จากข่าวการปิด Voice TV นั้น แสดงให้เห็นว่า สังคมแห่งจริต กับ สังคมแห่งความเป็นจริง เป็นอย่างไร หาก Voice TV ทำผิดกฎหมาย ควรมีการดำเนินการฟ้องร้องตากกฎหมายอย่างมีขั้นตอน ผิดข้อกฎหมายอันใดก็ทำการฟ้องและดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม แต่หากแค่ผิดจริตของ กสทช แล้วสั่งปิดเค้าแบบนี้เห็นว่าออกจะไม่เป็นธรรมไปซักหน่อย หากมีข้อกฎหมาย ว่าความเห็นที่แตกต่าง และคำติชม นั้นผิดกฏหมายหละก็ ผมก็คงจะน้อมรับ
สังคมไทยเป็นสังคมแห่งจริต กันไปหมดแล้ว ความแตกต่างมันเป็นความแตกแยกตรงไหน ความแตกต่างมันไม่มีจริยธรรมตรงไหนกัน
บ้านเมืองวุ่นวายทุกวันนี้ ก็เพราะจริต ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จริตมันเลยแพร่ไปสู่ กฎหมาย กลายเป็นจริตทางกฎหมายไปซะด้วย
ถ้าจะให้ปรองดองและอยู่ร่วมกันได้ ก็ควรจะอยู่ด้วยกฎหมายเดียวกัน (จริตจะแตกต่างกันก็ไม่เป็นไร เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะคิดเหมือนกัน การที่ท่านผู้นำร้องขอให้ทุกคนคิดเหมือนกันมันจึงเป็นไปไม่ได้) บังคับใช้กฎหมายให้เท่าเที่ยม เป็นธรรม รวดเร็ว ได้เมื่อไหร่ ความปรองดองเกิดได้แน่นอน แต่ยังหากสาละวนออกกฎหมายมาปรองดอง (โดยขึ้นกับจริต) ก็คงไม่มีวันปรองดองกันได้สำเร็จนั่นก็เพราะสุดท้ายมันจะขึ้นอยู่กับจริตของใครอีก
ความเป็นธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด ทุกคนต้องเท่ากันทางกฎหมาย
จริต คนไทย กับการปรองดอง
สังคมไทยเป็นสังคมแห่งจริต กันไปหมดแล้ว ความแตกต่างมันเป็นความแตกแยกตรงไหน ความแตกต่างมันไม่มีจริยธรรมตรงไหนกัน
บ้านเมืองวุ่นวายทุกวันนี้ ก็เพราะจริต ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จริตมันเลยแพร่ไปสู่ กฎหมาย กลายเป็นจริตทางกฎหมายไปซะด้วย
ถ้าจะให้ปรองดองและอยู่ร่วมกันได้ ก็ควรจะอยู่ด้วยกฎหมายเดียวกัน (จริตจะแตกต่างกันก็ไม่เป็นไร เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะคิดเหมือนกัน การที่ท่านผู้นำร้องขอให้ทุกคนคิดเหมือนกันมันจึงเป็นไปไม่ได้) บังคับใช้กฎหมายให้เท่าเที่ยม เป็นธรรม รวดเร็ว ได้เมื่อไหร่ ความปรองดองเกิดได้แน่นอน แต่ยังหากสาละวนออกกฎหมายมาปรองดอง (โดยขึ้นกับจริต) ก็คงไม่มีวันปรองดองกันได้สำเร็จนั่นก็เพราะสุดท้ายมันจะขึ้นอยู่กับจริตของใครอีก
ความเป็นธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด ทุกคนต้องเท่ากันทางกฎหมาย