(จิ่วเฟิ่น เมืองเก่าบนเขาสมัยญี่ปุ่นเข้าปกครองไต้หวัน)
น้องผู้หญิง: หนูอยู่นอกกรอบมานานแล้ว ที่ผ่านมาไม่เอาการเรียน ไม่เอาดีเลย ตอนนี้อยากมาอยู่ในกรอบบ้าง อยากเรียนแล้วก็ทำงานให้เป็นหลักเป็นแหล่ง
---
นึกย้อนกลับไป เราก็เป็นคนที่เคยอยู่แต่ในกรอบ แล้วก็ออกอยู่นอกกรอบมาจนกระทั่งตอนนี้ จนแทบกู่ไม่กลับแล้ว แต่เรายังอดสงสัยไม่ได้ว่า กรอบต่อไปของเราที่จะทำให้เรา settle เป็นหลักแหล่งระยะยาวคืออะไร? ในใจคิดเล่นๆ อยู่ว่าอาจจะต้องแต่งงาน มีลูก มีครอบครัว แล้วนั่นแหละคือจุดที่เราหยุดกระโดดไปกระโดดมา เลิกทำตัวเร่ร่อนสักที
เอาอย่างตอนเซ็นสัญญารับทุนรัฐบาลเรียน ป. ตรี 4 ปี เพราะสัญญาผูกมัด 4 ปี ฉบับนี้แหละ คือตัวที่ฉุดเราไว้ให้ทำได้ดีจนจบ เพราะชีวิตจริงอยากกลับบ้านตลอดในสองปีแรก แต่อยู่จนจบได้ยาวขนาดนั้น เราก็ทึ่งตัวเองเหมือนกัน
พอมาช่วงชีวิตการทำงาน ไม่เคยมีที่ไหนบังคับเซ็นสัญญาให้เราอยู่กับบริษัทนี้ๆ ระยะเวลาเท่านี้ๆ เราเลยไม่ได้รู้สึกผูกมัดกับที่ไหนเป็นพิเศษ และเหมือนเป็นการทำภาระกิจที่ล่องลอยๆ เราก็เข้าใจเลยว่า ส่วนตัวเราเป็นคนที่กระตือรือร้นทำให้จบเป็นเรื่องๆ ที่สำคัญแต่ละภาระกิจต้องมีเป้าหมายและมี due date กำหนดเสมอ
ช่วงที่ผ่านมาเราเริ่มมาคิดถึงการ settle down ตัวเองระยะยาว คืออยากพาตัวเองสงบอยู่กับที่สักที เราก็เลยเริ่มโฟกัสเรื่องแต่งงานสร้างครอบครัว อย่างแรกคือ บอกตัวเองว่า ฉันต้องหาแฟนเป็นตัวเป็นตนแบบที่คบกันจริงจังยาวๆ ที่จริงก็เจอแล้วนะ คนที่เราอยากใช้ชีวิตด้วย แต่ทำอิท่าไหนไม่รู้พลิกล็อคเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เจ็บหนักโคม่า
ก็เมื่อยังไปไม่ถึงจุดนั้น... เราคิดว่ามันคงเป็นธรรมะจัดสรรให้เราออกไปใช้ชีวิตให้เต็มที่ ทำในสิ่งที่อยากทำจริงๆ และฝึกอยู่กับปัจจุบันให้จริงสักที ใครจะไปรู้ เราอาจจะเหลือเวลาไม่นานบนโลกใบนี้ จะไปยึดติดอะไรกับความอยากมีลูก มีครอบครัว ลงหลักปักฐาน มากขนาดนั้น (แหม... ก็มันเป็นความตั้งใจตั้งแต่เด็กแล้วนี่เนาะ)
บทสนทนาครั้งก่อนกับเพื่อนใหม่ชาวแคนาดา ดลใจให้เราพูดกับตัวเองถึงสิ่งที่อยากจะทำจริงๆ
ชายวัยกลางคน: ผมทิ้งชีวิตหรูหราที่แคนาดา เพื่อมาทำงานอาสาสมัครที่ไทย 6 ปีแล้ว แต่ผมมีความสามารถในการจัดการเรื่องเงินนะ เลยอยู่แบบนี้ไม่ทำงานได้
ฉัน: นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากทำในอีก 3 เดือนข้างหน้าเลย ฉันอยากละทิ้งวัตถุแล้วออกมาทำประโยชน์ให้สังคม แต่ถ้าได้ไปแถบยุโรป อเมริกา ก็คงดี ฉันยังมีความอยากที่จะค้นหาโลกใบนี้อยู่ (ในใจคิดว่า ไปตายเอาดาบหน้าละกัน)
ชายวัยกลางคน: ก็ไปสิ ไปทำในสิ่งที่อยากทำให้หายอยากก่อน แล้วเธอจะได้หยุดอยู่กับเป้าหมายที่แท้จริงได้
---
จากบทสนทนาครั้งนั้น เราได้คุยกับตัวเราเอง แล้วก็ได้ค้นพบสิ่งที่อยากทำอยู่มากมาย
1. ไปเดินสายทัวร์ยุโรป
2. ไปอยู่แคลิฟอร์เนีย
3. เดินทางย้อนรอยเส้นทางสายไหม
4. ทำงานจิตอาสาตอบแทนรัฐบาลไต้หวัน
5. เปิดโรงเรียนสนามเด็กเล่นสอนเด็กเล็ก
6. สร้างบ้านในสวนดอกไม้ ทำสวนผัก เลี้ยงหมาคอร์กี้ 10 ตัว แล้วให้มันเกิดลูกอีก 10 ตัววิ่งต้วมเตี้ยมไปมาดุ๊กดิ๊กๆ แล้วเปิดเป็นฟาร์มเพาะพันธุ์หมาคอร์กี้เลย
7. นอนดูทางช้างเผือกกับคนที่รัก (ก่อนตายต้องบรรลุ)
8. สร้างห้องครัวที่มีอุปกรณ์ครบในการทำอาหาร
9. เป็นคุณแม่ของลูกสาวและลูกชายที่คลอดออกมาเอง
ลิสต์นี้ทำให้เราเห็นว่า ที่จริง สิ่งที่เราต้องการจริงๆ ในชีวิตมันเรียบง่ายมาก แต่เรามักจะเดินเบี่ยงออกจากเส้นทางที่ใจบอกว่าใช่ตลอดเวลา เพื่อไปทำสิ่งที่ไม่ได้อยากทำ แต่เสแสร้งว่าอยากทำ... เช่นทำธุรกิจนั้นนี่ เข้าสมาคมนั่นนี่ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เราไล่ล่า ตำแหน่ง ลาภยศ ชื่อเสียง เงินทองมาตลอด จนพอเรานั่งลง แล้วมองดูคนเหล่านั้นกับของนอกกายทั้งหมด แม้แต่กับวัตถุอย่างรถยี่ห้อแพงๆ ที่ขับไปมาในเมืองกรุง เสื้อผ้า เครื่องประดับแพงๆ ที่ขายในห้าง นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการและมันไม่มีคุณค่าต่อจิตใจมากกว่าแค่สนองความอยากมี เราไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านั้นอย่างแท้จริง
เราได้มองดูตัวเองที่ค่อยๆ กลายเป็นคนหน้าเงิน คิดอะไรก็เงินนำหน้า จนในที่สุดเห็นถ่องแท้เลยว่า จริงอยู่เราชอบเงิน แต่ เงิน มันก็คือ แค่วัตถุอันหนึ่ง เหมือนกับ หิน เหมือนกับ กระเป๋า แต่เราไปให้ความสำคัญมันนำหน้าจนมองข้ามความเป็นคนมาตลอด เพื่อกู้สถานการณ์แบบเดิมที่เคยมีในอดีตให้มีเหมือนเดิม
ครั้งนี้เราเห็นโอกาสเยอะมาก (...มาต่อตอนที่ 3 พรุ่งนี้ ขอตัวไปเฝ้าพระอินทร์ก่อน)
Ep.1
https://pantip.com/topic/36287514
Ep.2
https://pantip.com/topic/36291586
《ชีวิตใหม่ ที่ ไทเป: The Beginning》ตอนที่ 3
(จิ่วเฟิ่น เมืองเก่าบนเขาสมัยญี่ปุ่นเข้าปกครองไต้หวัน)
น้องผู้หญิง: หนูอยู่นอกกรอบมานานแล้ว ที่ผ่านมาไม่เอาการเรียน ไม่เอาดีเลย ตอนนี้อยากมาอยู่ในกรอบบ้าง อยากเรียนแล้วก็ทำงานให้เป็นหลักเป็นแหล่ง
---
นึกย้อนกลับไป เราก็เป็นคนที่เคยอยู่แต่ในกรอบ แล้วก็ออกอยู่นอกกรอบมาจนกระทั่งตอนนี้ จนแทบกู่ไม่กลับแล้ว แต่เรายังอดสงสัยไม่ได้ว่า กรอบต่อไปของเราที่จะทำให้เรา settle เป็นหลักแหล่งระยะยาวคืออะไร? ในใจคิดเล่นๆ อยู่ว่าอาจจะต้องแต่งงาน มีลูก มีครอบครัว แล้วนั่นแหละคือจุดที่เราหยุดกระโดดไปกระโดดมา เลิกทำตัวเร่ร่อนสักที
เอาอย่างตอนเซ็นสัญญารับทุนรัฐบาลเรียน ป. ตรี 4 ปี เพราะสัญญาผูกมัด 4 ปี ฉบับนี้แหละ คือตัวที่ฉุดเราไว้ให้ทำได้ดีจนจบ เพราะชีวิตจริงอยากกลับบ้านตลอดในสองปีแรก แต่อยู่จนจบได้ยาวขนาดนั้น เราก็ทึ่งตัวเองเหมือนกัน
พอมาช่วงชีวิตการทำงาน ไม่เคยมีที่ไหนบังคับเซ็นสัญญาให้เราอยู่กับบริษัทนี้ๆ ระยะเวลาเท่านี้ๆ เราเลยไม่ได้รู้สึกผูกมัดกับที่ไหนเป็นพิเศษ และเหมือนเป็นการทำภาระกิจที่ล่องลอยๆ เราก็เข้าใจเลยว่า ส่วนตัวเราเป็นคนที่กระตือรือร้นทำให้จบเป็นเรื่องๆ ที่สำคัญแต่ละภาระกิจต้องมีเป้าหมายและมี due date กำหนดเสมอ
ช่วงที่ผ่านมาเราเริ่มมาคิดถึงการ settle down ตัวเองระยะยาว คืออยากพาตัวเองสงบอยู่กับที่สักที เราก็เลยเริ่มโฟกัสเรื่องแต่งงานสร้างครอบครัว อย่างแรกคือ บอกตัวเองว่า ฉันต้องหาแฟนเป็นตัวเป็นตนแบบที่คบกันจริงจังยาวๆ ที่จริงก็เจอแล้วนะ คนที่เราอยากใช้ชีวิตด้วย แต่ทำอิท่าไหนไม่รู้พลิกล็อคเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เจ็บหนักโคม่า
ก็เมื่อยังไปไม่ถึงจุดนั้น... เราคิดว่ามันคงเป็นธรรมะจัดสรรให้เราออกไปใช้ชีวิตให้เต็มที่ ทำในสิ่งที่อยากทำจริงๆ และฝึกอยู่กับปัจจุบันให้จริงสักที ใครจะไปรู้ เราอาจจะเหลือเวลาไม่นานบนโลกใบนี้ จะไปยึดติดอะไรกับความอยากมีลูก มีครอบครัว ลงหลักปักฐาน มากขนาดนั้น (แหม... ก็มันเป็นความตั้งใจตั้งแต่เด็กแล้วนี่เนาะ)
บทสนทนาครั้งก่อนกับเพื่อนใหม่ชาวแคนาดา ดลใจให้เราพูดกับตัวเองถึงสิ่งที่อยากจะทำจริงๆ
ชายวัยกลางคน: ผมทิ้งชีวิตหรูหราที่แคนาดา เพื่อมาทำงานอาสาสมัครที่ไทย 6 ปีแล้ว แต่ผมมีความสามารถในการจัดการเรื่องเงินนะ เลยอยู่แบบนี้ไม่ทำงานได้
ฉัน: นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากทำในอีก 3 เดือนข้างหน้าเลย ฉันอยากละทิ้งวัตถุแล้วออกมาทำประโยชน์ให้สังคม แต่ถ้าได้ไปแถบยุโรป อเมริกา ก็คงดี ฉันยังมีความอยากที่จะค้นหาโลกใบนี้อยู่ (ในใจคิดว่า ไปตายเอาดาบหน้าละกัน)
ชายวัยกลางคน: ก็ไปสิ ไปทำในสิ่งที่อยากทำให้หายอยากก่อน แล้วเธอจะได้หยุดอยู่กับเป้าหมายที่แท้จริงได้
---
จากบทสนทนาครั้งนั้น เราได้คุยกับตัวเราเอง แล้วก็ได้ค้นพบสิ่งที่อยากทำอยู่มากมาย
1. ไปเดินสายทัวร์ยุโรป
2. ไปอยู่แคลิฟอร์เนีย
3. เดินทางย้อนรอยเส้นทางสายไหม
4. ทำงานจิตอาสาตอบแทนรัฐบาลไต้หวัน
5. เปิดโรงเรียนสนามเด็กเล่นสอนเด็กเล็ก
6. สร้างบ้านในสวนดอกไม้ ทำสวนผัก เลี้ยงหมาคอร์กี้ 10 ตัว แล้วให้มันเกิดลูกอีก 10 ตัววิ่งต้วมเตี้ยมไปมาดุ๊กดิ๊กๆ แล้วเปิดเป็นฟาร์มเพาะพันธุ์หมาคอร์กี้เลย
7. นอนดูทางช้างเผือกกับคนที่รัก (ก่อนตายต้องบรรลุ)
8. สร้างห้องครัวที่มีอุปกรณ์ครบในการทำอาหาร
9. เป็นคุณแม่ของลูกสาวและลูกชายที่คลอดออกมาเอง
ลิสต์นี้ทำให้เราเห็นว่า ที่จริง สิ่งที่เราต้องการจริงๆ ในชีวิตมันเรียบง่ายมาก แต่เรามักจะเดินเบี่ยงออกจากเส้นทางที่ใจบอกว่าใช่ตลอดเวลา เพื่อไปทำสิ่งที่ไม่ได้อยากทำ แต่เสแสร้งว่าอยากทำ... เช่นทำธุรกิจนั้นนี่ เข้าสมาคมนั่นนี่ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เราไล่ล่า ตำแหน่ง ลาภยศ ชื่อเสียง เงินทองมาตลอด จนพอเรานั่งลง แล้วมองดูคนเหล่านั้นกับของนอกกายทั้งหมด แม้แต่กับวัตถุอย่างรถยี่ห้อแพงๆ ที่ขับไปมาในเมืองกรุง เสื้อผ้า เครื่องประดับแพงๆ ที่ขายในห้าง นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการและมันไม่มีคุณค่าต่อจิตใจมากกว่าแค่สนองความอยากมี เราไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านั้นอย่างแท้จริง
เราได้มองดูตัวเองที่ค่อยๆ กลายเป็นคนหน้าเงิน คิดอะไรก็เงินนำหน้า จนในที่สุดเห็นถ่องแท้เลยว่า จริงอยู่เราชอบเงิน แต่ เงิน มันก็คือ แค่วัตถุอันหนึ่ง เหมือนกับ หิน เหมือนกับ กระเป๋า แต่เราไปให้ความสำคัญมันนำหน้าจนมองข้ามความเป็นคนมาตลอด เพื่อกู้สถานการณ์แบบเดิมที่เคยมีในอดีตให้มีเหมือนเดิม
ครั้งนี้เราเห็นโอกาสเยอะมาก (...มาต่อตอนที่ 3 พรุ่งนี้ ขอตัวไปเฝ้าพระอินทร์ก่อน)
Ep.1 https://pantip.com/topic/36287514
Ep.2 https://pantip.com/topic/36291586