ย้อนไปอ่าน
- บทนำ
https://pantip.com/topic/36171766
- ตอนที่ 1
https://pantip.com/topic/36183366
- ตอนที่ 2
https://pantip.com/topic/36188232
- ตอนที่ 3
https://pantip.com/topic/36193318
ตอน สวัสดิการพนักงาน
เมื่อทั้งสองสาวมาถึงวัดก็เลยเวลาหกโมงเย็นไปแล้ว เพราะต้องแวะไปเก็บเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นสำหรับการไปเฝ้าไข้คุณย่ามณเฑียรที่โรงพยาบาล และเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดดำที่บ้านจ๋ายก่อน บุ้งก็พลอยได้เปลี่ยนไปด้วย เพราะทั้งสองคนรูปร่างพอ ๆ กัน จึงใส่ของกันและกันได้ ระหว่างทางก็ต้องฟันฝ่ากับการจราจรบนท้องถนนในเมืองกรุงที่ติดขัดอย่างแสนสาหัสสำหรับชั่วโมงที่เด็กนักเรียนเลิกเรียน และคนทำงานก็เลิกงานเช่นนี้กว่าจะถึงวัดได้ เล่นเอาท่องขันติจนขันเกือบแตกเสียแล้ว พอรถแล่นเข้ามาจอดใกล้กับศาลาที่ไว้ศพของพี่สาวก็ต้องตกใจกับความอลังการ ของการตกแต่งศาลาที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลายชนิด แต่เลือกใช้เฉพาะสีขาวตั้งแต่ทางเดินเข้าศาลาก็มีแท่นตั้งช่อบูเก้ที่เอา ดอกไม้สีขาวมาจัดเป็นช่อไว้อย่างสวยงามลงตัวแล้วผูกมัดช่อด้วยริบบิ้นสีดำ ตกแต่งไว้ตลอดสองข้างทางเดิน เข้าไปในศาลาก็พบดอกไม้สีขาวที่พันอยู่รอบเสาทุกต้นและตกแต่งด้วยริบบิ้นสีดำเช่นกัน โดยเฉพาะที่ตั้งโลงศพและแท่นวางรูปพี่สาวของเธอ จัดพุ่มดอกไม้ขาวแซมใบไม้สีเขียว เป็นพุ่มขนาดใหญ่น้อยตามความเหมาะสมได้อย่างสวยงามลงตัวดั่งมืออาชีพ ไม่น่าเชื่อว่าพี่ชายของเพื่อนที่ให้ล่วงหน้ามาเตรียมการก่อน จะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้
"จ๋ายมารดน้ำจุ๋ยได้แล้ว เดี๋ยวจะได้บรรจุศพกัน" ทั้งคู่ยืนตะลึงในความงามของการตกแต่งสถานที่ได้ไม่นาน อาชาก็เดินมาตามให้ไปรดน้ำศพจะได้ทำการบรรจุศพใส่โลงไม้อย่างดีที่เตรียมไว้ เพราะแขกที่มาก่อนได้ทยอยรดน้ำไปจนเกือบหมดแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนร่วมงานจากบริษัทผลิตและส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่สองพี่น้องทำงานอยู่นั่นเอง ถึงแม้จะแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เห็นจำนวนคนในงานค่อนข้างเยอะ เพราะนี่เป็นวันแรกซึ่งเธอเองยังไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับการตายของพี่สาวเธอไปมากนัก เพียงแต่โทรไปแจ้งกับหัวหน้าฝ่ายออกแบบ ซึ่งเป็นหัวหน้างานของตนเพื่อจะขอลางานต่อเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ได้สอบถามอะไรใคร ได้แต่คิดเองว่าก็คงเป็นเพราะหัวหน้างานของเธอนั่นแหละที่ช่วยกระจายข่าว การตายของพี่สาวเธอออกไป เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาก็เคยเห็นหน้ากันที่บริษัท เพียงแต่ไม่คิดว่าจะมากันได้เยอะขนาดนี้ แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาได้เหมือนกันนะ อย่างน้อยเธอก็ไม้ได้รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างคนหัวเดียวกระเทียมลีบละน่ะ
หลังจากแขกทยอยกลับกันหมดแล้ว จรีภรณ์จึงเดินเข้าไปหาอาชา เพื่อจะกล่าวขอบคุณและชื่นชมการจัดงานทั้งหมด ทั้งการตกแต่งสถานที่ ขั้นตอนพิธีการ เตรียมอาหารว่าง หาพนักงานมาเสิร์ฟน้ำให้แขกเสร็จสรรพ แล้วแถมยังมีของชำร่วยให้แขกได้ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปอีก หากเป็นเธอจัดการแล้วละก็งานคงไม่ออกมาสมบูรณ์ขนาดนี้ แต่จะว่าสมบูรณ์ก็คงไม่ใช่ ขนาดนี้ต้องเรียกว่าเลิศเลยต่างหาก
"พี่บิ๊ก มาให้น้องกราบงาม ๆ สักสามทีสิ จัดงานได้อลังฯ มากพี่ นับว่าไม่เสียแรงจริง ๆ ที่น้องส่งตัวให้มาจัดการทางนี้ก่อน" คำพูดที่มาก่อนตัวทำให้อาชาต้องหันมาหาต้นกำเนิดของเสียง เพื่อจะถามบางอย่างเช่นกัน หากแต่ว่าอารดาวิ่งเข้ามาขวางไว้เสียก่อน
"ไอ้จ๋าย เรารีบกลับไปที่โรงพยาบาลกันดีกว่า เมื่อกี้คุณพยาบาลโทรมาบอกว่าย่าแกออกจากห้องไอซียูแล้วนะ พอดีแกยุ่งส่งแขกอยู่ ฉันเลยรับโทรศัพท์ให้" อารดาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ตอนนี้เหมือนพระอาทิตย์เริ่มส่องแสง หลังจากขี้เกียจทำงานมานาน จนทำให้โลกของหญิงสาวตัวเล็กดูมืดหม่นอยู่นาน เพื่อนรักสองคนกระโดดกอดกันด้วยความดีใจ
"ไปไอ้บุ้ง ไปหาย่ากัน" หญิงสาวดันตัวเพื่อนออกห่างเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนจากกอดมาดึงมือพากันไปที่รถทันที "พี่บิ๊ก วันนี้จ๋ายขอบคุณมากนะคะ" สาวน้อยวิ่งอยู่ก็ยังไม่วายจะหันมาขอบคุณชายหนุ่มที่อ้าปากค้าง เพราะรอจะถามคนตัวเล็กแต่ไม่ทันได้ถามก็โดนน้องสาวแท้ ๆ ของตนเองมาฉกเธอไปต่อหน้าต่อตา จึงได้แต่ยิ้มดีใจกับเธอด้วย และตะโกนกำชับน้องสาวอย่าขับรถเร็วมากนัก ก่อนที่ตนเองจะเข้าไปดูความเรียบร้อยในศาลาก่อนจะกลับบ้าน
เมื่อสองสาวมาถึงโรงพยาบาล ก็ได้รับการแจ้งจากพยาบาลว่าได้ย้ายคุณย่าไปไว้ที่ห้องพักพิเศษเรียบร้อยแล้ว
"ห้องพิเศษ!" ฟังจากระดับเสียงใส ๆ ที่ดังของคนตัวเล็กแล้ว ประเมินได้ว่าอยู่ในขั้นตกใจมากถึงมากที่สุด "หะ..ห้องพิเศษเลยเหรอคะ" ในหัวของจรีภรณ์ตอนนี้มีตัวเลข จำนวนเงินค่าใช้จ่ายลอยเต็มไปหมด 'แม่เจ้า แล้วไอ้จ๋ายจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายให้โรงพยาบาลหว่า ก็นี่มันโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อเสียง ที่เลือกมาที่นี่เพราะมันอยู่ใกล้บ้าน และตอนนั้นมันก็ฉุกเฉินมากด้วย
"ค่ะ ห้องพิเศษ"
"คุณพยาบาลคะ ขอเปลี่ยนเป็นห้องธรรมดาได้ไหมคะ" ถามสวนกลับไปแบบแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดให้มากมายเลย
"...." >_< นางพยาบาลรุ่นแม่กระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ
"พอดีหนูไม่ค่อยมีตังค์น่ะค่ะ ว่าจะทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลแล้วด้วยซ้ำ" จรีภรณ์อธิบายถึงข้อเท็จจริง
"ถ้าเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ก็มีคนมาจัดการให้แล้วนี่คะ รู้สึกว่าจะเป็นตัวแทนจากบริษัทที่คุณทำงานอยู่มาจัดการให้นะคะ ยังไงลองไปถามทางฝ่ายการเงินดูสิคะ"
"...." คราวนี้กลับเป็นหญิงสาวตัวเล็กเองที่อึ้งแทน
"บริษัทไอ้จ๋ายน่ะเหรอคะ ที่เข้ามาเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้" เป็นอารดาเองที่ถามย้ำแทนแบบไม่อยากเชื่อหู
"ใช่ค่ะ เห็นว่าเคลียร์ค่าใช้จ่ายส่วนแรกไปแล้วนะคะ แล้วก็เป็นคนระบุให้เราย้ายผู้ป่วยเข้าห้องพักแบบพิเศษค่ะ" พยาบาลบอกไปตามที่ได้รับทราบข้อมูลมา ก่อนที่จะเดินไปทำงานต่อ
"โห! ไอ้จ๋าย สวัสดิการพนักงานของบริษัทแกมันสุดยอดเลยว่ะ ฉันขอเข้าไปทำมั่ง เขาจะรับฉันไหมวะแก" อารดาแกล้งเย้าเพื่อนให้ได้สติหลังจากที่ยืนนิ่งไม่หายอึ้งเสียที
"เออ ฉันก็เพิ่งรู้ว่ะ ว่าสวัสดิการมันดีขนาดนี้" คนตัวเล็กเหมือนจะค่อย ๆ ลดอาการอึ้งลง เพราะดูจากที่เธอค่อย ๆ หันหน้ามาหาเพื่อน เหมือนทำภาพสโลวโมชั่นแล้วมองหน้าเพื่อนนิ่งอยู่แป๊บหนึ่ง "ปะ..ไอ้บุ้ง ลองไปถามที่ห้องการเงินให้มันชัวร์กันดีกว่า ไป.." คนตัวเล็กรีบดึงแขนเพื่อนรักไปตามทิศทางของห้องการเงินทันที
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เล่ห์รัก (กับดัก) จอมเผด็จการ ตอนที่ 4
- บทนำ https://pantip.com/topic/36171766
- ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/36183366
- ตอนที่ 2 https://pantip.com/topic/36188232
- ตอนที่ 3 https://pantip.com/topic/36193318
ตอน สวัสดิการพนักงาน
เมื่อทั้งสองสาวมาถึงวัดก็เลยเวลาหกโมงเย็นไปแล้ว เพราะต้องแวะไปเก็บเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นสำหรับการไปเฝ้าไข้คุณย่ามณเฑียรที่โรงพยาบาล และเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดดำที่บ้านจ๋ายก่อน บุ้งก็พลอยได้เปลี่ยนไปด้วย เพราะทั้งสองคนรูปร่างพอ ๆ กัน จึงใส่ของกันและกันได้ ระหว่างทางก็ต้องฟันฝ่ากับการจราจรบนท้องถนนในเมืองกรุงที่ติดขัดอย่างแสนสาหัสสำหรับชั่วโมงที่เด็กนักเรียนเลิกเรียน และคนทำงานก็เลิกงานเช่นนี้กว่าจะถึงวัดได้ เล่นเอาท่องขันติจนขันเกือบแตกเสียแล้ว พอรถแล่นเข้ามาจอดใกล้กับศาลาที่ไว้ศพของพี่สาวก็ต้องตกใจกับความอลังการ ของการตกแต่งศาลาที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลายชนิด แต่เลือกใช้เฉพาะสีขาวตั้งแต่ทางเดินเข้าศาลาก็มีแท่นตั้งช่อบูเก้ที่เอา ดอกไม้สีขาวมาจัดเป็นช่อไว้อย่างสวยงามลงตัวแล้วผูกมัดช่อด้วยริบบิ้นสีดำ ตกแต่งไว้ตลอดสองข้างทางเดิน เข้าไปในศาลาก็พบดอกไม้สีขาวที่พันอยู่รอบเสาทุกต้นและตกแต่งด้วยริบบิ้นสีดำเช่นกัน โดยเฉพาะที่ตั้งโลงศพและแท่นวางรูปพี่สาวของเธอ จัดพุ่มดอกไม้ขาวแซมใบไม้สีเขียว เป็นพุ่มขนาดใหญ่น้อยตามความเหมาะสมได้อย่างสวยงามลงตัวดั่งมืออาชีพ ไม่น่าเชื่อว่าพี่ชายของเพื่อนที่ให้ล่วงหน้ามาเตรียมการก่อน จะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้
"จ๋ายมารดน้ำจุ๋ยได้แล้ว เดี๋ยวจะได้บรรจุศพกัน" ทั้งคู่ยืนตะลึงในความงามของการตกแต่งสถานที่ได้ไม่นาน อาชาก็เดินมาตามให้ไปรดน้ำศพจะได้ทำการบรรจุศพใส่โลงไม้อย่างดีที่เตรียมไว้ เพราะแขกที่มาก่อนได้ทยอยรดน้ำไปจนเกือบหมดแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนร่วมงานจากบริษัทผลิตและส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่สองพี่น้องทำงานอยู่นั่นเอง ถึงแม้จะแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เห็นจำนวนคนในงานค่อนข้างเยอะ เพราะนี่เป็นวันแรกซึ่งเธอเองยังไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับการตายของพี่สาวเธอไปมากนัก เพียงแต่โทรไปแจ้งกับหัวหน้าฝ่ายออกแบบ ซึ่งเป็นหัวหน้างานของตนเพื่อจะขอลางานต่อเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ได้สอบถามอะไรใคร ได้แต่คิดเองว่าก็คงเป็นเพราะหัวหน้างานของเธอนั่นแหละที่ช่วยกระจายข่าว การตายของพี่สาวเธอออกไป เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาก็เคยเห็นหน้ากันที่บริษัท เพียงแต่ไม่คิดว่าจะมากันได้เยอะขนาดนี้ แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาได้เหมือนกันนะ อย่างน้อยเธอก็ไม้ได้รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างคนหัวเดียวกระเทียมลีบละน่ะ
หลังจากแขกทยอยกลับกันหมดแล้ว จรีภรณ์จึงเดินเข้าไปหาอาชา เพื่อจะกล่าวขอบคุณและชื่นชมการจัดงานทั้งหมด ทั้งการตกแต่งสถานที่ ขั้นตอนพิธีการ เตรียมอาหารว่าง หาพนักงานมาเสิร์ฟน้ำให้แขกเสร็จสรรพ แล้วแถมยังมีของชำร่วยให้แขกได้ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปอีก หากเป็นเธอจัดการแล้วละก็งานคงไม่ออกมาสมบูรณ์ขนาดนี้ แต่จะว่าสมบูรณ์ก็คงไม่ใช่ ขนาดนี้ต้องเรียกว่าเลิศเลยต่างหาก
"พี่บิ๊ก มาให้น้องกราบงาม ๆ สักสามทีสิ จัดงานได้อลังฯ มากพี่ นับว่าไม่เสียแรงจริง ๆ ที่น้องส่งตัวให้มาจัดการทางนี้ก่อน" คำพูดที่มาก่อนตัวทำให้อาชาต้องหันมาหาต้นกำเนิดของเสียง เพื่อจะถามบางอย่างเช่นกัน หากแต่ว่าอารดาวิ่งเข้ามาขวางไว้เสียก่อน
"ไอ้จ๋าย เรารีบกลับไปที่โรงพยาบาลกันดีกว่า เมื่อกี้คุณพยาบาลโทรมาบอกว่าย่าแกออกจากห้องไอซียูแล้วนะ พอดีแกยุ่งส่งแขกอยู่ ฉันเลยรับโทรศัพท์ให้" อารดาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ตอนนี้เหมือนพระอาทิตย์เริ่มส่องแสง หลังจากขี้เกียจทำงานมานาน จนทำให้โลกของหญิงสาวตัวเล็กดูมืดหม่นอยู่นาน เพื่อนรักสองคนกระโดดกอดกันด้วยความดีใจ
"ไปไอ้บุ้ง ไปหาย่ากัน" หญิงสาวดันตัวเพื่อนออกห่างเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนจากกอดมาดึงมือพากันไปที่รถทันที "พี่บิ๊ก วันนี้จ๋ายขอบคุณมากนะคะ" สาวน้อยวิ่งอยู่ก็ยังไม่วายจะหันมาขอบคุณชายหนุ่มที่อ้าปากค้าง เพราะรอจะถามคนตัวเล็กแต่ไม่ทันได้ถามก็โดนน้องสาวแท้ ๆ ของตนเองมาฉกเธอไปต่อหน้าต่อตา จึงได้แต่ยิ้มดีใจกับเธอด้วย และตะโกนกำชับน้องสาวอย่าขับรถเร็วมากนัก ก่อนที่ตนเองจะเข้าไปดูความเรียบร้อยในศาลาก่อนจะกลับบ้าน
เมื่อสองสาวมาถึงโรงพยาบาล ก็ได้รับการแจ้งจากพยาบาลว่าได้ย้ายคุณย่าไปไว้ที่ห้องพักพิเศษเรียบร้อยแล้ว
"ห้องพิเศษ!" ฟังจากระดับเสียงใส ๆ ที่ดังของคนตัวเล็กแล้ว ประเมินได้ว่าอยู่ในขั้นตกใจมากถึงมากที่สุด "หะ..ห้องพิเศษเลยเหรอคะ" ในหัวของจรีภรณ์ตอนนี้มีตัวเลข จำนวนเงินค่าใช้จ่ายลอยเต็มไปหมด 'แม่เจ้า แล้วไอ้จ๋ายจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายให้โรงพยาบาลหว่า ก็นี่มันโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อเสียง ที่เลือกมาที่นี่เพราะมันอยู่ใกล้บ้าน และตอนนั้นมันก็ฉุกเฉินมากด้วย
"ค่ะ ห้องพิเศษ"
"คุณพยาบาลคะ ขอเปลี่ยนเป็นห้องธรรมดาได้ไหมคะ" ถามสวนกลับไปแบบแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดให้มากมายเลย
"...." >_< นางพยาบาลรุ่นแม่กระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ
"พอดีหนูไม่ค่อยมีตังค์น่ะค่ะ ว่าจะทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลแล้วด้วยซ้ำ" จรีภรณ์อธิบายถึงข้อเท็จจริง
"ถ้าเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ก็มีคนมาจัดการให้แล้วนี่คะ รู้สึกว่าจะเป็นตัวแทนจากบริษัทที่คุณทำงานอยู่มาจัดการให้นะคะ ยังไงลองไปถามทางฝ่ายการเงินดูสิคะ"
"...." คราวนี้กลับเป็นหญิงสาวตัวเล็กเองที่อึ้งแทน
"บริษัทไอ้จ๋ายน่ะเหรอคะ ที่เข้ามาเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้" เป็นอารดาเองที่ถามย้ำแทนแบบไม่อยากเชื่อหู
"ใช่ค่ะ เห็นว่าเคลียร์ค่าใช้จ่ายส่วนแรกไปแล้วนะคะ แล้วก็เป็นคนระบุให้เราย้ายผู้ป่วยเข้าห้องพักแบบพิเศษค่ะ" พยาบาลบอกไปตามที่ได้รับทราบข้อมูลมา ก่อนที่จะเดินไปทำงานต่อ
"โห! ไอ้จ๋าย สวัสดิการพนักงานของบริษัทแกมันสุดยอดเลยว่ะ ฉันขอเข้าไปทำมั่ง เขาจะรับฉันไหมวะแก" อารดาแกล้งเย้าเพื่อนให้ได้สติหลังจากที่ยืนนิ่งไม่หายอึ้งเสียที
"เออ ฉันก็เพิ่งรู้ว่ะ ว่าสวัสดิการมันดีขนาดนี้" คนตัวเล็กเหมือนจะค่อย ๆ ลดอาการอึ้งลง เพราะดูจากที่เธอค่อย ๆ หันหน้ามาหาเพื่อน เหมือนทำภาพสโลวโมชั่นแล้วมองหน้าเพื่อนนิ่งอยู่แป๊บหนึ่ง "ปะ..ไอ้บุ้ง ลองไปถามที่ห้องการเงินให้มันชัวร์กันดีกว่า ไป.." คนตัวเล็กรีบดึงแขนเพื่อนรักไปตามทิศทางของห้องการเงินทันที