กำกับโดย Yu Shui
มาถึงเดือนสุดท้ายของปี 2025 กันแล้ว ล่าสุดผมเพิ่งได้รับชมแอนิเมชันจีนเรื่อง Nobody (2025) แบบกะทันหัน
ปรากฏว่าชอบมากกว่า
Zootopia 2 เห็นว่าทำรายได้มหาศาลที่จีน แต่น่าเศร้าที่ทั้งโรงมีคนดูไม่ถึง 5 คน แถมรอบยังน้อยมาก แม้ว่าหนังจะเพิ่งเข้า 😅
ความรู้สึกหลังรับชม
Nobody - Official Trailer
- เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ ต้องรู้จักวรรณกรรม "ไซอิ๋ว" ที่เล่าเรื่องราวของคณะเดินทางอันประกอบด้วย "พระถังซัมจั๋ง หงอคง ตือโป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง" โดยทั้งสี่มีเป้าหมายเดินทางไปชมพูทวีป (อินเดีย) เพื่ออัญเชิญพระไตรปิฏกกลับมายังดินแดนจีนและสร้างความรุ่งเรืองให้กับพระพุทธศาสนาสืบต่อไป
ไซอิ๋วได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีน ใจความเนื้อหาของไซอิ๋วสะท้อนปรัชญาพุทธและเปรียบเปรยตัวละครต่าง ๆ เป็นปริศนาธรรมที่สอนให้คนเข้าใจถึงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา
นอกจากนี้ยังสอนถึงความเพียรพยายามซึ่งแสดงผ่านคณะเดินทางที่ประสบภัยมากมาย แต่ก็อัญเชิญพระไตรปิฏกกลับมาที่แผ่นดินจีนได้ลุล่วง
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับไซอิ๋ว คือ ตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จ แล้ว "คนที่ไม่สำเร็จ" ล่ะ ยังมีที่ทางให้แก่คนกลุ่มนี้ได้เป็นตัวละครเอกเหมือนคณะเดินทางในไซอิ๋วไหม
จุดนี้เองคือแก่นไอเดียของเรื่อง "Nobody" ที่เล่า Side Story คู่ขนานไปกับตำนานไซอิ๋ว !
- เรื่องราวของ Nobody เปลี่ยนตัวละครที่เราคุ้นเคย มาเป็น
"เหล่า Loser ปีศาจปลายแถว" ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในชีวิต ปีศาจกลุ่มนี้จับพลัดจับผลูปลอมตัวเป็นคณะเดินทางของพระถัมซังจั๋งโดยหวังว่าหากกลุ่มของตัวเองเดินทางไปเชิญพระไตรปิฏกได้สำเร็จ ตัวเองจะมีกินมีใช้ มีชีวิตเป็นอมตะ ไม่อดอยากปากแห้งอีกต่อไป
หนังแสดงให้เราได้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละคร (Character Development) ทั้งในแง่มิตรภาพและอุปนิสัยใจคอของตัวละคร เมื่อเหล่าปีศาจ loser ได้เผชิญหน้ากับอุปสรรคนานับประการ
นอกจากนี้ยังมีบททดสอบจิตใจที่พาชวนให้ย้อนกลับไปตั้งคำถามถึงเป้าหมายการเดินทางว่า
"แท้จริงแล้ว พวกเราทั้งหลายเดินทางไปเพื่ออะไร"
- ชอบไอเดียของหนังที่ฉายภาพ Side Story ได้เยี่ยม ไอเดียดี บทดี เดินเรื่องสนุก ไม่น่าเบื่อ แถมมุกตลกยังฮามาก ๆ
- อีกส่วนที่ประทับใจ ขอยกให้เป็นเรื่อง
"งานภาพ" ที่ดีไซน์ออกมาได้สวย มีกลิ่นอายจิตรกรรมพู่กันจีนสะท้อนความเป็นธรรมชาติได้อย่างงดงาม (นึกถึงงานของ Ghibli เลย)
- หนังกล่าวถึงวัฒนธรรมและค่านิยมจีนผ่านแอนิเมชัน เช่น ความกตัญญ ความขยันหมั่นเพียรท่ามกลางบรรยากาศสังคมที่อ่อนล้า
ส่วนตัวรู้สึกว่า ใจความหลักของเรื่องค่อนข้างจะสะกิดใจคนหนุ่มสาวในสังคมจีนพอสมควร เป็นประเด็นสะท้อนถึงความรู้สึกของคนในสังคม โดยเฉพาะการกล่าวถึง Nobody ที่อยากมีเรื่องราวแบบตัวละครเอก ล้อไปกับค่านิยมในสังคมจีนที่กระตุ้นให้ทุกคนขยันประสบความสำเร็จ แต่โชคร้ายที่ไม่ใช่ทุกคนจะได้เป็นแบบนั้น
ประเด็นนี้ยังพาให้นึกถึง "Ne Zha" (นาจา) ที่ทำรายได้ไปมหาศาล ซึ่งก็แอบมีประเด็นร่วมคล้าย ๆ กัน (เรื่องของเทพที่เกิดมาผิดที่ผิดทางและพยายามมหาเส้นทางให้กับตัวเอง)
หนังเสียดสีสังคมได้สะเทือนใจทีเดียว
สรุป
จัดเป็นแอนิเมชันที่ประทับใจและไม่อยากให้ทุกคนพลาด หนังมีประเด็นที่ดี ให้แรงบันดาลใจ พร้อมปลอบประโลมถึงพวกเราที่กำลังมุ่งมั่นทำอะไรบางอย่างว่า
“ทุกคนล้วนมีเรื่องราวให้ประสบความสำเร็จในฉบับตัวเอง บางทีแพ้บ้างก็ไม่เป็นไร ที่สำคัญคือ ระหว่างทางเราได้เรียนรู้และกลั่นกรองคุณค่าอะไรออกมา"
เพียงเท่านี้ก็เป็นชีวิตที่ดีและเป็นข้อคิดอันประเสริฐสำหรับมนุษย์อย่างเราแล้ว
____________________________________
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ
Lemon8: BENJI Review
IG: benjireview
Nobody (2025) - "แก๊งไซอิ๋วกำมะลอ" ตัวปลอมผู้ฝันไกลถึงชมพูทวีป
กำกับโดย Yu Shui
มาถึงเดือนสุดท้ายของปี 2025 กันแล้ว ล่าสุดผมเพิ่งได้รับชมแอนิเมชันจีนเรื่อง Nobody (2025) แบบกะทันหัน
ปรากฏว่าชอบมากกว่า Zootopia 2 เห็นว่าทำรายได้มหาศาลที่จีน แต่น่าเศร้าที่ทั้งโรงมีคนดูไม่ถึง 5 คน แถมรอบยังน้อยมาก แม้ว่าหนังจะเพิ่งเข้า 😅
ความรู้สึกหลังรับชม
ไซอิ๋วได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีน ใจความเนื้อหาของไซอิ๋วสะท้อนปรัชญาพุทธและเปรียบเปรยตัวละครต่าง ๆ เป็นปริศนาธรรมที่สอนให้คนเข้าใจถึงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับไซอิ๋ว คือ ตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จ แล้ว "คนที่ไม่สำเร็จ" ล่ะ ยังมีที่ทางให้แก่คนกลุ่มนี้ได้เป็นตัวละครเอกเหมือนคณะเดินทางในไซอิ๋วไหม
จุดนี้เองคือแก่นไอเดียของเรื่อง "Nobody" ที่เล่า Side Story คู่ขนานไปกับตำนานไซอิ๋ว !
- เรื่องราวของ Nobody เปลี่ยนตัวละครที่เราคุ้นเคย มาเป็น "เหล่า Loser ปีศาจปลายแถว" ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในชีวิต ปีศาจกลุ่มนี้จับพลัดจับผลูปลอมตัวเป็นคณะเดินทางของพระถัมซังจั๋งโดยหวังว่าหากกลุ่มของตัวเองเดินทางไปเชิญพระไตรปิฏกได้สำเร็จ ตัวเองจะมีกินมีใช้ มีชีวิตเป็นอมตะ ไม่อดอยากปากแห้งอีกต่อไป
หนังแสดงให้เราได้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละคร (Character Development) ทั้งในแง่มิตรภาพและอุปนิสัยใจคอของตัวละคร เมื่อเหล่าปีศาจ loser ได้เผชิญหน้ากับอุปสรรคนานับประการ
นอกจากนี้ยังมีบททดสอบจิตใจที่พาชวนให้ย้อนกลับไปตั้งคำถามถึงเป้าหมายการเดินทางว่า "แท้จริงแล้ว พวกเราทั้งหลายเดินทางไปเพื่ออะไร"
- ชอบไอเดียของหนังที่ฉายภาพ Side Story ได้เยี่ยม ไอเดียดี บทดี เดินเรื่องสนุก ไม่น่าเบื่อ แถมมุกตลกยังฮามาก ๆ
- อีกส่วนที่ประทับใจ ขอยกให้เป็นเรื่อง "งานภาพ" ที่ดีไซน์ออกมาได้สวย มีกลิ่นอายจิตรกรรมพู่กันจีนสะท้อนความเป็นธรรมชาติได้อย่างงดงาม (นึกถึงงานของ Ghibli เลย)
- หนังกล่าวถึงวัฒนธรรมและค่านิยมจีนผ่านแอนิเมชัน เช่น ความกตัญญ ความขยันหมั่นเพียรท่ามกลางบรรยากาศสังคมที่อ่อนล้า
ส่วนตัวรู้สึกว่า ใจความหลักของเรื่องค่อนข้างจะสะกิดใจคนหนุ่มสาวในสังคมจีนพอสมควร เป็นประเด็นสะท้อนถึงความรู้สึกของคนในสังคม โดยเฉพาะการกล่าวถึง Nobody ที่อยากมีเรื่องราวแบบตัวละครเอก ล้อไปกับค่านิยมในสังคมจีนที่กระตุ้นให้ทุกคนขยันประสบความสำเร็จ แต่โชคร้ายที่ไม่ใช่ทุกคนจะได้เป็นแบบนั้น
ประเด็นนี้ยังพาให้นึกถึง "Ne Zha" (นาจา) ที่ทำรายได้ไปมหาศาล ซึ่งก็แอบมีประเด็นร่วมคล้าย ๆ กัน (เรื่องของเทพที่เกิดมาผิดที่ผิดทางและพยายามมหาเส้นทางให้กับตัวเอง)
หนังเสียดสีสังคมได้สะเทือนใจทีเดียว
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ