สวัสดีค่ะ....เพื่อนวันนี้มาพูดถึงชวิตหลายคนที่คิดผิดที่ผิดหวังกันวันนี้มาบอกกันมาเริ่มข้อแรกกันดีกว่านะค่ะ
1 เลิกคิดจากความกลัว
-ความกลัวจะเป็นอันตรายด้วยเหตุผล
-ความกล้วจะกลัวจะทำให้คุณไม่มีแรงบันดาลใจเป้าหมายในแง่ลบไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลงมือทำให้สำเร็จยิ่งกว่านั้น
- เป้าหมายลบจะดูดพลังงานจากคุณ มันแย่นะที่ต้องอยู่บนความหวาดกลัว เพราะนั่นจะทำให้คุณอยู่ในภาวะสับสนงงงวย คุณจะไม่มีวันได้แรงบันดาลใจ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้เลย
-พวกเรารู้สึกผิดเวลาคิดในแง่ลบแทนที่เราจะคิดเพื่อยืนยัน เรายุ่งกับการ “ไม่” ต้องการบางอย่าง นั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะไม่มีการลงมือทำถ้าเรายัง “ไม่” ต้องการสิ่งเหล่านั้น คุณไม่สามารถตัดสินใจทำบางอย่างเป็นเพราะคุณ “ไม่” อยากทำอีกอย่าง นั่นไม่ใช่วิถีที่ควรจะเป็น การคิดแบบนั้นก็แค่ทำให้คุณอยู่บนโซฟาและไม่ลงมือทำอะไรเลย
2 นิยามเป้าหมายและแผนการของคุณที่ทำให้คุณบรรลุเป้าหมายนี่ถึงเวลาที่เราให้คุณคิดในแง่บวก คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังเริ่มมองโลกในแง่บวก แทนที่จะคิดว่า “ฉันไม่อยากเป็นคนเร่ร่อน และใช้ชีวิตอยู่อย่างยาจก” ให้คุณคิดว่า “ฉันอยากจะมีความมั่นคงทางการเงิน” ยอดเยี่ยมเลย ทีนี้ คุณจะวางแผนให้บรรลุเป้าหมายอย่างไรล่ะ?
-ก่อนอื่น ลองดูตัวอย่างนี้ สมมติคุณเขียนแผนรายรับขึ้นมา คุณอาจต้องวางแผนเรื่องงบประมาณ คุณอาจต้องกลับไปเรียนต่อ หรือขยายธุรกิจของคุณ คุณมีขั้นตอนที่ชัดเจนไปยังเป้าหมาย แต่ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญหน้ากับอะไรก็ตาม ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคือลดน้ำหนัก เรียนดีที่โรงเรียน หรือแค่ทำตามความฝัน คุณจำเป็นต้องคิดให้ออกว่าคุณต้องการอะไรและคุณวางแผนจะทำสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีไหน ถ้าคุณต้องการสิ่งนั้นจริง คุณจะคิดออกได้ไม่ยาก
3หาเป้าหมายแค่หนึ่งเดียว. ถ้าคุณมีหลายล้านเรื่องรออยู่ในรายการสิ่งที่ต้องทำล่ะก็ บางครั้งมันอาจสุ่มเสี่ยงและคุณก็จะลงเอยที่คุณผลักรายการพวกนั้นออกไปและคิดว่า “ไว้จัดการทีหลังล่ะกัน” แต่ถ้าคุณมีแค่เป้าหมายอย่างเดียวในรายการนั้น มันก็เท่านั้นแหละ คุณสามารถทำได้ และคุณจะพุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายนั้น ถ้าคุณต้องแยกร่างออกเพื่อให้ทำหลายสิ่งได้ล่ะก็นั่นไม่สมเหตุสมผล
-คุณไม่สามารถโฟกัสตัวเองได้ถ้าคุณยังไม่โฟกัสกับเป้าหมายที่เจาะจง ให้แบ่งย่อยออกเป็นส่วนเล็กๆ ให้เล็กที่สุดเท่าที่จะเล็กได้ ถ้าเป้าหมายคุณคือ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ภายในห้าปี ให้ลงมือทำทีละเล็กทีละน้อย เริ่มจากจัดตารางออกกำลังกายเป็นประจำใหม่ และทำให้ได้ตามนั้น จากนั้น จัดการกับตู้เสื้อผ้าของคุณ ถ้าคุณไม่แบ่งย่อยออกมา สมองคุณจะยกแขนขึ้น (ถ้าสมองคุณมีแขนนะ) ในสภาพยอมแพ้และคุณจะถูกทิ้งไว้กลางทางโดยปราศจากเป้าหมายว่าจะไปไหนหรือทำอะไร
4 ทำให้สนุก. ยืดตัวขึ้น ทำสิ่งที่คุณคิดว่าจะคอยทำต่อด้วยความเร็วเต็มพิกัด ทันทีที่คุณเลิกทำสิ่งนั้นเหมือนกับว่านั่นคือนิสัยที่ไม่ดี คุณก็จะเลิกทำมัน และด้วยเหตุผลนี้ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ เช่น ออมเงินไว้สำหรับรถยนต์คันใหม่หรือลดน้ำหนัก 7 กิโลฯ คุณต้องทำมันด้วยความสนุก ยิ่งเป้าหมายนั้นสนุกมากขึ้นเท่าไหร่ คุณจะยิ่งทำมันได้ดีมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อคุณทำได้ดีขึ้น ก็จะเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้นตาม
-ความตั้งใจอยู่ที่ไหน วิธีการอยู่ที่นั่น คุณไม่ชอบการวิ่งหรือ? ไม่มีปัญหา ไปเข้าชั้นเรียนมวยไทยสิแล้วน้ำหนักคุณก็จะลดลงได้เหมือนกัน เขียนรายงานห่วยหรือ? เปลี่ยนมาเขียนหัวข้อที่ทำให้คุณมีแรงกระตุ้นสิ ออมเงินไว้ไม่พอสำหรับชีวิตคุณหรือ? เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมสิ โลกของคุณน่ะเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งที่คุณสร้างมันขึ้นจะเปลี่ยนแรงบันดาลใจของคุณได้โดยสมบูรณ์
5 อ่านเรื่องคนที่ประสบความสำเร็จ มองจากภายนอกนี่อาจฟังดูติ้งต๊อง แค่อ่านเกี่ยวกับสิ่งที่คุณคิดอยู่ตลอดเวลาเวลาจะทำให้เกิดแรงบันดาลใจได้ยังไง แต่ “มันเกิดขึ้น” การได้ยินเรื่องราวความสำเร็จของคนอื่น (โดยเฉพาะเวลาที่พวกเขาทำให้มันฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายสุดๆ) จะทำให้สมองคุณคิดว่า “เฮ้! ฉันก็ทำแบบนี้ได้เหมือนกันนะ!” ดังนั้น หยุดไล่ดูเฟสบุ๊คของเพื่อนที่โรงเรียนและเริ่มทำสิ่งที่มีประโยชน์บ้าง
-คุณอาจคิดว่าการอ่านเรื่องราวของคนที่ลดน้ำหนัก 45 กิโลกรัมได้สำเร็จอาจทำให้คุณรู้สึกน้ำหนักมากไปและทำสำเร็จ (เป็นต้น) แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม คุณควรจะรู้สึกมีแรงกระตุ้น ได้รับพลังเพิ่ม และมีแหล่งข้อมูลติดตัวมากขึ้น คุณสามารถเรียนรู้จากคนเหล่านี้ได้! และถ้าความสำเร็จของพวกเขาไม่ดึงดูดคุณ อย่างน้อยก็ทำให้คุณได้เปรียบเพิ่มขึ้นล่ะ
6ตั้งรางวัล. ว่ากันตามตรง ผลลัพธ์ไม่ได้เกิดขึ้นรวดเร็วทันใจ มันต้องใช้เวลาเป็นปีที่จะธุรกิจใหม่จะทำเงิน ใช้เวลาเป็นเดือนที่จะบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนัก และใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตที่จะมีความสุขกับตัวคุณเอง นั่นแค่สิ่งที่ตรงข้ามกับความสุขทันตาเห็น เพื่อเอาชนะความจริงอันโหดร้ายของชีวิตลองให้รางวัลกับตัวเอง แน่นอนว่าชีวิตไม่ได้ทำทุกอย่างให้คุณ ดังนั้นคุณอาจจะต้องลงมือทำเอง
-อย่าใช้รางวัลเพื่อเป้าหมายใหญ่อย่างเดียว (ถึงแม้ว่าควรจะทำแบบนั้นก็เถอะ!) ตั้งเป้าหมายย่อยและให้รางวัลตัวเองสำหรับความสำเร็จขั้นเล็กกว่าเช่นกัน ลดน้ำหนักลงได้ 3 กิโลรึ? เยี่ยม! นั่นเป็นสัญญาณดี ทำข้อสอบสามครั้งล่าสุดได้ดีรึ? ยอดมาก! อ่านหนังสือผ่านไปครึ่งเล่มแล้วรึ? วิเศษเลย ทีนี้ ได้เวลาออกไปช็อปปิ้งแล้ว
7 มองว่าน้ำมีเหลือครึ่งแก้ว ไม่ใช่พร่องไปครึ่งแก้ว. เมื่อเราคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เราอยากได้ ส่วนสำคัญก็คือการรู้ว่า เรายังไม่ได้มา นี่อาจกลายเป็นความรู้สึกแง่ลบที่ปั่นป่วน นำเราสู่เส้นทางความสงสารตัวเอง รู้สึกเฉื่อยชา และจมอยู่กับความเศร้าในที่สุด อย่าได้เดินไปทางนั้น! คิดถึงสิ่งที่คุณ “มี” อยู่ สิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ ต่อเมื่อคุณคิดแบบนี้คุณจะทำให้สิ่งที่คุณมีอยู่นั้นดียิ่งขึ้น
8หาสิ่งที่คุณต้องทำ. ยกตัวอย่าง คุณอยากเป็นนักแสดง นั่นเยี่ยมไปเลย! ว่าแต่คุณจะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ? ไม่รู้ว่าควรลงมือทำอะไรก่อนอย่างแรกก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวและยั้งคุณไว้ให้อยู่กับที่ ฝันสลายโดยอัตโนมัติ แต่เมื่อคุณรู้เส้นทางที่คุณจะต้องเดิน ค่อยๆ คุณจะเดินได้ง่ายกว่าเดิมมากหาประโยชน์จากแหล่งข้อมูล ด้วยเทคโนโลยีแค่ปลายนิ้วสัมผัสก็เท่ากับโลกทั้งใบอยู่ในมือคุณ นั่นแปลว่า “คุณไม่มีข้ออ้าง” ไม่สำคัญว่าคุณจะถามเพื่อน คนรู้จัก คนตามท้องถนนที่ดูเหมือนเคยทำเรื่องนั้นมาก่อน ลองหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตและหาวิธีที่ดีและได้ผลที่สุดในการทำในสิ่งที่คุณต้องทำให้ได้ ในตอนท้ายคุณจะรู้สึกเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญและความรู้นั้นจะทำให้คุณสบายใจ นี่จะช่วยขจัดความกังวลและการพูดถึงตัวเองในแง่ลบ และนำความมั่นใจและทัศนคติมุ่งไปข้างหน้า
9 ให้การคิดบวกล้อมรอบตัวคุณ. โลกนี้เต็มไปด้วยคนชอบปฏิเสธ คุณอาจพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะหายใจทั้งวัน!” และคุณอาจะพบว่ามีบางคนพนัน 100 บาทว่าคุณทำอย่างนั้นไม่ได้ คุณควรเลี่ยงคนแบบนั้นจะดีที่สุด พวกเขาเป็นคนน่าเศร้าและไม่คู่ควรกับความสนใจของคุณโอเค คนพวกนี้อาจมีประโยชน์อยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ ถ้าคุณได้นั่งติดกับแนนซี่ผู้มองโลกแง่ลบและคุณหลบเธอไม่พ้น ใช้ให้เธอเป็นเชื้อเพลิงให้ไฟของคุณ ปล่อยให้เธอจุดไฟในตัวคุณขึ้นจนกระทั่งคุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำ “ในสิ่งที่เธอคิดว่าคุณทำไม่ได้หรอก” การที่เธอไม่เห็นด้วยกับความสามารถของคุณจะทำให้อะดรีนาลีนหลั่งและเกิดความตั้งใจแน่วแน่ที่กำลังดีซึ่งคุณต้องใช้เพื่อทำให้งานคุณสำเร็จ บางทีวันหนึ่งคุณจะรู้สึกขอบคุณแนนซี่ก็เป็นได้! โอ้ แล้วคุณไม่อยากทำอย่างนั้นหรือ
10
วิธีการ สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง
แรงบันดาลใจมีหลายอย่างมารวมกัน ปกติแล้วจะมีทั้งความกลัวหรือความปรารถนาอย่างแรงกล้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การต่อสู้ของแรงบันดาลใจเป็นเรื่องที่คุณบอกตัวเองในหัวว่า “ฉันคิดว่าฉันทำได้” “ฉันคิดว่าฉันยังทำได้” และ “ฉันกำลังทำมันอยู่!” และจากความคิดพวกนี้ เรากำลังสร้างสามสิ่ง คือ พัฒนาความมั่นใจ มีเป้าหมายอยู่ และดำรงอยู่ในทิศทางนั้น เอาล่ะได้เวลาเริ่มแล้ว!
ส่วน 1 ของ 3: เริ่มหาเป้าหมาย
Edit
ตั้งชื่อภาพ Motivate Yourself Step 1
1
เลิกคิดจากความกลัว. พวกเรารู้สึกผิดเวลาคิดในแง่ลบแทนที่เราจะคิดเพื่อยืนยัน เรายุ่งกับการ “ไม่” ต้องการบางอย่าง นั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะไม่มีการลงมือทำถ้าเรายัง “ไม่” ต้องการสิ่งเหล่านั้น คุณไม่สามารถตัดสินใจทำบางอย่างเป็นเพราะคุณ “ไม่” อยากทำอีกอย่าง นั่นไม่ใช่วิถีที่ควรจะเป็น การคิดแบบนั้นก็แค่ทำให้คุณอยู่บนโซฟาและไม่ลงมือทำอะไรเลย
ความกลัวเป็นอันตรายด้วยเหตุผลสองข้อ 1) ความกลัวจะทำให้คุณไม่มีแรงบันดาลใจ เป้าหมายในแง่ลบไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลงมือทำให้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น 2) เป้าหมายลบจะดูดพลังงานจากคุณ มันแย่นะที่ต้องอยู่บนความหวาดกลัว เพราะนั่นจะทำให้คุณอยู่ในภาวะสับสนงงงวย คุณจะไม่มีวันได้แรงบันดาลใจ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้เลย
ตั้งชื่อภาพ Motivate Yourself Step 2
2
นิยามเป้าหมายและแผนการของคุณที่ทำให้คุณบรรลุเป้าหมาย. นี่ถึงเวลาที่เราให้คุณคิดในแง่บวก คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังเริ่มมองโลกในแง่บวก แทนที่จะคิดว่า “ฉันไม่อยากเป็นคนเร่ร่อน และใช้ชีวิตอยู่อย่างยาจก” ให้คุณคิดว่า “ฉันอยากจะมีความมั่นคงทางการเงิน” ยอดเยี่ยมเลย ทีนี้ คุณจะวางแผนให้บรรลุเป้าหมายอย่างไรล่ะ?
ก่อนอื่น ลองดูตัวอย่างนี้ สมมติคุณเขียนแผนรายรับขึ้นมา คุณอาจต้องวางแผนเรื่องงบประมาณ คุณอาจต้องกลับไปเรียนต่อ หรือขยายธุรกิจของคุณ คุณมีขั้นตอนที่ชัดเจนไปยังเป้าหมาย แต่ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญหน้ากับอะไรก็ตาม ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคือลดน้ำหนัก เรียนดีที่โรงเรียน หรือแค่ทำตามความฝัน คุณจำเป็นต้องคิดให้ออกว่าคุณต้องการอะไรและคุณวางแผนจะทำสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีไหน ถ้าคุณต้องการสิ่งนั้นจริง คุณจะคิดออกได้ไม่ยาก
ตั้งชื่อภาพ Motivate Yourself Step 3
3
หาเป้าหมายแค่หนึ่งเดียว. ถ้าคุณมีหลายล้านเรื่องรออยู่ในรายการสิ่งที่ต้องทำล่ะก็ บางครั้งมันอาจสุ่มเสี่ยงและคุณก็จะลงเอยที่คุณผลักรายการพวกนั้นออกไปและคิดว่า “ไว้จัดการทีหลังล่ะกัน” แต่ถ้าคุณมีแค่เป้าหมายอย่างเดียวในรายการนั้น มันก็เท่านั้นแหละ คุณสามารถทำได้ และคุณจะพุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายนั้น ถ้าคุณต้องแยกร่างออกเพื่อให้ทำหลายสิ่งได้ล่ะก็นั่นไม่สมเหตุสมผล
คุณไม่สามารถโฟกัสตัวเองได้ถ้าคุณยังไม่โฟกัสกับเป้าหมายที่เจาะจง ให้แบ่งย่อยออกเป็นส่วนเล็กๆ ให้เล็กที่สุดเท่าที่จะเล็กได้ ถ้าเป้าหมายคุณคือ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ภายในห้าปี ให้ลงมือทำทีละเล็กทีละน้อย เริ่มจากจัดตารางออกกำลังกายเป็นประจำใหม่ และทำให้ได้ตามนั้น จากนั้น จัดการกับตู้เสื้อผ้าของคุณ ถ้าคุณไม่แบ่งย่อยออกมา สมองคุณจะยกแขนขึ้น (ถ้าสมองคุณมีแขนนะ) ในสภาพยอมแพ้และคุณจะถูกทิ้งไว้กลางทางโดยปราศจากเป้าหมายว่าจะไปไหนหรือทำอะไร
ตั้งชื่อภาพ Motivate Yourself Step 4
4ทำให้สนุก. ยืดตัวขึ้น ทำสิ่งที่คุณคิดว่าจะคอยทำต่อด้วยความเร็วเต็มพิกัด ทันทีที่คุณเลิกทำสิ่งนั้นเหมือนกับว่านั่นคือนิสัยที่ไม่ดี คุณก็จะเลิกทำมัน และด้วยเหตุผลนี้ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ เช่น ออมเงินไว้สำหรับรถยนต์คันใหม่หรือลดน้ำหนัก 7 กิโลฯ คุณต้องทำมันด้วยความสนุก ยิ่งเป้าหมายนั้นสนุกมากขึ้นเท่าไหร่ คุณจะยิ่งทำมันได้ดีมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อคุณทำได้ดีขึ้น ก็จะเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้นตาม
ความตั้งใจอยู่ที่ไหน วิธีการอยู่ที่นั่น คุณไม่ชอบการวิ่งหรือ? ไม่มีปัญหา ไปเข้าชั้นเรียนมวยไทยสิแล้วน้ำหนักคุณก็จะลดลงได้เหมือนกัน เขียนรายงานห่วยหรือ? เปลี่ยนมาเขียนหัวข้อที่ทำให้คุณมีแรงกระตุ้นสิ ออมเงินไว้ไม่พอสำหรับชีวิตคุณหรือ? เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมสิ โลกของคุณน่ะเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งที่คุณสร้างมันขึ้นจะเปลี่ยนแรงบันดาลใจของคุณได้โดยสมบูรณ์
ตั้งชื่อภาพ Motivate Yourself Step 5
20 ข้อ เปลี่ยนชีวิตใหม่
1 เลิกคิดจากความกลัว
-ความกลัวจะเป็นอันตรายด้วยเหตุผล
-ความกล้วจะกลัวจะทำให้คุณไม่มีแรงบันดาลใจเป้าหมายในแง่ลบไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลงมือทำให้สำเร็จยิ่งกว่านั้น
- เป้าหมายลบจะดูดพลังงานจากคุณ มันแย่นะที่ต้องอยู่บนความหวาดกลัว เพราะนั่นจะทำให้คุณอยู่ในภาวะสับสนงงงวย คุณจะไม่มีวันได้แรงบันดาลใจ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้เลย
-พวกเรารู้สึกผิดเวลาคิดในแง่ลบแทนที่เราจะคิดเพื่อยืนยัน เรายุ่งกับการ “ไม่” ต้องการบางอย่าง นั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะไม่มีการลงมือทำถ้าเรายัง “ไม่” ต้องการสิ่งเหล่านั้น คุณไม่สามารถตัดสินใจทำบางอย่างเป็นเพราะคุณ “ไม่” อยากทำอีกอย่าง นั่นไม่ใช่วิถีที่ควรจะเป็น การคิดแบบนั้นก็แค่ทำให้คุณอยู่บนโซฟาและไม่ลงมือทำอะไรเลย
2 นิยามเป้าหมายและแผนการของคุณที่ทำให้คุณบรรลุเป้าหมายนี่ถึงเวลาที่เราให้คุณคิดในแง่บวก คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังเริ่มมองโลกในแง่บวก แทนที่จะคิดว่า “ฉันไม่อยากเป็นคนเร่ร่อน และใช้ชีวิตอยู่อย่างยาจก” ให้คุณคิดว่า “ฉันอยากจะมีความมั่นคงทางการเงิน” ยอดเยี่ยมเลย ทีนี้ คุณจะวางแผนให้บรรลุเป้าหมายอย่างไรล่ะ?
-ก่อนอื่น ลองดูตัวอย่างนี้ สมมติคุณเขียนแผนรายรับขึ้นมา คุณอาจต้องวางแผนเรื่องงบประมาณ คุณอาจต้องกลับไปเรียนต่อ หรือขยายธุรกิจของคุณ คุณมีขั้นตอนที่ชัดเจนไปยังเป้าหมาย แต่ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญหน้ากับอะไรก็ตาม ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคือลดน้ำหนัก เรียนดีที่โรงเรียน หรือแค่ทำตามความฝัน คุณจำเป็นต้องคิดให้ออกว่าคุณต้องการอะไรและคุณวางแผนจะทำสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีไหน ถ้าคุณต้องการสิ่งนั้นจริง คุณจะคิดออกได้ไม่ยาก
3หาเป้าหมายแค่หนึ่งเดียว. ถ้าคุณมีหลายล้านเรื่องรออยู่ในรายการสิ่งที่ต้องทำล่ะก็ บางครั้งมันอาจสุ่มเสี่ยงและคุณก็จะลงเอยที่คุณผลักรายการพวกนั้นออกไปและคิดว่า “ไว้จัดการทีหลังล่ะกัน” แต่ถ้าคุณมีแค่เป้าหมายอย่างเดียวในรายการนั้น มันก็เท่านั้นแหละ คุณสามารถทำได้ และคุณจะพุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายนั้น ถ้าคุณต้องแยกร่างออกเพื่อให้ทำหลายสิ่งได้ล่ะก็นั่นไม่สมเหตุสมผล
-คุณไม่สามารถโฟกัสตัวเองได้ถ้าคุณยังไม่โฟกัสกับเป้าหมายที่เจาะจง ให้แบ่งย่อยออกเป็นส่วนเล็กๆ ให้เล็กที่สุดเท่าที่จะเล็กได้ ถ้าเป้าหมายคุณคือ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ภายในห้าปี ให้ลงมือทำทีละเล็กทีละน้อย เริ่มจากจัดตารางออกกำลังกายเป็นประจำใหม่ และทำให้ได้ตามนั้น จากนั้น จัดการกับตู้เสื้อผ้าของคุณ ถ้าคุณไม่แบ่งย่อยออกมา สมองคุณจะยกแขนขึ้น (ถ้าสมองคุณมีแขนนะ) ในสภาพยอมแพ้และคุณจะถูกทิ้งไว้กลางทางโดยปราศจากเป้าหมายว่าจะไปไหนหรือทำอะไร
4 ทำให้สนุก. ยืดตัวขึ้น ทำสิ่งที่คุณคิดว่าจะคอยทำต่อด้วยความเร็วเต็มพิกัด ทันทีที่คุณเลิกทำสิ่งนั้นเหมือนกับว่านั่นคือนิสัยที่ไม่ดี คุณก็จะเลิกทำมัน และด้วยเหตุผลนี้ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ เช่น ออมเงินไว้สำหรับรถยนต์คันใหม่หรือลดน้ำหนัก 7 กิโลฯ คุณต้องทำมันด้วยความสนุก ยิ่งเป้าหมายนั้นสนุกมากขึ้นเท่าไหร่ คุณจะยิ่งทำมันได้ดีมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อคุณทำได้ดีขึ้น ก็จะเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้นตาม
-ความตั้งใจอยู่ที่ไหน วิธีการอยู่ที่นั่น คุณไม่ชอบการวิ่งหรือ? ไม่มีปัญหา ไปเข้าชั้นเรียนมวยไทยสิแล้วน้ำหนักคุณก็จะลดลงได้เหมือนกัน เขียนรายงานห่วยหรือ? เปลี่ยนมาเขียนหัวข้อที่ทำให้คุณมีแรงกระตุ้นสิ ออมเงินไว้ไม่พอสำหรับชีวิตคุณหรือ? เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมสิ โลกของคุณน่ะเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งที่คุณสร้างมันขึ้นจะเปลี่ยนแรงบันดาลใจของคุณได้โดยสมบูรณ์
5 อ่านเรื่องคนที่ประสบความสำเร็จ มองจากภายนอกนี่อาจฟังดูติ้งต๊อง แค่อ่านเกี่ยวกับสิ่งที่คุณคิดอยู่ตลอดเวลาเวลาจะทำให้เกิดแรงบันดาลใจได้ยังไง แต่ “มันเกิดขึ้น” การได้ยินเรื่องราวความสำเร็จของคนอื่น (โดยเฉพาะเวลาที่พวกเขาทำให้มันฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายสุดๆ) จะทำให้สมองคุณคิดว่า “เฮ้! ฉันก็ทำแบบนี้ได้เหมือนกันนะ!” ดังนั้น หยุดไล่ดูเฟสบุ๊คของเพื่อนที่โรงเรียนและเริ่มทำสิ่งที่มีประโยชน์บ้าง
-คุณอาจคิดว่าการอ่านเรื่องราวของคนที่ลดน้ำหนัก 45 กิโลกรัมได้สำเร็จอาจทำให้คุณรู้สึกน้ำหนักมากไปและทำสำเร็จ (เป็นต้น) แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม คุณควรจะรู้สึกมีแรงกระตุ้น ได้รับพลังเพิ่ม และมีแหล่งข้อมูลติดตัวมากขึ้น คุณสามารถเรียนรู้จากคนเหล่านี้ได้! และถ้าความสำเร็จของพวกเขาไม่ดึงดูดคุณ อย่างน้อยก็ทำให้คุณได้เปรียบเพิ่มขึ้นล่ะ
6ตั้งรางวัล. ว่ากันตามตรง ผลลัพธ์ไม่ได้เกิดขึ้นรวดเร็วทันใจ มันต้องใช้เวลาเป็นปีที่จะธุรกิจใหม่จะทำเงิน ใช้เวลาเป็นเดือนที่จะบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนัก และใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตที่จะมีความสุขกับตัวคุณเอง นั่นแค่สิ่งที่ตรงข้ามกับความสุขทันตาเห็น เพื่อเอาชนะความจริงอันโหดร้ายของชีวิตลองให้รางวัลกับตัวเอง แน่นอนว่าชีวิตไม่ได้ทำทุกอย่างให้คุณ ดังนั้นคุณอาจจะต้องลงมือทำเอง
-อย่าใช้รางวัลเพื่อเป้าหมายใหญ่อย่างเดียว (ถึงแม้ว่าควรจะทำแบบนั้นก็เถอะ!) ตั้งเป้าหมายย่อยและให้รางวัลตัวเองสำหรับความสำเร็จขั้นเล็กกว่าเช่นกัน ลดน้ำหนักลงได้ 3 กิโลรึ? เยี่ยม! นั่นเป็นสัญญาณดี ทำข้อสอบสามครั้งล่าสุดได้ดีรึ? ยอดมาก! อ่านหนังสือผ่านไปครึ่งเล่มแล้วรึ? วิเศษเลย ทีนี้ ได้เวลาออกไปช็อปปิ้งแล้ว
7 มองว่าน้ำมีเหลือครึ่งแก้ว ไม่ใช่พร่องไปครึ่งแก้ว. เมื่อเราคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เราอยากได้ ส่วนสำคัญก็คือการรู้ว่า เรายังไม่ได้มา นี่อาจกลายเป็นความรู้สึกแง่ลบที่ปั่นป่วน นำเราสู่เส้นทางความสงสารตัวเอง รู้สึกเฉื่อยชา และจมอยู่กับความเศร้าในที่สุด อย่าได้เดินไปทางนั้น! คิดถึงสิ่งที่คุณ “มี” อยู่ สิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ ต่อเมื่อคุณคิดแบบนี้คุณจะทำให้สิ่งที่คุณมีอยู่นั้นดียิ่งขึ้น
8หาสิ่งที่คุณต้องทำ. ยกตัวอย่าง คุณอยากเป็นนักแสดง นั่นเยี่ยมไปเลย! ว่าแต่คุณจะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ? ไม่รู้ว่าควรลงมือทำอะไรก่อนอย่างแรกก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวและยั้งคุณไว้ให้อยู่กับที่ ฝันสลายโดยอัตโนมัติ แต่เมื่อคุณรู้เส้นทางที่คุณจะต้องเดิน ค่อยๆ คุณจะเดินได้ง่ายกว่าเดิมมากหาประโยชน์จากแหล่งข้อมูล ด้วยเทคโนโลยีแค่ปลายนิ้วสัมผัสก็เท่ากับโลกทั้งใบอยู่ในมือคุณ นั่นแปลว่า “คุณไม่มีข้ออ้าง” ไม่สำคัญว่าคุณจะถามเพื่อน คนรู้จัก คนตามท้องถนนที่ดูเหมือนเคยทำเรื่องนั้นมาก่อน ลองหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตและหาวิธีที่ดีและได้ผลที่สุดในการทำในสิ่งที่คุณต้องทำให้ได้ ในตอนท้ายคุณจะรู้สึกเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญและความรู้นั้นจะทำให้คุณสบายใจ นี่จะช่วยขจัดความกังวลและการพูดถึงตัวเองในแง่ลบ และนำความมั่นใจและทัศนคติมุ่งไปข้างหน้า
9 ให้การคิดบวกล้อมรอบตัวคุณ. โลกนี้เต็มไปด้วยคนชอบปฏิเสธ คุณอาจพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะหายใจทั้งวัน!” และคุณอาจะพบว่ามีบางคนพนัน 100 บาทว่าคุณทำอย่างนั้นไม่ได้ คุณควรเลี่ยงคนแบบนั้นจะดีที่สุด พวกเขาเป็นคนน่าเศร้าและไม่คู่ควรกับความสนใจของคุณโอเค คนพวกนี้อาจมีประโยชน์อยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ ถ้าคุณได้นั่งติดกับแนนซี่ผู้มองโลกแง่ลบและคุณหลบเธอไม่พ้น ใช้ให้เธอเป็นเชื้อเพลิงให้ไฟของคุณ ปล่อยให้เธอจุดไฟในตัวคุณขึ้นจนกระทั่งคุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำ “ในสิ่งที่เธอคิดว่าคุณทำไม่ได้หรอก” การที่เธอไม่เห็นด้วยกับความสามารถของคุณจะทำให้อะดรีนาลีนหลั่งและเกิดความตั้งใจแน่วแน่ที่กำลังดีซึ่งคุณต้องใช้เพื่อทำให้งานคุณสำเร็จ บางทีวันหนึ่งคุณจะรู้สึกขอบคุณแนนซี่ก็เป็นได้! โอ้ แล้วคุณไม่อยากทำอย่างนั้นหรือ
10
วิธีการ สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง
แรงบันดาลใจมีหลายอย่างมารวมกัน ปกติแล้วจะมีทั้งความกลัวหรือความปรารถนาอย่างแรงกล้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การต่อสู้ของแรงบันดาลใจเป็นเรื่องที่คุณบอกตัวเองในหัวว่า “ฉันคิดว่าฉันทำได้” “ฉันคิดว่าฉันยังทำได้” และ “ฉันกำลังทำมันอยู่!” และจากความคิดพวกนี้ เรากำลังสร้างสามสิ่ง คือ พัฒนาความมั่นใจ มีเป้าหมายอยู่ และดำรงอยู่ในทิศทางนั้น เอาล่ะได้เวลาเริ่มแล้ว!
ส่วน 1 ของ 3: เริ่มหาเป้าหมาย
Edit
ตั้งชื่อภาพ Motivate Yourself Step 1
1
เลิกคิดจากความกลัว. พวกเรารู้สึกผิดเวลาคิดในแง่ลบแทนที่เราจะคิดเพื่อยืนยัน เรายุ่งกับการ “ไม่” ต้องการบางอย่าง นั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะไม่มีการลงมือทำถ้าเรายัง “ไม่” ต้องการสิ่งเหล่านั้น คุณไม่สามารถตัดสินใจทำบางอย่างเป็นเพราะคุณ “ไม่” อยากทำอีกอย่าง นั่นไม่ใช่วิถีที่ควรจะเป็น การคิดแบบนั้นก็แค่ทำให้คุณอยู่บนโซฟาและไม่ลงมือทำอะไรเลย
ความกลัวเป็นอันตรายด้วยเหตุผลสองข้อ 1) ความกลัวจะทำให้คุณไม่มีแรงบันดาลใจ เป้าหมายในแง่ลบไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลงมือทำให้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น 2) เป้าหมายลบจะดูดพลังงานจากคุณ มันแย่นะที่ต้องอยู่บนความหวาดกลัว เพราะนั่นจะทำให้คุณอยู่ในภาวะสับสนงงงวย คุณจะไม่มีวันได้แรงบันดาลใจ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้เลย
ตั้งชื่อภาพ Motivate Yourself Step 2
2
นิยามเป้าหมายและแผนการของคุณที่ทำให้คุณบรรลุเป้าหมาย. นี่ถึงเวลาที่เราให้คุณคิดในแง่บวก คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังเริ่มมองโลกในแง่บวก แทนที่จะคิดว่า “ฉันไม่อยากเป็นคนเร่ร่อน และใช้ชีวิตอยู่อย่างยาจก” ให้คุณคิดว่า “ฉันอยากจะมีความมั่นคงทางการเงิน” ยอดเยี่ยมเลย ทีนี้ คุณจะวางแผนให้บรรลุเป้าหมายอย่างไรล่ะ?
ก่อนอื่น ลองดูตัวอย่างนี้ สมมติคุณเขียนแผนรายรับขึ้นมา คุณอาจต้องวางแผนเรื่องงบประมาณ คุณอาจต้องกลับไปเรียนต่อ หรือขยายธุรกิจของคุณ คุณมีขั้นตอนที่ชัดเจนไปยังเป้าหมาย แต่ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญหน้ากับอะไรก็ตาม ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคือลดน้ำหนัก เรียนดีที่โรงเรียน หรือแค่ทำตามความฝัน คุณจำเป็นต้องคิดให้ออกว่าคุณต้องการอะไรและคุณวางแผนจะทำสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีไหน ถ้าคุณต้องการสิ่งนั้นจริง คุณจะคิดออกได้ไม่ยาก
ตั้งชื่อภาพ Motivate Yourself Step 3
3
หาเป้าหมายแค่หนึ่งเดียว. ถ้าคุณมีหลายล้านเรื่องรออยู่ในรายการสิ่งที่ต้องทำล่ะก็ บางครั้งมันอาจสุ่มเสี่ยงและคุณก็จะลงเอยที่คุณผลักรายการพวกนั้นออกไปและคิดว่า “ไว้จัดการทีหลังล่ะกัน” แต่ถ้าคุณมีแค่เป้าหมายอย่างเดียวในรายการนั้น มันก็เท่านั้นแหละ คุณสามารถทำได้ และคุณจะพุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายนั้น ถ้าคุณต้องแยกร่างออกเพื่อให้ทำหลายสิ่งได้ล่ะก็นั่นไม่สมเหตุสมผล
คุณไม่สามารถโฟกัสตัวเองได้ถ้าคุณยังไม่โฟกัสกับเป้าหมายที่เจาะจง ให้แบ่งย่อยออกเป็นส่วนเล็กๆ ให้เล็กที่สุดเท่าที่จะเล็กได้ ถ้าเป้าหมายคุณคือ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ภายในห้าปี ให้ลงมือทำทีละเล็กทีละน้อย เริ่มจากจัดตารางออกกำลังกายเป็นประจำใหม่ และทำให้ได้ตามนั้น จากนั้น จัดการกับตู้เสื้อผ้าของคุณ ถ้าคุณไม่แบ่งย่อยออกมา สมองคุณจะยกแขนขึ้น (ถ้าสมองคุณมีแขนนะ) ในสภาพยอมแพ้และคุณจะถูกทิ้งไว้กลางทางโดยปราศจากเป้าหมายว่าจะไปไหนหรือทำอะไร
ตั้งชื่อภาพ Motivate Yourself Step 4
4ทำให้สนุก. ยืดตัวขึ้น ทำสิ่งที่คุณคิดว่าจะคอยทำต่อด้วยความเร็วเต็มพิกัด ทันทีที่คุณเลิกทำสิ่งนั้นเหมือนกับว่านั่นคือนิสัยที่ไม่ดี คุณก็จะเลิกทำมัน และด้วยเหตุผลนี้ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ เช่น ออมเงินไว้สำหรับรถยนต์คันใหม่หรือลดน้ำหนัก 7 กิโลฯ คุณต้องทำมันด้วยความสนุก ยิ่งเป้าหมายนั้นสนุกมากขึ้นเท่าไหร่ คุณจะยิ่งทำมันได้ดีมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อคุณทำได้ดีขึ้น ก็จะเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้นตาม
ความตั้งใจอยู่ที่ไหน วิธีการอยู่ที่นั่น คุณไม่ชอบการวิ่งหรือ? ไม่มีปัญหา ไปเข้าชั้นเรียนมวยไทยสิแล้วน้ำหนักคุณก็จะลดลงได้เหมือนกัน เขียนรายงานห่วยหรือ? เปลี่ยนมาเขียนหัวข้อที่ทำให้คุณมีแรงกระตุ้นสิ ออมเงินไว้ไม่พอสำหรับชีวิตคุณหรือ? เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมสิ โลกของคุณน่ะเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งที่คุณสร้างมันขึ้นจะเปลี่ยนแรงบันดาลใจของคุณได้โดยสมบูรณ์
ตั้งชื่อภาพ Motivate Yourself Step 5