[SR] [SR] แชร์ประสบการณ์การเป็นนัก(ทดลอง)รีวิวครั้งแรกกับ PANTIP.COM ร้าน Bricks & Bone

กระทู้รีวิว

สวัสดีค่ะ เราชื่อ ฟู เป็นคนที่ชอบถ่ายภาพและชอบกิน เราได้ร่วมสนุกและเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ได้ทำกิจกรรมกับทีมงาน Pantip Review
โดยการเป็นนัก(ทดลอง)รีวิวอาหารฝรั่งครั้งแรกที่ร้าน Bricks & Bone

มาทำความรู้จักกันก่อนเลยว่า ร้าน Bricks & Bone เป็นร้านอาหารสไตล์ไหน

ร้าน Bricks & Bone สไตล์แบบมานั่งชิลๆแบบมา Hangout มา Party ร้านตั้งอยู่ซอยรามคำแหง 24 แยก 20 อยู่ฝั่งขวามือ

ตรงข้ามกับหอเพลินเพลซ จุดสังเกตหน้าร้านจะเป็นตุ๊กตาปูนปันพ่อครัว และป้ายร้าน

และนี่คือป้ายร้าน Bricks and Bone ขอบคุณรูปภาพเพจเฟสบุ๊กจากร้าน Bricks and Bone

ส่วนอาหารจะเป็นสไตล์อเมริกัน แบบเบอร์เกอร์สเต็ก เน้น มันๆ ทอดๆ เหมาะสำหรับพวกสายเนื้อทั้งหลาย
และเครื่องดื่มจะมี beer beercraft cocktail mocktail เป็นต้น

มาถึงร้านแล้ว จะมัวรอช้าอยู่ใย เมื่อพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสริฟ สมัยนี้เขาเน้นคอนเซ็ปว่า

"ถ่ายก่อนแล้วค่อยกิน"

เปิดด้วยเครื่องดื่ม cocktail เริ่มกันที่แก้วแรกก่อนเลย cocktail มะนาวโซดา

cocktail ตัวนี้จะเป็นมะนาวใส่โซดาพร้อมปักใบสะระแหน่ รสชาติเปริ้ยวซ่า คอนเซ็ปเครื่องดื่ม cocktail ของร้าน เน้นรสชาติออกเปริ้ยว
เพื่อแก้เลี่ยนจากของทอดได้เป็นอย่างดี จากความรู้สึกที่ ดื่ม cocktail ตัวนี้ ก็ไม่ต่างจากมะนาวโซดาทั่วไปเท่าไหร่

แก้วที่สองเป็น Cocktail ลิ้นจี่

รสชาติเน้นเปรี้ยว มีกลิ่นหอมของลิ้นจี่ด้วย โดยปกติเราไม่ทานน้ำลิ้นจี่ แต่พอลองได้ดื่ม Cocktail ตัวนี้ ถือว่าโอเคเลยทีเดียว

แก้วที่สาม Cocktail องุ่น

จากความรู้สึกที่ดื่มก็จะมีกลิ่นขององุ่นกลิ่นจะหอมกว่าลิ้นจี่ก็ยังคงคอนเซ็ปเปรี้ยวซ่า เหมือนเดิม

และนี่ถือว่าเป็นตัวไฮไลท์ตัวเด็ดเลยทีเดียวนะ เครื่องดื่มนี้มีชื่อว่า

“Cocktail นก”

อ้าว งง สิ งง ทำไมตั้งชื่อว่า Cocktail นก มีนกใส่ลงไปในนี้หรอ ฮั่นแน่ อยากรู้แล้วสินะหน้าตาจะเป็นยัง เอ้า ภาพมา

มีนกด้วยสีชมพูเชียว

Cocktail นก คือ Cocktail เสาวรสนั่นเอง รสชาติเปรี้ยวซ่าตามด้วยกลิ่นหอมและรสของเสาวรสที่จุดขายที่ทำให้ลูกค้าติดใจ และเป็นเครื่องดื่ม signature ของทางร้านเลยละที่ลูกค้ามาจะต้องสั่งกันเป็นประจำ โดยส่วนตัวชอบเครื่องดื่มตัวนี้มากที่สุด

เครื่องดื่มยังมีอีกแก้วนึงแต่ว่า มัวแต่ชิมแก้วนก พอดีเพิ่งนกมา เลยลืมถ่ายง่ะ

เครื่องดื่มทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเครื่องดื่มที่ลูกค้าที่มาร้านจะนิยมสั่งทานกันเป็นประจำ

ตามด้วยอาหารจ้า เริ่มด้วยจานแรกกันเลย เป็น Appetizer ของทานเล่น ของว่าง รอท้องก่อน

หอมทอด

หอมทอดของร้านนี้จะกรอบมาก แตกต่างจากร้านอื่นหอมทอดร้านอื่นที่เราเคยกินน้ำมันจะเหยิ้มหน่อยๆ เหมาะกับคนที่ชอบทานกรอบ แต่เรากลับชอบเมนูนี้น้อยที่สุดเพราะมันทานยากมาก กัดคำนึงนี่กระจาย หอมทอดร้านนี่เรากินแล้ว รู้สึกไม่เลี่ยนมากเท่าไหร่ พอจิ้มกินกับซอสมะเขือเทศจะช่วยแก้เลี่ยนได้

เฟรนฟราย

เฟรนฟรายจะเป็นแบบ seasoned crispy wedges cut มีเครื่องเทศจะเผ็ดนิดๆ

ซีซาร์สลัด

ซีซาร์สลัด ของร้านนี้จะแปลกตรงที่ว่า เขาใส่น้ำสลัดน้อยมาก เน้นชิสส่วนใหญ่ ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปที่เจ้าของร้านวางไว้ “แนวอาหารจะ Junk Food ไม่คลีน” พอได้ลองชิมผักสดกินแล้วรู้สึกสดชื่น ดูจากหน้าตาวัตถุดิบมีความสด ผักจะไม่เหี่ยว กรอบกำลังดี ไข่ต้มโอเค ขนมปังก็กรอบกำลังดีเลยละ โดยส่วนตัวเบคอนแข็งไปนิดนึงนะ

ต่อมาจานเด็ดสำหรับของว่างเลยค่ะ NACHO นั้นเอง

NACHO

NACHO ที่เต็มไปด้วย ซิสสสสสสสสส ชิสอร่อยมากค่ะ ตัวซอสอร่อยไม่เผ็ดเกินไป ชิ้นแบบพอดีคำ แป้งกรอกกำลังดี ไม่เหนียวเกินไปค่ะ

จบกันไปแล้วกับสี่จานแรก ตอนแรกคิดว่ามีแค่นี้นะ เริ่มอิ่มกับ NACHO ตัดกำลังมากเลยค่ะ
Main Course มาแล้วจ้า ประเดิมด้วยจากแรก

สปาเก็ตตี้ไส้กรอกพริกแห้ง

เส้นสปาเก็ตตี้นุ่มดีนะ ส่วนไส้กรอกก็อร่อย ภาพรวมคือจะมันๆเผ็ดๆนิดจากพริกไทยและพริกแห้ง ทานแล้วไม่รู้สึกเลี่ยน

black beef cheese burger

จานต่อมาเหมาะคนสายเนื้อ black beef cheese burger คู่กับเครื่องเคียบ seasoned crispy wedges cut แต่ว่าเราทานเนื้อไม่ได้ (แอบทานนิดหน่อย 555 แอบชิมตัวแป้งเบอร์เกอร์) ดูจากหน้าตามันแล้วค่อนข้างมันเลยที่เดียว เบอร์เกอร์ดำที่นี้ใช้หมึกของปลาหมึก ไม่ใช้ผงชาโคล เราชิมตัวแป้งมันแล้วสีมันเนียนไปแป้งเบอร์เกอร์ พอกินแล้วรู้สึกว่าแตกต่างจากเบอร์เกอร์ดำที่เคยกินซึ่งเขาใช้ผงชาโคล

เบอร์เกอร์เนื้อจิงโจ้

จานต่อมาถือว่าเด็ดมาก เบอร์เกอร์เนื้อจิงโจ้ คืออะไร เกิดมาไม่เคยกิน เคยกินแต่ลูกชิ้นเนื้อจระเข้ กับ สเต็กเนื้อนกกระจอกเทศ

พูดถึงความแตกต่างเนื้อจิงโจ้ กับ เนื้ออื่นๆที่เคยทานมาเนี่ย เนื้อจิงโจ้เป็นเนื้อที่ร่วนที่สุดละ คือ ไม่เหนียวเลย ไม่มันด้วย เหมาะกับเราที่ไม่ชอบทานมันมาก เนื้อจิงโจ้เป็นเนื้อนำเข้า มาในรูปของเนื้อบด โดยปกติแล้วเนื้อจิงโจ้จะค่อนข้างเหม็นสาป เจ้าของร้านเลยนำเครื่องเทศ พวกโรสแมร์รี่ เป็นต้น มาผสมกับตัวเนื้อบดเพื่อลดความความเหม็นสาปออก กลิ่นเครื่องเทศหอมมาก เจ้าของร้านบอกว่า เบอร์เกอร์ตัวนี้จะขายดีที่สุด เป็นเมนูแนะนำของร้านเลย

Lamb steak สเก็ตเนื้อแกะ พร้อมกับน้ำจิ้มรสมิ้นต์

สเก็ตเนื้อแกะ เป็นครั้งแรกที่กินเนื้อแกะ จากที่เราได้กินเนื้อนุ่ม ไม่เหนียว แต่เราไม่แนะนำให้จิ้มกับน้ำจิ้มมิ้นต์ (ถ้าคนไม่ชอบมินต์) พอจิ้มไปแล้วไม่อร่อยเลย โดยส่วนตัวเราไม่ชอบมิ้นต์ด้วย แต่แนะนำว่าให้จิ้มกับซอสอื่นจะอร่อยกว่า

มาแนะนำซอสกันบ้าง

มีสามซอส ให้จิ้มกับสเต็ก อันแรกด้านบนจะเป็น ซอสเท๊กซัส ระดับเผ็ดมากที่สุด แต่เรากินแล้วก็ไม่ได้รู้สึกเผ็ดมากเท่าไหร่ อันที่สองจะเป็นซอสไวน์แดง ซอสนี้กลิ่นไวน์แดงแรงมาก น้ำซอสจะใส จิ้มแล้วไม่ติดเนื้อ ส่วนอันสุดท้ายเป็น เป๊ปเปอร์ซอส เป็นซอสที่มีรสชาติกลมกล่อมกำลังดีเลยละ

ลืมบอกมีน้ำจิ้มรสเด็ดที่บอกได้เลยว่า แซ่บ อีหลี คือน้ำจิ้มแจ่ว แต่แจ่วที่นี้ไม่เหมือนใคร รสออกเผ็ดนำ เปริ้ยวตาม น้ำจิ้มแจ่วเขามีชื่อเรียกด้วยนะ ชื่อว่า น้ำจิ้มสุรินทร์ เพราะว่าหุ้นส่วนหนึ่งท่านเป็นคนจังหวัดสุรินทร์

สเก๊ตเนื้อวัว

สเก๊ตเนื้อวัว ที่ย่างแบบ medium rare ตามด้วยเครื่องเคียง เรารู้สึกเฉยๆ ยอมรับว่าเนื้อเขาดีจริง โดยส่วนตัวชอบกินมันบดมากกว่า มันบดร้านนี้อร่อยมาก

ปิดท้ายกันด้วยยยยยยยยยย ซี่โครงหมูราดซอสเท๊กซัส

ชิ้นใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จานนี้ทานได้สี่คนค่ะ

เผื่อยังเห็นภาพไม่ชัดใช่ป่ะ จัดไปสิ ยั่วกันให้น้ำลายสอเลยอ่ะ

พอได้ลองกินซี่โครงหมูตัวนี้แล้ว คือมัน ดีมากกกกกก อ่ะ เนื้อนุ่มไม่เหนี่ยวเลยค่ะ คือแบบชอบมากกกกกกกกกกกกกกกก เลย เกือบกินไม่ไหว เพราะโดน NACHO ตัดกำลังไปเยอะ 555

ตบท้ายด้วยของหวานล้างปากกันสักนิดนึงนะ

ลูกอมรสคาลาเมล แต่รสชาติจะไม่เหมือนกันดูได้จากตามสีนะค่ะ เรากินสีเขียวเป็นรสมินต์อ่อนๆ เราว่ามันเหนียวไปหน่อยเคี้ยวแล้วอาจจะติดฟันได้ ในอนาคตทางร้านจะนำไอศกรีมซันเดมาลงเป็นของหวานเพิ่มเติม

ภาพรวมของร้าน Bricks and Bone เป็นร้านที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆ พี่ๆ ได้ลองมากินอาหารร้านนี้กัน บริการดีมากค่ะ เจ้าของร้านเอาใจใส่ลูกค้าดีมาก อันนี้ขอชม มีพี่ผญคนนึงเขาเจ็บคอ เจ้าของร้านทำน้ำอุ่นใส่น้ำผึ้งผสมมะนาวมาให้

ราคา

ประมาณ 70–500 บาท ถือว่าเป็นเรทราคาที่เรารับได้ เพราะวัตถุดิบที่ใช้เป็นของดี ของนำเข้า เจ้าของร้านเป็นสจ็วตเขามีโอกาสบินไปแต่ละที่เพื่อคัดสรรเนื้อชั้นดีเข้ามาในร้าน

การเดินทาง

การเดินทางมาร้านไม่สะดวกเท่าไหร่ เหมาะกับคนที่มีรถส่วนตัว แต่อาจจะหาที่จอดยาก เพราะที่ร้านไม่มีที่จอดรถ บ้านเราอยู่พระราม 2 ต้องนั่งรถไฟฟ้ามาลงอนุ แล้วต่อแท๊กซี่ไป รามคำแหง ซอย 24 แยก 20 หมดค่าแท๊กซี่ไป 130 บาท

ร้านมีจุดสังเกตที่มองเห็นยากมาก ป้ายร้านค่อยข้างเล็ก ร้านจะอยู่ตรงข้ามหอเพลินเพลซ์ ตอนเรามาแท๊กซี่นั่งเลยไป ต้องไปวนรถกลับมาใหม่ 555

วัน-เวลา

ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ ห้าโมงเย็นถึงเที่ยงคืน