ขอยกตัวอย่างแบบให้เห็นภาพครับ
ทายาทผู้รับมรดก ป่วยทางสุขภาพจิต
มองผิวเผินจะเหมือนคนปกติทั่วไป แต่คนใกล้ชิดจะรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าไม่ปกติเอามากๆ
ทายาทผู้รับมรดกเข้ารับการรักษากับจิตแพทย์ จิตแพทย์วินิจฉัยว่าป่วยจริง
อาการของโรคที่แสดงเด่นชัดมาก คือ
ด้านการใช้เงินฟุ่มเฟือยมากๆ ไร้เหตุผลในการใช้เงิน (เจ้าของมรดกประเมินแล้ว เมื่อถึงเวลาทายาทรับมรดก จะหมดตัวอย่างรวดเร็วแน่ๆ )
ด้านการทำงาน บางเวลาจิตตกทำงานไม่ได้ ไม่ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ ทำงานเล็กๆ ก็พัง ให้โอกาสหลายครั้งก็ยังพังหลายรอบ ดังนั้นงานใหญ่ๆ มูลค่าสูงไม่ต้องพูดถึง (เจ้าของมรดกประเมินแล้ว เมื่อถึงเวลาทายาทรับมรดก ถ้าให้มาดูแลธุรกิจ ธุรกิจพังแน่ๆ ลูกน้องตกงาน)
^
^
อาการที่ยกตัวอย่างมาเป็นเพียงอาการส่วนหนึ่ง
นอกจากนี้ทายาทผู้รับมรดกไม่ค่อยกินยาเพราะไม่ชอบที่กินยาแล้วง่วงซึม
เจ้าของมรดกถามจิตแพทย์ว่าผู้ป่วยจะหายจากอาการดังกล่าวไหม (ผู้ป่วยในที่นี้หมายถึงทายาทผู้รับมรดก)
จิตแพทย์ตอบเจ้าของมรดก ว่า ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของผู้ป่วย และสภาพแวดล้อม ซึ่งอาการของผู้ป่วยอาจจะขึ้นๆ ลงๆ อาจจะหาย หรือไม่หาย หรือกลับมาเป็นซ้ำ (เหมือนเป็นหวัด) ยิ่งไม่กินยาสม่ำเสมอยิ่งหายยาก
เจ้าของมรดกจึงตัดสินใจทำพินัยกรรมแต่งตั้งญาติที่ไว้ใจมาเป็นผู้จัดการมรดก โดยทำหน้าที่หลักๆ ประมาณนี้
บริหารธุรกิจของเจ้าของมรดก
ดูแลให้เงินเป็นรายเดือนกับทายาทตามที่ระบุจำนวนเงินเดือนไว้ + เงินปันผลของธุรกิจให้กับทายาท
รวมถึงเงินตามความจำเป็นที่ทายาทผู้รับมรดกร้องขอ โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการมรดก
ส่วนทายาทผู้รับมรดก เมื่อรู้ว่าโดนจำกัดสิทธิ์ จึงหาทางเป็นเจ้าของมรดกเอง (เพราะคิดไปเองว่าหายป่วยแล้ว) และพยายามยกเลิกผู้จัดการมรดก พยายามหาเรื่องผู้จัดการมรดก
คำถามคือ
1. ผู้จัดการมรดก อยู่ในตำแหน่งได้นานแค่ไหน ถูกปลด หรือ หมดวาระเมื่อเข้าเงื่อนไขอะไรบ้างครับ ลาออกเองได้ไหม แล้วถ้าไม่มีใครมาเป็นผู้จัดการมรดกแทน สิทธิ์ในการดูแลธุรกิจ และมรดกจะตกเป็นของใคร
2. เนื่องจากผู้จัดการมรดกมีอายุมากกว่าทายาทผู้รับมรดก ความเป็นไปได้ที่จะเสียชีวิตก่อนด้วยโรคชราจึงมีสูง ดังนั้นถ้าเมื่อถึงเวลานั้นสถานการณ์จะเป็นอย่างไรครับ
3. ปกติแล้วผู้จัดการมรดกได้เงินเดือนจากเจ้าของมรดกใช่ไหมครับ (เจ้าของมรดกทำพินัยกรรมไว้ว่าจะให้เงินเดือนผู้จัดการมรดกเท่าไหร่)
ขอบคุณครับ
ผู้จัดการมรดก อยู่ในตำแหน่งได้นานแค่ไหน ถูกปลด หรือ หมดวาระเมื่อเข้าเงื่อนไขอะไรบ้างครับ
ทายาทผู้รับมรดก ป่วยทางสุขภาพจิต มองผิวเผินจะเหมือนคนปกติทั่วไป แต่คนใกล้ชิดจะรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าไม่ปกติเอามากๆ
ทายาทผู้รับมรดกเข้ารับการรักษากับจิตแพทย์ จิตแพทย์วินิจฉัยว่าป่วยจริง
อาการของโรคที่แสดงเด่นชัดมาก คือ
ด้านการใช้เงินฟุ่มเฟือยมากๆ ไร้เหตุผลในการใช้เงิน (เจ้าของมรดกประเมินแล้ว เมื่อถึงเวลาทายาทรับมรดก จะหมดตัวอย่างรวดเร็วแน่ๆ )
ด้านการทำงาน บางเวลาจิตตกทำงานไม่ได้ ไม่ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ ทำงานเล็กๆ ก็พัง ให้โอกาสหลายครั้งก็ยังพังหลายรอบ ดังนั้นงานใหญ่ๆ มูลค่าสูงไม่ต้องพูดถึง (เจ้าของมรดกประเมินแล้ว เมื่อถึงเวลาทายาทรับมรดก ถ้าให้มาดูแลธุรกิจ ธุรกิจพังแน่ๆ ลูกน้องตกงาน)
^
^
อาการที่ยกตัวอย่างมาเป็นเพียงอาการส่วนหนึ่ง
นอกจากนี้ทายาทผู้รับมรดกไม่ค่อยกินยาเพราะไม่ชอบที่กินยาแล้วง่วงซึม
เจ้าของมรดกถามจิตแพทย์ว่าผู้ป่วยจะหายจากอาการดังกล่าวไหม (ผู้ป่วยในที่นี้หมายถึงทายาทผู้รับมรดก)
จิตแพทย์ตอบเจ้าของมรดก ว่า ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของผู้ป่วย และสภาพแวดล้อม ซึ่งอาการของผู้ป่วยอาจจะขึ้นๆ ลงๆ อาจจะหาย หรือไม่หาย หรือกลับมาเป็นซ้ำ (เหมือนเป็นหวัด) ยิ่งไม่กินยาสม่ำเสมอยิ่งหายยาก
เจ้าของมรดกจึงตัดสินใจทำพินัยกรรมแต่งตั้งญาติที่ไว้ใจมาเป็นผู้จัดการมรดก โดยทำหน้าที่หลักๆ ประมาณนี้
บริหารธุรกิจของเจ้าของมรดก
ดูแลให้เงินเป็นรายเดือนกับทายาทตามที่ระบุจำนวนเงินเดือนไว้ + เงินปันผลของธุรกิจให้กับทายาท
รวมถึงเงินตามความจำเป็นที่ทายาทผู้รับมรดกร้องขอ โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการมรดก
ส่วนทายาทผู้รับมรดก เมื่อรู้ว่าโดนจำกัดสิทธิ์ จึงหาทางเป็นเจ้าของมรดกเอง (เพราะคิดไปเองว่าหายป่วยแล้ว) และพยายามยกเลิกผู้จัดการมรดก พยายามหาเรื่องผู้จัดการมรดก
คำถามคือ
1. ผู้จัดการมรดก อยู่ในตำแหน่งได้นานแค่ไหน ถูกปลด หรือ หมดวาระเมื่อเข้าเงื่อนไขอะไรบ้างครับ ลาออกเองได้ไหม แล้วถ้าไม่มีใครมาเป็นผู้จัดการมรดกแทน สิทธิ์ในการดูแลธุรกิจ และมรดกจะตกเป็นของใคร
2. เนื่องจากผู้จัดการมรดกมีอายุมากกว่าทายาทผู้รับมรดก ความเป็นไปได้ที่จะเสียชีวิตก่อนด้วยโรคชราจึงมีสูง ดังนั้นถ้าเมื่อถึงเวลานั้นสถานการณ์จะเป็นอย่างไรครับ
3. ปกติแล้วผู้จัดการมรดกได้เงินเดือนจากเจ้าของมรดกใช่ไหมครับ (เจ้าของมรดกทำพินัยกรรมไว้ว่าจะให้เงินเดือนผู้จัดการมรดกเท่าไหร่)
ขอบคุณครับ