เรื่องนี้นั้นเกิดขึ้นตอนที่ผมได้ไปทำกิจกรรมกับโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เลย เป็นเหตุการณ์ที่ยากจะลืมอีกเหตุการณ์หนึ่งครับ และถือเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเข้าใจว่า อะไรที่ทำให้วิญญาณไม่สามารถไปเกิดได้ ผมเชื่อว่าหลายๆ คน มักจะมีคำถามเสมอว่าทำไมเรายังคงพบเจอความลี้ลับหรือเจอสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา หรือทำไม หลายๆคนมักจะได้เจอกับดวงวิญญาณของคนที่รักวนเวียนอยู่รอบๆตัว เรามาเรียนรู้ผ่านประสบการณ์เรื่องนี้กันนะครับ
เมื่อครั้งที่ผมได้มีโอกาสไปทำกิจกรรมที่โรงเรียน ผมได้พบเจอความเรื่องราวที่น่าเศร้าใจอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในหมู่เพื่อนของเด็กๆ ที่นั้น น้องๆกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เราทำกิจกรรมด้วยกัน วันหนึ่งในระหว่างที่เรากำลังกำกิจกรรมอยู่ในห้องประชุมของโรงเรียนแห่งนั้นด้วยการที่ประตูห้องเป็นกระจกใสที่ทำให้เรามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนอกห้องได้ตลอดเวลา ในระหว่างที่ผมกำลังนำกิจกรรมสันทนาการอยู่ในห้องนั้น สายตาของผมก็ได้มองไปปะทะกับสิ่งที่ทำให้ผม ขนลุกและยืนสงบนื่งไประยะเวลาหนึ่ง สิ่งที่ผมเห็นคือ เป็นภาพของเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าห้องประชุมครับ ครั้งแรกที่เห็นในใจสงสัยว่าทำไม่เด็กคนนี้ไม่ยอมเข้าห้องมาร่วมกิจกรรม แต่พอมองไปเต็มๆ สิครับ ผมกลับพบว่านักเรียนคนนั้นมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนเลือดไปทั้งตัว ผมร้องขึ้นด้วยเสียงดังว่า “เฮ้ย” สายตาจ้องไปที่ประตูแบบไม่กระพริบตา ทุกคนในห้องต่างเงียบตามลงและต่างแปลกใจว่าผมเป็นอะไร สักพักหนึ่งมีพี่คนหนึ่งถามผมว่า เป็นอะไร ผมบอกปัดไปว่า “อ่อ ผมเห็นกระเป๋าตกจากบริเวณระเบียงหน้าห้อง” นาทีแรกที่เห็นผมรู้ทันทีว่าผมได้เจอดีเข้าแล้ว กิจกรรมในห้องดำเนินไปต่ออย่างไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เธอคนนั้นยังยืนอยู๋ที่หน้าประตูด้วยสภาพเปื้อนเลือดเหมือนเดิม แต่ครั้งที่ 2 ที่มองไปนั้นเธอกลับยกมือโบกขึ้น ชี้ไปที่ตัวเธอและชี้เข้ามาในห้อง ซึ่งเธอกำลังสื่อกับผมว่าให้เธอเข้าไปด้วย แต่ผมก็ยังใจแข็ง อยู่ๆ ผมก็ยืนน้ำตาไหลออกมาครับด้วยอาการที่อึดอัด วังเวง บนเสียงอึกทึก ตอนนั้น ในใจผมเพิ่งไปบอกเธอว่า ให้เธอใจเย็นๆ ผมจะช่วยเธอในสิ่งที่เธอต้องการแต่ขอให้ผมได้ทำงานให้ผ่านไปด้วยดีก่อน เธอหายไปต่อหน้าผมทันทีทันใด
พอเลิกกิจกรรมในคืนนั้น ผลและทีมงานก็ได้ประชุมสรุปงานกัน และหัวข้อที่ผมจำเป็นต้องพูดและช่วยเหลือเธอผู้ต้องการหลุดพ้น ผมเริ่มเปิดประเด็นด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นตอนหัวค่ำ ทุกคนในที่ประชุมนั้นต่าง ช็อคไปตามๆ กันเพราะคนที่ผมพูดถึงคือเพื่อที่รักของพวกเขา เธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถชนในระหว่างที่เดินทางไปโรงเรียนเพื่อรับผลการเรียน เธอเสียชีวิตคาที่ด้วยสภาพร่างที่ไม่เหลืออะไร เป็นภาพติดตากับผู้พบเห็น ผมเป็นคนพูดก่อนถึงรูปร่างของเด็กคนนี้ให้เพื่อนๆของพวกเขาฟัง ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันคือ ว่าเธอคนนั้นคือเพื่อของพวกเขา
การมาปรากฏกายให้ผมได้เห็นในครั้งนี้เพราะเธอมีความทุกข์ที่มีมานานอยากจะให้ผมช่วย ผมจึงเรื่มเข้าสู่สมาธิว่าจริงๆแล้วเธอต้องการให้ช่วยอะไร พอสื่อได้ผมก็ได้รู้ว่า เธอต้องการให้ผมปลดปล่อยเธอจากเพื่อน เพื่อที่เธอจะได้ไปเกิดเสียที ผมคิดว่าเรื่องนี้นผมเชื่อว่าหลายคนคิดไม่ถึงแน่นอนว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไปเกิดได้ช้านั้น เพราะความคิดถึงที่ทุกคนมีให้เขา นั่นคือ การที่น้องคนนี้ไม่สามารถไปเกิดได้นั้น เพราะเพื่อนที่มีชีวิตอยู่ทำให้เขาไม่ได้ไปครั้ง เพื่อนๆมักจะพุดถึงเขาอยู่ตลอดเวลาทำทุกอย่างประดุจว่าเธอยังอยู่ ซ้ำยังมีการเรียกชื่อเธอเพื่อแกล้งกัน เธอบอกว่าเธอทรมานมาก เธออยากไปเกิด ขอให้เพื่อนๆทุกคนปล่อยให้เธอไปเกิดเสียที ทุกคนครับ จุดนี้และที่ผมคิดว่า หลายๆท่านที่อ่านก็ทำ แต่ผมอยากจะบอกครับว่า การที่เรายังคิดถึงเขา และพูดถึงเขาในยามที่เขาเป็นวิญญาณมันเป็นแรงที่จะทำให้เขาไม่ไปเกิดครับ ผมพูดแบบนี้กับน้องๆที่เป็นเพื่อนของเธอ ทุกคนรู้สึกเสียใจและยอมรับว่า พูดถึงเธอ ทำเหมือนว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ตลอดเวลาครับ แม้กระทั่งว่ามีน้องคนนึงบอกว่า เคยมีคนทักว่าเห็นน้องคนที่ตาย ซ้อนท้ายรถเธอไป พอทุกคนรู้ดังนี้เราจึงคุยแนวทางการช่วยเหลือเธอทันที แต่มันไม่ใช่ว่าจะช่วยได้ทันทีนะครับ เพราะต้องเริ่มจากการทำให้คนที่มีชีวิตอยู่ ตัดเธอไปให้ได้ ด้วยการไม่พูดถึง ไม่นึกถึง และทุกครั้งที่ไปทำบุญห้ามเรียกเขากลับมารับส่วนบุญนั้นนะครับ ให้บอกว่า “ขอให้ เธอ/คุณ ไปเกิดโดยเร็ววันและขอให้ขาดจากกรรมทั้งหลายโดยสิ้นเชิง” ทำไมเด็กๆกลุ่มนี้ถึงเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เพื่อนไม่ได้ไปเกิด ทั้งๆที่คนอื่นก็ระลึกถึงน้องเขามากมาย คำตอบคือ หากวิญญาณผูกผันกับสิ่งไหน คนไหนมากที่สุด ก็จะทำให้แรงผูกระหว่างพวกเขามีผลมากเท่านั้นครับ เหตุการณ์ในครั้งนี้เลยเป็นเครื่องเตือนใจและอยากจะแชร์ให้ทุกคนได้รู้ว่า
แท้ที่จริงแล้วนอกจากกรรมจะเป็นตัวกำหนดให้วิญญาณเดินภพใหม่ได้นั้น การยึดติดและการคะนึงหายังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลเช่นกันครับ หลังจากนั้นพอเราคุยกันเสร็จเราก็แยกย้ายกันทภารกิจส่วนตัว แต่หลำหรับผมแล้วภาระกิจนี้ถือเป็นหนึ่งหน้าที่ที่ผมจะต้องทำให้สำเร็จลุล่วงไปให้ได้ และเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ผมได้พบกับเธออีกครั้งหนึ่ง เธอมาหาผมเพื่อมาขอบคุณและมาลา เธอกราบลงที่เท้าของผมแล้วเธอก็หายใบด้วยสภาพกายทิพที่บริสุทธิ์
ขอให้ทุกคนระลึกเสมอว่า ไม่มีอะไรที่เป็นของเราแม้แต่ร่างกายและลมหายใจ อย่ายึดติดและอย่าอาลัย ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่เราจะคิดแบบนั้นแต่ มันคือสิ่งที่เราจะทำได้ โดยการยอมรับความจริงแล้วเกินหน้าต่อ
ปล่อยฉันไป
เมื่อครั้งที่ผมได้มีโอกาสไปทำกิจกรรมที่โรงเรียน ผมได้พบเจอความเรื่องราวที่น่าเศร้าใจอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในหมู่เพื่อนของเด็กๆ ที่นั้น น้องๆกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เราทำกิจกรรมด้วยกัน วันหนึ่งในระหว่างที่เรากำลังกำกิจกรรมอยู่ในห้องประชุมของโรงเรียนแห่งนั้นด้วยการที่ประตูห้องเป็นกระจกใสที่ทำให้เรามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนอกห้องได้ตลอดเวลา ในระหว่างที่ผมกำลังนำกิจกรรมสันทนาการอยู่ในห้องนั้น สายตาของผมก็ได้มองไปปะทะกับสิ่งที่ทำให้ผม ขนลุกและยืนสงบนื่งไประยะเวลาหนึ่ง สิ่งที่ผมเห็นคือ เป็นภาพของเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าห้องประชุมครับ ครั้งแรกที่เห็นในใจสงสัยว่าทำไม่เด็กคนนี้ไม่ยอมเข้าห้องมาร่วมกิจกรรม แต่พอมองไปเต็มๆ สิครับ ผมกลับพบว่านักเรียนคนนั้นมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนเลือดไปทั้งตัว ผมร้องขึ้นด้วยเสียงดังว่า “เฮ้ย” สายตาจ้องไปที่ประตูแบบไม่กระพริบตา ทุกคนในห้องต่างเงียบตามลงและต่างแปลกใจว่าผมเป็นอะไร สักพักหนึ่งมีพี่คนหนึ่งถามผมว่า เป็นอะไร ผมบอกปัดไปว่า “อ่อ ผมเห็นกระเป๋าตกจากบริเวณระเบียงหน้าห้อง” นาทีแรกที่เห็นผมรู้ทันทีว่าผมได้เจอดีเข้าแล้ว กิจกรรมในห้องดำเนินไปต่ออย่างไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เธอคนนั้นยังยืนอยู๋ที่หน้าประตูด้วยสภาพเปื้อนเลือดเหมือนเดิม แต่ครั้งที่ 2 ที่มองไปนั้นเธอกลับยกมือโบกขึ้น ชี้ไปที่ตัวเธอและชี้เข้ามาในห้อง ซึ่งเธอกำลังสื่อกับผมว่าให้เธอเข้าไปด้วย แต่ผมก็ยังใจแข็ง อยู่ๆ ผมก็ยืนน้ำตาไหลออกมาครับด้วยอาการที่อึดอัด วังเวง บนเสียงอึกทึก ตอนนั้น ในใจผมเพิ่งไปบอกเธอว่า ให้เธอใจเย็นๆ ผมจะช่วยเธอในสิ่งที่เธอต้องการแต่ขอให้ผมได้ทำงานให้ผ่านไปด้วยดีก่อน เธอหายไปต่อหน้าผมทันทีทันใด
พอเลิกกิจกรรมในคืนนั้น ผลและทีมงานก็ได้ประชุมสรุปงานกัน และหัวข้อที่ผมจำเป็นต้องพูดและช่วยเหลือเธอผู้ต้องการหลุดพ้น ผมเริ่มเปิดประเด็นด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นตอนหัวค่ำ ทุกคนในที่ประชุมนั้นต่าง ช็อคไปตามๆ กันเพราะคนที่ผมพูดถึงคือเพื่อที่รักของพวกเขา เธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถชนในระหว่างที่เดินทางไปโรงเรียนเพื่อรับผลการเรียน เธอเสียชีวิตคาที่ด้วยสภาพร่างที่ไม่เหลืออะไร เป็นภาพติดตากับผู้พบเห็น ผมเป็นคนพูดก่อนถึงรูปร่างของเด็กคนนี้ให้เพื่อนๆของพวกเขาฟัง ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันคือ ว่าเธอคนนั้นคือเพื่อของพวกเขา
การมาปรากฏกายให้ผมได้เห็นในครั้งนี้เพราะเธอมีความทุกข์ที่มีมานานอยากจะให้ผมช่วย ผมจึงเรื่มเข้าสู่สมาธิว่าจริงๆแล้วเธอต้องการให้ช่วยอะไร พอสื่อได้ผมก็ได้รู้ว่า เธอต้องการให้ผมปลดปล่อยเธอจากเพื่อน เพื่อที่เธอจะได้ไปเกิดเสียที ผมคิดว่าเรื่องนี้นผมเชื่อว่าหลายคนคิดไม่ถึงแน่นอนว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไปเกิดได้ช้านั้น เพราะความคิดถึงที่ทุกคนมีให้เขา นั่นคือ การที่น้องคนนี้ไม่สามารถไปเกิดได้นั้น เพราะเพื่อนที่มีชีวิตอยู่ทำให้เขาไม่ได้ไปครั้ง เพื่อนๆมักจะพุดถึงเขาอยู่ตลอดเวลาทำทุกอย่างประดุจว่าเธอยังอยู่ ซ้ำยังมีการเรียกชื่อเธอเพื่อแกล้งกัน เธอบอกว่าเธอทรมานมาก เธออยากไปเกิด ขอให้เพื่อนๆทุกคนปล่อยให้เธอไปเกิดเสียที ทุกคนครับ จุดนี้และที่ผมคิดว่า หลายๆท่านที่อ่านก็ทำ แต่ผมอยากจะบอกครับว่า การที่เรายังคิดถึงเขา และพูดถึงเขาในยามที่เขาเป็นวิญญาณมันเป็นแรงที่จะทำให้เขาไม่ไปเกิดครับ ผมพูดแบบนี้กับน้องๆที่เป็นเพื่อนของเธอ ทุกคนรู้สึกเสียใจและยอมรับว่า พูดถึงเธอ ทำเหมือนว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ตลอดเวลาครับ แม้กระทั่งว่ามีน้องคนนึงบอกว่า เคยมีคนทักว่าเห็นน้องคนที่ตาย ซ้อนท้ายรถเธอไป พอทุกคนรู้ดังนี้เราจึงคุยแนวทางการช่วยเหลือเธอทันที แต่มันไม่ใช่ว่าจะช่วยได้ทันทีนะครับ เพราะต้องเริ่มจากการทำให้คนที่มีชีวิตอยู่ ตัดเธอไปให้ได้ ด้วยการไม่พูดถึง ไม่นึกถึง และทุกครั้งที่ไปทำบุญห้ามเรียกเขากลับมารับส่วนบุญนั้นนะครับ ให้บอกว่า “ขอให้ เธอ/คุณ ไปเกิดโดยเร็ววันและขอให้ขาดจากกรรมทั้งหลายโดยสิ้นเชิง” ทำไมเด็กๆกลุ่มนี้ถึงเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เพื่อนไม่ได้ไปเกิด ทั้งๆที่คนอื่นก็ระลึกถึงน้องเขามากมาย คำตอบคือ หากวิญญาณผูกผันกับสิ่งไหน คนไหนมากที่สุด ก็จะทำให้แรงผูกระหว่างพวกเขามีผลมากเท่านั้นครับ เหตุการณ์ในครั้งนี้เลยเป็นเครื่องเตือนใจและอยากจะแชร์ให้ทุกคนได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วนอกจากกรรมจะเป็นตัวกำหนดให้วิญญาณเดินภพใหม่ได้นั้น การยึดติดและการคะนึงหายังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลเช่นกันครับ หลังจากนั้นพอเราคุยกันเสร็จเราก็แยกย้ายกันทภารกิจส่วนตัว แต่หลำหรับผมแล้วภาระกิจนี้ถือเป็นหนึ่งหน้าที่ที่ผมจะต้องทำให้สำเร็จลุล่วงไปให้ได้ และเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ผมได้พบกับเธออีกครั้งหนึ่ง เธอมาหาผมเพื่อมาขอบคุณและมาลา เธอกราบลงที่เท้าของผมแล้วเธอก็หายใบด้วยสภาพกายทิพที่บริสุทธิ์
ขอให้ทุกคนระลึกเสมอว่า ไม่มีอะไรที่เป็นของเราแม้แต่ร่างกายและลมหายใจ อย่ายึดติดและอย่าอาลัย ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่เราจะคิดแบบนั้นแต่ มันคือสิ่งที่เราจะทำได้ โดยการยอมรับความจริงแล้วเกินหน้าต่อ