วันหยุดกลางฤดูร้อน...วันนี้ก็เหมือนทุกอาทิตย์ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่
ผมใช้เวลาวันหยุดอยู่ในร้านเช่าหนังสือตั้งแต่เที่ยงยันเย็น
ร้านหนังสือดูเหมือนอะไรที่คุ้นเคยกับผมเสมอ ถึงจะเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่ถึงสามเดือน ผมชอบกลิ่นหนังสือ และอ่านทุกตัวอักษร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ชอบหรือไม่ชอบแต่สนใจ
ที่นี่เป็นจังหวัดเล็กๆ ธรรมชาติยังโอบล้อมหายใจได้เต็มปอดชื่นใจ ตัวเมืองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนรักธรรมชาติโหยหาอยากมา แต่ไม่ได้เจริญมากมายนัก คนที่นี่หวงแหนผืนดินและรักในความธรรมดาที่สวยงามของธรรมชาติ จึงยากที่จะขายที่ให้คนนอกหรือนักธุรกิจไปทำให้เจริญหรือแสวงหากอบโกยอะไรจากธรรมชาติ
ผมเลือกมาสอนที่นี่ โรงเรียนที่ห่างไกล เพราะเคยเห็นรายการนึงมาถ่ายทำสารคดีของคนในพื้นที่ แค่ครั้งเดียวที่ได้เห็นที่นี่ ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆผมเคยมาหาแม่ที่นี่ตอนปิดเทอม แม่เคยเป็นครูสอนที่นี่ ผมลาออกจากครูโรงเรียนเอกชนมีชื่อในกรุงเทพเพื่อพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ เพื่อมาหายใจ...ผมบอกตัวเองแบบนั้น ลึกๆแล้วเหมือนผมคิดถึงอะไรสักอย่าง ผมคงคิดถึงแม่...^^
คนที่นี่ใจดี เด็กๆน่ารัก น่ารักแบบตามวัยสมวัย ผมสอนพวกเขาได้สบายใจดีนะ เขาเหมือนผ้าขาวจนผมต้องระวังจะเอาสีจากทัศนะคติของผมไปใส่เขาจนเกินไป เขาควรมีความคิดเป็นของตัวเองและมีครูคอยประคองอบรมสั่งสอน
แบบหวังดี ปรารถนาดี ที่ไม่ใช่แค่ตามหน้าที่แลกเงินเดือน การเป็นครูของผมเป็นเรื่องน่าภูมิใจดูยิ่งใหญ่นะ^^
คงเพราะผมมีแม่เป็นครู และแม่เป็นครูที่ดี แม่รักอาชีพนี้ ผมก็แค่อยากเป็นครูแบบแม่บ้าง
ผมเดินเลือกหนังสือเรื่อยๆ วันนี้ยังไม่มีอะไรอยากอ่าน หยิบวรรณกรรมเยาวชนแปลมาเล่มนึง เผื่อเอาไปเล่าให้เด็กๆฟังได้ ผมถือหนังสือไปส่งให้เธอ เธอน่าจะเป็นเจ้าของร้าน ผมเห็นทุกครั้งที่มา เธอนั่งก้มหน้าก้มตาเขียนๆๆทุกครั้ง ไม่รู้เขียนอะไรลงในสมุดคล้ายไดอารี่ เธอใส่เเว่นรวบผมยาวดำเป็นมวยแล้วเสียบด้วยดินสอไว้ที่ท้ายทอย
เหมือนเดิมเธอรับหนังสือไปจดๆๆชื่อหนังสือลงสมุด ยี่สิบห้าบาทค่ะเธอบอก ผมส่งเงินให้เธอ เธอมองหนังสือเล่มนั้นแล้วเงยหน้ามามองหน้าผม
ผมถอยมาสองก้าว ตกใจว่าทำอะไรผิด
ตาเธอจ้องมาที่ตาผมแบบเอาจริงเอาจัง (ต้องหลบตาเธอมั้ยผมปรึกษาตัวเอง)
ภายในกรอบเเว่นตา ผมเห็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักจมูกเล็กๆรับกับริมฝีปาก
ผิวสองสีไม่ขาวมาก สามเดือนที่มาอยู่ที่นี่ผมเพิ่งเห็นหน้าเธอวันนี้เอง คุณๆ เธอเรียก..."ครับๆ"ผมเรียกสติกลับมา
เล่มนี้ขาดไปสองสามแผ่น ใครฉีกไปไม่รู้ ถ้าคุณอยากอ่านเอาของฉันมั้ย ฉันให้ยืม "ครับ...เอา" ผมตอบไปงั้นๆไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอบว่าอะไร
เธอเปิดตู้ไม้ข้างหลังหยิบหนังสือเรื่องเดียวกันที่เป็นของเธอส่งให้ผม บอกกับผมว่าอ่านดีๆล่ะ ฉันหวงเล่มนี้
ผมขอบคุณเธอแล้วเอาหนังสือมานั่งโต๊ะมุมห้องอีกด้าน วันนี้ผมเลือกนั่งโต๊ะที่มองเห็นเธอ....^^
เหมือนเคย...ผมเปิดหนังสือมาดมกลิ่นหมึกพิมพ์ เหมือนคนโรคจิตเหมือนกันนะนั่งดมหนังสือ แต่แปลก...ที่กลิ่นหนังสือเล่มนี้หอมกลิ่นดอกไม้แห้ง ผมพลิกไปดูเห็นดอกไม้เล็กๆขั้นอยู่หน้านึง ก้านดอกไม้กิ่งเล็กๆมีดอกไม้เล็กๆสีม่วงหลายดอก ผมไม่รู้จักชื่อหรอก แต่ดูแล้วน่ารักดี
พลิกไปอีกหน้ามีกระดาษเหน็บไว้หนึ่งแผ่นตัวหนังสือจากดินสอในกระดาษเขียนว่า.............
ครั้งหนึ่งมีอัศวินหนุ่มในชุดเกราะกำลังเดินเล่นที่ริมธารกับหญิงสาวอันเป็นที่รักของเขา เมื่อสาวเจ้าเห็นดอกไม้ที่ริมธารชูช่อออกดอกสวยงาม ก็เกิดอยากจะได้เจ้าดอกไม้นั้นขึ้นมา ดังนั้นอัศวินหนุ่มจึงอาสาเก็บให้ แต่ก็พลาดท่าเสียหลักลื่นตกลงไปในธารน้ำ ซึ่งชุดเกราะที่หนักหน่วงนั้น ทำให้เขาไม่สามารถว่ายน้ำได้ เขาจึงตัดสินใจโยนดอกไม้นั้นให้เธอ พร้อมกับตะโกนว่า Forget Me Not (อย่าลืมฉัน) และจมหายไป ทำให้หญิงสาวผู้นี้เสียใจเป็นอย่างยิ่ง ดอกไม้ชนิดนี้จึงถูกขนานนามว่า Forget Me Not นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ผมอมยิ้มเมื่ออ่านจบ ดอกไม้นี้คงเป็นดอก Forget Me Not เธอโรแมนติคหรือหลงรักใครอยู่กันนะ ผมแอบมองเธอ เธอยังคงก้มหน้าก้มตาเขียนๆๆอะไรในสมุดเหมือนเดิม ผู้หญิงตัวเล็กใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงชาวเขาตัวโคร่ง เธอดูสบายตาน่ารักดี
สามเดือนที่มานั่งที่นี่ผมไม่เคยสังเกตหรือมองเธอเลย วันนี้...ตั้งแต่ที่เธอจ้องตาผม ผมก็ไม่เคยละสายตาจากเธอ ผมคงอ่านวรรณกรรมอะไรนี่ไม่รู้เรื่องแล้ววันนี้ พลิกๆหน้าต่อไป ที่มุมบนขวามือหน้านึง เขียนข้อความด้วยดินสอว่า "ขอบคุณ" ขอบคุณใครผมเกาหัวแกรกๆ เปิดหน้าถัดไปและถัดไปเรื่อยๆ เธอเขียนว่า "จำฉันได้มั้ย"
"ฉันจำคุณได้เสมอ" ผมเริ่มงงๆ ข้อความพวกนี้เธอเขียนให้ใครกัน
มีผู้ชายคนนึงเปิดประตูร้านเข้ามา เขาผิวสองสีดูหล่อเข้ม คงเป็นแฟนเธอ หรืออาจจะสามีเธอด้วยมั้งดูสนิทสนมถึงเนื้อถึงตัว ผมนึกและพาลหงุดหงิดๆ เดินเอาหนังสือไปคืนเธอ
เธอเงยหน้ามามองผมแล้วถามว่า...อ่านจบแล้วเหรอคะ "ยังครับ"ผมตอบ "พอดีมีธุระ" ผมไม่รู้จะพูดยังไง
แฟนเธอบอกให้ปิดร้านไปหาอะไรกินกัน ไม่มีใครแล้ว เขาหันมาชวนผม
ไปด้วยกันมั้ยครับ ผมยิ้มให้..."ไม่ครับขอบคุณผมไม่ว่าง" เขาเดินไปดึงดินสอในมือเธอให้เลิกเขียน ผมเปิดประตูออกมา ไม่รู้ทำไมอารมณ์เสีย
เย็นนั้นผมกลับมาที่บ้านพักครู ซื้อของใช้ กับข้าว และผลไม้มาหลายอย่างตั้งใจจะไปฝากบ้านข้างๆที่ไม่ไกลจากบ้านพักครูมากนัก
วันแรกที่ผมมา...คุณลุงที่บ้านนั้นเอากับข้าวใส่ปิ่นโตมาให้
ยังไม่มีโอกาสไปขอบคุณคุณลุงเลย
ใกล้เย็นแล้วอากาศเริ่มหนาว ผมกระชับเสื้อแจ๊คเก็ตแขนยาว มายืนอยู่หน้าบ้านคุณลุง พร้อมถุงของกินหลายอย่าง "คุณลุงครับๆ" ผมตะโกนเรียก
ผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา ผู้ชายผิวเข้มที่เจอร้านเช่าหนังสือ แฟนเธอคนนั้นนั่นเองสงสัยเป็นลูกชายลุง เค้ายิ้มให้ สวัสดีครับครู เข้าบ้านก่อนสิเดี๋ยวพ่อก็มาครับไปข้างนอก
ผมเดินเข้าไปนั่งในบ้าน บ้านไม้เรียบๆข้าวของเครื่องใช้คุมโทนน้อยชิ้นดูสะอาดตา รสนิยมผู้ชายคนนี้ดีทีเดียว เขาเอาน้ำมะตูมอุ่นๆมาให้กิน แล้วนั่งคุยด้วย ทำไมครูเลือกมาสอนโรงเรียนไกลๆแบบนี้ครับ ผมรู้มาว่าครูเป็นคนกรุงเทพ
"แม่ผมเคยมาสอนที่นี่ ผมชอบที่นี่" ผมตอบไปแค่นั้น เค้าทำหน้าประหลาดใจ จริงเหรอครับครู ผมเรียนโรงเรียนนี้ตอนเด็กๆนะ แม่ครูชื่ออะไรครับ
"รวิวรรณ" ผมตอบ เค้าลุกขึ้นยืนทำหน้าตาดีอกดีใจ ครูครับครูจำผมได้มั้ย? ผมกร กรไงครับ
ผมนั่งงงๆจำไม่ได้
เค้าดึงมือผมให้ลุกขึ้นแล้วพาไปที่ฝาผนังที่แขวนรูปถ่ายเก่าๆใส่กรอบไว้ พี่ดูนี่ครับ เขาชี้ไปที่รูป ผมเห็นแม่ผมอยู่ในรูป แม่ใส่ชุดครูสีน้ำตาลยังสาวและสวยมากๆ ข้างๆมีผมและเด็กผู้หญิงวัยเดียวกับผมกับเด็กผู้ชายอีกคน ผมเริ่มยิ้ม....กรเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่ชอบตามผมตอนผมมาหาแม่ เค้าเดินตามไปทุกที่ไม่ว่าผมไปไหน กรนั่นเองผมหัวเราะดีใจเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า
มันนานมาก....นานมากจนผมลืมความทรงจำที่นี่ไปเกือบหมดจำได้ว่าเเค่เคยมาตอนอายุประมาณสิบสอง เป็นช่วงปิดเทอมที่พ่อพามาอยู่กับแม่ หลังจากนั้นไม่กี่เดือนแม่ก็ทำเรื่องย้ายกลับไปกรุงเทพเพราะคิดถึงผมกับพ่อ
ดีใจจังครับครู ผมเรียกพี่ได้มั้ย พี่....??
"วินพี่ชื่อวินครับกร" ผมหัวเราะขนาดผมยังจำเค้าไม่ได้ กรตอนนั้นห้าหกขวบจำผมได้เก่งมากๆ พี่วินครับถ้าพี่เกลกับพ่อมาต้องดีใจมากๆแน่ๆทุกคนที่นี่จำพี่วินได้ ผมยิ้มงงๆ คงจำได้เพราะผมเป็นลูกครู ผมนั่งคุยกับกรไปเรื่อยจนเริ่มมืด
เกือบชั่วโมงแล้วคุณลุงกับพี่สาวกรยังไม่มีวี่แววจะกลับมา อากาศที่นี่พอเริ่มมืดจะหนาวผมเริ่มง่วง เลยเอ่ยปากลากร ไว้พี่มาใหม่นะกร
พี่วินอาทิตย์หน้าไปร้านหนังสืออีกมั้ย ผมจะไปหานะ ปิดร้านไปเที่ยวตอนเย็นๆกัน เค้าตะโกนตามหลังมา ผมสะดุดในใจ นึกถึงเจ้าของร้านหนังสือ "แฟนกร....น่ารักสมกันดี" ไม่รู้จะใจเสียทำไมที่นึกว่าเค้าเป็นแฟนกัน เหมือนผมคิดถึงเธอตลอดเวลา ตั้งแต่มองตาเธอวันนั้น
อาทิตย์นึงผ่านไป ผมข้ามถนนที่แยกเดิม หน้าร้านหนังสือ ไม่มีหนังสือในใจที่อยากอ่าน ไม่อยากเจอกร แต่อยากเฉียดไปใกล้ๆร้านเธอ กะว่าจะเดินผ่านไปร้านโปสการ์ดใกล้ๆ บังเอิญเธอเปิดประตูร้านออกมา ผมเลยต้องหยุดทัก "สวัสดีครับ" ทักได้พื้นๆมาก แต่ใจเต้นโครมคราม วันนี้เธอไม่ใส่แว่นเห็นหน้าเธอชัดๆ...น่ารักอ่ะ^^
ไปไหนคะ ไม่อ่านหนังสือเหรอวันนี้
"อ่านครับ" ผมเดินเข้าร้านเธอเฉยเลยทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่เข้า เธอหยิบของในรถแล้วเดินเข้าร้านมา ผมเดินเลือกๆหนังสือไปงั้นๆไม่รู้จะอ่านอะไร จนเธอมาสะกิดข้างหลัง ส่งหนังสือเล่มเดิมที่ผมเคยเช่าอาทิตย์ที่แล้วให้ผม อ่านให้จบค่ะ เธอบอก ผมรับหนังสือไปแล้วไปนั่งที่เดิม ที่ๆผมมองเห็นเธอ ผมชอบเธอๆแน่ๆ ผมรำพึงรำพันอยู่ในใจ
เปิดหนังสือวรรณกรรมเยาวชนเล่มเดิม เจอดอกไม้ที่เหน็บอยู่เหมือนเดิม
กระดาษที่มีเรื่องเล่าเรื่องเดิม ข้อความเดิม "จำฉันได้มั้ย" "ฉันจำคุณได้เสมอ"
มีกระดาษอีกแผ่นเพิ่มมา ผมอ่านมันในนั้นเขียนว่า.........
อัศวินคุณเคยช่วยฉันตอนที่ตกน้ำ แล้วคุณก็ลอยไปกับสายน้ำตอนส่งฉันขึ้นฝั่ง เพราะคุณว่ายน้ำไม่เป็น คุณจำได้มั้ย??
ผมอ่านทวนข้อความนั้นหลายครั้ง เงยหน้าขึ้นไปมองเธอ เธอกำลังมองมาที่ผม ไม่นานนัก เธอก็ลุกมานั่งที่เก้าอี้อีกตัวตรงหน้า
จำฉันได้มั้ย....ลืมฉันแล้ว...เธอตาแดงเหมือนจะร้องไห้ คุณรู้มั้ย....เวลาที่มีใครอยู่ในความทรงจำ ต่อให้นานแค่ไหน คุณจะไม่มีวันลืมเขา ผมจ้องไปที่ดวงตาของเธอ....เกล.....ผมพึมพำเสียงแหบพร่า...เกล......
เธอโผเข้ากอดผม....จำได้แล้วคุณจำได้แล้ว ภาพเก่าๆค่อยๆกระจ่างชัดในหัวผม เด็กผู้หญิงที่เป็นรักแรกของผม
วันนั้นเธอตกน้ำ ผมกระโดดลงไปช่วยเธอทั้งๆที่ว่ายน้ำไม่เป็น ผมส่งเธอถึงฝั่งแล้วลอยไปกับสายน้ำ ได้ยินเสียงเธอร้องเรียกชื่อผมลั่น
เหตุการณ์วันนั้น ผมรอดชีวิตเพราะพ่อของเกลลงไปช่วยผมไว้ทัน ผมขาดอากาศหายใจจนหมอต้องปั้มหัวใจกลับมา เมื่อฟื้นขึ้นมาผมจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้เลย แม่แค่บอกว่าผมจมน้ำ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้แม่ย้ายขึ้นมาสอนที่กรุงเทพ
วันนี้ผมได้ความทรงจำนั้นกลับคืนมาครบ
เกลอยู่ในอ้อมกอดผม รักแรก และจะรักอีกครั้ง ผมจำคุณได้แล้ว เกล จำได้แล้ว ผมจ้องตาเธอ ดวงตาใสๆที่ผมเคยตกหลุมรัก วันนี้ยังเป็นดวงตาดวงเดิม ที่มองผมเหมือนเดิม
ปิดร้านค่ะอัศวิน...เธอบอกผม ไปหาอะไรกินกัน "ไม่รอกรเหรอครับ" ผมถาม หมดเวลาน้องแล้วค่ะ ต่อไปคุณต้องพาเกลไปกินข้าว ไม่มีแฟนมันเหงานะรู้มั้ย เธอพูดแล้วทำหน้าขี้เล่นใส่ผม เหมือนตอนเด็กๆไม่มีผิด
ความทรงจำที่หายไปของผม....ไม่รู้อะไรทำให้กลับมาพบเจอกันอีก
บางครั้งผมอดคิดไม่ได้ว่า...ความรัก...เลือกเรา แล้วเฉพาะเจาะจงว่าเป็นเรา เราถึงวนกลับมาตามหา แม้เป็นภาพฝันเลือนลาง หรืออยู่ในส่วนหวามไหวลึกๆ ที่รู้สึกผูกพันกับใครสักคนอย่างประหลาด
.
.
.
"อย่าลืมฉัน"....เธอกระซิบที่ข้างหูผมในคืนแต่งงานของเรา..................
อย่าลืมฉัน...Forget me not...
ผมใช้เวลาวันหยุดอยู่ในร้านเช่าหนังสือตั้งแต่เที่ยงยันเย็น
ร้านหนังสือดูเหมือนอะไรที่คุ้นเคยกับผมเสมอ ถึงจะเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่ถึงสามเดือน ผมชอบกลิ่นหนังสือ และอ่านทุกตัวอักษร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ชอบหรือไม่ชอบแต่สนใจ
ที่นี่เป็นจังหวัดเล็กๆ ธรรมชาติยังโอบล้อมหายใจได้เต็มปอดชื่นใจ ตัวเมืองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนรักธรรมชาติโหยหาอยากมา แต่ไม่ได้เจริญมากมายนัก คนที่นี่หวงแหนผืนดินและรักในความธรรมดาที่สวยงามของธรรมชาติ จึงยากที่จะขายที่ให้คนนอกหรือนักธุรกิจไปทำให้เจริญหรือแสวงหากอบโกยอะไรจากธรรมชาติ
ผมเลือกมาสอนที่นี่ โรงเรียนที่ห่างไกล เพราะเคยเห็นรายการนึงมาถ่ายทำสารคดีของคนในพื้นที่ แค่ครั้งเดียวที่ได้เห็นที่นี่ ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆผมเคยมาหาแม่ที่นี่ตอนปิดเทอม แม่เคยเป็นครูสอนที่นี่ ผมลาออกจากครูโรงเรียนเอกชนมีชื่อในกรุงเทพเพื่อพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ เพื่อมาหายใจ...ผมบอกตัวเองแบบนั้น ลึกๆแล้วเหมือนผมคิดถึงอะไรสักอย่าง ผมคงคิดถึงแม่...^^
คนที่นี่ใจดี เด็กๆน่ารัก น่ารักแบบตามวัยสมวัย ผมสอนพวกเขาได้สบายใจดีนะ เขาเหมือนผ้าขาวจนผมต้องระวังจะเอาสีจากทัศนะคติของผมไปใส่เขาจนเกินไป เขาควรมีความคิดเป็นของตัวเองและมีครูคอยประคองอบรมสั่งสอน
แบบหวังดี ปรารถนาดี ที่ไม่ใช่แค่ตามหน้าที่แลกเงินเดือน การเป็นครูของผมเป็นเรื่องน่าภูมิใจดูยิ่งใหญ่นะ^^
คงเพราะผมมีแม่เป็นครู และแม่เป็นครูที่ดี แม่รักอาชีพนี้ ผมก็แค่อยากเป็นครูแบบแม่บ้าง
ผมเดินเลือกหนังสือเรื่อยๆ วันนี้ยังไม่มีอะไรอยากอ่าน หยิบวรรณกรรมเยาวชนแปลมาเล่มนึง เผื่อเอาไปเล่าให้เด็กๆฟังได้ ผมถือหนังสือไปส่งให้เธอ เธอน่าจะเป็นเจ้าของร้าน ผมเห็นทุกครั้งที่มา เธอนั่งก้มหน้าก้มตาเขียนๆๆทุกครั้ง ไม่รู้เขียนอะไรลงในสมุดคล้ายไดอารี่ เธอใส่เเว่นรวบผมยาวดำเป็นมวยแล้วเสียบด้วยดินสอไว้ที่ท้ายทอย
เหมือนเดิมเธอรับหนังสือไปจดๆๆชื่อหนังสือลงสมุด ยี่สิบห้าบาทค่ะเธอบอก ผมส่งเงินให้เธอ เธอมองหนังสือเล่มนั้นแล้วเงยหน้ามามองหน้าผม
ผมถอยมาสองก้าว ตกใจว่าทำอะไรผิด
ตาเธอจ้องมาที่ตาผมแบบเอาจริงเอาจัง (ต้องหลบตาเธอมั้ยผมปรึกษาตัวเอง)
ภายในกรอบเเว่นตา ผมเห็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักจมูกเล็กๆรับกับริมฝีปาก
ผิวสองสีไม่ขาวมาก สามเดือนที่มาอยู่ที่นี่ผมเพิ่งเห็นหน้าเธอวันนี้เอง คุณๆ เธอเรียก..."ครับๆ"ผมเรียกสติกลับมา
เล่มนี้ขาดไปสองสามแผ่น ใครฉีกไปไม่รู้ ถ้าคุณอยากอ่านเอาของฉันมั้ย ฉันให้ยืม "ครับ...เอา" ผมตอบไปงั้นๆไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอบว่าอะไร
เธอเปิดตู้ไม้ข้างหลังหยิบหนังสือเรื่องเดียวกันที่เป็นของเธอส่งให้ผม บอกกับผมว่าอ่านดีๆล่ะ ฉันหวงเล่มนี้
ผมขอบคุณเธอแล้วเอาหนังสือมานั่งโต๊ะมุมห้องอีกด้าน วันนี้ผมเลือกนั่งโต๊ะที่มองเห็นเธอ....^^
เหมือนเคย...ผมเปิดหนังสือมาดมกลิ่นหมึกพิมพ์ เหมือนคนโรคจิตเหมือนกันนะนั่งดมหนังสือ แต่แปลก...ที่กลิ่นหนังสือเล่มนี้หอมกลิ่นดอกไม้แห้ง ผมพลิกไปดูเห็นดอกไม้เล็กๆขั้นอยู่หน้านึง ก้านดอกไม้กิ่งเล็กๆมีดอกไม้เล็กๆสีม่วงหลายดอก ผมไม่รู้จักชื่อหรอก แต่ดูแล้วน่ารักดี
พลิกไปอีกหน้ามีกระดาษเหน็บไว้หนึ่งแผ่นตัวหนังสือจากดินสอในกระดาษเขียนว่า.............
ครั้งหนึ่งมีอัศวินหนุ่มในชุดเกราะกำลังเดินเล่นที่ริมธารกับหญิงสาวอันเป็นที่รักของเขา เมื่อสาวเจ้าเห็นดอกไม้ที่ริมธารชูช่อออกดอกสวยงาม ก็เกิดอยากจะได้เจ้าดอกไม้นั้นขึ้นมา ดังนั้นอัศวินหนุ่มจึงอาสาเก็บให้ แต่ก็พลาดท่าเสียหลักลื่นตกลงไปในธารน้ำ ซึ่งชุดเกราะที่หนักหน่วงนั้น ทำให้เขาไม่สามารถว่ายน้ำได้ เขาจึงตัดสินใจโยนดอกไม้นั้นให้เธอ พร้อมกับตะโกนว่า Forget Me Not (อย่าลืมฉัน) และจมหายไป ทำให้หญิงสาวผู้นี้เสียใจเป็นอย่างยิ่ง ดอกไม้ชนิดนี้จึงถูกขนานนามว่า Forget Me Not นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ผมอมยิ้มเมื่ออ่านจบ ดอกไม้นี้คงเป็นดอก Forget Me Not เธอโรแมนติคหรือหลงรักใครอยู่กันนะ ผมแอบมองเธอ เธอยังคงก้มหน้าก้มตาเขียนๆๆอะไรในสมุดเหมือนเดิม ผู้หญิงตัวเล็กใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงชาวเขาตัวโคร่ง เธอดูสบายตาน่ารักดี
สามเดือนที่มานั่งที่นี่ผมไม่เคยสังเกตหรือมองเธอเลย วันนี้...ตั้งแต่ที่เธอจ้องตาผม ผมก็ไม่เคยละสายตาจากเธอ ผมคงอ่านวรรณกรรมอะไรนี่ไม่รู้เรื่องแล้ววันนี้ พลิกๆหน้าต่อไป ที่มุมบนขวามือหน้านึง เขียนข้อความด้วยดินสอว่า "ขอบคุณ" ขอบคุณใครผมเกาหัวแกรกๆ เปิดหน้าถัดไปและถัดไปเรื่อยๆ เธอเขียนว่า "จำฉันได้มั้ย"
"ฉันจำคุณได้เสมอ" ผมเริ่มงงๆ ข้อความพวกนี้เธอเขียนให้ใครกัน
มีผู้ชายคนนึงเปิดประตูร้านเข้ามา เขาผิวสองสีดูหล่อเข้ม คงเป็นแฟนเธอ หรืออาจจะสามีเธอด้วยมั้งดูสนิทสนมถึงเนื้อถึงตัว ผมนึกและพาลหงุดหงิดๆ เดินเอาหนังสือไปคืนเธอ
เธอเงยหน้ามามองผมแล้วถามว่า...อ่านจบแล้วเหรอคะ "ยังครับ"ผมตอบ "พอดีมีธุระ" ผมไม่รู้จะพูดยังไง
แฟนเธอบอกให้ปิดร้านไปหาอะไรกินกัน ไม่มีใครแล้ว เขาหันมาชวนผม
ไปด้วยกันมั้ยครับ ผมยิ้มให้..."ไม่ครับขอบคุณผมไม่ว่าง" เขาเดินไปดึงดินสอในมือเธอให้เลิกเขียน ผมเปิดประตูออกมา ไม่รู้ทำไมอารมณ์เสีย
เย็นนั้นผมกลับมาที่บ้านพักครู ซื้อของใช้ กับข้าว และผลไม้มาหลายอย่างตั้งใจจะไปฝากบ้านข้างๆที่ไม่ไกลจากบ้านพักครูมากนัก
วันแรกที่ผมมา...คุณลุงที่บ้านนั้นเอากับข้าวใส่ปิ่นโตมาให้
ยังไม่มีโอกาสไปขอบคุณคุณลุงเลย
ใกล้เย็นแล้วอากาศเริ่มหนาว ผมกระชับเสื้อแจ๊คเก็ตแขนยาว มายืนอยู่หน้าบ้านคุณลุง พร้อมถุงของกินหลายอย่าง "คุณลุงครับๆ" ผมตะโกนเรียก
ผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา ผู้ชายผิวเข้มที่เจอร้านเช่าหนังสือ แฟนเธอคนนั้นนั่นเองสงสัยเป็นลูกชายลุง เค้ายิ้มให้ สวัสดีครับครู เข้าบ้านก่อนสิเดี๋ยวพ่อก็มาครับไปข้างนอก
ผมเดินเข้าไปนั่งในบ้าน บ้านไม้เรียบๆข้าวของเครื่องใช้คุมโทนน้อยชิ้นดูสะอาดตา รสนิยมผู้ชายคนนี้ดีทีเดียว เขาเอาน้ำมะตูมอุ่นๆมาให้กิน แล้วนั่งคุยด้วย ทำไมครูเลือกมาสอนโรงเรียนไกลๆแบบนี้ครับ ผมรู้มาว่าครูเป็นคนกรุงเทพ
"แม่ผมเคยมาสอนที่นี่ ผมชอบที่นี่" ผมตอบไปแค่นั้น เค้าทำหน้าประหลาดใจ จริงเหรอครับครู ผมเรียนโรงเรียนนี้ตอนเด็กๆนะ แม่ครูชื่ออะไรครับ
"รวิวรรณ" ผมตอบ เค้าลุกขึ้นยืนทำหน้าตาดีอกดีใจ ครูครับครูจำผมได้มั้ย? ผมกร กรไงครับ
ผมนั่งงงๆจำไม่ได้
เค้าดึงมือผมให้ลุกขึ้นแล้วพาไปที่ฝาผนังที่แขวนรูปถ่ายเก่าๆใส่กรอบไว้ พี่ดูนี่ครับ เขาชี้ไปที่รูป ผมเห็นแม่ผมอยู่ในรูป แม่ใส่ชุดครูสีน้ำตาลยังสาวและสวยมากๆ ข้างๆมีผมและเด็กผู้หญิงวัยเดียวกับผมกับเด็กผู้ชายอีกคน ผมเริ่มยิ้ม....กรเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่ชอบตามผมตอนผมมาหาแม่ เค้าเดินตามไปทุกที่ไม่ว่าผมไปไหน กรนั่นเองผมหัวเราะดีใจเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า
มันนานมาก....นานมากจนผมลืมความทรงจำที่นี่ไปเกือบหมดจำได้ว่าเเค่เคยมาตอนอายุประมาณสิบสอง เป็นช่วงปิดเทอมที่พ่อพามาอยู่กับแม่ หลังจากนั้นไม่กี่เดือนแม่ก็ทำเรื่องย้ายกลับไปกรุงเทพเพราะคิดถึงผมกับพ่อ
ดีใจจังครับครู ผมเรียกพี่ได้มั้ย พี่....??
"วินพี่ชื่อวินครับกร" ผมหัวเราะขนาดผมยังจำเค้าไม่ได้ กรตอนนั้นห้าหกขวบจำผมได้เก่งมากๆ พี่วินครับถ้าพี่เกลกับพ่อมาต้องดีใจมากๆแน่ๆทุกคนที่นี่จำพี่วินได้ ผมยิ้มงงๆ คงจำได้เพราะผมเป็นลูกครู ผมนั่งคุยกับกรไปเรื่อยจนเริ่มมืด
เกือบชั่วโมงแล้วคุณลุงกับพี่สาวกรยังไม่มีวี่แววจะกลับมา อากาศที่นี่พอเริ่มมืดจะหนาวผมเริ่มง่วง เลยเอ่ยปากลากร ไว้พี่มาใหม่นะกร
พี่วินอาทิตย์หน้าไปร้านหนังสืออีกมั้ย ผมจะไปหานะ ปิดร้านไปเที่ยวตอนเย็นๆกัน เค้าตะโกนตามหลังมา ผมสะดุดในใจ นึกถึงเจ้าของร้านหนังสือ "แฟนกร....น่ารักสมกันดี" ไม่รู้จะใจเสียทำไมที่นึกว่าเค้าเป็นแฟนกัน เหมือนผมคิดถึงเธอตลอดเวลา ตั้งแต่มองตาเธอวันนั้น
อาทิตย์นึงผ่านไป ผมข้ามถนนที่แยกเดิม หน้าร้านหนังสือ ไม่มีหนังสือในใจที่อยากอ่าน ไม่อยากเจอกร แต่อยากเฉียดไปใกล้ๆร้านเธอ กะว่าจะเดินผ่านไปร้านโปสการ์ดใกล้ๆ บังเอิญเธอเปิดประตูร้านออกมา ผมเลยต้องหยุดทัก "สวัสดีครับ" ทักได้พื้นๆมาก แต่ใจเต้นโครมคราม วันนี้เธอไม่ใส่แว่นเห็นหน้าเธอชัดๆ...น่ารักอ่ะ^^
ไปไหนคะ ไม่อ่านหนังสือเหรอวันนี้
"อ่านครับ" ผมเดินเข้าร้านเธอเฉยเลยทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่เข้า เธอหยิบของในรถแล้วเดินเข้าร้านมา ผมเดินเลือกๆหนังสือไปงั้นๆไม่รู้จะอ่านอะไร จนเธอมาสะกิดข้างหลัง ส่งหนังสือเล่มเดิมที่ผมเคยเช่าอาทิตย์ที่แล้วให้ผม อ่านให้จบค่ะ เธอบอก ผมรับหนังสือไปแล้วไปนั่งที่เดิม ที่ๆผมมองเห็นเธอ ผมชอบเธอๆแน่ๆ ผมรำพึงรำพันอยู่ในใจ
เปิดหนังสือวรรณกรรมเยาวชนเล่มเดิม เจอดอกไม้ที่เหน็บอยู่เหมือนเดิม
กระดาษที่มีเรื่องเล่าเรื่องเดิม ข้อความเดิม "จำฉันได้มั้ย" "ฉันจำคุณได้เสมอ"
มีกระดาษอีกแผ่นเพิ่มมา ผมอ่านมันในนั้นเขียนว่า.........
อัศวินคุณเคยช่วยฉันตอนที่ตกน้ำ แล้วคุณก็ลอยไปกับสายน้ำตอนส่งฉันขึ้นฝั่ง เพราะคุณว่ายน้ำไม่เป็น คุณจำได้มั้ย??
ผมอ่านทวนข้อความนั้นหลายครั้ง เงยหน้าขึ้นไปมองเธอ เธอกำลังมองมาที่ผม ไม่นานนัก เธอก็ลุกมานั่งที่เก้าอี้อีกตัวตรงหน้า
จำฉันได้มั้ย....ลืมฉันแล้ว...เธอตาแดงเหมือนจะร้องไห้ คุณรู้มั้ย....เวลาที่มีใครอยู่ในความทรงจำ ต่อให้นานแค่ไหน คุณจะไม่มีวันลืมเขา ผมจ้องไปที่ดวงตาของเธอ....เกล.....ผมพึมพำเสียงแหบพร่า...เกล......
เธอโผเข้ากอดผม....จำได้แล้วคุณจำได้แล้ว ภาพเก่าๆค่อยๆกระจ่างชัดในหัวผม เด็กผู้หญิงที่เป็นรักแรกของผม
วันนั้นเธอตกน้ำ ผมกระโดดลงไปช่วยเธอทั้งๆที่ว่ายน้ำไม่เป็น ผมส่งเธอถึงฝั่งแล้วลอยไปกับสายน้ำ ได้ยินเสียงเธอร้องเรียกชื่อผมลั่น
เหตุการณ์วันนั้น ผมรอดชีวิตเพราะพ่อของเกลลงไปช่วยผมไว้ทัน ผมขาดอากาศหายใจจนหมอต้องปั้มหัวใจกลับมา เมื่อฟื้นขึ้นมาผมจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้เลย แม่แค่บอกว่าผมจมน้ำ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้แม่ย้ายขึ้นมาสอนที่กรุงเทพ
วันนี้ผมได้ความทรงจำนั้นกลับคืนมาครบ
เกลอยู่ในอ้อมกอดผม รักแรก และจะรักอีกครั้ง ผมจำคุณได้แล้ว เกล จำได้แล้ว ผมจ้องตาเธอ ดวงตาใสๆที่ผมเคยตกหลุมรัก วันนี้ยังเป็นดวงตาดวงเดิม ที่มองผมเหมือนเดิม
ปิดร้านค่ะอัศวิน...เธอบอกผม ไปหาอะไรกินกัน "ไม่รอกรเหรอครับ" ผมถาม หมดเวลาน้องแล้วค่ะ ต่อไปคุณต้องพาเกลไปกินข้าว ไม่มีแฟนมันเหงานะรู้มั้ย เธอพูดแล้วทำหน้าขี้เล่นใส่ผม เหมือนตอนเด็กๆไม่มีผิด
ความทรงจำที่หายไปของผม....ไม่รู้อะไรทำให้กลับมาพบเจอกันอีก
บางครั้งผมอดคิดไม่ได้ว่า...ความรัก...เลือกเรา แล้วเฉพาะเจาะจงว่าเป็นเรา เราถึงวนกลับมาตามหา แม้เป็นภาพฝันเลือนลาง หรืออยู่ในส่วนหวามไหวลึกๆ ที่รู้สึกผูกพันกับใครสักคนอย่างประหลาด
.
.
.
"อย่าลืมฉัน"....เธอกระซิบที่ข้างหูผมในคืนแต่งงานของเรา..................