สวัสดีครับ มือใหม่หัดรีวิว ขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกท่านด้วยนะครับ
ทริปนี้ เป็นรีวิวที่อยากนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ในประเทศญี่ปุ่น
เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกท่านได้ไปสัมผัสแบบที่เราสัมผัส
รีวิวนี้นำเสนอทั้งวิธีการเดินทาง แหล่งท่องเที่ยว ค่าใช้จ่าย และของอร่อยที่คุณค่าแก่การลอง
ปล. ขอฝากเพจหลักของเราในเฟซบุ๊คด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/TGTvacation
========================================
อ้างอิง:
ตอนที่ 1 แหล่งปูดี อารยธรรมผีน้อย
https://pantip.com/topic/35973479
ตอนที่ 2 มิวเซียมภาพถ่าย ท่องทะเลทราย ถิ่นดี Curry สีชมพู
https://pantip.com/topic/35978168
========================================
"เที่ยวทตโตริ" เป็นรีวิวเล็กๆ ที่อยากนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆ ในญี่ปุ่น

ทริปนี้ เกิดจากการไปเจอบทความนึงของจังหวัด Tottori
ที่บอกว่าช่วงหน้าหนาวตั้งแต่เดือนตุลาคม จนไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ จังหวัดนี้จะมีเทศกาลจับปูหายากที่มีในเฉพาะน่านน้ำนี้เท่านั้น
จนเรียกเมือง Tottori อีกชื่อนึงว่า Kanitori ได้เลย (Kani ภาษาญี่ปุ่นแปลว่าปู)
ด้วยความอยาก (เรื่องกินต้องบอก เพราะอยากตลอดเวลา) เราก็ต้องไปลองดูสักที เริ่ม!

แนะนำก่อน
Tottori เป็นจังหวัดที่อยู่ในภูมิภาค Chukoku ในประเทศญี่ปุ่น (อยู่ตอนบนของจังหวัดฮิโรชิม่า)
มีชื่อในภูมิประเทศที่สวยงาม และมีทะเลทรายด้วย!!! (มีความมุยเน่)
ของกินที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการจับปู ลูกแพร์ (บ้านๆเรียกสาลี่) และแกงกะหรี่สีชมพูที่งดงาม (สวยมากๆ ตอนกิน)
และที่สำคัญจังหวัดนี้เป็นบ้านเกิดของผู้เขียนทั้งเรื่องโคนัน Conan (อยากจะไปถามตอนจบ)
และผีน้อยคีตาโร่ (Gegege no Kitaro) ในเมือง Sakaiminato
โดยทริปนี้ก็แบ่งเป็นสองวันหนึ่งคืน (และขอแบ่งรีวิวTottori เป็น 2 ตอนด้วยนะ)
ซึ่งตอนแรก คือ วันแรกที่เดินทางไปเมือง Sakaiminato แหล่งขึ้นชื่อเรื่องปู และผีน้อยคิทาโร่ แล้วค้างคืนกันที่นี่เลย
และตอนสอง, วันที่สองที่เดินทางออกไปเมือง Yonago ไปยัง Ueda Shoji Museum Of Photography งานสถาปัตยกรรมชิคๆคูลๆที่สามารถเห็นวิวภูเขาDaisen (ละม้ายคล้ายฟูจิ) และขับต่อไปยังเมือง Tottori เพื่อไปยังทะเลทราย
ส่วนการเดินทางหรอ? เชิญเข้าเวปดูเลย
http://www.city.tottori.lg.jp/geopark/en/access/
ซึ่งที่นี่สามารถเดินทางได้ทุกระบบขนส่งเลยจริงๆ

เริ่มจากวันแรก ไปยังเมือง Sakaiminato ขอตั้งสโลแกนว่า “แหล่งปูดี อารยธรรมผีน้อย”

เริ่มต้นการเดินทางวันแรก จากการลงมายังสนามบินเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka airport)
แล้วนั่งรถไปต่อจากสถานี Hakata มายังเมือง Kokura ซึงได้นัดเพื่อนญี่ปุ่นคนสนิท (เราเรียนจบที่นี่และโชคดียังมีเพื่อนคบอยู่ 555 )
เพื่อขับรถยาวๆไปเมือง Sakaimonato จังหวัด Tottori โดยทริปนี้มีเรา รวมทั้งหมด 3 คน
ก็นั่งรถมาเรื่อยๆ แปปเดียว ก่อนข้ามสะพาน ก็แวะมาชมสะพานข้ามเกาะคิวชูกับเกาะฮอนชูนะ เค้าเรียกว่า Kanmon Bridge
(จริงๆปวดฉี่เลย เลยแวะตรงนี้) แต่ก้อสวยงามตามท้องเรื่อง

จากแผนที่ Google ก็ขับยาวๆไปเลยนะจ๊ะ 4 ชม. กว่าๆ
เพื่อไปยังเมือง Sakaiminato จังหวัดTottori
ค่าใช้จ่าย จากสถานีHakata มายัง Kokura คนละ 1290 เยน
และค่าน้ำมัน ไปยังเมืองSakaiminato อยู่ประมาณ 3660 เยน (30ลิตร ลิตรละประมาณ 122 เยน)
ค่าทางด่วนตลอดทาง บวกกันนิดหน่อย อีกประมาณ 8000 เยน

เข้ามาดูแผนที่ใกล้ๆ ในเมือง Sakaiminato กับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ภายในเมืองนี้ ที่เราจะไปกัน ซึ่งก็มีอยู่สามที่อย่างที่บอกในรูปนี้เนอะ

ขับรถมาเรื่อยๆ ก็เกือบจะบ่ายสอง ก่อนถึงเมือง Sakaiminato จะมีสะพานข้ามไปยังเมือง ซึ่งเป็นสะพานที่สูงชันที่สุดในญี่ปุ่น เรียกว่าสะพานเอะชิมะ โอฮาชิ (Eshima Ohashi Bridge) สร้างในปี 2547 มีความสูงถึง 250 เมตร ซึ่งเท่ากับตึก 80 กว่าชั้น มีความยาวประมาณ 1.7 กิโลเมตร เราจะสามารถเห็นได้แต่ไกลๆ จากนอกเมือง (มันเสียวมากจริง ไม่ใช่ความสูงนะ กลัวโดนรถชนตอนถ่ายรูป)

หลังจากได้ยืดเส้นยืดสายถ่ายรูปสะพานสูงชันที่ Eshima ประมาณบ่ายสองกว่าๆ ความหิวก็เริ่มมาเยือน ก็รีบให้เพื่อนขับรถไปยังตลาดสดตรงท่าเรือ
ที่มีชื่อว่า Sakaiminato Suisanbutsu Chokubai Center (境港水産物直売センター)
อยากรู้เพิ่มเติมเข้าเวปเลย
http://www.sanmaki-direct.jp/index.html
ซึ่งเป็นตลาดสด จากทะเลของชาวประมงท้องถิ่นที่นี่ เริ่มเปิด 8:00-16.00 ปิดทุกวันอังคาร มีบางร้านเปิดทุกวัน
คนที่นี่ใจดีเป็นมิตรมากๆ (ชวนซื้อตลอดเวลา มีให้ชิมทุกร้าน) ที่สำคัญภายในตลาดยังมีร้านอาหาร ที่ทุกเมนูมาจากของสดของที่นี่

จากรูปเมื่อตะกี้ จะเห็นตัวอะไรสีส้มๆ ซึ่งตัวนี้เป็นไฮไลท์ของจังหวัด Tottori ในช่วงหน้าหนาวนี้เท่านั้นนะ
เค้าเรียกว่า ปูมัตสึบะ (Matsuba Kani) ซึ่งจะมีในช่วงเดือน พย. ถึง กพ. ของทุกปี (ความจริงเค้าให้จับได้แค่ช่วงนี้จริงๆ)
และช่วงเทศกาลจับปูนี้ละ ทางจังหวัดก็จึงเปลี่ยนชื่อจังหวัดชั่วคราวจาก “Tottori” หรือที่แปลว่า จังหวัดจับนก (ซึ่งพวกเราคงไม่อยากเยอะ จับนกเนี่ย)
เป็น “Kanitori” หรือจังหวัดจับปู ซึ่งเป็นกิมมิคของจังหวัดนี้ เกร๋มากจริงๆ (ให้เค้าหน่อยเถอะ)

ปูมัตสึบะ จริงๆแล้วก็คือปู สุไว Suwai ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นพันธุ์ที่อร่อย หวาน และมีราคาสูงมาก
มีราคาตั้งแต่ 2,000-15,000 เยน ถ้าไปอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ราคาจะขึ้นเป็นสองเท่าตัว
แต่ที่นี่ เค้ามีให้ชิมกันได้ฟรีๆ เลย แค่มาก้อคุ้มแล้ว

ปูสดจริงๆ มันดูได้จากกระดองปู บางตัวจะมีเม็ดกลมๆ สีดำติดอยู่ บางตัวไม่เห็นมี
จริงๆแล้วเม็ดสีดำนั้นก็คือ ไข่ของเห็บปู ตัวไหนมี แสดงว่าอยู่ในทะเลมานาน และแปลว่า อร่อยแน่นอน!
เวลาต้ม เจ้าเห็บปูดำๆก็จะหลุดไป กินได้นะ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายเรา

นอกจากปูมัตซึบะในตำนานแล้ว ยังมีปลาน้อย ปลาหมึกยักษ์ และอื่นๆ อีกมากมายในเลือกซื้อ

เออ แล้วนอกจากนี้เมือง Sakaiminato ยังได้รางวัล4 ปีซ้อน ในการจับปลาฮอนมากุโร่ ที่ดีที่สุด แบบนี้จะพลาดได้ยังไงเนอะ
หิวแล้ว เริ่มไปดูเมนูอาหารเลย เริ่ม!

มื้อนี้จัดเต็ม เพราะไหนๆ พี่มาทั้งที ร้านนี้อยู่ในตลาด Sakaiminato Suisanbutsu Chokubai Center นี่ละ
ชื่อว่าร้าน Kaiyoutei โดยพวกเราสั่งมา 3 อย่าง โดยเริ่มจากชุด ข้าวหน้าปลาฮอนมากุโร่ (Honmaguro don) ในราคา 2980 เยน
ชุดกุ้งเทมปุระ ราคา 1690 เยน และไฮไลน์คือ ปูมัตซึบะ 1 ตัว ในราคา 5,000 เยน (มีให้เลือก 3 ราคานะ ที่เลือกคือราคาขนาดกลาง)

คำว่า “มัตสึบะ” แปลว่า ใบของต้นสน ซึ่งเป็นที่มาของปูที่นี่
เพราะเนื้อปูสดๆ จะมีลักษณะเป็นริ้วๆ เหมือนกับใบของต้นสน

ที่เลือกมาคือ ปูมัตซึบะเพศผู้ ตัวจะใหญ่ เนื้อก็หวาน มันอร่อย (ดีจริงๆ)

ข้าวหน้าปลาฮอนมากุโร่ (Honmaguro don) สำหรับเรา ก็จัดเป็นไฮไลท์อีกอันของที่นี่นะ (ทำไมคนถึงไม่พูดถึงกัน)
เนื้อปลาฮอนมากุโร่เนียน ละลายในปาก มาพร้อมกับปริมาณที่ไม่ต้องสืบ ให้เยอะมาก ดูจากรูปคุ้มกับราคาจริงๆ

ส่วนชุดกุ้งเทมปุระ โดยรวมกุ้งทั่วไปจริงๆ ที่อร่อยคือตัวชุบแป้งทอดและน้ำมายองเนสที่ไว้จิ้มกะเทมปุระ

หลังจากนั้น ขับรถออกจากตลาดปลาเพื่อไปยังย่านผีน้อยคิทาโร่ ขับไปได้ประมาณ 5 นาที (เร็วมากจริงๆ)
ก็จะถึงย่านถนน Mizuki Shigeru ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Sakaiminato
และโรงแรมที่พักที่จะพักในคืนนี้ชื่อ Sakaiminato Onyado Nono (境港 夕凪の湯 御宿 野乃)

The Mizuki Shigeru Road ชื่อถนนเส้นนี้ เป็นการให้เกียรติแก่นักวาดการ์ตูนผีชื่อดังเรื่อง "Ge Ge Ge no Kitaro.“ (เกิดไม่ทันแต่ก็พอเห็นเนอะ)
ซึ่งนักวาดชื่อดังผู้นี้เกิดและเติบโตในเมืองนี้ บนถนน Mizuki Shigeru จะมี Yokai หรือผีญี่ปุ่นอยู่ประมาณ 153 ตัว
และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีๆ ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปสัมผัสและถ่ายรูปกับผีต่างๆบนท้องถนนเส้นนี้ได้ (น่ารักไปอีก)

ระหว่างเดินบนถนนเส้นนี้ ก็มีคนไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น และคนต่างชาติไม่มีเลย อาจเพราะเป็นวันธรรมดาก็ได้
ตัวละครโปรด Famous Ge Ge Ge No Kitaro อยู่ริมสะพานซึ่งตรงข้ามก้อมีเพื่อนซี้อย่าง...

Rat Man ผู้ไม่เคยอาบน้ำและสร้างปัญหาตลอดเวลา ที่คอยมอง คิทาโร่อยู่ห่างๆ

ระหว่างทางเดินไปยังพิพิธภัณฑ์ของนักวาดชื่อดังอย่าง Mizuki Shigeru

รักมากตัวนี้ ลูกกะตาน้อย Medama-Oyaji พ่อของพระเอกที่กลับมาเกิดเป็นลูกตา แล้วคอยตามติดผีน้อยคิทาโร่ มีอยู่ทุกที่จริงๆ

ขนาดแท๊กซี่ในเมืองก็ยังเป็นลูกกะตา Medama น่ารักไปหมด

สายสตรีทต้องมาบ้าง

มีผีอยู่สามตน 555 เพื่อนร่วมทาง #TGTvacation

เด็กน้อยจะจับเจ้าลูกกะตา Medama

ส่วน Mizuki Shigeru Museumหรือ พิพิธภัณฑ์ผีน้อยคิทาโร่ เปิดตั้งแต่ 9.30-17.00
ภายในเล่าถึงประวัติของผู้วาด ตำนานผีต่างๆ ที่มีทั้งหุ่นจำลองเคลื่อนไหวแสงสีเสียง
ยั่งกับบ้านผีสิงขนาดย่อมเลยละ (ปล.เสียดายที่ถ่ายภายในไม่ได้ทั้งหมด)
เพิ่มเติมเวปไซค์ตามนี้เลย
http://mizuki.sakaiminato.net/

สนุกมากไปจริงๆ จบในส่วนการเดินดูถนนผีน้อยเรียบร้อย ก็เดินเข้าที่พัก แช่ออนเซนชมวิวเมืองยามเย็น

เดี๋ยวมาต่อนะครับ ^^
[CR] ไปเที่ยว Tottori กันเถอะ (ตอนที่ 1)
ทริปนี้ เป็นรีวิวที่อยากนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ในประเทศญี่ปุ่น
เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกท่านได้ไปสัมผัสแบบที่เราสัมผัส
รีวิวนี้นำเสนอทั้งวิธีการเดินทาง แหล่งท่องเที่ยว ค่าใช้จ่าย และของอร่อยที่คุณค่าแก่การลอง
ปล. ขอฝากเพจหลักของเราในเฟซบุ๊คด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/TGTvacation
========================================
อ้างอิง:
ตอนที่ 1 แหล่งปูดี อารยธรรมผีน้อย
https://pantip.com/topic/35973479
ตอนที่ 2 มิวเซียมภาพถ่าย ท่องทะเลทราย ถิ่นดี Curry สีชมพู
https://pantip.com/topic/35978168
========================================
"เที่ยวทตโตริ" เป็นรีวิวเล็กๆ ที่อยากนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆ ในญี่ปุ่น
ทริปนี้ เกิดจากการไปเจอบทความนึงของจังหวัด Tottori
ที่บอกว่าช่วงหน้าหนาวตั้งแต่เดือนตุลาคม จนไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ จังหวัดนี้จะมีเทศกาลจับปูหายากที่มีในเฉพาะน่านน้ำนี้เท่านั้น
จนเรียกเมือง Tottori อีกชื่อนึงว่า Kanitori ได้เลย (Kani ภาษาญี่ปุ่นแปลว่าปู)
ด้วยความอยาก (เรื่องกินต้องบอก เพราะอยากตลอดเวลา) เราก็ต้องไปลองดูสักที เริ่ม!
แนะนำก่อน
Tottori เป็นจังหวัดที่อยู่ในภูมิภาค Chukoku ในประเทศญี่ปุ่น (อยู่ตอนบนของจังหวัดฮิโรชิม่า)
มีชื่อในภูมิประเทศที่สวยงาม และมีทะเลทรายด้วย!!! (มีความมุยเน่)
ของกินที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการจับปู ลูกแพร์ (บ้านๆเรียกสาลี่) และแกงกะหรี่สีชมพูที่งดงาม (สวยมากๆ ตอนกิน)
และที่สำคัญจังหวัดนี้เป็นบ้านเกิดของผู้เขียนทั้งเรื่องโคนัน Conan (อยากจะไปถามตอนจบ)
และผีน้อยคีตาโร่ (Gegege no Kitaro) ในเมือง Sakaiminato
โดยทริปนี้ก็แบ่งเป็นสองวันหนึ่งคืน (และขอแบ่งรีวิวTottori เป็น 2 ตอนด้วยนะ)
ซึ่งตอนแรก คือ วันแรกที่เดินทางไปเมือง Sakaiminato แหล่งขึ้นชื่อเรื่องปู และผีน้อยคิทาโร่ แล้วค้างคืนกันที่นี่เลย
และตอนสอง, วันที่สองที่เดินทางออกไปเมือง Yonago ไปยัง Ueda Shoji Museum Of Photography งานสถาปัตยกรรมชิคๆคูลๆที่สามารถเห็นวิวภูเขาDaisen (ละม้ายคล้ายฟูจิ) และขับต่อไปยังเมือง Tottori เพื่อไปยังทะเลทราย
ส่วนการเดินทางหรอ? เชิญเข้าเวปดูเลย
http://www.city.tottori.lg.jp/geopark/en/access/
ซึ่งที่นี่สามารถเดินทางได้ทุกระบบขนส่งเลยจริงๆ
เริ่มจากวันแรก ไปยังเมือง Sakaiminato ขอตั้งสโลแกนว่า “แหล่งปูดี อารยธรรมผีน้อย”
เริ่มต้นการเดินทางวันแรก จากการลงมายังสนามบินเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka airport)
แล้วนั่งรถไปต่อจากสถานี Hakata มายังเมือง Kokura ซึงได้นัดเพื่อนญี่ปุ่นคนสนิท (เราเรียนจบที่นี่และโชคดียังมีเพื่อนคบอยู่ 555 )
เพื่อขับรถยาวๆไปเมือง Sakaimonato จังหวัด Tottori โดยทริปนี้มีเรา รวมทั้งหมด 3 คน
ก็นั่งรถมาเรื่อยๆ แปปเดียว ก่อนข้ามสะพาน ก็แวะมาชมสะพานข้ามเกาะคิวชูกับเกาะฮอนชูนะ เค้าเรียกว่า Kanmon Bridge
(จริงๆปวดฉี่เลย เลยแวะตรงนี้) แต่ก้อสวยงามตามท้องเรื่อง
จากแผนที่ Google ก็ขับยาวๆไปเลยนะจ๊ะ 4 ชม. กว่าๆ
เพื่อไปยังเมือง Sakaiminato จังหวัดTottori
ค่าใช้จ่าย จากสถานีHakata มายัง Kokura คนละ 1290 เยน
และค่าน้ำมัน ไปยังเมืองSakaiminato อยู่ประมาณ 3660 เยน (30ลิตร ลิตรละประมาณ 122 เยน)
ค่าทางด่วนตลอดทาง บวกกันนิดหน่อย อีกประมาณ 8000 เยน
เข้ามาดูแผนที่ใกล้ๆ ในเมือง Sakaiminato กับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ภายในเมืองนี้ ที่เราจะไปกัน ซึ่งก็มีอยู่สามที่อย่างที่บอกในรูปนี้เนอะ
ขับรถมาเรื่อยๆ ก็เกือบจะบ่ายสอง ก่อนถึงเมือง Sakaiminato จะมีสะพานข้ามไปยังเมือง ซึ่งเป็นสะพานที่สูงชันที่สุดในญี่ปุ่น เรียกว่าสะพานเอะชิมะ โอฮาชิ (Eshima Ohashi Bridge) สร้างในปี 2547 มีความสูงถึง 250 เมตร ซึ่งเท่ากับตึก 80 กว่าชั้น มีความยาวประมาณ 1.7 กิโลเมตร เราจะสามารถเห็นได้แต่ไกลๆ จากนอกเมือง (มันเสียวมากจริง ไม่ใช่ความสูงนะ กลัวโดนรถชนตอนถ่ายรูป)
หลังจากได้ยืดเส้นยืดสายถ่ายรูปสะพานสูงชันที่ Eshima ประมาณบ่ายสองกว่าๆ ความหิวก็เริ่มมาเยือน ก็รีบให้เพื่อนขับรถไปยังตลาดสดตรงท่าเรือ
ที่มีชื่อว่า Sakaiminato Suisanbutsu Chokubai Center (境港水産物直売センター)
อยากรู้เพิ่มเติมเข้าเวปเลย http://www.sanmaki-direct.jp/index.html
ซึ่งเป็นตลาดสด จากทะเลของชาวประมงท้องถิ่นที่นี่ เริ่มเปิด 8:00-16.00 ปิดทุกวันอังคาร มีบางร้านเปิดทุกวัน
คนที่นี่ใจดีเป็นมิตรมากๆ (ชวนซื้อตลอดเวลา มีให้ชิมทุกร้าน) ที่สำคัญภายในตลาดยังมีร้านอาหาร ที่ทุกเมนูมาจากของสดของที่นี่
จากรูปเมื่อตะกี้ จะเห็นตัวอะไรสีส้มๆ ซึ่งตัวนี้เป็นไฮไลท์ของจังหวัด Tottori ในช่วงหน้าหนาวนี้เท่านั้นนะ
เค้าเรียกว่า ปูมัตสึบะ (Matsuba Kani) ซึ่งจะมีในช่วงเดือน พย. ถึง กพ. ของทุกปี (ความจริงเค้าให้จับได้แค่ช่วงนี้จริงๆ)
และช่วงเทศกาลจับปูนี้ละ ทางจังหวัดก็จึงเปลี่ยนชื่อจังหวัดชั่วคราวจาก “Tottori” หรือที่แปลว่า จังหวัดจับนก (ซึ่งพวกเราคงไม่อยากเยอะ จับนกเนี่ย)
เป็น “Kanitori” หรือจังหวัดจับปู ซึ่งเป็นกิมมิคของจังหวัดนี้ เกร๋มากจริงๆ (ให้เค้าหน่อยเถอะ)
ปูมัตสึบะ จริงๆแล้วก็คือปู สุไว Suwai ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นพันธุ์ที่อร่อย หวาน และมีราคาสูงมาก
มีราคาตั้งแต่ 2,000-15,000 เยน ถ้าไปอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ราคาจะขึ้นเป็นสองเท่าตัว
แต่ที่นี่ เค้ามีให้ชิมกันได้ฟรีๆ เลย แค่มาก้อคุ้มแล้ว
ปูสดจริงๆ มันดูได้จากกระดองปู บางตัวจะมีเม็ดกลมๆ สีดำติดอยู่ บางตัวไม่เห็นมี
จริงๆแล้วเม็ดสีดำนั้นก็คือ ไข่ของเห็บปู ตัวไหนมี แสดงว่าอยู่ในทะเลมานาน และแปลว่า อร่อยแน่นอน!
เวลาต้ม เจ้าเห็บปูดำๆก็จะหลุดไป กินได้นะ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายเรา
นอกจากปูมัตซึบะในตำนานแล้ว ยังมีปลาน้อย ปลาหมึกยักษ์ และอื่นๆ อีกมากมายในเลือกซื้อ
เออ แล้วนอกจากนี้เมือง Sakaiminato ยังได้รางวัล4 ปีซ้อน ในการจับปลาฮอนมากุโร่ ที่ดีที่สุด แบบนี้จะพลาดได้ยังไงเนอะ
หิวแล้ว เริ่มไปดูเมนูอาหารเลย เริ่ม!
มื้อนี้จัดเต็ม เพราะไหนๆ พี่มาทั้งที ร้านนี้อยู่ในตลาด Sakaiminato Suisanbutsu Chokubai Center นี่ละ
ชื่อว่าร้าน Kaiyoutei โดยพวกเราสั่งมา 3 อย่าง โดยเริ่มจากชุด ข้าวหน้าปลาฮอนมากุโร่ (Honmaguro don) ในราคา 2980 เยน
ชุดกุ้งเทมปุระ ราคา 1690 เยน และไฮไลน์คือ ปูมัตซึบะ 1 ตัว ในราคา 5,000 เยน (มีให้เลือก 3 ราคานะ ที่เลือกคือราคาขนาดกลาง)
คำว่า “มัตสึบะ” แปลว่า ใบของต้นสน ซึ่งเป็นที่มาของปูที่นี่
เพราะเนื้อปูสดๆ จะมีลักษณะเป็นริ้วๆ เหมือนกับใบของต้นสน
ที่เลือกมาคือ ปูมัตซึบะเพศผู้ ตัวจะใหญ่ เนื้อก็หวาน มันอร่อย (ดีจริงๆ)
ข้าวหน้าปลาฮอนมากุโร่ (Honmaguro don) สำหรับเรา ก็จัดเป็นไฮไลท์อีกอันของที่นี่นะ (ทำไมคนถึงไม่พูดถึงกัน)
เนื้อปลาฮอนมากุโร่เนียน ละลายในปาก มาพร้อมกับปริมาณที่ไม่ต้องสืบ ให้เยอะมาก ดูจากรูปคุ้มกับราคาจริงๆ
ส่วนชุดกุ้งเทมปุระ โดยรวมกุ้งทั่วไปจริงๆ ที่อร่อยคือตัวชุบแป้งทอดและน้ำมายองเนสที่ไว้จิ้มกะเทมปุระ
หลังจากนั้น ขับรถออกจากตลาดปลาเพื่อไปยังย่านผีน้อยคิทาโร่ ขับไปได้ประมาณ 5 นาที (เร็วมากจริงๆ)
ก็จะถึงย่านถนน Mizuki Shigeru ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Sakaiminato
และโรงแรมที่พักที่จะพักในคืนนี้ชื่อ Sakaiminato Onyado Nono (境港 夕凪の湯 御宿 野乃)
The Mizuki Shigeru Road ชื่อถนนเส้นนี้ เป็นการให้เกียรติแก่นักวาดการ์ตูนผีชื่อดังเรื่อง "Ge Ge Ge no Kitaro.“ (เกิดไม่ทันแต่ก็พอเห็นเนอะ)
ซึ่งนักวาดชื่อดังผู้นี้เกิดและเติบโตในเมืองนี้ บนถนน Mizuki Shigeru จะมี Yokai หรือผีญี่ปุ่นอยู่ประมาณ 153 ตัว
และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีๆ ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปสัมผัสและถ่ายรูปกับผีต่างๆบนท้องถนนเส้นนี้ได้ (น่ารักไปอีก)
ระหว่างเดินบนถนนเส้นนี้ ก็มีคนไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น และคนต่างชาติไม่มีเลย อาจเพราะเป็นวันธรรมดาก็ได้
ตัวละครโปรด Famous Ge Ge Ge No Kitaro อยู่ริมสะพานซึ่งตรงข้ามก้อมีเพื่อนซี้อย่าง...
Rat Man ผู้ไม่เคยอาบน้ำและสร้างปัญหาตลอดเวลา ที่คอยมอง คิทาโร่อยู่ห่างๆ
ระหว่างทางเดินไปยังพิพิธภัณฑ์ของนักวาดชื่อดังอย่าง Mizuki Shigeru
รักมากตัวนี้ ลูกกะตาน้อย Medama-Oyaji พ่อของพระเอกที่กลับมาเกิดเป็นลูกตา แล้วคอยตามติดผีน้อยคิทาโร่ มีอยู่ทุกที่จริงๆ
ขนาดแท๊กซี่ในเมืองก็ยังเป็นลูกกะตา Medama น่ารักไปหมด
สายสตรีทต้องมาบ้าง
มีผีอยู่สามตน 555 เพื่อนร่วมทาง #TGTvacation
เด็กน้อยจะจับเจ้าลูกกะตา Medama
ส่วน Mizuki Shigeru Museumหรือ พิพิธภัณฑ์ผีน้อยคิทาโร่ เปิดตั้งแต่ 9.30-17.00
ภายในเล่าถึงประวัติของผู้วาด ตำนานผีต่างๆ ที่มีทั้งหุ่นจำลองเคลื่อนไหวแสงสีเสียง
ยั่งกับบ้านผีสิงขนาดย่อมเลยละ (ปล.เสียดายที่ถ่ายภายในไม่ได้ทั้งหมด)
เพิ่มเติมเวปไซค์ตามนี้เลย http://mizuki.sakaiminato.net/
สนุกมากไปจริงๆ จบในส่วนการเดินดูถนนผีน้อยเรียบร้อย ก็เดินเข้าที่พัก แช่ออนเซนชมวิวเมืองยามเย็น
เดี๋ยวมาต่อนะครับ ^^