แชร์ประสบการณ์ผ่าตัดเนื้องอก ที่รังไข่ด้านซ้าย ก้อนมหึมา 25ซม.++!!!

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ อยากแชร์ประสบการณ์ที่พึ่งผ่านมาไม่นานของตัวเองให้เพื่อนๆพี่น้องฟัง เพราะว่าตอนที่เกิดเรื่องเราก็ได้ข้อมูลจากหลายแห่งโดยเฉพาะจากพันทิพ ทำให้เราเครียน้อยลง+มีความรู้กับสิ่งที่เราเป็นอยู่ หวังว่าเรื่องของเราจะทีประโยชน์กับคนที่เป็นบ้างค่ะ ^^

ขอเกริ่นเกี่ยวกับตัวเองสักเล็กน้อย...
เราอายุ 22 ปลายๆจะ23ขวบค่ะ เรียนอยู่ที่USA เมื่อก่อนเราเคยอ้วนมากแบบมากๆ 90+ แต่พอมาเรียนทีนี่ก็ได้ออกกำลังกาย+เลือกทานอาหาร+การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น เดินเยอะ ขึ้นทำให้เราลดน้ำหนักได้ภายในเวลาเกือบ 2 ปี ตอนนี้ประมาณ60  (ใครอยากรู้รายละเอียดเรื่องการลดน้ำหนักหลังไมค์มาได้นะคะ อิอิ) 
จำไมได้ว่าเริ่มตอนไหน แต่คิดว่าน่าจะ 1-2ปีให้หลัง ทุกครั้งเวลามีประจำเดือนจะปวดท้องแบบทรมานมากๆ ปวดแบบทนไม่ไหว มันจะปวดเฉพาะวันแรกหรือมากสุดก็สองวัน จนรอบล่าสุดนี่ต้องไปซื้อยาแก้ปวด ปจด.มาทานคะ เราเป็นคนไม่ค่อยอยากทานยาถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แล้วก็ปัสสาวะบ่อยมากกก หน้าท้องขยายใหญ่

เข้าเรื่องเลยละกัน
ย้อนกลับไป ตอนปลายเดือนพฤศจิกายน 2016 ที่USA
ประจำเดือนมาปกติคะแต่รู้สึกว่ารอบนี้ ปวดเหลือเกินทนไม่ไหว +กับหน้าท้องที่ขยายใหญ่ขึ้นผิดปกติ ตอนนั้นไม่แน่ใจว่าเพราะอ้วนขึ้นหรือเปล่า เพราะเราก็ทานเยอะด้วยช่วงนั้น แต่ก็อดสงสัยไม่ได้เลยเดินไปคลินิคที่โรงเรียน คิดว่ายังไงก็เช็คหน่อยละกันเพื่อความสบายใจ
ตอนแรกที่ตรวจ หมอบอกว่าอาจจะเป็นอาการที่ว่าตอนประจำเดือนมา มดลูกและทุกอย่างในท้องบวมน้ำ ขยายใหญ่ขึ้นมาก ไม่ต้องตกใจ แต่พอคุยไปมา หมอก็บอกว่าเดี๋ยวลองตรวจภายในให้ เราก็หวั่นๆนิดนึง คือแบบว่าอายค่ะไม่เคยตรวจมาก่อน แต่คิดว่า เอาวะเพื่อความสบายใจ
พอตรวจปุ๊บ...เอาเลยค่ะ หมอพูดประมาณว่า "รู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ด้านใน ทำให้แกไม่สามารถสัมผัสรังไข่ของเราได้ได้ แต่ก็อย่าเพิ่งเครียดไปเพราะอาจจะเป็นอาการบวมน้ำของทุกอย่างช่วง ปจด" หมอเลยเขึยนใบ ส่งเราไป ultrasound ที่โรงพยาบาลใกล้รร.  

เราโทรไปนัดที่ศูนย์ultrasound ได้คิวอีก1 อาทิตย์ถัดมา เราเลือกเวลาหลังสอบไฟนอลเสร็จพอดี จะได้ไม่ต้องเครียดมาก
เพราะก่อน ultrasound ต้อง อดน้ำอดข้าว 8ชม. ก่อนตรวจ ช่วงเวลา1อาทิตนั้นเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ รู้สึกเครียดไปหมด หาข้อมูลอ่านพันทิพ ทานข้าวไม่ค่อยลง ยังไม่กล้าโทรบอกที่บ้านเพราะไม่อยากให้เครียดกันไปหมด พยายามลืมๆไปบ้าง

ถึงวันultrasound ตึก ตัก...
พอพยาบาลเรียกชื่อเราปุ๊บ ตัวสั่นเลยค่ะ สั่นเองโดยที่ไม่ได้บังคับTT จะเว่อร์ไปไหน พยาบาลบอกว่าให้เราทานน้ำจนรู้สึกปวดฉี่มากๆก่อน 
ท่อปัสสาวะของเราต้องเต็มก่อนนะ เราก็บอกว่าเรารู้สึกปวดปัสสาวะแล้วตอนนี้ เค้าก้ โอเคตรวจเลย
พอultrasound ปุ๊บ พยาบาลบอก ท่อปัสสาวะเรายังไม่เต็ม TTฮื้อใจเริ่มไม่ดีแล้ว แล้วเค้าก็ใช้เครื่องนั้นหมุนๆวนไปที่รอบหน้าท้องของเรานานมากๆ
นานจนเราถามว่าเจออะไรมั๊ย พยาบาลบอกว่า เค้ายังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เพราะเค้าไม่ใช่หมอ แล้วเค้าก็ทำต่อ สกรีนหลายภาพมาก แล้วก็ส่งไปให้หมอที่เป็นคนดูรูปจาก ultasound สักพัก หมอเข้ามาเองเลยค่ะ...  หมอน่ารักมาก ทำให้เรารู้สึชื้นใจขึ้นนิดหน่อย หมอเข้าไปดูที่เครื่อง คุยๆกับพยาบาลสักพัก
แล้วหมอก็เดินมาที่เรา ประโยคแรกที่หมอพูด จำได้ขึ้นใจ " seems like there's a big Cyst"  ประมาณว่า ดูเหมือนว่าจะมีซีสตก้อนใหญ่อยู่นะ... ตอนนั้นเราก็อึ้งค่ะ พูดไม่ค่อยออก เราก็ตกใจ ถามหมอว่าจะเป็นอันตรายมากไหม หมอก็บอกว่า ก้อนมันใหญ่มากไม่ดีหรอก ขนาด25 ซม.!!!! อึ้งไปอีกค่ะ ที่เคยเจออ่านในพันทิพ เห็นมีหลายขนาด 10  เซน 11 เซน 15 เซน ไอเราก็ว่าใหญ่แล้ว นี่ 25... จะใหญ่ไปไหนคะ ฮือๆ

ตอนนั้นกลัวมากค่ะ กลัวเป็นมะเร็งด้วย ถามพยาบาล ถามหมอก็ยังไม่ใครตอบเราได้หรอก เดินออกมาจากห้องตรวจด้วยความงง เราบอกแฟน แฟนเราก็ตกใจ งงกันทั้งคู่เลยค่ะ เราร้องไห้อยู่พักนึง หลังจากนั้น เราทำใจสักพักใหญ่แล้วก็ตัดสินใจโทรบอกพ่อ พอคุณพ่อรู้ก็เป็นห่วงมาก รีบเรียกตัวกลับไทยทันใด
บอกว่าให้มาผ่าที่ไทย ยังไงยังมีครอบครัวพี่น้องดูแลเรา ที่บ้านก็เป็นห่วงมากๆ เราเลยบอกว่าแปบนึง เราขอคุยกับหมอที่นี่ให้รู้เรื่องว่าอะไรยังไงก่อน ขอปรึกษากับความคิดเห็น คุณพ่อใจร้อนมากค่ะ บอกได้เรื่องแล้วให้รีบโทรบอก

บ่ายวันนั้นหมอที่เป็นคนตรวจเราวันแรกก็โทรมาเลย และเรียกให้เข้าไปคุย เรารีบไปเลยค่ะ
หมออธิบายว่าไอ่ก้อนเนี่ย มันติดอยู่กับรังไข่ด้านซ้ายนะ เป็นเหตุผลว่าทำไมหมอคลำไปแล้วไม่เจอรังไข่เรา แล้วก็ก้อนใหญ่มากๆ ใหญ่ขึ้นมาถึงตรงกลาง ถึงท้องด้านบน หมอบอกอีกว่ายังไงก็ต้องผ่าตัดนะ หมอจะส่งเราไปให้หมอศัลที่หมอรู้จัก ที่เป้นคนผ่าเก่งมากๆ เราปรึกษาหมอบอกว่าที่บ้านเป็นห่วงมาก อยากให้กลับไปผ่าที่ไทย หมอบอกว่าหมอเข้าใจ แล้วแต่เราเลย ถ้าหากหนูรู้จักหมอที่เก่งที่ไหนก็เหมือนกันนะ แล้วอีกอย่างครอบครัวเราก็อยู่ที่นั้นด้วย เราถามหมอว่าจะเป็นเนื้อร้ายไหม หมอก็บอกว่า โอกาสน้อยมากๆนะเรายังอายุไม่มาก หมอคงเห็นเรากลัว แกบอกว่าไม่เป็นไรนะเพราะถึงยังไงเราก็ยังเด็กอยู่ ถ้หากมีอะไรจริงๆเราก็ยังมีแรงที่จะสู้กับโรคร้ายได้ และหมอก็ส่งเราไปคุยกับคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ประกันสุขภาพของนักเรียน เพื่อให้เราได้รู้ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ จะได้ตัดสินใจ 

พอได้คุยกับคุณป้าเจ้าหน้าที่ แกใจดีมากค่ะ แกคงเข้าใจเรา บอกว่าลูกสาวแกก็เคยเป้นนะ ผ่าตัดไปแล้ว อีก2 อาทิตย์ต่อมาก็ไปคอนเสิร์ตได้แล้วเนี่ย... เราก็ชื้นใจขึ้น ดีใจที่ได้เจอคนดีๆ แกบอกว่าแกจะสวดให้เรานะ เราก็ขอบคุณแกใหญ่...เข้าเรื่องประกัน  พอคิดค่าใช้จ่ายมาแล้วก็พอๆกับที่ไทยเลยคะ เพราะเรามีประกันนักเรียน จ่ายแค่ 10%ของค่าผ่าทั้งหมด ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเราแล้วค่ะ

สำหรับเรา เราผ่าที่ไหนก็ได้ เพราะตอนนั้นก็อยากรีบเอาออก เก็บไว้นานไม่ดีหรอกค่า ก้อนใหญ่ขนาดนี้ แถมบั่นทอนจิตใจ TT แต่พอมาคิดดู เราคงเหงาเหมือนกันแฮะ ยังไม่รู้จะได้ผ่าเมื่อไหร่ หากผ่าก่อนวันคริสมาสหรือช่วงๆแถวนั้นไม่น่าจะได้กลับมาเจอครอบครัวช่วงปีใหม่ เราเลยโทรไปหาคุณพ่อ คุณพ่อบอกกลับไทยลูกเดียวค่ะ หมอที่ไทยเก่งๆเยอะ เด่ยวคุณพ่อติดต่อโรงพยาบาลและหาหมอไว้ให้ คุณแม่ คุณพ่อช่วยกันหาคุณหมอใหญ่ ตอนนั้นเครียดมากด้วย อยู่นี่ยังไม่รู้จะเป็นไง เราก็เลยตัดสินใจกลับไทย อย่างน้อยมีกำลังใจมากขึ้น ตอนนั้นเข้าสู้โหมดเด็กน้อยมากคะ กลัวไปหมด แต่เราก็เชื่อมั่นว่า หมอไทยก็เก่งไม่แพ้ที่ใดในโลกค่ะ เลยบินกลับวันต่อมาเลย

ขั้นตอนการตรวจ และก่อนผ่าตัดที่ไทย ต่อข้างล่างนะคะ 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่