เสน่หาอำมหิตตอนที่ 9
ตอนที่ผ่านมา
ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/35511893
ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/35525322
ตอนที่ 3
http://pantip.com/topic/35548846
ตอนที่ 4
http://pantip.com/topic/35745046
ตอนที่ 5
http://pantip.com/topic/35777648
ตอนที่ 6
http://pantip.com/topic/35830253
ตอนที่ 7
https://pantip.com/topic/35889067
ตอนที่ 8
https://pantip.com/topic/35933454
โดย... K. Line
9.
ในกาลก่อนได้มีอิสตรีนางหนึ่งถือกำเนิดขึ้นในแผ่นดินไกลโพ้น นางคือสนมคนโปรดของกษัตริย์ สตรีนางนี้เพียบพร้อมไปด้วยรูปโฉมงดงาม กิริยาท่าทางนุ่มนวลอ่อนช้อยแต่สวยสง่าอยู่ในที อีกทั้งยังเฉลียวฉลาดในการเจรจาจาพาทีแสดงความคิดเห็น รู้จักวางตัวและแสดงออกได้อย่างพอเหมาะ ไม่นิ่งเฉยเสียจนถูกค่อนขอดว่าเป็นหญิงโง่ และไม่สู่รู้จนถูกใครมองว่าอวดฉลาด ใครที่ได้พบปะพูดคุยด้วยล้วนอดนิยมชมชอบในตัวนางไม่ได้
องค์จักรพรรดิเองก็ตกหลุมรักนางทันทีเมื่อแรกเห็น คนทั้งคู่ได้พบกันในคราวที่พระองค์ลอบออกจากวังหลวงเพื่อเฝ้าสังเกตดูทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎร์ และได้พบกับนางเข้าโดยบังเอิญ ซึ่งหลังจากนั้นวังหลวงก็กลายเป็นที่อยู่ใหม่ของนาง
เมื่อแรกเข้าวัง ใครที่ได้พบเจอพูดคุยด้วยต่างก็พากันทึ่งในความงาม และอดเอ็นดูในความเฉลียวฉลาด กับอุปนิสัยนอบน้อมถ่อมตัวของนางไม่ได้ ถึงกับเล่าลือกันว่าหญิงงามผู้นี้มีค่าควรเมือง ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เจ้าผู้ครองแผ่นดินทรงพอพระทัย จึงยิ่งเพิ่มความเสน่หาในตัวนางหญิงชาวบ้านผู้นี้เป็นทบทวีคูณ พระองค์รู้สึกว่ารักนางมากขึ้นทุกวัน เฉกเช่นเดียวกันกับนางที่เทิดทูนและหลงใหลในตัวของกษัตริย์หนุ่ม นับแต่ได้ครอบครองหญิงงาม พระองค์ก็ไม่เสด็จไปยังห้องของมเหสีหรือนางสนมคนใดอีกเลย
แต่เมื่อมีคนรักก็ย่อมมีคนชัง ยิ่งถูกรักโดยเจ้าเหนือหัวด้วยแล้วล่ะก็ คนที่พร้อมจะชังนางย่อมมีมากขึ้นหลายเท่า และนั่นคือจุดพลิกผันชะตาชีวิตในวังหลวงของนางสนมคนโปรดของกษัตริย์ ชะตากรรมแห่งรักระหว่างพระองค์กับหญิงในดวงใจจึงได้เริ่มต้นขึ้น
เมื่อถูกอิจฉา นางจึงเริ่มถูกกลั่นแกล้งจากมเหสีและบรรดานางสนมที่มีใจริษยา เริ่มจากหาเหตุกลั่นแกล้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน แล้วทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นตามลำดับ พวกนางหาเรื่องใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหาว่าทำผิดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำ หรือไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย แม้นางจะพยายามอธิบายความจริง แต่คนหัวเดียวกระเทียมลีบหรือจะสู้กับอิทธิพลในวังได้ เมื่อถูกกลั่นแกล้งบ่อยครั้งเข้านางก็เกิดความเบื่อหน่าย คร้านจะโต้เถียง จึงเลือกที่จะเงียบเสียแทนการโต้ตอบแก้ต่าง นางพูดน้อยลงทุกวัน จนในที่สุดแม้แต่รอยยิ้มสดใสที่เคยมีก็หายไปจากใบหน้านาง
สนมคนโปรดที่เคยสวยสง่าสดใสร่าเริง และมีแววตาที่แสดงออกถึงความเฉลียวฉลาดคนเดิมได้หายไปเสียแล้ว เหลือไว้เพียงหญิงสาวผู้เงียบขรึมซึมเศร้า นางกลายเป็นสนมที่ไม่กล้าออกจากห้องของตนไปไหนในเวลากลางวันอีกเลยเท่านั้น
หลังจากนั้นก็เริ่มมีผู้สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างในวัง
กลางดึกที่สงบเงียบและมืดสลัว ทหารยามที่กำลังยืนประจำการอยู่เห็นหญิงสาวนางหนึ่งเดินเล่นอยู่ในสวน จู่ ๆ ก็เกิดมีเปลวไฟลุกติดขึ้นไล่หลังนางไป จนทหารยามต้องร้องโวยวาย ตะโกนเรียกระดมทหารทั้งหมดให้มาช่วยกันดับไฟ
เหตุระทึกสุดพิสดารนี้ถูกเล่าจากปากต่อปาก และกระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวไฟลามทุ่ง มีใครบางคนบอกว่าหญิงสาวนิรนามในสวนนางนั้น คือนางสนมคนโปรดขององค์จักรพรรดินั่นเอง
เมื่อข่าวประหลาดข่าวแรกถูกกระพือออกไปแล้ว ไม่นานนักข่าวอื่นที่เกี่ยวกับความแปลกพิสดารของนางก็ถูกแพร่สะพัดตามมาอย่างไม่ขาดสาย บ้างก็เล่าว่านางสนมผู้นี้หากไปหยิบจับถูกสิ่งใดเข้า สิ่งนั้นก็จะถูกเผาเป็นจุลในชั่วพริบตา หรือถ้าหากย่างกรายไปทางไหน ต้นไม้ใบหญ้าตามรายทางที่นางผ่านก็จะเหี่ยวเฉาลงทันที เพราะโดนความร้อนของเปลวเพลิงจากภายในกายนาง กระทั่งสุดท้ายก็ลือกันว่านางเป็นภูตผีปีศาจที่ปลอมตัวมาเพื่อล่อลวงองค์จักรพรรดิ
ข่าวลือในทางเลวร้ายที่แพร่สะพัดออกไปทำให้ผู้คนเริ่มคล้อยตาม ต่างพากันเกิดความหวาดกลัวว่านางปีศาจจะนำหายนะมาสู่ราชวงศ์ ถึงแม้ระยะหลังองค์จักรพรรดิจะงดไปเยี่ยมนางที่ห้องเนื่องจากข่าวลือนั้น แต่ด้วยความที่พระองค์เองยังมีใจรักมั่นต่อนางไม่เสื่อมคลาย ดังนั้น จึงทรงลอบเข้าไปหานางในช่วงกลางดึกแทน
แล้วในที่สุดก็มาถึงทางตัน เมื่อข่าวลือร้าย ๆ ได้โหมกระหน่ำนางสนมของกษัตริย์เสียจนเกิดความหวาดกลัวไปทั่วเมือง แม้ที่ผ่านมาองค์จักรพรรดิจะทำเป็นนิ่งเฉยเหมือนทองไม่รู้ร้อน แต่ข่าวลือถึงหญิงอาเพศที่แพร่กระจายไปทุกหย่อมหญ้าก็กำลังจะทำให้อาณาจักรของพระองค์อ่อนแอลง และนั่นเป็นสิ่งที่ยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
แม้ต้องฝืนใจตนเองอย่างสุดกำลัง แต่เพราะหมดสิ้นหนทาง พระองค์จึงจำต้องออกคำสั่งเนรเทศนางอันเป็นที่รักไปเสียจากเมืองทั้งน้ำตา เมื่อวันแห่งการพลัดพรากมาถึง หลังจากพยายามหักห้ามความอาลัยรัก สิ่งที่พอทำได้เพื่อช่วยนางก็คือ ทรงมีรับสั่งให้จัดบริวารและขบวนอารักขาให้ติดตามนางไปด้วย กับทั้งประทานข้าวของเครื่องใช้อีกมากมาย ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความฉงนสนเท่ห์ให้เกิดกับคนทั่วไป ว่าเหตุไฉนคนโดนลงโทษจึงได้รับการปฏิบัติอย่างดีเช่นนี้ ช่างไม่สมกับคนที่ถูกเนรเทศเอาเสียเลย แถมองค์จักรพรรดิยังเสด็จไปส่งขบวนเนรเทศด้วยพระองค์เอง ไกลที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ทรงยืนมองหญิงคนรักเดินทางจากไปจนกระทั่งขบวนลับสายตา ขบวนเนรเทศของหญิงผู้โชคร้ายได้เดินทางไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมายปลายทาง จนในที่สุดก็มาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง ขณะทั้งหมดกำลังเดินทางกันอยู่ จู่ ๆ หมอกก็ลงจัดโดยไม่มีเค้ารางมาก่อน และแล้วขบวนเดินทางก็หายเข้าไปในสายหมอกลึกลับนั้น ซึ่งต่อมาก็ไม่มีใครพบเห็นพวกเขาอีกเลย
แต่แท้ที่จริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นต่างเข้ามาติดอยู่ในดินแดนแห่งสายหมอกนี้เอง เมื่อพากันหาทางออกไปจากดินแดนประหลาดนี้ไม่ได้ ผู้คนในขบวนที่เหลืออยู่จึงต้องช่วยกันประคับประคองชีวิต เพื่อให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้ หมู่บ้านได้ถูกสร้างขึ้นและเกิดมีผู้นำขึ้นมา พวกเขายึดถือเอานางสนมเป็นศูนย์รวมของจิตใจ จากนั้นเหตุการณ์ภายในหมู่บ้านดูเหมือนกำลังดำเนินไปด้วยดี ทุกคนยอมรับชะตากรรมและใช้ชีวิตไปอย่างเรียบง่ายเป็นปกติ ถ้าเพียงแต่ในเวลานั้นนางสนมจะไม่มีอีกหนึ่งชีวิตถือกำเนิดขึ้นมาในกายนาง
หญิงสาวผู้อาภัพเกิดมีอารมณ์แปรปรวนเพราะการตั้งครรภ์ นางโศกเศร้าเมื่อรู้ว่ากำลังจะมีลูก อีกทั้งยังเฝ้าคิดถึงองค์เหนือหัว บุรุษยอดรักของนางอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ความระทมทุกข์ทำให้เคืองแค้นกระวนกระวาย ซึ่งหากนางควบคุมอารมณ์แบบนี้ของตัวเองไม่ได้ มันก็จะก่อเกิดเป็นเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นมา ยิ่งฉุนเฉียวกราดเกรี้ยวมากเท่าไหร่ เพลิงก็จะยิ่งลุกไหม้ขึ้นรอบกายนางบ่อยครั้งขึ้นเท่านั้น จนกว่าจะสามารถควบคุมอารมณ์ร้อนแรงของตนเอาไว้ได้ไฟจึงมอดดับลง เปลวเพลิงที่ลุกไหม้ได้เผาทำลาย สร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับชาวบ้านอยู่โดยตลอด ทำให้ในที่สุด พวกเขาจึงจำต้องขอร้องให้นางผู้เคยเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ย้ายไปอยู่ในที่พำนักแห่งใหม่ ซึ่งพวกเขาได้สร้างไว้เพื่อนางเป็นการเฉพาะ สถานที่นั้นอยู่ห่างจากชุมชนออกมา เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟปริศนาจากกายนาง
‘เทพธิดาแห่งไฟ’ เป็นชื่อที่ใช้เรียกขานนางนับจากนั้น เพราะถึงอย่างไร นอกจากเป็นรับสั่งขององค์เหนือหัวแล้ว พวกตนก็ล้วนรักและนับถือนาง ถึงได้ยอมติดตามมาแต่โดยดี นางจึงถูกยกให้อยู่ในฐานะของเทพธิดา ผู้คอยค้ำจุนหมู่บ้านเกิดใหม่และถูกตัดขาดจากโลกภายนอกแห่งนี้ ฉายาที่ถูกตั้งขึ้นก็เพื่อเป็นการแก้เคล็ด อีกทั้งเพื่อให้นางตระหนักถึงสถานะพิเศษที่ตนมี จะได้พยายามควบคุมอารมณ์ความรู้สึกฉุนเฉียวแปรปรวนของตัวเองให้ได้ พวกเขาหวังว่า หากให้นางอยู่ห่างจากชุมชนแล้วก็จะเกิดมีสมาธิ และเมื่อได้พบปะพูดจากับคนอื่นน้อยลง การที่จะมีใครเผลอไปพูดอะไรที่กระทบจิตใจนางเข้าก็จะลดลงด้วยนั่นเอง
หญิงประหลาดก็ตระหนักถึงเหตุผลเหล่านี้ เมื่อจิตใจเริ่มนิ่งสงบลง เปลวเพลิงปริศนารอบกายนางจึงเกิดขึ้นน้อยลง และดูเหมือนว่าสภาพจิตใจของนางจะกลับมาดีขึ้นตามลำดับ จนทุกคนในหมู่บ้านคลายใจ พวกเขาต่างใช้ชีวิตที่นี่อย่างมีความสุขตามอัตภาพ ทำไร่ ไถนา เพาะปลูกกันตามประสา จนกระทั่งถึงวันที่ทารกน้อยในครรภ์ของนางได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก เด็กน้อยเป็นเพศหญิงผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้าน หน้าตาน่ารักน่าชังไม่ต่างจากมารดา
แต่แล้วหลังจากนั้นเพียงไม่นาน โศกนาฏกรรมใหญ่ของหมู่บ้านในสายหมอกก็เกิดขึ้น ไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร อาจเป็นเพราะลูกน้อยที่ถือกำเนิดมาได้กระตุ้นให้นางคิดถึงสวามียอดรัก เพราะนางคิดว่าลูกจะไม่มีโอกาสเห็นหน้าพ่อแน่ ๆ หรืออาจเป็นเพราะอารมณ์แปรปรวนที่มีสาเหตุมาจากภาวะซึมเศร้าหลังคลอด
นางเกรี้ยวกราดและคลุ้มคลั่งจนไม่อาจควบคุมตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไป ความคลุ้มคลั่งคราวนี้รุนแรงมากกว่าทุกครั้ง มันได้จุดประกายไฟติด ๆ กันจนเปลวเพลิงลุกโพลง มีเสียงระเบิดตูมตามดังขึ้น และแล้วตัวของนางก็ติดไฟลุกไหม้คล้ายลูกไฟก้อนใหญ่ พระเพลิงนั้นลุกลามขยายวงกว้างขึ้นจนไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้ ผู้คนในหมู่บ้านจึงต่างพากันแตกตื่นหนีเอาตัวรอดจากเปลวไฟร้อนแรงที่โหมกระหน่ำ จนในที่สุดก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นตรงสถานพำนักท้ายหมู่บ้านที่นางอาศัยอยู่ เปลวเพลิงเผาผลาญอยู่หลายวัน จนกระทั่งพื้นดินตรงนั้นกลายเป็นที่ดินเสื่อมสภาพ เพาะปลูกอะไรไม่ขึ้นอีกเลย เทพธิดาแห่งไฟถูกเปลวเพลิงที่นางสร้างขึ้นเผาผลาญตัวเองจนมอดไหม้ตามไปด้วย ไม่เหลือแม้เถ้าถ่าน มรดกเพียงหนึ่งเดียวของนางก็คือบุตรสาวที่ถูกช่วยเอาไว้ได้ทัน ทารกน้อยถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีในฐานะ ‘เทพธิดาแห่งน้ำ’
และนับจากนั้น ในหมู่บ้านก็ไม่เคยประสบเหตุแบบนั้นอีกเลย ชาวหมู่บ้านอยู่กันอย่างสงบสุขตลอดมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
“นั่นคือเรื่องราวตำนานทั้งหมดที่เกิดขึ้น และสตรีที่พวกเจ้าทั้งสองได้พบเมื่อคืนนี้ก็คือเทพธิดาแห่งน้ำ บุตรสาวของ เทพธิดาแห่งไฟนั่นเอง”
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวพร้อมกับผายมือไปทางสตรีที่นั่งถัดไปทางขวามือของเขา ซึ่งเธอเป็นคนเดียวกันกับผู้หญิงที่คู่หูนักล่าได้พบในคืนที่ผ่านมา เธอผงกศีรษะรับพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ เป็นการทักทาย
ภายใต้แสงจันทร์สุกสกาวที่ว่างดงามแล้ว แต่ภายใต้แสงของดวงตะวันเธอกลับเปล่งประกายเจิดจรัสยิ่งกว่า ซึ่งความงามของเธอนั้นก็ได้ทำให้เมื่อคืนนี้ ทั้งเหลียงฉีและเฟิงอิ่งถึงกับเปลี่ยนแผนการเดินทางออกจากหมู่บ้านอย่างกะทันหันมาแล้ว
“สวัสดีพวกท่านทั้งสอง เราขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ชื่อของเราคือเหม่ยชิง ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ต่อจากนั้นคนทั้งหมดก็เริ่มต้นสนทนากัน คู่หูนักล่าถูกซักถามถึงเรื่องพลัดหลงจนมาถึงที่นี่ได้อย่างไร สภาพของโลกภายนอกที่พวกเขาจากมาและความรู้สึกต่อที่นี่ ซึ่งคนทั้งสองก็ตอบคำถามคล้ายคลึงกับที่ถูกถามก่อนหน้า เพียงแต่เปลี่ยนคนถามจากหัวหน้าหมู่บ้านมาเป็นสตรีผู้ดำรงตำแหน่งเทพธิดาแห่งน้ำเท่านั้น
(ยังไม่จบบทนะคะ)
=พบปะคุณผู้อ่าน=
เนื่องจากทั้งลิและคุณก้องต่างก็มีอาการเจ็บตาด้วยกันทั้งคู่ นิยายเรื่องนี้จึงเขียนได้ช้ามาก ต้องขอโทษคุณ ๆ ที่ตามอ่านด้วยนะคะ
แต่ถึงอย่างไร เราสองคนก็จะพยายามเขียนเรื่องนี้ให้จบแน่นอนค่ะ สัญญา ๆ
เสน่หาอำมหิตตอนที่ 9
ตอนที่ผ่านมา
ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/35511893
ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/35525322
ตอนที่ 3
http://pantip.com/topic/35548846
ตอนที่ 4
http://pantip.com/topic/35745046
ตอนที่ 5
http://pantip.com/topic/35777648
ตอนที่ 6
http://pantip.com/topic/35830253
ตอนที่ 7
https://pantip.com/topic/35889067
ตอนที่ 8
https://pantip.com/topic/35933454
โดย... K. Line
9.
ในกาลก่อนได้มีอิสตรีนางหนึ่งถือกำเนิดขึ้นในแผ่นดินไกลโพ้น นางคือสนมคนโปรดของกษัตริย์ สตรีนางนี้เพียบพร้อมไปด้วยรูปโฉมงดงาม กิริยาท่าทางนุ่มนวลอ่อนช้อยแต่สวยสง่าอยู่ในที อีกทั้งยังเฉลียวฉลาดในการเจรจาจาพาทีแสดงความคิดเห็น รู้จักวางตัวและแสดงออกได้อย่างพอเหมาะ ไม่นิ่งเฉยเสียจนถูกค่อนขอดว่าเป็นหญิงโง่ และไม่สู่รู้จนถูกใครมองว่าอวดฉลาด ใครที่ได้พบปะพูดคุยด้วยล้วนอดนิยมชมชอบในตัวนางไม่ได้
องค์จักรพรรดิเองก็ตกหลุมรักนางทันทีเมื่อแรกเห็น คนทั้งคู่ได้พบกันในคราวที่พระองค์ลอบออกจากวังหลวงเพื่อเฝ้าสังเกตดูทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎร์ และได้พบกับนางเข้าโดยบังเอิญ ซึ่งหลังจากนั้นวังหลวงก็กลายเป็นที่อยู่ใหม่ของนาง
เมื่อแรกเข้าวัง ใครที่ได้พบเจอพูดคุยด้วยต่างก็พากันทึ่งในความงาม และอดเอ็นดูในความเฉลียวฉลาด กับอุปนิสัยนอบน้อมถ่อมตัวของนางไม่ได้ ถึงกับเล่าลือกันว่าหญิงงามผู้นี้มีค่าควรเมือง ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เจ้าผู้ครองแผ่นดินทรงพอพระทัย จึงยิ่งเพิ่มความเสน่หาในตัวนางหญิงชาวบ้านผู้นี้เป็นทบทวีคูณ พระองค์รู้สึกว่ารักนางมากขึ้นทุกวัน เฉกเช่นเดียวกันกับนางที่เทิดทูนและหลงใหลในตัวของกษัตริย์หนุ่ม นับแต่ได้ครอบครองหญิงงาม พระองค์ก็ไม่เสด็จไปยังห้องของมเหสีหรือนางสนมคนใดอีกเลย
แต่เมื่อมีคนรักก็ย่อมมีคนชัง ยิ่งถูกรักโดยเจ้าเหนือหัวด้วยแล้วล่ะก็ คนที่พร้อมจะชังนางย่อมมีมากขึ้นหลายเท่า และนั่นคือจุดพลิกผันชะตาชีวิตในวังหลวงของนางสนมคนโปรดของกษัตริย์ ชะตากรรมแห่งรักระหว่างพระองค์กับหญิงในดวงใจจึงได้เริ่มต้นขึ้น
เมื่อถูกอิจฉา นางจึงเริ่มถูกกลั่นแกล้งจากมเหสีและบรรดานางสนมที่มีใจริษยา เริ่มจากหาเหตุกลั่นแกล้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน แล้วทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นตามลำดับ พวกนางหาเรื่องใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหาว่าทำผิดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำ หรือไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย แม้นางจะพยายามอธิบายความจริง แต่คนหัวเดียวกระเทียมลีบหรือจะสู้กับอิทธิพลในวังได้ เมื่อถูกกลั่นแกล้งบ่อยครั้งเข้านางก็เกิดความเบื่อหน่าย คร้านจะโต้เถียง จึงเลือกที่จะเงียบเสียแทนการโต้ตอบแก้ต่าง นางพูดน้อยลงทุกวัน จนในที่สุดแม้แต่รอยยิ้มสดใสที่เคยมีก็หายไปจากใบหน้านาง
สนมคนโปรดที่เคยสวยสง่าสดใสร่าเริง และมีแววตาที่แสดงออกถึงความเฉลียวฉลาดคนเดิมได้หายไปเสียแล้ว เหลือไว้เพียงหญิงสาวผู้เงียบขรึมซึมเศร้า นางกลายเป็นสนมที่ไม่กล้าออกจากห้องของตนไปไหนในเวลากลางวันอีกเลยเท่านั้น
หลังจากนั้นก็เริ่มมีผู้สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างในวัง
กลางดึกที่สงบเงียบและมืดสลัว ทหารยามที่กำลังยืนประจำการอยู่เห็นหญิงสาวนางหนึ่งเดินเล่นอยู่ในสวน จู่ ๆ ก็เกิดมีเปลวไฟลุกติดขึ้นไล่หลังนางไป จนทหารยามต้องร้องโวยวาย ตะโกนเรียกระดมทหารทั้งหมดให้มาช่วยกันดับไฟ
เหตุระทึกสุดพิสดารนี้ถูกเล่าจากปากต่อปาก และกระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวไฟลามทุ่ง มีใครบางคนบอกว่าหญิงสาวนิรนามในสวนนางนั้น คือนางสนมคนโปรดขององค์จักรพรรดินั่นเอง
เมื่อข่าวประหลาดข่าวแรกถูกกระพือออกไปแล้ว ไม่นานนักข่าวอื่นที่เกี่ยวกับความแปลกพิสดารของนางก็ถูกแพร่สะพัดตามมาอย่างไม่ขาดสาย บ้างก็เล่าว่านางสนมผู้นี้หากไปหยิบจับถูกสิ่งใดเข้า สิ่งนั้นก็จะถูกเผาเป็นจุลในชั่วพริบตา หรือถ้าหากย่างกรายไปทางไหน ต้นไม้ใบหญ้าตามรายทางที่นางผ่านก็จะเหี่ยวเฉาลงทันที เพราะโดนความร้อนของเปลวเพลิงจากภายในกายนาง กระทั่งสุดท้ายก็ลือกันว่านางเป็นภูตผีปีศาจที่ปลอมตัวมาเพื่อล่อลวงองค์จักรพรรดิ
ข่าวลือในทางเลวร้ายที่แพร่สะพัดออกไปทำให้ผู้คนเริ่มคล้อยตาม ต่างพากันเกิดความหวาดกลัวว่านางปีศาจจะนำหายนะมาสู่ราชวงศ์ ถึงแม้ระยะหลังองค์จักรพรรดิจะงดไปเยี่ยมนางที่ห้องเนื่องจากข่าวลือนั้น แต่ด้วยความที่พระองค์เองยังมีใจรักมั่นต่อนางไม่เสื่อมคลาย ดังนั้น จึงทรงลอบเข้าไปหานางในช่วงกลางดึกแทน
แล้วในที่สุดก็มาถึงทางตัน เมื่อข่าวลือร้าย ๆ ได้โหมกระหน่ำนางสนมของกษัตริย์เสียจนเกิดความหวาดกลัวไปทั่วเมือง แม้ที่ผ่านมาองค์จักรพรรดิจะทำเป็นนิ่งเฉยเหมือนทองไม่รู้ร้อน แต่ข่าวลือถึงหญิงอาเพศที่แพร่กระจายไปทุกหย่อมหญ้าก็กำลังจะทำให้อาณาจักรของพระองค์อ่อนแอลง และนั่นเป็นสิ่งที่ยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
แม้ต้องฝืนใจตนเองอย่างสุดกำลัง แต่เพราะหมดสิ้นหนทาง พระองค์จึงจำต้องออกคำสั่งเนรเทศนางอันเป็นที่รักไปเสียจากเมืองทั้งน้ำตา เมื่อวันแห่งการพลัดพรากมาถึง หลังจากพยายามหักห้ามความอาลัยรัก สิ่งที่พอทำได้เพื่อช่วยนางก็คือ ทรงมีรับสั่งให้จัดบริวารและขบวนอารักขาให้ติดตามนางไปด้วย กับทั้งประทานข้าวของเครื่องใช้อีกมากมาย ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความฉงนสนเท่ห์ให้เกิดกับคนทั่วไป ว่าเหตุไฉนคนโดนลงโทษจึงได้รับการปฏิบัติอย่างดีเช่นนี้ ช่างไม่สมกับคนที่ถูกเนรเทศเอาเสียเลย แถมองค์จักรพรรดิยังเสด็จไปส่งขบวนเนรเทศด้วยพระองค์เอง ไกลที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ทรงยืนมองหญิงคนรักเดินทางจากไปจนกระทั่งขบวนลับสายตา ขบวนเนรเทศของหญิงผู้โชคร้ายได้เดินทางไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมายปลายทาง จนในที่สุดก็มาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง ขณะทั้งหมดกำลังเดินทางกันอยู่ จู่ ๆ หมอกก็ลงจัดโดยไม่มีเค้ารางมาก่อน และแล้วขบวนเดินทางก็หายเข้าไปในสายหมอกลึกลับนั้น ซึ่งต่อมาก็ไม่มีใครพบเห็นพวกเขาอีกเลย
แต่แท้ที่จริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นต่างเข้ามาติดอยู่ในดินแดนแห่งสายหมอกนี้เอง เมื่อพากันหาทางออกไปจากดินแดนประหลาดนี้ไม่ได้ ผู้คนในขบวนที่เหลืออยู่จึงต้องช่วยกันประคับประคองชีวิต เพื่อให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้ หมู่บ้านได้ถูกสร้างขึ้นและเกิดมีผู้นำขึ้นมา พวกเขายึดถือเอานางสนมเป็นศูนย์รวมของจิตใจ จากนั้นเหตุการณ์ภายในหมู่บ้านดูเหมือนกำลังดำเนินไปด้วยดี ทุกคนยอมรับชะตากรรมและใช้ชีวิตไปอย่างเรียบง่ายเป็นปกติ ถ้าเพียงแต่ในเวลานั้นนางสนมจะไม่มีอีกหนึ่งชีวิตถือกำเนิดขึ้นมาในกายนาง
หญิงสาวผู้อาภัพเกิดมีอารมณ์แปรปรวนเพราะการตั้งครรภ์ นางโศกเศร้าเมื่อรู้ว่ากำลังจะมีลูก อีกทั้งยังเฝ้าคิดถึงองค์เหนือหัว บุรุษยอดรักของนางอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ความระทมทุกข์ทำให้เคืองแค้นกระวนกระวาย ซึ่งหากนางควบคุมอารมณ์แบบนี้ของตัวเองไม่ได้ มันก็จะก่อเกิดเป็นเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นมา ยิ่งฉุนเฉียวกราดเกรี้ยวมากเท่าไหร่ เพลิงก็จะยิ่งลุกไหม้ขึ้นรอบกายนางบ่อยครั้งขึ้นเท่านั้น จนกว่าจะสามารถควบคุมอารมณ์ร้อนแรงของตนเอาไว้ได้ไฟจึงมอดดับลง เปลวเพลิงที่ลุกไหม้ได้เผาทำลาย สร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับชาวบ้านอยู่โดยตลอด ทำให้ในที่สุด พวกเขาจึงจำต้องขอร้องให้นางผู้เคยเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ย้ายไปอยู่ในที่พำนักแห่งใหม่ ซึ่งพวกเขาได้สร้างไว้เพื่อนางเป็นการเฉพาะ สถานที่นั้นอยู่ห่างจากชุมชนออกมา เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟปริศนาจากกายนาง
‘เทพธิดาแห่งไฟ’ เป็นชื่อที่ใช้เรียกขานนางนับจากนั้น เพราะถึงอย่างไร นอกจากเป็นรับสั่งขององค์เหนือหัวแล้ว พวกตนก็ล้วนรักและนับถือนาง ถึงได้ยอมติดตามมาแต่โดยดี นางจึงถูกยกให้อยู่ในฐานะของเทพธิดา ผู้คอยค้ำจุนหมู่บ้านเกิดใหม่และถูกตัดขาดจากโลกภายนอกแห่งนี้ ฉายาที่ถูกตั้งขึ้นก็เพื่อเป็นการแก้เคล็ด อีกทั้งเพื่อให้นางตระหนักถึงสถานะพิเศษที่ตนมี จะได้พยายามควบคุมอารมณ์ความรู้สึกฉุนเฉียวแปรปรวนของตัวเองให้ได้ พวกเขาหวังว่า หากให้นางอยู่ห่างจากชุมชนแล้วก็จะเกิดมีสมาธิ และเมื่อได้พบปะพูดจากับคนอื่นน้อยลง การที่จะมีใครเผลอไปพูดอะไรที่กระทบจิตใจนางเข้าก็จะลดลงด้วยนั่นเอง
หญิงประหลาดก็ตระหนักถึงเหตุผลเหล่านี้ เมื่อจิตใจเริ่มนิ่งสงบลง เปลวเพลิงปริศนารอบกายนางจึงเกิดขึ้นน้อยลง และดูเหมือนว่าสภาพจิตใจของนางจะกลับมาดีขึ้นตามลำดับ จนทุกคนในหมู่บ้านคลายใจ พวกเขาต่างใช้ชีวิตที่นี่อย่างมีความสุขตามอัตภาพ ทำไร่ ไถนา เพาะปลูกกันตามประสา จนกระทั่งถึงวันที่ทารกน้อยในครรภ์ของนางได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก เด็กน้อยเป็นเพศหญิงผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้าน หน้าตาน่ารักน่าชังไม่ต่างจากมารดา
แต่แล้วหลังจากนั้นเพียงไม่นาน โศกนาฏกรรมใหญ่ของหมู่บ้านในสายหมอกก็เกิดขึ้น ไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร อาจเป็นเพราะลูกน้อยที่ถือกำเนิดมาได้กระตุ้นให้นางคิดถึงสวามียอดรัก เพราะนางคิดว่าลูกจะไม่มีโอกาสเห็นหน้าพ่อแน่ ๆ หรืออาจเป็นเพราะอารมณ์แปรปรวนที่มีสาเหตุมาจากภาวะซึมเศร้าหลังคลอด
นางเกรี้ยวกราดและคลุ้มคลั่งจนไม่อาจควบคุมตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไป ความคลุ้มคลั่งคราวนี้รุนแรงมากกว่าทุกครั้ง มันได้จุดประกายไฟติด ๆ กันจนเปลวเพลิงลุกโพลง มีเสียงระเบิดตูมตามดังขึ้น และแล้วตัวของนางก็ติดไฟลุกไหม้คล้ายลูกไฟก้อนใหญ่ พระเพลิงนั้นลุกลามขยายวงกว้างขึ้นจนไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้ ผู้คนในหมู่บ้านจึงต่างพากันแตกตื่นหนีเอาตัวรอดจากเปลวไฟร้อนแรงที่โหมกระหน่ำ จนในที่สุดก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นตรงสถานพำนักท้ายหมู่บ้านที่นางอาศัยอยู่ เปลวเพลิงเผาผลาญอยู่หลายวัน จนกระทั่งพื้นดินตรงนั้นกลายเป็นที่ดินเสื่อมสภาพ เพาะปลูกอะไรไม่ขึ้นอีกเลย เทพธิดาแห่งไฟถูกเปลวเพลิงที่นางสร้างขึ้นเผาผลาญตัวเองจนมอดไหม้ตามไปด้วย ไม่เหลือแม้เถ้าถ่าน มรดกเพียงหนึ่งเดียวของนางก็คือบุตรสาวที่ถูกช่วยเอาไว้ได้ทัน ทารกน้อยถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีในฐานะ ‘เทพธิดาแห่งน้ำ’
และนับจากนั้น ในหมู่บ้านก็ไม่เคยประสบเหตุแบบนั้นอีกเลย ชาวหมู่บ้านอยู่กันอย่างสงบสุขตลอดมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
“นั่นคือเรื่องราวตำนานทั้งหมดที่เกิดขึ้น และสตรีที่พวกเจ้าทั้งสองได้พบเมื่อคืนนี้ก็คือเทพธิดาแห่งน้ำ บุตรสาวของ เทพธิดาแห่งไฟนั่นเอง”
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวพร้อมกับผายมือไปทางสตรีที่นั่งถัดไปทางขวามือของเขา ซึ่งเธอเป็นคนเดียวกันกับผู้หญิงที่คู่หูนักล่าได้พบในคืนที่ผ่านมา เธอผงกศีรษะรับพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ เป็นการทักทาย
ภายใต้แสงจันทร์สุกสกาวที่ว่างดงามแล้ว แต่ภายใต้แสงของดวงตะวันเธอกลับเปล่งประกายเจิดจรัสยิ่งกว่า ซึ่งความงามของเธอนั้นก็ได้ทำให้เมื่อคืนนี้ ทั้งเหลียงฉีและเฟิงอิ่งถึงกับเปลี่ยนแผนการเดินทางออกจากหมู่บ้านอย่างกะทันหันมาแล้ว
“สวัสดีพวกท่านทั้งสอง เราขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ชื่อของเราคือเหม่ยชิง ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ต่อจากนั้นคนทั้งหมดก็เริ่มต้นสนทนากัน คู่หูนักล่าถูกซักถามถึงเรื่องพลัดหลงจนมาถึงที่นี่ได้อย่างไร สภาพของโลกภายนอกที่พวกเขาจากมาและความรู้สึกต่อที่นี่ ซึ่งคนทั้งสองก็ตอบคำถามคล้ายคลึงกับที่ถูกถามก่อนหน้า เพียงแต่เปลี่ยนคนถามจากหัวหน้าหมู่บ้านมาเป็นสตรีผู้ดำรงตำแหน่งเทพธิดาแห่งน้ำเท่านั้น
(ยังไม่จบบทนะคะ)
=พบปะคุณผู้อ่าน=
เนื่องจากทั้งลิและคุณก้องต่างก็มีอาการเจ็บตาด้วยกันทั้งคู่ นิยายเรื่องนี้จึงเขียนได้ช้ามาก ต้องขอโทษคุณ ๆ ที่ตามอ่านด้วยนะคะ
แต่ถึงอย่างไร เราสองคนก็จะพยายามเขียนเรื่องนี้ให้จบแน่นอนค่ะ สัญญา ๆ