เคยคิดไหมว่าเพื่อนสนิทจะคิดทำลายเรา

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะทุกๆที่อ่านอยู่

ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่าจะยืนยันบัญชีด้วยรูปภาพได้นี่คือ 7-8 รอบ รำคาญมาก ว่าจะไม่ทำแล้ว ดันมาผ่านรอบนี้ซะงั้น

คืออยากจะเล่าเรื่องให้ฟังเป็นลางสังหรณ์ เอ๊ย อุทาหรณ์สักหน่อย เจ็บมาเยอะแล้วนะ กับคำว่า เพื่อนสนิท(คิดไม่ซื่อ) ++อย่าเพิ่งตีความไปแนวอื่นเด้อ++

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว นานมากแล้วแต่ยังจำได้ดี นอกจากตอนที่จมน้ำเกือบตายตอน ป.๖ ก็มีตอนนี้แหละ ที่พีคมากในชีวิต
ตอนนั้ันเราอยู่ ปี ๑ เราเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังทางภาคอิสาน และบ้านเราอยู่ภาคตะวันออกซึ่งนั่งรถทัวร์ไปก็ ๗ ชม จากบ้านไป มอ


    ท้าวความไปตอน ม.ต้น ก่อน เรามีเพื่อนที่คิดว่าสนิทมากแหละตอนนั้นก็แบบไปไหนก็ไป เสาร์ ทิตย์งี้ นางแว๊นมาหาเราบ้าง เราแว๊นไปบ้านนางบ้าง
สมัยนั้นเราชอบพี่พล มือกีต้าร์วงแคลชมากกกกกกก นางก็รู้นะ แล้วนางไปดูคอนเสิร์ตก็ซื้อของฝาก รูปภาพบ้าง สมุดโน๊ตบ้าง คือดีอะ เราไม่ค่อยมีตังค์
บ้านไม่ค่อยมีบางทีนางก็ซื้อขนมให้กิน ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่ค่อนข้างจะสนิทและใกล้ชิดพอสมควร แต่มาจนถึงตอน ม.๓ ปลายเทอม นางจะไปเรียนที่โคราช บ้านเกิดของนาง (เดานะ เพราะนามสกุลนางก็ชัดเลยว่าคนโคราชแน่นอน)
สมัยนั้นก็ฮิตอะนะ สมุดเฟนด์ชิพ ก็เขียนๆ ให้เพือนทุกคนที่จะย้ายไปเรียนต่อ ม.๔ ที่อื่น เราก็เขียนให้นาง ด้วยความที่เราเป็นห่วง คือจริงใจ
เราก็บอกนางว่าไปเรียนที่อื่นก็อย่าขี้งอนนะ ให้เข้ากับคนง่าย หรืออะไรประมาณนี้แหละ เราก็จำไม่ได้เท่าไหร่ว่าเขียนอะไรไปบ้าง มันสิบกว่าปีมาแล้ว แต่ประมาณนี้ล่ะ คืออยากให้นางลดความงี้น้อยใจ โกรธง่ายประมาณนี้ไง จะได้มีเพื่อนเยอะๆ

นางก็ว่าเราด่านาง หลังจากนั้นนางไม่คุยกับเราเลยนะ และคิดดูว่าเรียนห้องเดียวกัน นั่งโต๊ะเดียวกัน คือมันก็ยังไม่ปิดเทอมอ่ะ มันอึดอัดสุดๆ และไม่คุยกับเราจริงๆนะ เพื่อนในห้องก็สงสัยแหละ ก็หายไปจากชีวิตเราเลย ไม่มีติดต่อไม่โทรไม่ส่งข่าวใดๆ จนวันที่เราอยู่ ปี ๑ นั่นแหละ นางโทรมาหาเรา ซึ่งเราก็ไม่ได้ติดใจสงสัยว่าได้เบอร์เรามาได้ยังไง เพราะเรามีมือถือครั้งแรกตอน ม.๖ เทอม ๒ นางก็โทรมา

...นางอยากเจอเรา นางอยากให้เราไปหานาง .... แล้วเราก็ตกลง

อยากย้อนกลับไปถามตัวเอง คือ"คิดอะไรอยู่????" คือห่างหายกันไปก็ตั้ง ๓ ปีกว่า แล้วเราก็เชื่อใจว่าเออ สงสัยนางหายโกรธเราว่ะ แล้วอีกอย่างทางผ่านบ้านเรา ยังไงต้องไปต่อรถที่โคราชอยู่แล้ว

ตอนนั้นเป็นวันหยุดยาว อะไรสักอย่าง เราก็กลับบ้านแล้วก็กลับมอก่อน ๑ วัน ซึ่งมอก็เปิดมะรืน แม่เราก็ถามนะว่าทำไมรีบกลับจัง อยากให้อยู่ต่อสักวัน คิดถึงลูกไง ลูกก็ไปเรียนไกลโพ้ดดดดอ

เราก็กลับมาก่อนมอเปิด ๑ วัน นางมารับที่ บขส โคราช แล้วนางมากับแฟนนาง แว๊นแมงไซมา แล้วซ้อน ๓ อะ ดูน่าสมเพทมาก ฮ่าๆๆๆ แล้วบ้านนางก็ไกลจาก บขส มาก คือแว๊นไปไกลมาก แล้วไปถึงมันก็ค่ำแล้วเนาะ ก็ไม่ได้อะไรมากมาย คุยกัน กินข้าวละก็นอน แล้วคือมันเป็นห้องเช่าเล็กๆ คืนนั้นแฟนางไม่ได้นอนด้วย เราก็แอบกลัวนางนะ เรานอนไม่หลับ กึ่งหลับกึ่งตื่น แต่ก็ไม่ได้มีอะไร

และวันต่อมานางก็ไปทำงาน นางบอกเราว่านางจะกลับมาตอนเที่ยงและจะไปส่งเราที่ บขส เราก็รอ รอ รอ จนบ่ายโมง คือโทรไปหานางแล้วนางก็ไม่รับ เป็นปิดเครื่อง คือต้องรีบกลับมอ เพราะถ้าไปเย็นมากเดี๋ยวรถสายเข้ามอจะหมด จากนั้นก็ต้องนั่งแท็กซี่ ก็แพงไง ไม่เอา และรถจากจากโคราชไปขอนแก่นก็ ๓ ชม บ่าย ๒ เราก็รอไม่ไหวแล้ว โทรไปยังไงแม่มก็ไม่รับ เราเลยเก็บของ ฝากกุญแจไว้กะยาม แล้วนั่งมอไซออกมาปากซอย แล้วจะข้ามสะพานลอยไปอีกฝั่ง เพื่อนขึ้นรถ

เรื่องพีคจรงนี้แหละ .... เราพิมพ์มาถึงตรงนี้ ใจเราเต้นแรงมาก ตอนนี้ดังตุบๆๆ เลย


ตอนเรากำลังจะเดินขึ้นสะพานลอยนางก็แว๊นมอไซมากับกลุ่มผู้ชาย ทั้งหมดเลย รถหลายคันและเป็นกลุ่ม 6-7 คน ได้มั้ง  

ภาพตัดมาที่เรา หมอบอยู่ใต้สะพาน กลัวนางเห็นมาก แล้วนางก็เลี้ยวเข้าไปในซอยบ้านนาง พอพ้นประตู เราวิ่งอย่างตาย เพื่อข้ามไปอีกฝั่ง เป็นสภาพที่ทุเรสมาก กลัวก็กลัว  

แล้วเชื่อไหมว่าหลังจากนั้นนางไม่เคยแม้แต่จะโทรมาถามเลย

ไม่แม้แบบ เห้ยอยู่ไหนวะ ทำไมกลับบ้านมาไม่เจอกลับละเหรอ เป็นไง
ก็ตั้งแต่นั้นมา จนตอนนี้ หลายปี ก็ไม่เคยต่อมาเลย


เราเก็บเรื่องนี้มาตลอด เราอาย แต่จะคิดไป มันก็อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิด และมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย มันน่าจะเป็นอุทาหรณ์สอนนใจ การไว้ใจคนมากกว่า
และเรื่องนี้ เรายังไม่เคยบอกแม่กับพ่อนะ แต่คนอื่น เพื่อนๆนี่ก็รู้แหละ มีโกรธแทนเราด้วย บางคนก็ว่าเราโง่ เออ ก็จริง คือก็ไว้ใจอะนะ แต่ทั้งที่ไม่ได้ติดต่อกันหลายปี เราก็ยังไปกับเขา


และเรามาคิดว่า ถ้าเรารอล่ะ วันนั้นถ้าเรารอจนนางกลับมาล่ะ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่