‘กทค.’ แก้มติค่าโทรเป็นวิเหลือแค่ 50% ชี้แค่เปิดทางให้ผู้บริโภคมีสิทธิเลือก

กระทู้ข่าว

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติเปลี่ยนแปลงมติของบอร์ด กทค. เมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 ที่ระบุว่าให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตใช้งานคลื่นความถี่ย่าน 1800 และ 900 เมกะเฮิรตซ์ รวมถึงขอความร่วมมือผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายคิดค่าโทรเป็นวินาทีทุกแพคเกจ เป็นการให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบ่งสัดส่วนการให้บริการในตลาดเป็น 50% สำหรับการคิดค่าโทรความจริงเป็นวินาที และ 50% สำหรับการคิดค่าบริการเหมารวมเป็นนาที เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ประชาชน เนื่องจากที่ผ่านมีภาคประชาชนและหลายฝ่ายส่งความเห็นเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยให้มีการคิดค่าโทรตามจริงเป็นวินาที และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่าการคิดค่าบริการแบบเหมาจ่ายมีค่าบริการที่ถูกกว่า

“ขอยืนยันว่าการการเปลี่ยนแปลงมติบอร์ดในครั้งนี้ไม่ได้พิจารณาจากความเห็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่อย่างใด เพราะว่าไม่มีน้ำหนักพอ แต่คำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนแปลงมติดังกล่าว จะมีผลให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทยอยปรับรูปแพคเกจให้เป็นไปตามมติบอร์ด กทค. ทันที โดยหลังจากนี้ 6 เดือน สำนักงาน กสทช. จะมีการประเมินอีกครั้งว่าผลดตอบรับของประชาชนในงานแพคเกจในรูปแบบใดมากกว่ากัน” นายฐากรกล่าว และว่า ขออภัยหลายฝ่ายที่จะได้ประโยชน์และไม่ได้ประโยชน์ในครั้งนี้ แต่ กสทช. ได้คำนึงถึงภาพใหญ่ และจะให้ประชาชนได้มีโอกาสตัดสินใจเอง ในการเลือกรูปแบบแพคเกจที่เขาคิดว่าคุ้มค่าที่สุด

นายฐากรกล่าวว่า บอร์ด กทค. ยังมีมติให้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส นำส่งเงินรายได้จากการใช้งานคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ ในช่วงมาตรการเยียวยาหลังหมดสัญญาสัมปทาน ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2558-30 มิถุนายน 2559 จำนวนเงินทั้งสิ้น 7,221 ล้านบาท เข้าเป็นรายได้แผ่นดิน ซึ่งหากเอไอเอสไม่เห็นด้วยก็สามารถทำเรื่องอุทธรณ์กลับมาได้ แต่บอร์ดจะรับหรือไม่รับคำอุทธรณ์ดังกล่าวได้เช่นกัน ซึ่งหากบอร์ด กทค. ไม่รับอุทธรณ์ เอไอเอส สามารถใช้สิทธิฟ้องร้องยังศาลปกครองได้ นอกจากนี้ ในส่วนของเงินรายได้จากการใช้งานคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ ในช่วงมาตรการเยียวยาหลังหมดสัญญาสัมปทาน ของ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด และ บริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด หรือ ดีพีซี บอร์ด กทค. ได้มีมติให้ถามความเห็นเพิ่มเติมจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกระทรวงการคลัง จากนั้นให้คณะทำงานสรุปจำนวนเงินมาเสนอบอร์ด กทค. พิจารณาภายใน 30 วัน

ที่มา : http://www.matichon.co.th/news/423807
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่