกองหน้ากรอบเขตโทษตั้งรับอย่างเต็มตัว
7. เมื่อมีกลาง 5 ตัวแล้ว แต่ไม่ใช่จะมีแรซฟอร์ดคนเดียว แต่เมื่อแรซฟอร์ดครองบอลได้ อ.ยังที่ตามไปห่างๆ จะวิ่งเร็วเข้าเสริมแรซฟอร์ดทันที
8. การเปลี่ยนอิมบราแทนแรซฟอร์ดนาทีที่ 82 และฟอร์ซูเมนซ่าแทนยังตอนต่อเวลา เป็นแท็คติคธรรมดาที่ได้ผลเสมอ
9. ละเอียดในทุกเม็ด - จะเห้นได้ว่าแม้แต่ช่วงท้ายเกม เขาลงมายืนบัญชาการลูกทีมอยู่ตลอดเวลา
เป็นการที่มูริญโญ่ใช้ anti-football สมบูรณ์แบบเอาชนะทีมใหญ่ไปได้ คะแนน : 8.5
ขอพูดถึงนักเตะที่มีบทบาทสำคัญเพียง 2 คนนะครับ
แรซฟอร์ด : ความเร็วของเขาสร้างความปั่นป่วนให้เกมรับของเชลซีได้เกือบตลอดเวลา เกือบยิงประตูที่ 2 ได้ 2-3 ครั้ง คะแนน : 8
edit - แถมเมื่อเสียบอลยังรีบไล่ pressing ทันทีอีกด้วย
เออร์ร่า : นอกจาก assist 1 ยิง 1 แล้ว เขายังเป็นตัวทำลายเกมรุกของเชลซีที่สำคัญที่สุดอีกด้วย คะแนน : 8.5 (MOM)
น่าสนใจว่า ในเกมที่เหลือกับแมนฯซิตี้ และสเปอร์ส มูริญโญ่จะมาไม้ไหน ?
[กระทู้สนทนาผีแดง 2017-04-17] สนทนาหลังแมทช์ แมนฯยูไนเต็ด 2-0 เชลซี
ก่อนจะชมแท็คติคที่มูริญโญ่วางขอพูดถึง ‘โชค’ ของแมนฯยูก่อนดังนี้ :
1. กูร์ตัว (โกล์) ลงไม่ได้ ทำให้ตัวสำรองออกมาปิดแรซฟอร์ดได้ไม่ดีนัก จนโดนยิงผ่านเข้าประตูไปได้
2. อลองโซ่เจ็บก่อนเกม ทำให้ตัวสำรองที่ลงมาไม่สามารถเติมเกมในแดนซ้ายของเชลซีได้เลย
3. กรรมการไม่เป่าฟาล์วแฮนด์บอลของเออร์ไรร่า ทำให้เขาจ่าย killer pass ให้แรซฟอร์ดหลุดไปยิงประตูได้
(สำหรับผมที่ดูบอลมาเป็นพันๆนัด เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาตราบใดที่ยังไม่มีการใช้ภาพช้าที่ฟีฟ่ากำลังทดลองอยู่ เพราะเคยเห็นทีมเสียประโยชน์และได้ประโยชน์จากกรรมการมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว)
4. ก่อนเสียประตูที่ 2 เคฮิลล์เสียสมาธิไปดึงลินการ์ดขึ้นจากพื้น
ขอขมแท็คติคของมูริญโญ่บ้าง (เชื่อว่าเขาวางหมากนี้มานานแล้ว เพราะก่อนแข่งเขาก็บอกว่าเชลซีฤดูกาลนี้ซึ่งเป็นทีมที่เล่นเกมโต้กลับได้ดีที่สุดในประเทศไม่ต้องถูกวิจารณ์เหมือนที่เขาเคยโดน) :
1. เปลี่ยนระบบเป็นกลาง 4 สู้กลาง 4 ของเชลซี
2. ใช้ดาวรุ่งที่มีความเร็วอย่างแรซฟอร์ดและลินการ์ดเป็นหน้าคู่แทนอิมบราและมาร์ติคยานที่ช้ากว่าอยู่บ้างไว้ข้างสนาม เพื่อกดดันเกมรับของเชลซีด้วยการตั้งรับแล้วโต้กลับ
3. ผู้เล่นกองกลางและกองหลังมีความขยันในการเข้าประกบไล่บี้ผู้เล่นเชลซีตั้งแต่เมื่อเชลซีเข้าในครึ่งสนามชองทีม โดยเฉพาะอาร์ซาร์และคอสต้า จะโดนประกบเป็นพิเศษ โดยโรโฮ และ ไบยี่วันนี้ทำได้ดีมาก โดยพอคอสต้าโดนใบเหลืองนาทีที่ 33 ก็ดูเหมือนเขาจะลดความดุดันลงไป
4. เน้นการครองบอล ถ้าไปข้างหน้าไม่ได้ก็จ่ายขวางหรือจ่ายคืนให้กองหลังหรือเดเกอา ไม่ให้โอกาสเชลซีได้บอลไปง่ายๆ
5. เข้าจู่โจมเร็วใน 5 นาทีแรกของครึ่งหลัง (ทั้งที่ในครึ่งแรกไม่ได้เน้นบุกตั้งแต่ 5 นาทีแรก) ที่ปกตินักเตะจะเสียสมาธิอยู่แล้ว ทำให้ได้ประตูที่ 2 เข้าแท็คติคของมูริญโญ่
edit - ข้อ 1, 4 และข้อ 5 ทำให้แดนกลางของแมนฯยูไนเต็ดเอาชนะแดนกลางของเชลซีไปได้เกือบทั้งแมทช์
6. นาทีที่ 60 เปลี่ยนคาริกแทนลินการ์ดเพิ่มกองกลางเป็น 5 ตัว และลงต่ำลงไปกองหน้ากรอบเขตโทษตั้งรับอย่างเต็มตัว
7. เมื่อมีกลาง 5 ตัวแล้ว แต่ไม่ใช่จะมีแรซฟอร์ดคนเดียว แต่เมื่อแรซฟอร์ดครองบอลได้ อ.ยังที่ตามไปห่างๆ จะวิ่งเร็วเข้าเสริมแรซฟอร์ดทันที
8. การเปลี่ยนอิมบราแทนแรซฟอร์ดนาทีที่ 82 และฟอร์ซูเมนซ่าแทนยังตอนต่อเวลา เป็นแท็คติคธรรมดาที่ได้ผลเสมอ
9. ละเอียดในทุกเม็ด - จะเห้นได้ว่าแม้แต่ช่วงท้ายเกม เขาลงมายืนบัญชาการลูกทีมอยู่ตลอดเวลา
เป็นการที่มูริญโญ่ใช้ anti-football สมบูรณ์แบบเอาชนะทีมใหญ่ไปได้ คะแนน : 8.5
ขอพูดถึงนักเตะที่มีบทบาทสำคัญเพียง 2 คนนะครับ
แรซฟอร์ด : ความเร็วของเขาสร้างความปั่นป่วนให้เกมรับของเชลซีได้เกือบตลอดเวลา เกือบยิงประตูที่ 2 ได้ 2-3 ครั้ง คะแนน : 8
edit - แถมเมื่อเสียบอลยังรีบไล่ pressing ทันทีอีกด้วย
เออร์ร่า : นอกจาก assist 1 ยิง 1 แล้ว เขายังเป็นตัวทำลายเกมรุกของเชลซีที่สำคัญที่สุดอีกด้วย คะแนน : 8.5 (MOM)
น่าสนใจว่า ในเกมที่เหลือกับแมนฯซิตี้ และสเปอร์ส มูริญโญ่จะมาไม้ไหน ?