5 ลำดับปัจจัยที่นักลงทุนจับตามองในสัปดาห์นี้ มีอะไรบ้าง ?


5 ลำดับปัจจัยที่นักลงทุนจับตามองสัปดาห์นี้มีอะไรบ้าง ?
investing.com ได้จัดลำดับปัจจัยไว้ดังนี้

1. การพูดของประธานเฟด นางเจเนท เยลเลน ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน ในวันจันทร์
เวลา 21:10GMT หรือเวลา 04:10 น. ของเช้าวันอังคาร ตามเวลาในประเทศไทย
มุมมองของนางเยลเลน จะทำให้นักลงทุนคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไปได้ดีขึ้น

ขณะเดียวกันนางเยลเลนจะตอบคำถามเรื่องการจัดสรรงบประมาณแบบขาดดุล 4.5 ล้านล้านเหรียญสหร้ฐฯ
เพื่อกอบกู้สภาพเศรษฐกิจในตอนนี้  การประชุมของเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 2-3 พฤษภาคม
ในขณะที่นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือนมิถุนายน

2. รายงานยอดค้าปลีก และอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนมีนาคมของสหรัฐฯ
กระทรวงพาณิชย์จะรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในวันศุกร์ เวลา 12:30GMT
หรือเวลา 19:30 น.ตามเวลาในประเทศไทย

นักวิเคราะห์คาดการณ์ตัวเลขการเติบโตยอดค้าปลีกอยู่ที่เพิ่มขึ้น 0.1%
และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่การปรับเพิ่มขึ้น 0.2% ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มดีขึ้น
จะเป็นแรงกระตุ้นให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามแผน

3.เทศกาลประกาศผลประกอบการ ประจำไตรมาสแรกของปี เริ่มต้นขึ้น โดยเริ่มจากกลุ่มธนาคาร
เจพีมอร์แกน ซิตี้กรุ้ป และเวลฟาร์โก้ จะรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกในวันพฤหัสบดี
นักวิเคราะห์คาดการณ์การเติบโตกำไรของกลุ่มไฟแนนท์ไว้ที่ 15.4%

โดยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดทั้งหมดคาดว่าจะเติบโต 10.1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
เป็นการเติบโตที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014


4. รายงานการจ้างงานและตัวเลขอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคประจำเดือนมีนาคม ของประเทศอังกฤษ
ในวันอังคาร เวลา 08:30GMT หรือเวลา 15:30 น. ตามเวลาในประเทศไทย
นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค จะเพิ่มขึ้น 2.3% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่แล้ว

ในวันพุธ เวลา 08:30GMT หรือเวลา 15:30 น. ตามเวลาในประเทศไทย จะรายงานตัวเลขการจ้างงาน
นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจะลดลง 3,000 ในเดือนมีนาคม ในขณะที่ตัวเลขการว่างงานจะอยู่ที่ 4.7%
ค่าจ้างและโบนัสคาดว่าจะเติบโตขึ้น 2.2%

5.รายงานข้อมูลการค้าประจำเดือนมีนาคมของจีน ในวันพฤหัสบดี เวลา 03:00 GMT หรือเวลา 10:00 น.
ตามเวลาในประเทศไทย นักลงทุนคาดการณ์ตัวเลขการได้ดุลการค้าของจีนอยู่ที่ 1 หมื่นล้านเหรียญในเดือนที่ผ่านมา
เติบโตขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว

เศรษฐกิจจีนเติบโตขึ้น 6.8% ในไตรมาสสุดท้ายในปีที่แล้ว โดยได้รับแรงกระตุ้นจากการใช้จ่ายภาครัฐบาล
แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการชะลอตัวในภาคอสัวหาริมทรัพย์ และมาตรการกีดกันการค้าจากสหรัฐฯอยู่

Cr.investing.com
https://www.facebook.com/thaipips/ เรียบเรียง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่