มติเพื่อไทยไม่ขับงูเห่า หวั่นประโยชน์ตกฝ่ายรบ. แต่บอยคอต ไม่ให้ยุ่งพรรค-ไม่ส่งลงส.ส.
https://www.matichon.co.th/politics/news_1890586
“คกก.สอบข้อเท็จจริงพรรคพท.” แจงมติ ปม 3 ส.ส. งูเห่า
เมื่อวันที่ 15 มกราคม คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีส.ส.ของพรรคไม่ปฏิบัติตามมติของพรรคและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้มีผลสอบกรณี 3 ส.ส.กระทำการฝ่าฝืนมติพรรค และข้อตกลงร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า
1. กรณีนาง
พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี พบว่า ได้แสดงพฤติกรรมและท่าทีชัดเจนว่ามีเจตนาและแสดงออกอย่างเปิดเผยในการฝ่าฝืนมติพรรค แม้ในครั้งแรกจะยังมิได้มีมติไปสนับสนุนรัฐบาล แต่ก็ไปแสดงตัวเป็นองค์ประชุมอย่างเปิดเผย ซึ่งขัดต่อมติของพรรค และเมื่อช่วงการอภิปรายงบประมาณ 2563 วาระสอง-สาม ยังแสดงตนโหวตสวนมติพรรคอย่างเปิดเผยโดยมิได้สนใจและนำพาต่อมติของพรรคแต่อย่างใด ประกอบกับหลักฐานแวดล้อมหลายกรณีตามบันทึกการสอบสวนเห็นว่า ส.ส.พรพิมลได้จงใจฝ่าฝืนมติพรรคโดยเชื่อได้ว่า เป็นการได้รับการร้องขอและมีประโยชน์ตอบแทนส่วนตน ถือว่าเป็นการกระทำความผิดวินัยพรรคอย่างร้ายแรง ซ้ำซาก ควรลงโทษสถานหนัก อย่างไรก็ตามการลงโทษถึงขั้นขับออกจากสมาชิกพรรค ตามรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นสามารถไปหาพรรคใหม่สังกัดได้ภายในสามสิบวัน จึงเห็นว่ายิ่งจะเป็นการสมประโยชน์ของฝ่ายรัฐบาลมากขึ้นไปอีก
จึงเสนอให้กรรมการวินัยและจรรยาบรรณลงโทษทางวินัยในระดับภาคทัณฑ์และใช้มาตรการทางปกครองที่เด็ดขาดคือ ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคและไม่ส่งสมัครในการเลือกตั้งครั้งต่อไปโดยไม่มีเงื่อนไขผ่อนปรนใดๆ ทั้งสิ้น
2. กรณี นาย
พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทท. จากการตรวจสอบและสอบสวนชี้ชัดว่า ส.ส.พลภูมิได้มีพฤติกรรมและการกระทำที่ฝ่าฝืนมติพรรค แม้จะอ้างเหตุผลด้วยความจำเป็น และเหตุผลส่วนตัว ก็ไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างหักร้างแนวทางของพรรค และจริยธรรมทางการเมือง และไม่อาจใช้เป็นเหตุผลในการกระทำที่ขัดต่อมติของพรรคได้ แม้ว่าจะยังไม่ได้มีพฤติกรรมการกระทำผิดอย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังคงฝ่าฝืนมติพรรค โดยการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณที่ผ่านมา ได้ลงมติไม่ประสงค์ลงคะแนน สวนทางกับมติของพรรคที่ให้งดออกเสียง แม้จะไม่ถึงขั้นลงมติเห็นชอบแบบราย ส.ส.พรพิมลก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การจะพิจารณาลงโทษสถานหนัก ก็ยังมีเหตุผลเช่นเดียวกันว่า ในที่สุดก็จะเข้าทางความต้องการของฝ่ายรัฐบาล จึงเห็นควรใช้มาตรการทางปกครองให้พิจารณาความผิดโดยให้ภาคทัณฑ์ และไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคเป็นเวลาหนึ่ง และพิจารณาไม่ส่งเป็นผู้สมัครของพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เว้นแต่จะสามารถพิสูจน์ให้พรรคมั่นใจหรือมีการกระทำที่น่าเชื่อถือว่าจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองให้อยู่ในระเบียบวินัยของพรรค
3. กรณีนาย
ขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี ถือว่าได้กระทำผิดวินัยร้ายแรงเช่นกัน ข้ออ้างและเหตุผลที่ชี้แจงถือว่าฟังไม่ขึ้น แต่พฤติกรรมคือเพียงแสดงตนให้เป็นองค์ประชุม แต่ในความประพฤติต่อมา ยังไม่เห็นแจ้งชัดว่า ยังจงใจที่จะกระทำผิดเช่นเดิม จึงเสนอให้ดำเนินการภาคทัณฑ์ ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมพรรคในระยะเวลาหนึ่ง และพิจารณาไม่ส่งลงเลือกตั้งในครั้งต่อไป จนกว่าจะมีข้อเสนอหรือพิจารณาเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้ผลสรุปทั้ง 3 กรณีนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ จะส่งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการจริยธรรมของพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาโดยลำดับ
กมธ.กฎหมายรับหนังสือกลุ่มปลดแอกชาวสองล้อ
https://www.innnews.co.th/politics/news_575151/
นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล ประธานคณะ กมธ. การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วย นาย
สิระ เจนจาคะ รองประธานคณะ กมธ. คนที่สาม รับยื่นหนังสือจากนาย
ภีรสิทธิ์ จิระวงศ์ไพศาล ผู้แทนกลุ่มปลดแอกชาวสองล้อ เพื่อขอให้แก้ไข พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 ในส่วนของรถจักรยานยนต์ให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน ทั้งในด้านสมรรถนะของรถจักรยานยนต์ และการใช้ถนนสาธารณะของกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ รวมทั้งขอให้ยกเลิกข้อบังคับที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ตลอดจนวางแผนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมให้สอดคล้องกับการใช้งานรถจักรยานยนต์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ นาย
ปิยบุตร กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า คณะกรรมาธิการฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน เพราะคณะกรรมาธิการฯ มีหน้าที่หลักในการช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกกลุ่มที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และได้รับผลกระทบจากการถูกลิดรอนสิทธิต่างๆ ทั้งนี้ จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อผลักดันให้มีการแก้ไข พ.ร.บ. ดังกล่าวต่อไป
JJNY : มติเพื่อไทยไม่ขับงูเห่า แต่บอยคอต/กมธ.กม.รับหนังสือกลุ่มปลดแอกชาวสองล้อ/WHOเตือนไทยระวังไวรัสขณะใกล้ตรุษจีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1890586
เมื่อวันที่ 15 มกราคม คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีส.ส.ของพรรคไม่ปฏิบัติตามมติของพรรคและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้มีผลสอบกรณี 3 ส.ส.กระทำการฝ่าฝืนมติพรรค และข้อตกลงร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า
1. กรณีนางพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี พบว่า ได้แสดงพฤติกรรมและท่าทีชัดเจนว่ามีเจตนาและแสดงออกอย่างเปิดเผยในการฝ่าฝืนมติพรรค แม้ในครั้งแรกจะยังมิได้มีมติไปสนับสนุนรัฐบาล แต่ก็ไปแสดงตัวเป็นองค์ประชุมอย่างเปิดเผย ซึ่งขัดต่อมติของพรรค และเมื่อช่วงการอภิปรายงบประมาณ 2563 วาระสอง-สาม ยังแสดงตนโหวตสวนมติพรรคอย่างเปิดเผยโดยมิได้สนใจและนำพาต่อมติของพรรคแต่อย่างใด ประกอบกับหลักฐานแวดล้อมหลายกรณีตามบันทึกการสอบสวนเห็นว่า ส.ส.พรพิมลได้จงใจฝ่าฝืนมติพรรคโดยเชื่อได้ว่า เป็นการได้รับการร้องขอและมีประโยชน์ตอบแทนส่วนตน ถือว่าเป็นการกระทำความผิดวินัยพรรคอย่างร้ายแรง ซ้ำซาก ควรลงโทษสถานหนัก อย่างไรก็ตามการลงโทษถึงขั้นขับออกจากสมาชิกพรรค ตามรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นสามารถไปหาพรรคใหม่สังกัดได้ภายในสามสิบวัน จึงเห็นว่ายิ่งจะเป็นการสมประโยชน์ของฝ่ายรัฐบาลมากขึ้นไปอีก
จึงเสนอให้กรรมการวินัยและจรรยาบรรณลงโทษทางวินัยในระดับภาคทัณฑ์และใช้มาตรการทางปกครองที่เด็ดขาดคือ ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคและไม่ส่งสมัครในการเลือกตั้งครั้งต่อไปโดยไม่มีเงื่อนไขผ่อนปรนใดๆ ทั้งสิ้น
2. กรณี นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทท. จากการตรวจสอบและสอบสวนชี้ชัดว่า ส.ส.พลภูมิได้มีพฤติกรรมและการกระทำที่ฝ่าฝืนมติพรรค แม้จะอ้างเหตุผลด้วยความจำเป็น และเหตุผลส่วนตัว ก็ไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างหักร้างแนวทางของพรรค และจริยธรรมทางการเมือง และไม่อาจใช้เป็นเหตุผลในการกระทำที่ขัดต่อมติของพรรคได้ แม้ว่าจะยังไม่ได้มีพฤติกรรมการกระทำผิดอย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังคงฝ่าฝืนมติพรรค โดยการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณที่ผ่านมา ได้ลงมติไม่ประสงค์ลงคะแนน สวนทางกับมติของพรรคที่ให้งดออกเสียง แม้จะไม่ถึงขั้นลงมติเห็นชอบแบบราย ส.ส.พรพิมลก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การจะพิจารณาลงโทษสถานหนัก ก็ยังมีเหตุผลเช่นเดียวกันว่า ในที่สุดก็จะเข้าทางความต้องการของฝ่ายรัฐบาล จึงเห็นควรใช้มาตรการทางปกครองให้พิจารณาความผิดโดยให้ภาคทัณฑ์ และไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคเป็นเวลาหนึ่ง และพิจารณาไม่ส่งเป็นผู้สมัครของพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เว้นแต่จะสามารถพิสูจน์ให้พรรคมั่นใจหรือมีการกระทำที่น่าเชื่อถือว่าจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองให้อยู่ในระเบียบวินัยของพรรค
3. กรณีนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี ถือว่าได้กระทำผิดวินัยร้ายแรงเช่นกัน ข้ออ้างและเหตุผลที่ชี้แจงถือว่าฟังไม่ขึ้น แต่พฤติกรรมคือเพียงแสดงตนให้เป็นองค์ประชุม แต่ในความประพฤติต่อมา ยังไม่เห็นแจ้งชัดว่า ยังจงใจที่จะกระทำผิดเช่นเดิม จึงเสนอให้ดำเนินการภาคทัณฑ์ ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมพรรคในระยะเวลาหนึ่ง และพิจารณาไม่ส่งลงเลือกตั้งในครั้งต่อไป จนกว่าจะมีข้อเสนอหรือพิจารณาเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้ผลสรุปทั้ง 3 กรณีนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ จะส่งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการจริยธรรมของพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาโดยลำดับ
กมธ.กฎหมายรับหนังสือกลุ่มปลดแอกชาวสองล้อ
https://www.innnews.co.th/politics/news_575151/
นายปิยบุตร แสงกนกกุล ประธานคณะ กมธ. การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วย นายสิระ เจนจาคะ รองประธานคณะ กมธ. คนที่สาม รับยื่นหนังสือจากนายภีรสิทธิ์ จิระวงศ์ไพศาล ผู้แทนกลุ่มปลดแอกชาวสองล้อ เพื่อขอให้แก้ไข พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 ในส่วนของรถจักรยานยนต์ให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน ทั้งในด้านสมรรถนะของรถจักรยานยนต์ และการใช้ถนนสาธารณะของกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ รวมทั้งขอให้ยกเลิกข้อบังคับที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ตลอดจนวางแผนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมให้สอดคล้องกับการใช้งานรถจักรยานยนต์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ นายปิยบุตร กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า คณะกรรมาธิการฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน เพราะคณะกรรมาธิการฯ มีหน้าที่หลักในการช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกกลุ่มที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และได้รับผลกระทบจากการถูกลิดรอนสิทธิต่างๆ ทั้งนี้ จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อผลักดันให้มีการแก้ไข พ.ร.บ. ดังกล่าวต่อไป