"ภาษาเป็นตัวแทนความจริง หรือภาษากำหนดความจริง”
คำถามนี้ดูเผินเหมือนกวนประสาท แต่หากคิดต่อไปอีกสักนิดจะพบว่ามันไม่ได้กวน
เมื่อเราซึมซาบเข้าไปในวิถีของภาษาใหม่ภาษาหนึ่งอย่างหมดตัวหมดใจ วิถีทางมองโลกของเราก็จะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
การมีคำศัพท์จำกัดของภาษาอังกฤษ Uncle Aunt เทียบกับ ลุงป้าน้าอา ของไทย มันบ่งบอกถึงโลกของความจริงคนละใบระหว่างมนุษย์ต่างเผ่าพันธุ์
เท่านั้นจริงหรือ
หรือมันไม่เพียงแค่บ่งบอก หากแต่มันกลับกำหนดวิถีที่เรามองและปฏิบัติต่อโลกความจริงเสียด้วยซ้ำ
แค่แยกชายหญิง หรือแยกความสูงต่ำในลำดับอาวุโส รวมถึงแยกความสำคัญที่ต่างกันระหว่างอาวุโสที่สูงต่ำนั้น
ทำไมเราถึงมีแต่ลุงผู้ชาย และป้าผู้หญิง ในขณะที่ อาและน้าของเราเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
ยังมิพักต้องเอ่ยถึง แปะ ซิ่ม เจ็ก อึ้ม กู่ กิ๋ม อี๊ เตี๋ย โกว ที่สุดแสนจะชวนเวียนหัวสำหรับคนนอกวัฒนธรรมจีน ซึ่งนอกจากความไม่เท่ากันของอาวุโสแล้ว คุณค่าระหว่างชายหญิงก็ต่างกัน
ลำพังการเรียกคนที่เป็นพี่น้องของพ่อแม่ ภาษาอังกฤษมี 2 ไทยมี 4 จีน (แต้จิ๋ว) มี 9 คำ (เท่าที่จำได้) สิ่งเหล่านี้ทั้งสะท้อนและกำหนดวิถีที่เรามองโลกและวิธีที่เราจะมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันที่ต่างกัน
การที่เราใช้ภาษาอยู่ทุกวัน โดยปริยายการมองโลกของเราก็ถูกกำหนดโดยภาษานั้น
Arrival เสนอจินตนาการถึงพลังของภาษาที่ไกลกว่านั้นมาก จนแทบจะกลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ก็ไม่กล้าจะปฏิเสธว่ามันเป็นไปไม่ได้ นั่นคือหากโครงสร้างของภาษาไม่ได้เป็นเส้นตรง แต่วนเป็นวัฏฏะที่ไม่มีจุดเริ่มและสิ้นสุด ภายใต้ภาษาแบบนี้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต จึงไม่ได้เป็นสิ่งที่เรียงลำดับเป็นเส้นตรง แต่กลับกลายเป็นโลกอีกแบบหนึ่งที่เราจะมีประสบการณ์กับ “เวลา” ที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
หนังบ้าๆเรื่องนึง ที่เสนอความคิดประหลาดๆ
ดูจบแล้ว ชอบหรือไม่ชอบ ไม่แน่ใจนัก แต่ที่แน่ๆ ข้าพเจ้า เชื่อในประโยคนี้
"อย่าดูเบาพลังของภาษา"
[CR] Arrival เมื่อภาษาไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสื่อความหมาย (มี spoil อ้อมๆ)
คำถามนี้ดูเผินเหมือนกวนประสาท แต่หากคิดต่อไปอีกสักนิดจะพบว่ามันไม่ได้กวน
เมื่อเราซึมซาบเข้าไปในวิถีของภาษาใหม่ภาษาหนึ่งอย่างหมดตัวหมดใจ วิถีทางมองโลกของเราก็จะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
การมีคำศัพท์จำกัดของภาษาอังกฤษ Uncle Aunt เทียบกับ ลุงป้าน้าอา ของไทย มันบ่งบอกถึงโลกของความจริงคนละใบระหว่างมนุษย์ต่างเผ่าพันธุ์
เท่านั้นจริงหรือ
หรือมันไม่เพียงแค่บ่งบอก หากแต่มันกลับกำหนดวิถีที่เรามองและปฏิบัติต่อโลกความจริงเสียด้วยซ้ำ
แค่แยกชายหญิง หรือแยกความสูงต่ำในลำดับอาวุโส รวมถึงแยกความสำคัญที่ต่างกันระหว่างอาวุโสที่สูงต่ำนั้น
ทำไมเราถึงมีแต่ลุงผู้ชาย และป้าผู้หญิง ในขณะที่ อาและน้าของเราเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
ยังมิพักต้องเอ่ยถึง แปะ ซิ่ม เจ็ก อึ้ม กู่ กิ๋ม อี๊ เตี๋ย โกว ที่สุดแสนจะชวนเวียนหัวสำหรับคนนอกวัฒนธรรมจีน ซึ่งนอกจากความไม่เท่ากันของอาวุโสแล้ว คุณค่าระหว่างชายหญิงก็ต่างกัน
ลำพังการเรียกคนที่เป็นพี่น้องของพ่อแม่ ภาษาอังกฤษมี 2 ไทยมี 4 จีน (แต้จิ๋ว) มี 9 คำ (เท่าที่จำได้) สิ่งเหล่านี้ทั้งสะท้อนและกำหนดวิถีที่เรามองโลกและวิธีที่เราจะมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันที่ต่างกัน
การที่เราใช้ภาษาอยู่ทุกวัน โดยปริยายการมองโลกของเราก็ถูกกำหนดโดยภาษานั้น
Arrival เสนอจินตนาการถึงพลังของภาษาที่ไกลกว่านั้นมาก จนแทบจะกลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ก็ไม่กล้าจะปฏิเสธว่ามันเป็นไปไม่ได้ นั่นคือหากโครงสร้างของภาษาไม่ได้เป็นเส้นตรง แต่วนเป็นวัฏฏะที่ไม่มีจุดเริ่มและสิ้นสุด ภายใต้ภาษาแบบนี้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต จึงไม่ได้เป็นสิ่งที่เรียงลำดับเป็นเส้นตรง แต่กลับกลายเป็นโลกอีกแบบหนึ่งที่เราจะมีประสบการณ์กับ “เวลา” ที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
หนังบ้าๆเรื่องนึง ที่เสนอความคิดประหลาดๆ
ดูจบแล้ว ชอบหรือไม่ชอบ ไม่แน่ใจนัก แต่ที่แน่ๆ ข้าพเจ้า เชื่อในประโยคนี้
"อย่าดูเบาพลังของภาษา"