คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
เอาตามสภาพความเป็นจริงของออสเตรเลียเลยนะ
คนแก่ออสเตรเลียส่วนใหญ่จะอยู่คนเดียว โดยเฉพาะคนที่สามีหรือภรรยาตายจากไป ก็อายุประมาณนี้หละ จะช่วยเหลือตัวเองลำบาก ยิ่งคนอยู่ฟาร์ม จะลำบากเพิ่มขึ้นเพราะต้องไปหาหมอ ไปซื้อของ ต้องมีคนช่วยขับรถให้ ทำอาหารให้
ถ้าแก่มาก ๆ แล้วช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็จะต้องไปอยู่บ้านเนิสซิ่ง ซึ่งค่าใช้จ่ายเยอะมาก ลุงเพื่อนจ่ายอาทิตย์ละสองพันห้าร้อยดอล นั่นแปลว่าเงินสะสมที่ทำงานมาตลอดชีวิตต้องมาจ่ายให้พยาบาลและคนที่บ้านเนิสซิ่งดูแลเขา พวกนี้จะไม่ชอบให้คนมาคอยบอกว่า ถึงเวลากินละนะ ต้องกินไม่กินเขาจะมาเก็บไปล้าง ถึงเวลานอนละนะ ไม่ง่วงแต่ต้องนอน และเหงาไม่มีญาติ การที่คนแก่ไปหาแต่งงานกับสาว ๆ เพื่อมาดูแล และมันก็ดีกว่าจะแต่งงานกับคนอายุเท่ากัน เพราะมันดูแลกันไม่ได้ เคยไปตรวจเลือด ทุกครั้งจะเห็นคนแก่สองคนจูงมือกันไปตรวจ คนนึงต้องใช้ไม้ช่วยเดิน อีกคนก็เดินเองแบบไม่แข็งแรง แต่เขาก็ดูแลกัน
ไม่อยากให้คนมองคนแก่ในแง่ร้าย เขาก็อยากมีความสุขในบั้นปลายของชีวิต ไม่อยากนอนตายที่บ้านเนิสซิ่ง อยากมีคนดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำที่รักและเอาใจใส่เหมือนภรรยาไม่ใช่แบบพยาบาล และสุดท้ายหากคนแก่เหล่านี้ตายไป และไม่มีลูกหลาน เงินทุกบาทที่มีรวมทั้งทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของแผ่นดินทันที เขามีภรรยาไทย หากตายไปภรรยาก็รับไปเป็นค่าตอบแทนที่ดูแลไม่ดีกว่าหรือ
คนแก่ออสเตรเลียส่วนใหญ่จะอยู่คนเดียว โดยเฉพาะคนที่สามีหรือภรรยาตายจากไป ก็อายุประมาณนี้หละ จะช่วยเหลือตัวเองลำบาก ยิ่งคนอยู่ฟาร์ม จะลำบากเพิ่มขึ้นเพราะต้องไปหาหมอ ไปซื้อของ ต้องมีคนช่วยขับรถให้ ทำอาหารให้
ถ้าแก่มาก ๆ แล้วช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็จะต้องไปอยู่บ้านเนิสซิ่ง ซึ่งค่าใช้จ่ายเยอะมาก ลุงเพื่อนจ่ายอาทิตย์ละสองพันห้าร้อยดอล นั่นแปลว่าเงินสะสมที่ทำงานมาตลอดชีวิตต้องมาจ่ายให้พยาบาลและคนที่บ้านเนิสซิ่งดูแลเขา พวกนี้จะไม่ชอบให้คนมาคอยบอกว่า ถึงเวลากินละนะ ต้องกินไม่กินเขาจะมาเก็บไปล้าง ถึงเวลานอนละนะ ไม่ง่วงแต่ต้องนอน และเหงาไม่มีญาติ การที่คนแก่ไปหาแต่งงานกับสาว ๆ เพื่อมาดูแล และมันก็ดีกว่าจะแต่งงานกับคนอายุเท่ากัน เพราะมันดูแลกันไม่ได้ เคยไปตรวจเลือด ทุกครั้งจะเห็นคนแก่สองคนจูงมือกันไปตรวจ คนนึงต้องใช้ไม้ช่วยเดิน อีกคนก็เดินเองแบบไม่แข็งแรง แต่เขาก็ดูแลกัน
ไม่อยากให้คนมองคนแก่ในแง่ร้าย เขาก็อยากมีความสุขในบั้นปลายของชีวิต ไม่อยากนอนตายที่บ้านเนิสซิ่ง อยากมีคนดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำที่รักและเอาใจใส่เหมือนภรรยาไม่ใช่แบบพยาบาล และสุดท้ายหากคนแก่เหล่านี้ตายไป และไม่มีลูกหลาน เงินทุกบาทที่มีรวมทั้งทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของแผ่นดินทันที เขามีภรรยาไทย หากตายไปภรรยาก็รับไปเป็นค่าตอบแทนที่ดูแลไม่ดีกว่าหรือ
สมาชิกหมายเลข 6661885 ถูกใจ, Fight The Dead Fear The Living ถูกใจ, KaNa-IRC ถูกใจ, draken ถูกใจ, ชาเขียวปั่นเพิ่มหวาน ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3121864 ถูกใจ, ครอบครัวตัวฮา(H)(DE) ถูกใจ, ไม้ร่ม ถูกใจ, PeArRiDeR ถูกใจ, นางเอกหนังไทย ซึ้งรวมถึงอีก 8 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
ชาวออสเตรเลีย เผย ทำไมถึงรักสาวไทยมาก เมื่อเทียบกับสาวฝรั่ง
ปู่ชาวออสซี่ วัย 78 จดทะเบียนที่เขตบางรัก จูบปากโชว์ บอกรักเมียไทยมาก
บรรยากาศ การจัดงานของสำนักงานเขตบางรัก ซึ่งใช้อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก ถนนเจริญกรุง เป็นสถานที่จดทะเบียนสมรสให้คู่รัก ในวันวาเลนไทน์ ในชื่อว่า "ร้อยใจภักดิ์ รักเทิดทูน ณ บางรัก" มีคู่รักหลากหลายอาชีพทยอยจดทะเบียนกันอย่างคึกคัก ผ่านไปครึ่งวันมีกว่า 300 คน โดยตำรวจ สน.บางรัก จูงมือพยาบาล รพ.รามาธิบดี ลางาน 2 ชม. เพื่อมาจดทะเบียน นอกจากนี้ ยังมีคู่รักชาวไทยและชาวต่างชาติยื่นขอจดทะเบียน 8 คู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่ามกลางคู่รักชาวไทย ที่นั่งรอคิวจดทะเบียน ได้มีคู่รักสูงวัยชาวไทยกับคนต่างชาติ สวมชุดสีครีมมาจดทะเบียนด้วยรอยยิ้มปริ่มสุข โดยสาวใหญ่ชาวไทย คือ นางนิตยา นนทศักดิ์ อายุ 53 ปี เป็นชาว จ.อุดรธานี และนายโรนัลด์ อาร์เธอร์ดันน์ อายุ 78 ปี ชาวออสเตรเลีย หลังได้ทะเบียนสมรสได้โชว์จุมพิตกันอย่างดูดดื่มจนเสียงดังจ๊วบๆ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่วัยสาวที่ได้แต่นั่งหน้าแดงด้วยความเขินอาย
นางนิตยา เปิดเผยว่า 3 ปีก่อนสามีมาเที่ยว จ.ภูเก็ต แล้วเดินหลงเข้าไปในร้านสปาที่ทำงาน กามเทพได้แผลงศรให้สามีเกิดปิ๊งรักแรกพบ เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่มีคู่จึงตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน โดยสามีบอกว่ารักมาก เพราะเอาใจเก่ง ทำให้ทุกอย่าง เมียฝรั่งไม่เคยใส่ถุงเท้า และใส่กางเกงในให้เหมือนเมียไทย จึงประทับใจมาก ทุกวันนี้เลิกทำสปาไปอยู่กับสามี ซึ่งมีธุรกิจฟาร์มโคนมและเลี้ยงแกะที่ออสเตรเลีย
http://www.thairath.co.th/content/858253 ข่าวไทยรัฐ