สวัสดีค่ะ เราเพิ่งได้แต่งนิยายลงถนนนักเขียนเป็นครั้งแแรกนะคะ
นี่ไม่ใช่นิยายเรื่องแรก แต่เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่คิดว่าน่าจะเอามาลงในห้องนี้ได้ นอกเหนือจากนั้นเป็นแฟนตาซีที่ยังไม่กล้าเอามาลงเพราะยังไม่ค่อยเห็นใครเอามาลงค่ะ เรื่องนี้เราไม่มั่นใจว่าจะให้เป็นกลุ่มไหนดี คือจะให้เป็นนวนิยายเรื่องยาว แต่บทหนึ่งจะสั้นๆ และเรื่องราวในบทก็จะจบแค่ในหนึ่งบทหรือไม่เกินสองบท แต่เป็นเรื่องเดียวกัน
อธิบายอาจไม่ค่อยเห็นภาพ แต่ทุกท่านลองไปอ่านดูนะคะ อ่านจบแล้วติติงวิจารณ์ได้เต็มที่ค่ะ ส่วนตัวเราแต่งนิยายเป็นงานอดิเรกมานานแต่ไม่มีคนคอยสอนหรือให้คำแนะนำจึงไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองค่ะ ได้แต่พิมพ์และแก้เองไปคนเดียวจุดผิดพลาดอาจจะเยอะ ถ้ามีใครมาติติงวิจารณ์ชี้จุดด้อยให้เราเห็นอย่างเต็มที่เราก็ยินดีและขอบพระคุณมากค่ะ
ปล. แนวเรื่อง จะบอกว่าสยองขวัญก็เกินไป อาจจะแค่หลอนค่ะ...
บทนำ
หมู่บ้านที่ฉันจากมานาน
บ้านที่พ่อแม่ซื้อตั้งแต่ฉันยังเด็ก
ฉันได้กลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง ในวัยเบญจเพส ฉัน เพียงคนเดียว
บ้านชั้นเดียวขนาดเล็ก หญ้าขึ้นรกชัฏ ต้นไม้ขึ้นล้อมจนเหมือนป่า
บ้านที่ไม่มีอะไรชวนให้น่าอยู่ แต่หมู่บ้านนี้กลับดึงดูดฉัน
วันแรกที่ฉันมาถึงหมู่บ้านนี้ ฉันไม่เจอใคร
เพราะไม่อยู่ ไม่เห็น หรือไม่มี
บ้านเพียงไม่กี่หลังในหมู่บ้านนี้ต่างปิดเงียบ
เงียบสงัด จนราวกับว่าฉันจะได้ยินทุกสรรพเสียงในหมู่บ้านนี้
คืนแรกที่อยู่ ความเงียบกลับทำให้ฉันฟุ้งซ่าน
แค่เสียงใบไม้ขยับยังชวนให้หวาดระแวง
กลัวจับจิต ทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต
จมอยู่กับความหวาดผวาตลอดคืน จนความอ่อนเพลียดึงฉันสู้ห้วงการหลับใหล
รุ่งเช้าเมื่อตื่นมาเห็นแสงแรกของวันทุกความหวาดกลัวจางหายไป
ความเงียบสงบยังคงอยู่ บ้านทุกหลังยังปิดสนิท
ฉันจึงตัดสินใจอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ต่อไป
บทที่ 1 คืนแรก
ฉันชื่อกฤษณา ปีนี้อายุฉันครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ หลังการเป็นมนุษย์งานอันเคร่งเครียดสามปีฉันก็ลาออกอย่างทนไม่ได้ อยู่อย่างคนว่างงานหนึ่งปีเต็ม จมกับงานอดิเรกอย่างการแต่งนิยายเพ้อฝันไป จนในที่สุดวันหนึ่งโชคก็เข้าข้างฉัน เปล่า...นิยายฉันไม่ได้ตีพิมพ์ ฉันไม่ได้ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล ฉันแค่โชคดีที่มีคุณอาหางานให้ นั่นคือ การดูแลบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังเก่าที่คุณอาเคยอยู่ และขณะเดียวกันมันก็คือหมู่บ้านที่ครอบครัวฉันเคยอยู่ตั้งแต่สมัยฉันยังเด็กๆ ฉันแยกออกมาอยู่คนเดียว ไม่ต้องสนใจครอบครัวฉันเพราะจากนี้คือสิ่งที่ฉันเผชิญหน้าคนเดียวเท่านั้น
บ้านใหม่ของฉัน คือบ้านเก่าที่คุณอาเคยอยู่ ส่วนบ้านฉันอยู่ใกล้บ้านคุณอา ครอบครัวฉันย้ายออกมาตั้งแต่จำความได้ พ่อแม่เล่าว่า บ้านหลังนี้อยู่ในโครงการบ้านจัดสรรแต่ไม่นานโครงการนั้นก็ล้มเหลว บ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนี้จึงร้างผู้คน เดิมทีเคยมีคนอาศัยอยู่บ้าง แต่คืนวันผ่านไปคนก็ย้ายออก บ้างก็เสียชีวิต จนในที่สุด หมู่บ้านนี้ก็ไม่มีใครเหลืออยู่อีก จนกระทั่ง ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่
บ้านขนาดเล็กๆ โครงสร้างธรรมดาไม่ได้สวยงาม ประตูหน้าบ้านหนึ่งบานเปิดเข้าไปเจอห้องรับแขก ซ้ายมือคือห้องนอนสองห้อง หนึ่งห้องน้ำ หลังบ้านมีครัวเล็กๆ ข้างบ้านมีโรงจอดรถ หน้าบ้านคือสวนที่มีต้นไม้และวัชพืชขึ้นจนรกชัฏ หลังบ้านยังมีพื้นที่กว้างแต่รกไม่ต่างกัน ส่วนนอกอาณาเขตบ้านฉัน นอกจากถนนสายเล็กๆหน้าบ้านแล้ว รอบข้างก็มีแต่ป่าคั่นระหว่างบ้านแต่ละหลัง
วันแรกของการย้ายเข้า ฉันลองเดินไปดูบ้านหลังอื่นๆในละแวกใกล้เคียง ก็เห็นแต่บ้านที่ปิดสนิท หมู่บ้านเงียบสงัด จนกระทั่งพนักงานขนย้ายที่จ้างไว้มาถึง ข้าวของที่จำเป็นถูกลำเลียงเข้าบ้าน เสื้อผ้าสองลัง ดีวีดีภาพยนตร์หนึ่งลัง หนังสืออ่านเล่นอีกสามลัง พัดลมหนึ่งตัว กระติกน้ำร้อน หม้อหุงข้าว เตาไฟฟ้า ตู้เย็นขนาดกลาง ที่นอนหมอนผ้าห่ม โต๊ะพับ นอกจากนั้นก็ของใช้เล็กๆน้อยจิปาถะ สิ่งที่มีอยู่แล้วในบ้านหลังนี้คือเตียงเหล็กดัดอย่างดีขนาดคิงไซส์ โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเก้าอี้ ชุดรับแขกไม้สัก ชั้นวางของ แท่นวางเตาทำอาหาร อ่างล้างจานและเครื่องสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ แต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นซึ่งมันก็ไม่สำคัญ เธอต้มน้ำอาบได้
การขนย้ายของเข้าบ้านใช้เวลาไม่นาน แต่หมดเวลาเกือบทั้งวันกับการเก็บกวาดบ้านและจัดของเข้าที่ ทั้งเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ เก็บหนังสือใส่ชั้น เปลี่ยนหลอดไฟ ทำความสะอาดบ้าน จนตะวันเกือบลับขอบฟ้าสิ่งที่ยังไม่ได้ทำคือจัดการกับต้นไม้ที่รกจนแทบจะกลืนบ้านไปทั้งหลัง ไว้พรุ่งนี้เถอะ!
มื้อแรกต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินเพราะยังไม่มีอาหารสด ไว้ค่อยไปหาซื้อ ยังไงล่ะ? เธอไม่มีรถ แต่...ใช่ มีจักรยาน
อุปสรรควันแรกคือ น้ำประปาแดงฉานจากสนิม แถมด้วยดินโคลนเพราะไม่ถูกเปิดใช้เป็นเวลานาน
และอุปสรรคต่อมาคือ ยามเข้านอน
เพิ่งจะสำเหนียกได้ว่าทั้งหมู่บ้านมีตัวเองคนเดียวก็ตอนเข้านอนนี่เอง ความเงียบทำให้ได้ยินหลากหลายเสียง เสียงลม ใบไม้เสียดสี แมลง น้ำหยด เข็มนาฬิกา เสียงหายใจ...ของฉันหรือเปล่า เสียงดังก่อกแก่ก หูแว่วไปเองหรือว่ามีใครแอบทำอะไรอยู่ ยิ่งฟังยิ่งฟุ้งซ่าน ฉันจะอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ...
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาด้วยเสียงปลุกจากโทรศัพท์มือถือ จำไม่ได้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไร แต่ดีแล้วที่เห็นแสงสว่างเสียที เมื่อออกจากห้องและเปิดประตูรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าของหมู่บ้านกลางป่า ความเงียบสงัดก็ยังคงอยู่ ฉันเริ่มเดินสำรวจแค่เฉพาะซอยที่ฉันอยู่เท่านั้น เดินไปปากซอยและวกกลับไปท้ายซอย มีบ้านห้าหลังในซอยนี้รวมบ้านฉันไปด้วย แต่บ้านหลังอื่นปิดเงียบ คาดว่าไม่มีใครอยู่
สายลมอ่อนๆพัดมาขณะที่ฉันกำลังเดินกลับบ้านตัวเอง ฉันหลับตาฟังใบไม้เสียดสีกัน ในยามกลางวันมันช่างน่าฟัง ความอุ่นของแสงอาทิตย์ เสียงนกเจื้อยแจ้ว ไม่น่ากลัว มันคือความสงบ ที่ชวนให้อยากอยู่ที่นี่
กลางดึกที่น่าหวาดผวาผลักไสฉันให้หนีออกไป แต่ย่ำรุ่งความสงบดึงดูดให้ฉันอยู่ที่นี่
คืนนี้ความเงียบคงหลอกหลอนฉันอีก แต่ยามเช้าความเงียบก็จะปลอบประโลมฉัน
มันคงเป็นเช่นนี้ทุกๆวัน เพราะฉะนั้นตราบเท่าที่แสงตะวันยังคงหวนกลับมาในวันใหม่ ฉันก็ยังคงอยากอยู่ที่นี่ต่อไปทุกวัน...ทุกวัน
บ้านใกล้เรือนเคียง บทนำ+บทที่1+บทที่2
นี่ไม่ใช่นิยายเรื่องแรก แต่เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่คิดว่าน่าจะเอามาลงในห้องนี้ได้ นอกเหนือจากนั้นเป็นแฟนตาซีที่ยังไม่กล้าเอามาลงเพราะยังไม่ค่อยเห็นใครเอามาลงค่ะ เรื่องนี้เราไม่มั่นใจว่าจะให้เป็นกลุ่มไหนดี คือจะให้เป็นนวนิยายเรื่องยาว แต่บทหนึ่งจะสั้นๆ และเรื่องราวในบทก็จะจบแค่ในหนึ่งบทหรือไม่เกินสองบท แต่เป็นเรื่องเดียวกัน
อธิบายอาจไม่ค่อยเห็นภาพ แต่ทุกท่านลองไปอ่านดูนะคะ อ่านจบแล้วติติงวิจารณ์ได้เต็มที่ค่ะ ส่วนตัวเราแต่งนิยายเป็นงานอดิเรกมานานแต่ไม่มีคนคอยสอนหรือให้คำแนะนำจึงไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองค่ะ ได้แต่พิมพ์และแก้เองไปคนเดียวจุดผิดพลาดอาจจะเยอะ ถ้ามีใครมาติติงวิจารณ์ชี้จุดด้อยให้เราเห็นอย่างเต็มที่เราก็ยินดีและขอบพระคุณมากค่ะ
ปล. แนวเรื่อง จะบอกว่าสยองขวัญก็เกินไป อาจจะแค่หลอนค่ะ...
หมู่บ้านที่ฉันจากมานาน
บ้านที่พ่อแม่ซื้อตั้งแต่ฉันยังเด็ก
ฉันได้กลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง ในวัยเบญจเพส ฉัน เพียงคนเดียว
บ้านชั้นเดียวขนาดเล็ก หญ้าขึ้นรกชัฏ ต้นไม้ขึ้นล้อมจนเหมือนป่า
บ้านที่ไม่มีอะไรชวนให้น่าอยู่ แต่หมู่บ้านนี้กลับดึงดูดฉัน
วันแรกที่ฉันมาถึงหมู่บ้านนี้ ฉันไม่เจอใคร
เพราะไม่อยู่ ไม่เห็น หรือไม่มี
บ้านเพียงไม่กี่หลังในหมู่บ้านนี้ต่างปิดเงียบ
เงียบสงัด จนราวกับว่าฉันจะได้ยินทุกสรรพเสียงในหมู่บ้านนี้
คืนแรกที่อยู่ ความเงียบกลับทำให้ฉันฟุ้งซ่าน
แค่เสียงใบไม้ขยับยังชวนให้หวาดระแวง
กลัวจับจิต ทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต
จมอยู่กับความหวาดผวาตลอดคืน จนความอ่อนเพลียดึงฉันสู้ห้วงการหลับใหล
รุ่งเช้าเมื่อตื่นมาเห็นแสงแรกของวันทุกความหวาดกลัวจางหายไป
ความเงียบสงบยังคงอยู่ บ้านทุกหลังยังปิดสนิท
ฉันจึงตัดสินใจอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ต่อไป
บทที่ 1 คืนแรก
ฉันชื่อกฤษณา ปีนี้อายุฉันครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ หลังการเป็นมนุษย์งานอันเคร่งเครียดสามปีฉันก็ลาออกอย่างทนไม่ได้ อยู่อย่างคนว่างงานหนึ่งปีเต็ม จมกับงานอดิเรกอย่างการแต่งนิยายเพ้อฝันไป จนในที่สุดวันหนึ่งโชคก็เข้าข้างฉัน เปล่า...นิยายฉันไม่ได้ตีพิมพ์ ฉันไม่ได้ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล ฉันแค่โชคดีที่มีคุณอาหางานให้ นั่นคือ การดูแลบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังเก่าที่คุณอาเคยอยู่ และขณะเดียวกันมันก็คือหมู่บ้านที่ครอบครัวฉันเคยอยู่ตั้งแต่สมัยฉันยังเด็กๆ ฉันแยกออกมาอยู่คนเดียว ไม่ต้องสนใจครอบครัวฉันเพราะจากนี้คือสิ่งที่ฉันเผชิญหน้าคนเดียวเท่านั้น
บ้านใหม่ของฉัน คือบ้านเก่าที่คุณอาเคยอยู่ ส่วนบ้านฉันอยู่ใกล้บ้านคุณอา ครอบครัวฉันย้ายออกมาตั้งแต่จำความได้ พ่อแม่เล่าว่า บ้านหลังนี้อยู่ในโครงการบ้านจัดสรรแต่ไม่นานโครงการนั้นก็ล้มเหลว บ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนี้จึงร้างผู้คน เดิมทีเคยมีคนอาศัยอยู่บ้าง แต่คืนวันผ่านไปคนก็ย้ายออก บ้างก็เสียชีวิต จนในที่สุด หมู่บ้านนี้ก็ไม่มีใครเหลืออยู่อีก จนกระทั่ง ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่
บ้านขนาดเล็กๆ โครงสร้างธรรมดาไม่ได้สวยงาม ประตูหน้าบ้านหนึ่งบานเปิดเข้าไปเจอห้องรับแขก ซ้ายมือคือห้องนอนสองห้อง หนึ่งห้องน้ำ หลังบ้านมีครัวเล็กๆ ข้างบ้านมีโรงจอดรถ หน้าบ้านคือสวนที่มีต้นไม้และวัชพืชขึ้นจนรกชัฏ หลังบ้านยังมีพื้นที่กว้างแต่รกไม่ต่างกัน ส่วนนอกอาณาเขตบ้านฉัน นอกจากถนนสายเล็กๆหน้าบ้านแล้ว รอบข้างก็มีแต่ป่าคั่นระหว่างบ้านแต่ละหลัง
วันแรกของการย้ายเข้า ฉันลองเดินไปดูบ้านหลังอื่นๆในละแวกใกล้เคียง ก็เห็นแต่บ้านที่ปิดสนิท หมู่บ้านเงียบสงัด จนกระทั่งพนักงานขนย้ายที่จ้างไว้มาถึง ข้าวของที่จำเป็นถูกลำเลียงเข้าบ้าน เสื้อผ้าสองลัง ดีวีดีภาพยนตร์หนึ่งลัง หนังสืออ่านเล่นอีกสามลัง พัดลมหนึ่งตัว กระติกน้ำร้อน หม้อหุงข้าว เตาไฟฟ้า ตู้เย็นขนาดกลาง ที่นอนหมอนผ้าห่ม โต๊ะพับ นอกจากนั้นก็ของใช้เล็กๆน้อยจิปาถะ สิ่งที่มีอยู่แล้วในบ้านหลังนี้คือเตียงเหล็กดัดอย่างดีขนาดคิงไซส์ โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเก้าอี้ ชุดรับแขกไม้สัก ชั้นวางของ แท่นวางเตาทำอาหาร อ่างล้างจานและเครื่องสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ แต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นซึ่งมันก็ไม่สำคัญ เธอต้มน้ำอาบได้
การขนย้ายของเข้าบ้านใช้เวลาไม่นาน แต่หมดเวลาเกือบทั้งวันกับการเก็บกวาดบ้านและจัดของเข้าที่ ทั้งเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ เก็บหนังสือใส่ชั้น เปลี่ยนหลอดไฟ ทำความสะอาดบ้าน จนตะวันเกือบลับขอบฟ้าสิ่งที่ยังไม่ได้ทำคือจัดการกับต้นไม้ที่รกจนแทบจะกลืนบ้านไปทั้งหลัง ไว้พรุ่งนี้เถอะ!
มื้อแรกต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินเพราะยังไม่มีอาหารสด ไว้ค่อยไปหาซื้อ ยังไงล่ะ? เธอไม่มีรถ แต่...ใช่ มีจักรยาน
อุปสรรควันแรกคือ น้ำประปาแดงฉานจากสนิม แถมด้วยดินโคลนเพราะไม่ถูกเปิดใช้เป็นเวลานาน
และอุปสรรคต่อมาคือ ยามเข้านอน
เพิ่งจะสำเหนียกได้ว่าทั้งหมู่บ้านมีตัวเองคนเดียวก็ตอนเข้านอนนี่เอง ความเงียบทำให้ได้ยินหลากหลายเสียง เสียงลม ใบไม้เสียดสี แมลง น้ำหยด เข็มนาฬิกา เสียงหายใจ...ของฉันหรือเปล่า เสียงดังก่อกแก่ก หูแว่วไปเองหรือว่ามีใครแอบทำอะไรอยู่ ยิ่งฟังยิ่งฟุ้งซ่าน ฉันจะอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ...
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาด้วยเสียงปลุกจากโทรศัพท์มือถือ จำไม่ได้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไร แต่ดีแล้วที่เห็นแสงสว่างเสียที เมื่อออกจากห้องและเปิดประตูรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าของหมู่บ้านกลางป่า ความเงียบสงัดก็ยังคงอยู่ ฉันเริ่มเดินสำรวจแค่เฉพาะซอยที่ฉันอยู่เท่านั้น เดินไปปากซอยและวกกลับไปท้ายซอย มีบ้านห้าหลังในซอยนี้รวมบ้านฉันไปด้วย แต่บ้านหลังอื่นปิดเงียบ คาดว่าไม่มีใครอยู่
สายลมอ่อนๆพัดมาขณะที่ฉันกำลังเดินกลับบ้านตัวเอง ฉันหลับตาฟังใบไม้เสียดสีกัน ในยามกลางวันมันช่างน่าฟัง ความอุ่นของแสงอาทิตย์ เสียงนกเจื้อยแจ้ว ไม่น่ากลัว มันคือความสงบ ที่ชวนให้อยากอยู่ที่นี่
กลางดึกที่น่าหวาดผวาผลักไสฉันให้หนีออกไป แต่ย่ำรุ่งความสงบดึงดูดให้ฉันอยู่ที่นี่
คืนนี้ความเงียบคงหลอกหลอนฉันอีก แต่ยามเช้าความเงียบก็จะปลอบประโลมฉัน
มันคงเป็นเช่นนี้ทุกๆวัน เพราะฉะนั้นตราบเท่าที่แสงตะวันยังคงหวนกลับมาในวันใหม่ ฉันก็ยังคงอยากอยู่ที่นี่ต่อไปทุกวัน...ทุกวัน