วันนี้ (31 ม.ค. 2560) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการดำเนินการกรณีนายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ที่ขโมยรูปภาพในโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลดูแลอยู่แล้ว ในการบริหารราชการแผ่นดินว่า กรณีที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กระทรวงต้องรับผิดชอบในการสอบสวน
และวันนี้มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อฟังเหตุผลว่าเขาทำเพราะอะไร มีอะไรมากน้อยไปกว่าการที่อยากได้ของหรือไม่ เพราะของไม่ได้มีราคา แต่ทำไมถึงทำ ต้องหาข้อเท็จจริงและดูเขาว่าอย่างไร และเมื่อตรวจสอบเสร็จก็เอาข้อเท็จจริงที่ว่ามา โดยให้ความเป็นธรรมและให้เขาชี้แจงมา เพื่อนำไปสู่คณะกรรมการตรวจสอบทางวินัยและลงโทษ การบริหารทุกกระทรวงเป็นแบบนี้เดี๋ยวจะหาว่าไปเข้าข้างราชการ หากผิดวินัยก็คือผิด และต้องลงโทษหนักเบาแค่ไหนก็ต้องว่ากันมา ไม่ใช่ให้นายกฯสั่งทุกเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่กระทรวงพาณิชย์ น.ส.วิบูลลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีนายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ขโมยภาพจากโรงแรมที่ญี่ปุ่นนั้น ได้รายงานผลการตรวจสอบมาแล้ว ว่ามีมูลเข้าข่ายความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานที่ทำให้เสียภาพลักษณ์ที่ดีต่อข้าราชการไทย ประชาชนไทย และประเทศไทย ซึ่งจากนี้ไป กระทรวงฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง โดยมีผู้แทนจากหลายหน่วยงาน และมี ผู้แทนจากกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานคณะกรรมการสอบทางวินัยดังกล่าว คาดว่าจะมีผลสรุปออกมาในเร็ว ๆ นี้
สำหรับบทลงโทษนั้น ขึ้นอยู่กับฐานความผิดที่ได้พิจารณาออกมา โดยข้อหาความผิดร้ายแรงนั้น มีโทษ 2 กรณีคือ ให้ปลดออก กรณีนี้ นายสุภัฒ จะยังได้รับบำเหน็จ บำนาญตามระเบียบข้าราชการได้เหมือนเดิม เช่นเดียวกับการลาออก แต่หากมีโทษเป็นไล่ออก จะไม่ได้รับบำเหน็จหรือบำนาญใด ๆ ทั้งสิ้น
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม : เป็นโรคชนิดหนึ่ง...จนหรือรวยก็เป็นได้!!!"เปลวสีเงิน"เปิดประวัติละเอียดยิบ ไขข้อข้องใจทำไม"สุภัฒ"ต้องขโมย...หลังสังคมไทย รุมประณามจนไม่มีที่ยืน
จาก
http://headshot.tnews.co.th/contents/bk/222388/
ปล. ก่อนหน้านี้ เห็น รมต. หลายคนออกมาปกป้องกันจัง ไม่ผิดอย่างโน้นอย่างนี้ อ้างเหตผล "นี่ โน๊น นั้น" ในการนี้ กระทรวงการต่างประเทศให้การช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว (สถานกงศุลใหญ่ นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น (แล้วคนไทยที่ตกระกำลำบากที่ญี่ปุ่น เคยชายตามองให้ความสนใจบ้างไหม?)) กอปรกับการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือโดยพาออกทางพิเศษ และไม่ต้องพบสื่อฯ เลย ... (นี้เป็นสิทธิพิเศษ ใช่ไหม!!)
ปล. วันนี้ ทำไม จากหน้ามือกลายเป็นหลังมือแบบนี้ ...
(เยาวชนไม่เข้าใจ...)
พล.อ.ประยุทธ์ " มาเต็ม กระทรวงที่รับผิดชอบฟัง "สุภัฒ" ผิดไม่ผิดใครรับผิดชอบบ้าง
วันนี้ (31 ม.ค. 2560) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการดำเนินการกรณีนายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ที่ขโมยรูปภาพในโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลดูแลอยู่แล้ว ในการบริหารราชการแผ่นดินว่า กรณีที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กระทรวงต้องรับผิดชอบในการสอบสวน
และวันนี้มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อฟังเหตุผลว่าเขาทำเพราะอะไร มีอะไรมากน้อยไปกว่าการที่อยากได้ของหรือไม่ เพราะของไม่ได้มีราคา แต่ทำไมถึงทำ ต้องหาข้อเท็จจริงและดูเขาว่าอย่างไร และเมื่อตรวจสอบเสร็จก็เอาข้อเท็จจริงที่ว่ามา โดยให้ความเป็นธรรมและให้เขาชี้แจงมา เพื่อนำไปสู่คณะกรรมการตรวจสอบทางวินัยและลงโทษ การบริหารทุกกระทรวงเป็นแบบนี้เดี๋ยวจะหาว่าไปเข้าข้างราชการ หากผิดวินัยก็คือผิด และต้องลงโทษหนักเบาแค่ไหนก็ต้องว่ากันมา ไม่ใช่ให้นายกฯสั่งทุกเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่กระทรวงพาณิชย์ น.ส.วิบูลลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีนายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ขโมยภาพจากโรงแรมที่ญี่ปุ่นนั้น ได้รายงานผลการตรวจสอบมาแล้ว ว่ามีมูลเข้าข่ายความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานที่ทำให้เสียภาพลักษณ์ที่ดีต่อข้าราชการไทย ประชาชนไทย และประเทศไทย ซึ่งจากนี้ไป กระทรวงฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง โดยมีผู้แทนจากหลายหน่วยงาน และมี ผู้แทนจากกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานคณะกรรมการสอบทางวินัยดังกล่าว คาดว่าจะมีผลสรุปออกมาในเร็ว ๆ นี้
สำหรับบทลงโทษนั้น ขึ้นอยู่กับฐานความผิดที่ได้พิจารณาออกมา โดยข้อหาความผิดร้ายแรงนั้น มีโทษ 2 กรณีคือ ให้ปลดออก กรณีนี้ นายสุภัฒ จะยังได้รับบำเหน็จ บำนาญตามระเบียบข้าราชการได้เหมือนเดิม เช่นเดียวกับการลาออก แต่หากมีโทษเป็นไล่ออก จะไม่ได้รับบำเหน็จหรือบำนาญใด ๆ ทั้งสิ้น
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม : เป็นโรคชนิดหนึ่ง...จนหรือรวยก็เป็นได้!!!"เปลวสีเงิน"เปิดประวัติละเอียดยิบ ไขข้อข้องใจทำไม"สุภัฒ"ต้องขโมย...หลังสังคมไทย รุมประณามจนไม่มีที่ยืน
จาก http://headshot.tnews.co.th/contents/bk/222388/
ปล. ก่อนหน้านี้ เห็น รมต. หลายคนออกมาปกป้องกันจัง ไม่ผิดอย่างโน้นอย่างนี้ อ้างเหตผล "นี่ โน๊น นั้น" ในการนี้ กระทรวงการต่างประเทศให้การช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว (สถานกงศุลใหญ่ นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น (แล้วคนไทยที่ตกระกำลำบากที่ญี่ปุ่น เคยชายตามองให้ความสนใจบ้างไหม?)) กอปรกับการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือโดยพาออกทางพิเศษ และไม่ต้องพบสื่อฯ เลย ... (นี้เป็นสิทธิพิเศษ ใช่ไหม!!)
ปล. วันนี้ ทำไม จากหน้ามือกลายเป็นหลังมือแบบนี้ ...
(เยาวชนไม่เข้าใจ...)