เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ จากผู้ชายที่ส่องเว็บนี้มาเป็นเวลานาน แต่ไม่มีโอกาสได้มาแชร์เรื่องราวอะไร เลยยืมยูเซอร์ของเพื่อนมา วันนี้ผมพร้อมแล้ว ที่จะเปิดเผยความลับที่เคยพบเจอมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ให้ทุกคนได้ฟังกัน ผมจะพยายามเล่าให้จบในครั้งเดียว
เริ่ม!!!!
คือเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ผมเป็นนิสิตนักศึกษาอยู่ในมหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ก่อนอื่นผมต้องแนะนำตัวเองซักนิดนึง คือผมมาจากต่างจังหวัด จังหวัดที่ปลูกข้าวเยอะๆ ถนนใหญ่ๆ ได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ตอนนั้นผมเป็นนิสิตคณะวิศวฯ ปี 3 มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนเนี่ยหลายคงจะพอเดาออกจากภาพประกอบด้านล่าง แต่ไม่ขอเอ่ยถึงชื่อของสถานที่ต่างๆนะครับ และแล้ววันต้นเหตุก็มาถึง
ผมจำได้ว่า วันนั้นเป็นวันศุกร์ ผมเป็นรุ่นพี่ปีสามที่เป็นสมาชิกในชมรมกีฬา ได้พาน้องๆและเพื่อนๆ ไปออกกำลังกาย ซ้อมกีฬาเพื่อเตรียมแข่งกีฬาภายใน เมื่อซ้อมเสร็จ เราก็ไปกินข้าวสังสรรค์กันที่ร้านใกล้ๆ เพราะเป็นวันศุกร์ พรุ่งนี้จะตื่นสายยังไงก็ได้ เลยออกไปแฮ้งเอ้าท์กันนิดหน่อย แถวย่านราชเทวี ก่อนออกไปกิน ผมได้เปลี่ยนเสื้อผ้า และเอาของต่างๆไว้ที่ห้องชมรมร่วมถึงกุญแจที่พัก หนังสือเรียน ฯลฯ ซึ่งห้องชมรมก็เป็นลานจอดรถของอาจารย์นั้นแหละ กั้นเป็นห้องให้
ระหว่างที่กินกันได้ซักพัก ประมาณตี 1 ร้านเริ่มจะปิดลง ผมและเพื่อนก็ได้ออกมากินผัดไท ฝั่งตรงข้าม กว่าจะกินกันจนเสร็จ เราก็จะแยกย้ายกันกลับบ้านกลับหอพัก ตอนนั้นน่าจะซักประมาณ ตี2 กว่าๆ เพื่อนผมคนนึงแกอยู่หอพักของมหาวิทยาลัย และผมเองก็ต้องเข้าไปมหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน เพราะผมมีข้าวของต้องไปเอาที่ห้องชมรม เราก็เลยเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่มหาลัย แท็กซี่จอดส่งผมก่อนบริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัย (ต้องบอกก่อนว่า สถาบันที่ผมเรียน มีถนนชื่อดังหลายสายตัดผ่าน ไม่ว่าจะพญา..., อังรี..., พระราม... เป็นต้น)

[ นื่คือภาพแผนผังคร่าวๆของมหาวิทยาลัย อาจจะไม่ตรงตามสเกล ]
ตอนที่แท็กซี่มาส่ง การจะเข้าไปในมหาวิทยาลัยตอนตี 3 เนี่ย มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะมีเพียงไม่กี่ประตูที่เปิดเอาไว้ ซึ่งนั้นคือประตูดังรูปแนบ จากมหาวิทยาลัยที่รายล้อมไปด้วย รถยนต์ในตอนกลางวันและห้างต่างๆมากมายในย่านนั้นกลับดูเงียบ และมืดจนดูน่ากลัว แต่เมื่อจะเข้าไป เราเห็นป้อมยามด้านหน้าประตู และมีทีวีด้านในป้อมเปิดอยู่ ทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้นมา ถึงแม้ว่าในใจลึกๆจะกลัวๆอยู่แต่แรก เพราะอย่างน้อยๆก็รู้สึกว่า กูยังมีเพื่อนหละวะ บวกกับเราไม่ค่อยจะกลัวผีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะ ผีผ้าห่ม หรือผีเกาหัว ก็สบายถ้าเจอ ผมขับรถคนเดียวตอนกลางคืนได้ เข้าห้องน้ำปิดไฟได้ เพราะไม่ค่อยกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

[ ทิศทางในการเดินจะเป็นตามลูกศรสีชมพู ]
ระยะทางจากปากประตูไปจนถึงห้องชมรมในคณะของผม น่าจะซักประมาณ 500 เมตรเห็นจะได้ ผมก็เดินเข้าไปตามฟุตบาท ผ่านคณะวิทยาศาสตร์ สนามหญ้ากลางมหาวิทยาลัย ไปจนถึงทางเข้าคณะดังรูป ระหว่างทางผมเห็นรถเทรลเลอร์บรรทุกเหล็กเส้นจอดอยู่ 2-3 คัน สำหรับมาส่งวัสดุก่อสร้างอาคารของคณะวิทย์ ตอนนั้นก็พยายามจะมองหาเพื่อน เดินผ่านรถก็พยายามมองหาคนขับรถ หรือเมียคนขับรถ แต่ก็ไม่เจอใครในรถซักคัน แต่ตอนนั้นก็ยังไม่คิดอะไร เมื่อมาถึงทางเข้าคณะ ผมเดินทางไปตามถนนด้านหลังอาคารใหญ่ของคณะ(ดังรูป) เพื่อจะไปเดินไปห้องชมรม และด้านในสุดหลังจากผ่านห้องชมรมก็เป็นห้องน้ำ ซึ่งลึกไปจนเกือบติดถนนอังรี... (ดูตามรูปแนบ) เพื่อที่จะฉี่ และก็ล้างหน้าล้างตาซักนิดนึง ซึ่งระหว่างทางที่จะไปห้องน้ำก็จะผ่านห้องชมรม และก็จะผ่านลานกิจกรรม (ลานกิจกรรม คือ ลานที่ให้นิสิตนักศึกษามาร่วมกันทำกิจกรรม พักผ่อน อ่านหนังสือ เจอเพื่อน จับกลุ่มพูดคุย ฯลฯ ขนาดประมาณ 3 งานหรือ 1200 ตารางเมตร)

[ แผนผังอาคารต่างๆของคณะวิศวฯ (Not to scale) ]

[ ตำแหน่งของสถานที่ต่างๆ (Not to scale) ]
แต่ลานกิจกรรมนั้นเป็นพื้นที่โล่งที่มีอาคารสูงสี่ชั้นล้อมรอบ ทำให้เวลาที่ผมเดินเข้ามาตอนแรกจะยังมองไม่เห็นลานกิจกรรมในระยะไกล แต่พอเดินไปซักพัก จนมุมอาคารไม่บังตา ก็จะเห็นลานกิจกรรมมากขึ้น จนเห็นทั้งหมด เมื่อพ้นมุมอาคาร ผมก็เห็นลานกิจกรรมทั้งหมด สิ่งที่ทำให้ผมจากที่กล้าๆกลัวๆ ในตอนแรก กับสบายใจขึ้นมาทันที เพราะว่าลานกิจกรรมมีกลุ่มคน ที่คาดว่าน่าจะมาถือศีล ใส่ชุดขาวเหมือนฆาราวาสที่มาถือศีล โดยอาจจะมายืมที่ของคณะเพื่อทำกิจกรรมในวันถัดไป ทุกคนเหมือนกำลังจะเดินจงกลม หรือทำอะไรซักอย่างที่เกี่ยวกับการทำสมาธิ ตอนนั้นผมคิดว่าเป็นเช่นนั้น เพราะเค้าเงียบมาก และการเคลื่อนไหวก็ช้ามาก ผมก็เดินผ่านพวกเค้าไป แบบไม่ได้เอะใจอะไร แต่แค่คิดลึกๆอยู่ว่า

กูเดินเข้ามาตอนตี 3 ทำไมไม่เห็นหันมามองกันหน่อยหรอ แบบว่าเอ๊ะ!! นายมาทำอะไรตอนนี้เนี่ย?? โดดเรียนอ่ะเป่า?? หรือมาขโมยของอ่ะเป่า ไรงี้เลยหรอ แต่ตอนนั้นก็ถือว่าความรู้สึกดีใจมากกว่าที่เจอเพื่อนและมีคนอยู่มาก เต็มลานกิจกรรมเลย เห็นว่าจะประมาณ 40-50 คนได้ บางคนก็เดินจงกลม บางคนก็นั่งนิ่ง บางคนก็ยืนเฉยๆนิ่งๆ
ผมเดินผ่านพวกเค้าเข้าไป อย่างหน้าตาเฉย และก็เข้าห้องน้ำจนเสร็จ แล้วก็เดินย้อนกลับมาเพื่อเอากระเป๋า ระยะเวลาที่เข้าห้องน้ำไม่นาน ประมาณ 5 นาทีเห็นจะได้ กลับออกมาก็เจอกลุ่มคนเหล่านี้ทำกิจกรรมเหมือนเดิมเป๊ะ นั้นยิ่งทำให้ไม่สนใจอะไร เพราะคิดว่าอีก สามชั่วโมงก็เช้าแล้ว เค้าคงลุกมาเพื่อเตรียมพิธีการอะไรกันซักอย่าง แน่นอน เพราะคณะก็น่าจะมีการทำบุญตักบาตรตอนเช้า อะไรนี่อยู่แล้ว ผมก็รีบเข้าไปในห้องชมรม เก็บของจัดกระเป๋า อยู่ประมาณชัก 3-5 นาทีเห็นจะได้ เพราะแค่เก็บกระเป๋าเองนิ เมื่อเดินออกมา และเห็นภาพลานกิจกรรม ณ ขณะนั้น
มันฉีกทุกกฏของ Physics, Mechanics, Statics ที่เรียนวิศวฯมาในทันที อะดรีนาลีน และพลังงานในร่างกายมันหลั่งมาจนรู้สึกตัวได้ แต่ขากลับก้าวไม่ออก ตัวแข็ง ตาค้าง และขนลุก รู้สึกตัวเย็น และชาไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าพลังงานที่ร่างกายมันหลั่งมาแปรเปลี่ยนไปสะสมอยู่ตรงไหน แต่มันทำอะไรไม่ถูก หัวใจเต้นแรง หยั่งกะมีตัวเอเลี่ยนฝั่งอยู่ในอกแบบในหนัง
สิ่งที่ผมเห็นคือ กลุ่มคนที่ผมเห็นตอนแรก 40 – 50 นั้น ทุกคนกลับลงไปนอนบนพื้นตัวหนอนของลานกิจกรรม ทุกคนเอาผ้าขาวห่มนอนแบบคลุมโปงไม่เห็นใบหน้า ระยะห่างระหว่างกันแทบจะเท่าๆกันทั้งหมด จากที่ประมาณไว้ 40-50 นอนเรียงรายเต็มพื้นที่ของลานกิจกรรม คงไม่ต้องบอกว่าภาพตอนนั้นมันจินตนาการได้แค่อย่างเดียวเลย มันเหมือนศพคนจำนวนมากวางเรียงกันเป็นแผง ตอนนั้นน่าจะมากกว่าจำนวนที่เห็นในตอนแรกเห็นจะได้ ทุกคนที่ยืนๆ เดินๆ นั่งๆ โดยไม่พูดคุยกันเลยซักคำ ในเวลาไม่ถึง 3 นาที ทุกคนกลับไปนอน เป็นระยะช่องไฟเท่ากันทั้งหมดได้ไง?? แล้วถ้าอีกไม่กี่ชั่วโมงจะเช้าจะนอนต่อทำไม?? แล้วยุงมันเยอะมากขนาดต้องนอนคลุมโปงแบบนั้นหรอ?? แถมทำเหมือนกันหมดทุกคน แล้วถ้ามันลำบากนักทำไมไม่ขอทางคณะขึ้นไปนอนบนอาคารเรียนเลยไม่ดีกว่าหรอ?? แล้วทำไมตอนกูเข้ามาตอนตีสามไม่เห็นหันมองหรือให้ความสนใจกันหน่อยหรอวะ?? แล้วทำไมมันเงียบมากจนเหมือนไม่มีกิจกรรมอะไรตรงข้างหน้าเลยทั้งทีตอนเดินผ่านเราห่างกันไม่ถึง 3 เมตร??
คำถามมากมายเกินขึ้นในหัว ทุกอย่างที่เอะใจเริ่มแสดงออกมา ว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยตั้งแต่แรก เรายังไม่เจอคนเลยนะ ตั้งแต่เข้ามา ป้อมยามก็เห็นแต่ทีวีที่เปิดไว้ ผมยืนนิ่งอยู่ซักพัก เพื่อมองดูให้แน่ใจ ทั้งที่จริงๆแล้วคือเราก้าวขาไม่ออก ไม่รู้ว่าจะทำตัวแบบไหน หรือจะทำอะไรต่อ จู่ๆเหมือนหัวใจที่เต้นเร็ว ทุกอย่างก็ชาลงไปดื้อๆ เหมือนสติเริ่มกลับมา ในขณะที่ภาพตรงหน้ายังเห็นเหมือนเดิม ผมวิ่งแบบไม่คิดชีวิต ย้อนกลับไปทางเก่าเพื่อจะไปเรียกแท็กซี่ตรงถนนพญา... โชคดีที่วิ่งไปถึงแล้วเจอแท็กซี่ผ่านมาพอดี ผมนอนไม่หลับทั้งคืน เพื่อรอปรึกษากับเพื่อน
เพื่อนที่ทำกิจกรรมเป็นพี่เชียร์ เป็นพี่ที่ทำกิจกรรมให้น้องๆ ผมถามว่าปกติคณะในวันศุกร์เปิดให้คนมาถือศีลเดินจงกลมกันไหม แล้วเมื่อวานหละ คิดว่ามีไหม เพื่อนก็ตอบว่าไม่มีนะ ถ้าจะมีพระหรือลูกศิษย์มาให้ทำบุญตักบาตร ก็จะมาแค่ตอนเช้า และก็นิมนต์ให้นั่งรถมา ไม่ใช่มารอค้างคืนแบบนี้ และเมื่อผมเล่าเรื่องที่เจอมาทั้งหมดให้มันฟัง มันก็บอกว่า เคยได้ยินรุ่นพี่เล่าให้ฟัง ในเคสเดียวกันเป๊ะเลย เพียงแต่พี่คนนั้น มองไปบนอาคารที่ล้อมลานกิจกรรมนั้นอยู่ และพบว่าเห็นคนที่ผมว่ายืนๆ เดินๆ นั่งๆ ทุกคนใส่ชุดเหมือนกัน ยืนตัวชิดกันเป็นหน้ากระดานเต็มระเบียงทุกชั้น และหันมองลงมายังลานกิจกรรม เพื่อนยังเล่าต่อว่ามหาวิทยาลัยที่ผมเคยศึกษานั้นเป็นพื้นที่ของเก่า เป็นที่ดินของกษัตริย์เป็นธรรมดาที่จะบางสิ่งที่ปกปักษ์รักษาอยู่ และที่สำคัญเจ้าที่แรง
ผมไม่รู้ว่าเพื่อนต้องการแกล้งผมให้กลัวหนักเข้าไปกว่าเก่าหรือป่าว ผมรีบนั่งรถตู้รอบเช้ากลับบ้านที่ต่างจังหวัดในทันที ผมเล่าเรื่องนี้ให้ที่บ้านฟัง แม่รู้ว่าผมไม่ใช่คนโกหก และที่สำคัญที่ผ่านมาผมไม่เคยเจอ และพูดถึงเรื่องเหล่านี้เลย เพราะไม่เคยเจอจริงๆ หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก แม่พาไปหาหลวงพ่อในวัดที่ทางบ้านศรัทธา หลวงพ่อทักขึ้นมาทันทีว่า ช่วงนี้ให้ระวังตัวนะ เพราะว่าดวงตก (เขาว่ากันว่าคนที่ดวงตกมากๆ มักจะเจอวิญญาณหรือผีได้) ผมทำบุญ เข้าวัด สวดมนต์เป็นประจำ และห้อยพระตลอดเวลา ตั้งแต่นั้นมา
สุดท้ายสิ่งที่ผมเล่า อาจจะเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมดก็ได้ กลุ่มคนเหล่านั้นอาจจะเป็นคนจริงๆ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ผมต้องขอโทษที่กล่าวถึง และไม่สืบหาความจริงให้ได้มากกว่านี้ ที่พบไม่ใช่เพราะว่าดื่มเหล้าเบียร์มา แล้วตาลาย เห็นภาพหลอน ผมกล้าสาบานว่าเห็นกับตาตัวเองจริงๆ เห็นชัดแบบมากๆ และผมไม่ได้ดื่มหนักอยู๋แล้ว เพราะเสาร์ อาทิตย์ผมมีงานต้องรีบทำส่ง ผมไม่เคยกินขนาดทิ้งตัวหรือเมาแอ๋เลยซักครั้ง จึงยืนยันว่ามีสติครบถ้วน ที่เล่ามาเพียงแค่เป็นบทความบอกเล่า ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ใคร ขอให้อ่านอย่างมีวิจารญาณครับ)
[ ผมจบมา 4 ปีกว่าแล้ว มหาวิทยาลัยอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง สเกลและรูปทรงต่างๆของอาคาร ผมประมาณๆเอา เพราะจำไม่ได้ว่าแต่ละอาคารเป็นยังไง อาจจะไม่เหมือนมาก แต่สัดส่วนน่าจะประมาณนี้นะครับ ]
กลับดึกทั้งที เจอผีซะเลย [ซ่าส์แต่แบบสั่นๆ ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจ]
เริ่ม!!!!
คือเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ผมเป็นนิสิตนักศึกษาอยู่ในมหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ก่อนอื่นผมต้องแนะนำตัวเองซักนิดนึง คือผมมาจากต่างจังหวัด จังหวัดที่ปลูกข้าวเยอะๆ ถนนใหญ่ๆ ได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ตอนนั้นผมเป็นนิสิตคณะวิศวฯ ปี 3 มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนเนี่ยหลายคงจะพอเดาออกจากภาพประกอบด้านล่าง แต่ไม่ขอเอ่ยถึงชื่อของสถานที่ต่างๆนะครับ และแล้ววันต้นเหตุก็มาถึง
ผมจำได้ว่า วันนั้นเป็นวันศุกร์ ผมเป็นรุ่นพี่ปีสามที่เป็นสมาชิกในชมรมกีฬา ได้พาน้องๆและเพื่อนๆ ไปออกกำลังกาย ซ้อมกีฬาเพื่อเตรียมแข่งกีฬาภายใน เมื่อซ้อมเสร็จ เราก็ไปกินข้าวสังสรรค์กันที่ร้านใกล้ๆ เพราะเป็นวันศุกร์ พรุ่งนี้จะตื่นสายยังไงก็ได้ เลยออกไปแฮ้งเอ้าท์กันนิดหน่อย แถวย่านราชเทวี ก่อนออกไปกิน ผมได้เปลี่ยนเสื้อผ้า และเอาของต่างๆไว้ที่ห้องชมรมร่วมถึงกุญแจที่พัก หนังสือเรียน ฯลฯ ซึ่งห้องชมรมก็เป็นลานจอดรถของอาจารย์นั้นแหละ กั้นเป็นห้องให้
ระหว่างที่กินกันได้ซักพัก ประมาณตี 1 ร้านเริ่มจะปิดลง ผมและเพื่อนก็ได้ออกมากินผัดไท ฝั่งตรงข้าม กว่าจะกินกันจนเสร็จ เราก็จะแยกย้ายกันกลับบ้านกลับหอพัก ตอนนั้นน่าจะซักประมาณ ตี2 กว่าๆ เพื่อนผมคนนึงแกอยู่หอพักของมหาวิทยาลัย และผมเองก็ต้องเข้าไปมหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน เพราะผมมีข้าวของต้องไปเอาที่ห้องชมรม เราก็เลยเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่มหาลัย แท็กซี่จอดส่งผมก่อนบริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัย (ต้องบอกก่อนว่า สถาบันที่ผมเรียน มีถนนชื่อดังหลายสายตัดผ่าน ไม่ว่าจะพญา..., อังรี..., พระราม... เป็นต้น)
ตอนที่แท็กซี่มาส่ง การจะเข้าไปในมหาวิทยาลัยตอนตี 3 เนี่ย มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะมีเพียงไม่กี่ประตูที่เปิดเอาไว้ ซึ่งนั้นคือประตูดังรูปแนบ จากมหาวิทยาลัยที่รายล้อมไปด้วย รถยนต์ในตอนกลางวันและห้างต่างๆมากมายในย่านนั้นกลับดูเงียบ และมืดจนดูน่ากลัว แต่เมื่อจะเข้าไป เราเห็นป้อมยามด้านหน้าประตู และมีทีวีด้านในป้อมเปิดอยู่ ทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้นมา ถึงแม้ว่าในใจลึกๆจะกลัวๆอยู่แต่แรก เพราะอย่างน้อยๆก็รู้สึกว่า กูยังมีเพื่อนหละวะ บวกกับเราไม่ค่อยจะกลัวผีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะ ผีผ้าห่ม หรือผีเกาหัว ก็สบายถ้าเจอ ผมขับรถคนเดียวตอนกลางคืนได้ เข้าห้องน้ำปิดไฟได้ เพราะไม่ค่อยกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ระยะทางจากปากประตูไปจนถึงห้องชมรมในคณะของผม น่าจะซักประมาณ 500 เมตรเห็นจะได้ ผมก็เดินเข้าไปตามฟุตบาท ผ่านคณะวิทยาศาสตร์ สนามหญ้ากลางมหาวิทยาลัย ไปจนถึงทางเข้าคณะดังรูป ระหว่างทางผมเห็นรถเทรลเลอร์บรรทุกเหล็กเส้นจอดอยู่ 2-3 คัน สำหรับมาส่งวัสดุก่อสร้างอาคารของคณะวิทย์ ตอนนั้นก็พยายามจะมองหาเพื่อน เดินผ่านรถก็พยายามมองหาคนขับรถ หรือเมียคนขับรถ แต่ก็ไม่เจอใครในรถซักคัน แต่ตอนนั้นก็ยังไม่คิดอะไร เมื่อมาถึงทางเข้าคณะ ผมเดินทางไปตามถนนด้านหลังอาคารใหญ่ของคณะ(ดังรูป) เพื่อจะไปเดินไปห้องชมรม และด้านในสุดหลังจากผ่านห้องชมรมก็เป็นห้องน้ำ ซึ่งลึกไปจนเกือบติดถนนอังรี... (ดูตามรูปแนบ) เพื่อที่จะฉี่ และก็ล้างหน้าล้างตาซักนิดนึง ซึ่งระหว่างทางที่จะไปห้องน้ำก็จะผ่านห้องชมรม และก็จะผ่านลานกิจกรรม (ลานกิจกรรม คือ ลานที่ให้นิสิตนักศึกษามาร่วมกันทำกิจกรรม พักผ่อน อ่านหนังสือ เจอเพื่อน จับกลุ่มพูดคุย ฯลฯ ขนาดประมาณ 3 งานหรือ 1200 ตารางเมตร)
แต่ลานกิจกรรมนั้นเป็นพื้นที่โล่งที่มีอาคารสูงสี่ชั้นล้อมรอบ ทำให้เวลาที่ผมเดินเข้ามาตอนแรกจะยังมองไม่เห็นลานกิจกรรมในระยะไกล แต่พอเดินไปซักพัก จนมุมอาคารไม่บังตา ก็จะเห็นลานกิจกรรมมากขึ้น จนเห็นทั้งหมด เมื่อพ้นมุมอาคาร ผมก็เห็นลานกิจกรรมทั้งหมด สิ่งที่ทำให้ผมจากที่กล้าๆกลัวๆ ในตอนแรก กับสบายใจขึ้นมาทันที เพราะว่าลานกิจกรรมมีกลุ่มคน ที่คาดว่าน่าจะมาถือศีล ใส่ชุดขาวเหมือนฆาราวาสที่มาถือศีล โดยอาจจะมายืมที่ของคณะเพื่อทำกิจกรรมในวันถัดไป ทุกคนเหมือนกำลังจะเดินจงกลม หรือทำอะไรซักอย่างที่เกี่ยวกับการทำสมาธิ ตอนนั้นผมคิดว่าเป็นเช่นนั้น เพราะเค้าเงียบมาก และการเคลื่อนไหวก็ช้ามาก ผมก็เดินผ่านพวกเค้าไป แบบไม่ได้เอะใจอะไร แต่แค่คิดลึกๆอยู่ว่า
ผมเดินผ่านพวกเค้าเข้าไป อย่างหน้าตาเฉย และก็เข้าห้องน้ำจนเสร็จ แล้วก็เดินย้อนกลับมาเพื่อเอากระเป๋า ระยะเวลาที่เข้าห้องน้ำไม่นาน ประมาณ 5 นาทีเห็นจะได้ กลับออกมาก็เจอกลุ่มคนเหล่านี้ทำกิจกรรมเหมือนเดิมเป๊ะ นั้นยิ่งทำให้ไม่สนใจอะไร เพราะคิดว่าอีก สามชั่วโมงก็เช้าแล้ว เค้าคงลุกมาเพื่อเตรียมพิธีการอะไรกันซักอย่าง แน่นอน เพราะคณะก็น่าจะมีการทำบุญตักบาตรตอนเช้า อะไรนี่อยู่แล้ว ผมก็รีบเข้าไปในห้องชมรม เก็บของจัดกระเป๋า อยู่ประมาณชัก 3-5 นาทีเห็นจะได้ เพราะแค่เก็บกระเป๋าเองนิ เมื่อเดินออกมา และเห็นภาพลานกิจกรรม ณ ขณะนั้น
มันฉีกทุกกฏของ Physics, Mechanics, Statics ที่เรียนวิศวฯมาในทันที อะดรีนาลีน และพลังงานในร่างกายมันหลั่งมาจนรู้สึกตัวได้ แต่ขากลับก้าวไม่ออก ตัวแข็ง ตาค้าง และขนลุก รู้สึกตัวเย็น และชาไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าพลังงานที่ร่างกายมันหลั่งมาแปรเปลี่ยนไปสะสมอยู่ตรงไหน แต่มันทำอะไรไม่ถูก หัวใจเต้นแรง หยั่งกะมีตัวเอเลี่ยนฝั่งอยู่ในอกแบบในหนัง
สิ่งที่ผมเห็นคือ กลุ่มคนที่ผมเห็นตอนแรก 40 – 50 นั้น ทุกคนกลับลงไปนอนบนพื้นตัวหนอนของลานกิจกรรม ทุกคนเอาผ้าขาวห่มนอนแบบคลุมโปงไม่เห็นใบหน้า ระยะห่างระหว่างกันแทบจะเท่าๆกันทั้งหมด จากที่ประมาณไว้ 40-50 นอนเรียงรายเต็มพื้นที่ของลานกิจกรรม คงไม่ต้องบอกว่าภาพตอนนั้นมันจินตนาการได้แค่อย่างเดียวเลย มันเหมือนศพคนจำนวนมากวางเรียงกันเป็นแผง ตอนนั้นน่าจะมากกว่าจำนวนที่เห็นในตอนแรกเห็นจะได้ ทุกคนที่ยืนๆ เดินๆ นั่งๆ โดยไม่พูดคุยกันเลยซักคำ ในเวลาไม่ถึง 3 นาที ทุกคนกลับไปนอน เป็นระยะช่องไฟเท่ากันทั้งหมดได้ไง?? แล้วถ้าอีกไม่กี่ชั่วโมงจะเช้าจะนอนต่อทำไม?? แล้วยุงมันเยอะมากขนาดต้องนอนคลุมโปงแบบนั้นหรอ?? แถมทำเหมือนกันหมดทุกคน แล้วถ้ามันลำบากนักทำไมไม่ขอทางคณะขึ้นไปนอนบนอาคารเรียนเลยไม่ดีกว่าหรอ?? แล้วทำไมตอนกูเข้ามาตอนตีสามไม่เห็นหันมองหรือให้ความสนใจกันหน่อยหรอวะ?? แล้วทำไมมันเงียบมากจนเหมือนไม่มีกิจกรรมอะไรตรงข้างหน้าเลยทั้งทีตอนเดินผ่านเราห่างกันไม่ถึง 3 เมตร??
คำถามมากมายเกินขึ้นในหัว ทุกอย่างที่เอะใจเริ่มแสดงออกมา ว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยตั้งแต่แรก เรายังไม่เจอคนเลยนะ ตั้งแต่เข้ามา ป้อมยามก็เห็นแต่ทีวีที่เปิดไว้ ผมยืนนิ่งอยู่ซักพัก เพื่อมองดูให้แน่ใจ ทั้งที่จริงๆแล้วคือเราก้าวขาไม่ออก ไม่รู้ว่าจะทำตัวแบบไหน หรือจะทำอะไรต่อ จู่ๆเหมือนหัวใจที่เต้นเร็ว ทุกอย่างก็ชาลงไปดื้อๆ เหมือนสติเริ่มกลับมา ในขณะที่ภาพตรงหน้ายังเห็นเหมือนเดิม ผมวิ่งแบบไม่คิดชีวิต ย้อนกลับไปทางเก่าเพื่อจะไปเรียกแท็กซี่ตรงถนนพญา... โชคดีที่วิ่งไปถึงแล้วเจอแท็กซี่ผ่านมาพอดี ผมนอนไม่หลับทั้งคืน เพื่อรอปรึกษากับเพื่อน
เพื่อนที่ทำกิจกรรมเป็นพี่เชียร์ เป็นพี่ที่ทำกิจกรรมให้น้องๆ ผมถามว่าปกติคณะในวันศุกร์เปิดให้คนมาถือศีลเดินจงกลมกันไหม แล้วเมื่อวานหละ คิดว่ามีไหม เพื่อนก็ตอบว่าไม่มีนะ ถ้าจะมีพระหรือลูกศิษย์มาให้ทำบุญตักบาตร ก็จะมาแค่ตอนเช้า และก็นิมนต์ให้นั่งรถมา ไม่ใช่มารอค้างคืนแบบนี้ และเมื่อผมเล่าเรื่องที่เจอมาทั้งหมดให้มันฟัง มันก็บอกว่า เคยได้ยินรุ่นพี่เล่าให้ฟัง ในเคสเดียวกันเป๊ะเลย เพียงแต่พี่คนนั้น มองไปบนอาคารที่ล้อมลานกิจกรรมนั้นอยู่ และพบว่าเห็นคนที่ผมว่ายืนๆ เดินๆ นั่งๆ ทุกคนใส่ชุดเหมือนกัน ยืนตัวชิดกันเป็นหน้ากระดานเต็มระเบียงทุกชั้น และหันมองลงมายังลานกิจกรรม เพื่อนยังเล่าต่อว่ามหาวิทยาลัยที่ผมเคยศึกษานั้นเป็นพื้นที่ของเก่า เป็นที่ดินของกษัตริย์เป็นธรรมดาที่จะบางสิ่งที่ปกปักษ์รักษาอยู่ และที่สำคัญเจ้าที่แรง
ผมไม่รู้ว่าเพื่อนต้องการแกล้งผมให้กลัวหนักเข้าไปกว่าเก่าหรือป่าว ผมรีบนั่งรถตู้รอบเช้ากลับบ้านที่ต่างจังหวัดในทันที ผมเล่าเรื่องนี้ให้ที่บ้านฟัง แม่รู้ว่าผมไม่ใช่คนโกหก และที่สำคัญที่ผ่านมาผมไม่เคยเจอ และพูดถึงเรื่องเหล่านี้เลย เพราะไม่เคยเจอจริงๆ หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก แม่พาไปหาหลวงพ่อในวัดที่ทางบ้านศรัทธา หลวงพ่อทักขึ้นมาทันทีว่า ช่วงนี้ให้ระวังตัวนะ เพราะว่าดวงตก (เขาว่ากันว่าคนที่ดวงตกมากๆ มักจะเจอวิญญาณหรือผีได้) ผมทำบุญ เข้าวัด สวดมนต์เป็นประจำ และห้อยพระตลอดเวลา ตั้งแต่นั้นมา
สุดท้ายสิ่งที่ผมเล่า อาจจะเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมดก็ได้ กลุ่มคนเหล่านั้นอาจจะเป็นคนจริงๆ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ผมต้องขอโทษที่กล่าวถึง และไม่สืบหาความจริงให้ได้มากกว่านี้ ที่พบไม่ใช่เพราะว่าดื่มเหล้าเบียร์มา แล้วตาลาย เห็นภาพหลอน ผมกล้าสาบานว่าเห็นกับตาตัวเองจริงๆ เห็นชัดแบบมากๆ และผมไม่ได้ดื่มหนักอยู๋แล้ว เพราะเสาร์ อาทิตย์ผมมีงานต้องรีบทำส่ง ผมไม่เคยกินขนาดทิ้งตัวหรือเมาแอ๋เลยซักครั้ง จึงยืนยันว่ามีสติครบถ้วน ที่เล่ามาเพียงแค่เป็นบทความบอกเล่า ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ใคร ขอให้อ่านอย่างมีวิจารญาณครับ)
[ ผมจบมา 4 ปีกว่าแล้ว มหาวิทยาลัยอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง สเกลและรูปทรงต่างๆของอาคาร ผมประมาณๆเอา เพราะจำไม่ได้ว่าแต่ละอาคารเป็นยังไง อาจจะไม่เหมือนมาก แต่สัดส่วนน่าจะประมาณนี้นะครับ ]