ออกไปมองโลกกว้างบ้างสิ
นี่คือคำที่ผมบอกตัวเองบ่อยๆ ละครั้งนี้ก็ไม่พลาดที่จะเลือกญี่ปุ่นอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมมาประเทศญี่ปุ่นครับ รอบนี้ผมเลือก โอซาก้า ครับ เที่ยวคนเดียว ไปเลยไอ้เสืออ

เนื่องจากผมเป็นคนหูหนวก ทำให้โลกของผมเงียบไปหมด แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะไปเที่ยวนี่น่า
คนญี่ปุ่นที่นี่ ใจดีมากครับ บอกเค้าไปว่าผมหูหนวก เค้าก็พยายามหาวิธีสื่อสาร เช่น การเขียน ไม่ก็ถามทางนี่บางคนพาผมไปถึงที่เลย แบบจะดีเกินไปมั้ยอ่ะ
ส่วนเรื่องงบนี่รอบนี้ผมไม่ได้กำหนดอะไรนะครับ ไปสนุกๆ ซะมากกว่า

ครั้งนี้ผมเดินทางโดย Nokscoot เครื่องบินลำใหญ่ บินตรงถึงสนามบินคันไซ ไปถึงที่โอซาก้าตอนเย็นๆนะ

ลงเครื่องมาอากาศ 5 องศาอ้ะ อย่างกะเดินอยู่ในตู้เย็น
มาถึงแล้วเดินดุ่มๆ มาซื้อตั๋วรถไฟด่วนจี๋ Rapi:t ใช้เวลา 40 นาที เข้าไปยังตัวเมืองกันครับ


ผมพักที่ย่านนัมบะ Shell Nell Namba เป็นที่พักแบบแคปซูล มี 10 ดาว ก็ให้ 11 ดาวเลย ดีมากๆ ดีสุดๆ พนักงานสาวๆทุกคนหน้าตาน่ารักมากด้วยล่ะ เขินนนน เดินทางนี่ก็สะดวก ใกล้สถานี Namba ร้านอาหารมีรอบที่พักเลยครับ ทั้งร้านราเม็ง ร้านข้าวหน้าเนื้อ Lawson เดินตรงไปก็เจออีกหลายร้านเลยครับ

เนื่องจากมาถึงก็มืดแล้ว เก็บของอะไรเสร็จ ออกไปหาอะไรหม่ำๆที่ย่านดัง "โดทงโบริ" ครับ เดินตรงไปจากที่พักประมาณ 15 นาทีก็ถึงแล้ว นี่ไงป้ายกูลิโกะ อลังการป้ะล่ะ


หาของกินก่อนๆค่อยเดินถ่ายรูป ร้านแรกจัดไปเลย ร้านลุง Kushikatsu Daruma หน้าตาโหดๆ ยืนอยู่หน้าร้าน

เมนูเป็นอาหารเสียบไม้ชุบแป้งทอดครับ ผมสั่งเซตแรกไปมี 9 ไม้ ร้านแถมมาไม้นึงเป็น 10 ไม้ เลือกเครื่องเคียงเป็น กิมจิ ละก็มีกะหล่ำมาให้ หมดก็เติมได้นะอันนี้ ที่ร้านเค้ามีถาดใส่น้ำจิ้มไว้ มีวิธีกินคือต้องจิ้มน้ำจิ้มครั้งเดียว เพราะคนอื่นต้องจิ้มต่อจากเราเหมือนกัน ใครจะอยากกินน้ำลายของคนอื่น จริงป่ะ อี๋~


โดยรวมอร่อยดีครับ แป้งกรอบบาง ไม่อมน้ำมันเลย ผมชอบหน่อไม้ฝรั่ง กับ กุ้งสุดละ กรอบ สด มาก ไข่นกกระทาก็อร่อยแต่พวกเนื้อ กับหมูเสียบไม้ชิ้นมันเล็กไปหน่อย ไม่ฟิน ต่อๆ ยังไม่อิ่ม

มาถึงโอซาก้าจะพลาดปูได้ไง ต้องลองสักหน่อย มาร้าน Kani Douraku ผมสั่ง 2 อย่าง ปูย่าง กับ ซูชิมันปูครับ ปกติผมชอบกินปูอยู่แล้ว รสชาติปูย่างตรงกล้ามปูสดดีครับ แต่พอกินตัวปูนี่หูวว ปูร่าเริงในปาก อร่อยจัง หวานมาก หอมมากครับ ส่วนซูชิมันปูก็อร่อยครับ ไม่ต้องจิ้มโชยุที่ให้มาเลย



กินอะไรเสร็จเรียบร้อยก็เดินถ่ายรูปเล่น จนดึก แล้วก็เดินกลับครับ


แต่ยังๆไม่หมด หิว! เลยแวะร้านอุด้งครับ อยู่ตรงข้ามที่พัก สั่งอุด้งกับเต้าหู้หวาน ของชอบเลย ไม่แพงด้วย
220 เยน หยอดเหรียญจิ้มๆ เมนูที่ตู้ เอาคูปองไปให้พนักงาน ละรอครับ


อิ่มจริงๆละ ป่ะ เข้าที่พัก อาบน้ำ นอน เตรียมตัวเที่ยวรอบเมืองพรุ่งนี้กันครับ ตั้งปลุกตีห้าครึ่ง รู้สึกตัวอีกที แย๊กกก 7 โมง รีบๆจัดการตัวเอง ละออกเดินทางกันครับ อากาศหนาวเหมือนเดิม สบายสุดๆ
มาถึงสถานีนัมบะ ถ้าใครมาครั้งแรก แล้วไม่หลง แสดงว่าไม่ได้มานัมบะที่โอซาก้าแน่ๆอ่ะ บอกเลย
หลังจากจับจุดได้ ก็นั่งรถไฟไปกินซูชิร้านดังกันครับ Endo Sushi นั่นเอง (นั่งจากสถานี Namba > สถานี Tamagawa) อิอิ เดินดุ่มๆตรงไปยังตลาดปลา มองๆหาก็เจอ วันที่ไปเป็นวันธรรมดา ช่วงเช้าๆ คนไม่ค่อยเยอะครับ สั่งซูชิไป 2 เซ็ต







บอกได้ว่าอร่อยทุกคำ ไข่หอยเม่น นี่นุ่มลิ้นมาก หวานไม่คาว เลิศเลอ เหมือนมีแสงพุ่งยังไงไม่รู้
หลังจากทานเสร็จก็ถึงเวลาไปต่อ ที่ปราสาทโอซาก้า ครับ (นั่งจากสถานี Tamagawa > สถานี Awaza > สถานี Morinomiya )
มาถึงก็มองเห็นปราสาทไกลๆครับ แต่บอกเลยว่าเดินไกลเหมือนกันนะ กว่าจะถึงตัวปราสาทได้ ข้าศึกสมัยก่อนชุดเต็มยศ คงเมื่อยไม่น้อยกว่าจะบุกถึงใจกลาง ใช้ Osaka Amazing Pass เข้าฟรีนะครับ




ตัวปราสาทยังรักษาสภาพสมบูรณ์เลย สวยงาม ยิ่งใหญ่จริงๆ ภายในตัวปราสาทมีพิพิธภัณฑ์ครับ เฉพาะชั้น 3-4 ห้ามถ่ายรูป ให้เข้าไปดูเอง อิอิ จะเกี่ยวกับงานแสดงชุดนักรบ อาวุธต่างๆ ครับ ของแท้ ดั้งเดิม เก็บรักษาสภาพแต่ละอย่างสมบูรณ์มากๆครับ ดาบนี่เงาวั๊บ
เดินดูจนทั่วแล้ว ไปต่อที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ไคยูคัง (นั่งจากสถานี Morinomiya > สถานี Osakako)
ใช้ Osaka Amazing Pass ลด 100 เยน




ภายนอกเหมือนไม่มีอะไร แต่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเลยน๊า ภายในที่นี่มีปลาเยอะมาก ทีเด็ดของที่นี่คือพี่ฉลามวาฬ ตัวใหญ่สุดๆ ปลากระเบนตัวยักษ์ แมวน้ำนี่อุ๋งๆก็เพียบ ปลาโลมาก็ว่ายสนุกดี ตัวนากนี่ซนเกินถ่ายรูปไม่ค่อยจะได้ เพนกวินมาเป็นครอบครัวเลยทีเดียว ใช้เวลาในนี้เกือบ 3 ชั่วโมงเลยครับ ยังอยากไปอีกนะเนี่ย
ได้เวลาออกไปนั่งชิงช้าสวรรค์ Temposan กันครับ ผมเข้าฟรี เพราะใช้บัตร Amazing Osaka Pass ไม่มีอะไรมากเดินไปถึง จนท จะถามว่า ต้องการนั่งแบบใสทั้งตู้ หรือตู้ธรรมดา ผมเลือกแบบธรรมดาครับ เพราะแบบใสต้องต่อคิวรอถึง 2 ชั่วโมง! อีกอย่างมาคนเดียวด้วยครับ เราได้ตู้ทั้งใบเป็นของตัวเอง เพราะงั้นจะถ่ายมุมไหนก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีต่อการหมุนหนึ่งรอบครับ วิวสวยมากเพราะอยู่ติดอ่าวโอซาก้าเลยครับ มองไปทางไหนก็สวย อากาศก็เย็นสบาย เพลินเลย



หลังจากลงจากชิงช้าสวรรค์เรียบร้อยแล้ว ไปต่อกันที่ หอคอย Tsutenkaku (นั่งจากสถานี Osakako > สถานี Sakaisuji Hommachi > สถานี Ebisucho)
หอคอย Tsutenkaku สัญลักษณ์ของย่านชินเซไกนี่เอง รวมถึงเป็นที่อยู่ของ รูปปั้นบิลลิเคน (Billiken) ที่เป็นเทพแห่งโชคลาภ ใครลูบเท้าแล้วจะโชคดี ผมก็วนลูบไปซะหลายที ฮ่าๆๆ มาถึงก็ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 2 เพื่อไปช่องจำหน่ายตั๋ว โชว์บัตรเบ่งไป จากนั้นก็ขึ้นลิฟท์รวดเดียวไปที่ชั้น 5 ครับ วิวสวยดี เห็นรอบเมืองเลย มีบิลลิเคนเต็มไปหมด ประวัติต่างๆของหอคอย ประวัติกูลิโกะก็เพียบ เมื่อดูๆครบหมดแล้วก็ลงมาที่ชั้น 2 เหมือนเดิมครับ จำหน่ายของที่ระลึก ตุ๊กตา ป๊อกกี้ ขนมต่างๆ ละลายทรัพย์กันให้พอใจ






วันนี้ก็หมดเท่านี้ครับ จะค่ำแล้ว นั่งรถไฟกลับไป หาของอร่อยที่ย่านโดทงโบริเหมือนเดิมครับ เพราะใกล้ที่พักดีครับ มาถึงเจอร้านซาลาเปาพอดี เลยแวะซื้อกลับไปทานที่ที่พักครับ เนื่องจากเหนื่อยมาทั้งวันขี้เกียจเดินหาอะไรละ กลับไปพักดีกว่า

เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แปรงฟัน อาบน้ำ นอน พรุ่งนี้ต้องตื่นไป เกียวโต แต่เช้าเลยล่ะ
Japan ในโลกเงียบ (Part 2, KYOTO) --> https://pantip.com/topic/36081855
Japan ในโลกเงียบ (Part 3, NARA) --> https://pantip.com/topic/36084144
Japan ในโลกเงียบ (Part 4, OSAKA และบทส่งท้าย) --> https://pantip.com/topic/36088011
--------------------------------------------
รีวิวก่อนๆ
เวียดนามในโลกเงียบ -->
https://pantip.com/topic/35881025
เขาค้อในโลกเงียบ -->
https://pantip.com/topic/35944142
[CR] Japan ในโลกเงียบ (Part 1, OSAKA)
นี่คือคำที่ผมบอกตัวเองบ่อยๆ ละครั้งนี้ก็ไม่พลาดที่จะเลือกญี่ปุ่นอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมมาประเทศญี่ปุ่นครับ รอบนี้ผมเลือก โอซาก้า ครับ เที่ยวคนเดียว ไปเลยไอ้เสืออ
เนื่องจากผมเป็นคนหูหนวก ทำให้โลกของผมเงียบไปหมด แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะไปเที่ยวนี่น่า
คนญี่ปุ่นที่นี่ ใจดีมากครับ บอกเค้าไปว่าผมหูหนวก เค้าก็พยายามหาวิธีสื่อสาร เช่น การเขียน ไม่ก็ถามทางนี่บางคนพาผมไปถึงที่เลย แบบจะดีเกินไปมั้ยอ่ะ
ส่วนเรื่องงบนี่รอบนี้ผมไม่ได้กำหนดอะไรนะครับ ไปสนุกๆ ซะมากกว่า
ครั้งนี้ผมเดินทางโดย Nokscoot เครื่องบินลำใหญ่ บินตรงถึงสนามบินคันไซ ไปถึงที่โอซาก้าตอนเย็นๆนะ
ลงเครื่องมาอากาศ 5 องศาอ้ะ อย่างกะเดินอยู่ในตู้เย็น
มาถึงแล้วเดินดุ่มๆ มาซื้อตั๋วรถไฟด่วนจี๋ Rapi:t ใช้เวลา 40 นาที เข้าไปยังตัวเมืองกันครับ
ผมพักที่ย่านนัมบะ Shell Nell Namba เป็นที่พักแบบแคปซูล มี 10 ดาว ก็ให้ 11 ดาวเลย ดีมากๆ ดีสุดๆ พนักงานสาวๆทุกคนหน้าตาน่ารักมากด้วยล่ะ เขินนนน เดินทางนี่ก็สะดวก ใกล้สถานี Namba ร้านอาหารมีรอบที่พักเลยครับ ทั้งร้านราเม็ง ร้านข้าวหน้าเนื้อ Lawson เดินตรงไปก็เจออีกหลายร้านเลยครับ
เนื่องจากมาถึงก็มืดแล้ว เก็บของอะไรเสร็จ ออกไปหาอะไรหม่ำๆที่ย่านดัง "โดทงโบริ" ครับ เดินตรงไปจากที่พักประมาณ 15 นาทีก็ถึงแล้ว นี่ไงป้ายกูลิโกะ อลังการป้ะล่ะ
หาของกินก่อนๆค่อยเดินถ่ายรูป ร้านแรกจัดไปเลย ร้านลุง Kushikatsu Daruma หน้าตาโหดๆ ยืนอยู่หน้าร้าน
เมนูเป็นอาหารเสียบไม้ชุบแป้งทอดครับ ผมสั่งเซตแรกไปมี 9 ไม้ ร้านแถมมาไม้นึงเป็น 10 ไม้ เลือกเครื่องเคียงเป็น กิมจิ ละก็มีกะหล่ำมาให้ หมดก็เติมได้นะอันนี้ ที่ร้านเค้ามีถาดใส่น้ำจิ้มไว้ มีวิธีกินคือต้องจิ้มน้ำจิ้มครั้งเดียว เพราะคนอื่นต้องจิ้มต่อจากเราเหมือนกัน ใครจะอยากกินน้ำลายของคนอื่น จริงป่ะ อี๋~
โดยรวมอร่อยดีครับ แป้งกรอบบาง ไม่อมน้ำมันเลย ผมชอบหน่อไม้ฝรั่ง กับ กุ้งสุดละ กรอบ สด มาก ไข่นกกระทาก็อร่อยแต่พวกเนื้อ กับหมูเสียบไม้ชิ้นมันเล็กไปหน่อย ไม่ฟิน ต่อๆ ยังไม่อิ่ม
มาถึงโอซาก้าจะพลาดปูได้ไง ต้องลองสักหน่อย มาร้าน Kani Douraku ผมสั่ง 2 อย่าง ปูย่าง กับ ซูชิมันปูครับ ปกติผมชอบกินปูอยู่แล้ว รสชาติปูย่างตรงกล้ามปูสดดีครับ แต่พอกินตัวปูนี่หูวว ปูร่าเริงในปาก อร่อยจัง หวานมาก หอมมากครับ ส่วนซูชิมันปูก็อร่อยครับ ไม่ต้องจิ้มโชยุที่ให้มาเลย
กินอะไรเสร็จเรียบร้อยก็เดินถ่ายรูปเล่น จนดึก แล้วก็เดินกลับครับ
แต่ยังๆไม่หมด หิว! เลยแวะร้านอุด้งครับ อยู่ตรงข้ามที่พัก สั่งอุด้งกับเต้าหู้หวาน ของชอบเลย ไม่แพงด้วย
220 เยน หยอดเหรียญจิ้มๆ เมนูที่ตู้ เอาคูปองไปให้พนักงาน ละรอครับ
อิ่มจริงๆละ ป่ะ เข้าที่พัก อาบน้ำ นอน เตรียมตัวเที่ยวรอบเมืองพรุ่งนี้กันครับ ตั้งปลุกตีห้าครึ่ง รู้สึกตัวอีกที แย๊กกก 7 โมง รีบๆจัดการตัวเอง ละออกเดินทางกันครับ อากาศหนาวเหมือนเดิม สบายสุดๆ
มาถึงสถานีนัมบะ ถ้าใครมาครั้งแรก แล้วไม่หลง แสดงว่าไม่ได้มานัมบะที่โอซาก้าแน่ๆอ่ะ บอกเลย
หลังจากจับจุดได้ ก็นั่งรถไฟไปกินซูชิร้านดังกันครับ Endo Sushi นั่นเอง (นั่งจากสถานี Namba > สถานี Tamagawa) อิอิ เดินดุ่มๆตรงไปยังตลาดปลา มองๆหาก็เจอ วันที่ไปเป็นวันธรรมดา ช่วงเช้าๆ คนไม่ค่อยเยอะครับ สั่งซูชิไป 2 เซ็ต
บอกได้ว่าอร่อยทุกคำ ไข่หอยเม่น นี่นุ่มลิ้นมาก หวานไม่คาว เลิศเลอ เหมือนมีแสงพุ่งยังไงไม่รู้
หลังจากทานเสร็จก็ถึงเวลาไปต่อ ที่ปราสาทโอซาก้า ครับ (นั่งจากสถานี Tamagawa > สถานี Awaza > สถานี Morinomiya )
มาถึงก็มองเห็นปราสาทไกลๆครับ แต่บอกเลยว่าเดินไกลเหมือนกันนะ กว่าจะถึงตัวปราสาทได้ ข้าศึกสมัยก่อนชุดเต็มยศ คงเมื่อยไม่น้อยกว่าจะบุกถึงใจกลาง ใช้ Osaka Amazing Pass เข้าฟรีนะครับ
ตัวปราสาทยังรักษาสภาพสมบูรณ์เลย สวยงาม ยิ่งใหญ่จริงๆ ภายในตัวปราสาทมีพิพิธภัณฑ์ครับ เฉพาะชั้น 3-4 ห้ามถ่ายรูป ให้เข้าไปดูเอง อิอิ จะเกี่ยวกับงานแสดงชุดนักรบ อาวุธต่างๆ ครับ ของแท้ ดั้งเดิม เก็บรักษาสภาพแต่ละอย่างสมบูรณ์มากๆครับ ดาบนี่เงาวั๊บ
เดินดูจนทั่วแล้ว ไปต่อที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ไคยูคัง (นั่งจากสถานี Morinomiya > สถานี Osakako)
ใช้ Osaka Amazing Pass ลด 100 เยน
ภายนอกเหมือนไม่มีอะไร แต่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเลยน๊า ภายในที่นี่มีปลาเยอะมาก ทีเด็ดของที่นี่คือพี่ฉลามวาฬ ตัวใหญ่สุดๆ ปลากระเบนตัวยักษ์ แมวน้ำนี่อุ๋งๆก็เพียบ ปลาโลมาก็ว่ายสนุกดี ตัวนากนี่ซนเกินถ่ายรูปไม่ค่อยจะได้ เพนกวินมาเป็นครอบครัวเลยทีเดียว ใช้เวลาในนี้เกือบ 3 ชั่วโมงเลยครับ ยังอยากไปอีกนะเนี่ย
ได้เวลาออกไปนั่งชิงช้าสวรรค์ Temposan กันครับ ผมเข้าฟรี เพราะใช้บัตร Amazing Osaka Pass ไม่มีอะไรมากเดินไปถึง จนท จะถามว่า ต้องการนั่งแบบใสทั้งตู้ หรือตู้ธรรมดา ผมเลือกแบบธรรมดาครับ เพราะแบบใสต้องต่อคิวรอถึง 2 ชั่วโมง! อีกอย่างมาคนเดียวด้วยครับ เราได้ตู้ทั้งใบเป็นของตัวเอง เพราะงั้นจะถ่ายมุมไหนก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีต่อการหมุนหนึ่งรอบครับ วิวสวยมากเพราะอยู่ติดอ่าวโอซาก้าเลยครับ มองไปทางไหนก็สวย อากาศก็เย็นสบาย เพลินเลย
หลังจากลงจากชิงช้าสวรรค์เรียบร้อยแล้ว ไปต่อกันที่ หอคอย Tsutenkaku (นั่งจากสถานี Osakako > สถานี Sakaisuji Hommachi > สถานี Ebisucho)
หอคอย Tsutenkaku สัญลักษณ์ของย่านชินเซไกนี่เอง รวมถึงเป็นที่อยู่ของ รูปปั้นบิลลิเคน (Billiken) ที่เป็นเทพแห่งโชคลาภ ใครลูบเท้าแล้วจะโชคดี ผมก็วนลูบไปซะหลายที ฮ่าๆๆ มาถึงก็ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 2 เพื่อไปช่องจำหน่ายตั๋ว โชว์บัตรเบ่งไป จากนั้นก็ขึ้นลิฟท์รวดเดียวไปที่ชั้น 5 ครับ วิวสวยดี เห็นรอบเมืองเลย มีบิลลิเคนเต็มไปหมด ประวัติต่างๆของหอคอย ประวัติกูลิโกะก็เพียบ เมื่อดูๆครบหมดแล้วก็ลงมาที่ชั้น 2 เหมือนเดิมครับ จำหน่ายของที่ระลึก ตุ๊กตา ป๊อกกี้ ขนมต่างๆ ละลายทรัพย์กันให้พอใจ
วันนี้ก็หมดเท่านี้ครับ จะค่ำแล้ว นั่งรถไฟกลับไป หาของอร่อยที่ย่านโดทงโบริเหมือนเดิมครับ เพราะใกล้ที่พักดีครับ มาถึงเจอร้านซาลาเปาพอดี เลยแวะซื้อกลับไปทานที่ที่พักครับ เนื่องจากเหนื่อยมาทั้งวันขี้เกียจเดินหาอะไรละ กลับไปพักดีกว่า
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แปรงฟัน อาบน้ำ นอน พรุ่งนี้ต้องตื่นไป เกียวโต แต่เช้าเลยล่ะ
Japan ในโลกเงียบ (Part 2, KYOTO) --> https://pantip.com/topic/36081855
Japan ในโลกเงียบ (Part 3, NARA) --> https://pantip.com/topic/36084144
Japan ในโลกเงียบ (Part 4, OSAKA และบทส่งท้าย) --> https://pantip.com/topic/36088011
--------------------------------------------
รีวิวก่อนๆ
เวียดนามในโลกเงียบ --> https://pantip.com/topic/35881025
เขาค้อในโลกเงียบ --> https://pantip.com/topic/35944142