ผ่านมาสามเทอมแล้วครับชีวิตนักศึกษาหนุ่มกับการเรียนปริญญาโทหลักสูตรนักบริหาร เทอมที่สามนี้เรียนสามวิชาเหมือนเดิม และเป็นสามวิชาบังคับสุดท้ายที่ต้องเรียนก่อนที่จะต้องมาเลือกเรียนวิชาเลือกในเทอมที่4ครับ
วิชาแรก Financial Management
ท้าวความหน่อยนะครับ เทอมที่แล้วผมเรียนวิชา Managerial Accounting บางคนสงสัย มันต่างกันยังไง ซึ่งความรู้จากวิชานี้มันมาต่อยอดในวิชา Financial Management ที่ต้องเรียนในเทอมที่สามนี้ครับ Managerial Accounting (บัญชีบริหาร) ไม่มีการรวบรวมที่แน่นอน ข้อมูลเกือบทั้งหมดได้จากรายงานของบัญชีการเงิน ข้อมูลประกอบด้วย อดีต ปัจจุบัน อนาคต มุ่งเน้นไปที่การตัดสินใจเพื่อการวางแผน ที่มีผลกระทบต่อกิจการในอนาคต อะไรประมาณนี้ แต่ Financial Management จะเรียนเกี่ยวกับ ตลาดเงิน ตลาดทุน การตัดสินใจทางการเงิน ซึ่งมีประโยชน์มากๆสำหรับองค์กรที่มีเงินสดเยอะๆ ซึ่งช่วยในการตัดสินใจว่า จะกระจายเงินลงทุนยังไงหรือจะบริหารผลกำไรที่เกิดจากการลงทุนเงินก้อนนั้นยังไง วิชาFMจะสอนการใช้เครื่องมือทางการเงินช่วยให้องค์กรสามารถตรวจจับสภาพคล่องทางการเงินของกิจการให้มีความน่าเชื่อถือ ถูกต้อง แม่นยำ และสามารถพยากรณ์ได้ล่วงหน้า
เรียนวิชานี้เสร็จ ทำให้เข้าใจการลงทุนการเงินได้ดีขึ้น เช่น การลงทุนบางอย่างไม่คุ้มเลยกับระยะเวลาในสัญญา สอนให้รู้จักคำนวนมูลค่าเงินในอนาคต เช่น บางทีการมีเงินสดเก็บไว้กับตัวเยอะๆที่เราคิดว่าดี จริงๆอาจจะไม่ดีก็ได้ หรือ การที่กิจการเติบโตสูงที่เราคิดว่าดี แต่ถ้าโตบนกองหนี้จริงๆแล้วอาจจะไม่ดีก็ได้ สิ่งที่ได้จากการเรียนคือแนวคิดการลงทุน การบริหารทางการเงิน มากกว่าการท่องจำสูตรทางการเงินไปใช้ครับ
วิชานี้เพื่อนที่มาสายการเงินชิวๆสบายๆ แต่สำหรับคนที่ไม่จบสายการเงินมาอย่างผมโงหัวแทบไม่ขึ้น เพราะเจอศัพท์เทคนิคเยอะ แถมต้องใช้ความรู้ความเข้าใจวิชาบัญชีตั้งแต่ตัวแรกๆมาด้วยมันเลยเพิ่มระดับความยากเข้าไปอีก แต่ผมโชคดี มีเพื่อนดี มีเพื่อนเรียนเก่ง ก็อาศัยเขาติวให้ ก็สอบผ่านรอดตายมาได้อย่างฉิวเฉียดครับ
วิชาที่สอง Operation Management
วิชานี้ถือว่าเข้าทางผมบ้าง คนที่เรียนวิศวะมาจะคุ้นเคยกับวิชานี้ ทีนี้ถามว่าทำไมถึงต้องเรียนOMก็เพราะว่า การบริหารปฏิบัติการเป็นงานที่ต้องทำงานร่วมกับส่วนงานอื่นๆในองค์กรครับ เช่น การตลาด บัญชี จัดซื้อ โลจิสติค บลาๆๆๆ เพื่อหาวิธีที่จะช่วยให้องค์กร สามารถผลิตสินค้า หรือบริการได้ดีขึ้น ลูกค้าถูกใจมากขึ้น ด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ และคนทำงานก็แฮปปี้ครับ
เวลาเราเรียนOMเราเรียนเป็นเรื่องๆครับ แต่ในเวลาปฏิบัติงานจริงๆ เราปฏิบัติเป็นProcessที่มีFunctionsต่างๆที่ถูกเชื่อมต่อกัน FunctionsในOMจะถูกกำหนดให้เป็นProcessหรือStreamline โดยที่มี Customer Demand และ Customer Value เป็น ตัวผลักดันซึ่งจัดระบบความคิดเราว่าต้องทำอันไหนก่อน อันไหนหลัง และมีอะไรบ้างที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งนำพามายังแผนการดำเนินกิจการได้
ยกตัวอย่างงี้ครับ เช่น ถ้าต้องการหาจุดที่ตั้งของศูนย์กระจายสินค้าของเซเว่น วิชานี้จะช่วยเราคำนวนได้ว่า เราควรไปตั้งที่ไหนเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าที่ดีที่สุด ต้นทุนต่ำที่สุด หรือการบริหารสินค้าคงคลังที่ช่วยคำนวนว่า เราควรสต๊อคของเท่าไหร่ เมื่อไหร่และเท่าไหร่ที่เป็นจุดสั่งซื้อ (Reorder point)หรือแม้แต่ Forecast(การพยากรณ์) ที่มีโมเดลทางความคิดว่าเราจะใช้ Qualitative(เชิงคุณภาพ) หรือQuantitative(เชิงปริมาณ)ที่ช่วยเราพยากรณ์ยอดขายเพื่อนำมาวางแผนการผลิต การสั่งซื้อวัตถุดิบ และการวางแผนกำลังคนได้ครับ
วิชานี้เรียนอาจารย์สอนสนุกและเป็นกันเองกับนิสิต บ่อยครั้งที่อาจารย์จะยกเคสดังๆมาเล่าให้ฟัง และให้การบ้านที่เป็นเคสของ Harvard มาให้ทำ มีTerm project ที่ต้องพรีเซ้นต์ ถึงแม้ว่างานจะเยอะแต่ก็ถือว่าคุ้มกับเวลาที่ได้เรียนครับ
วิชาสุดท้าย Marketing Management
วิชาการตลาดนี้ หลายคนคิดว่าคงเรียนแบบสมัยป.ตรี แต่การเรียนในชั้นเรียน MBA อาจารย์ไม่ได้สอนให้ท่องจำทฤษฏี 4Pหรือ 4C ไปใช้แต่สิ่งที่อาจารย์สอนคือการฝึกให้นิสิตคิดโมเดลทางการตลาดด้วยตัวเองจากกรณศึกษาและ Term project ครับ ตอนแรกผมคิดว่าการเรียนวิชาการตลาดจะต้องมาทำโฆษณาหรือออกแบบเว็บไซต์ จริงๆแล้วไม่ใช่เลย แต่เป็นการเรียนรู้พฤติกรรม ผู้บริโภค เพื่อเอามาวางกลยุทธ์สำหรับสินค้า การตั้งราคา ทำพวกโปรโมชั่น ไปจนถึงช่องทางการจำหน่าย ส่วนเอเจนซี่โฆษณามัน เป็นเครื่องมือหนึ่งของการสื่อสารการตลาดเท่านั้นเองครับ
ถ้าเทียบกับสองวิชาแรก วิชาการตลาดอาจจะไม่ได้ซับซ้อนเท่า แต่ถ้าจะเรียนมันได้เราต้องมี Common sense ดีพอ จะต้องมีคลังความรู้รอบตัวที่กว้างและลึก และสามารถนำความรู้เหล่านั้นมาปรับใช้สื่อสารกับสถานการณ์ให้ทันท่วงที วิชาการตลาดยังสอนให้ผมสนใจธุรกิจรอบตัว เป็นคนช่างสังเกต ช่างสงสัย รู้จักตั้งคำถาม และมีเหตุผลมากขึ้นครับ
อาจารย์ที่สอนวิชานี้เป็นอาจารย์ที่ทรงคุณวุฒิท่านหนึ่งในมหาลัย ตอนแรกผมคิดว่าคงต้องมาเรียนอะไรน่าเบื่อ แต่คิดผิดเลย อาจารย์เป็นคนสอนสนุกมาก ระหว่างที่สอนอาจารย์จะสอดแทรกเรื่องขำๆฮาๆ มาตลอดทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อด้วยครับ
เรียนมาแล้วสามเทอมชีวิตเป็นไงมั่ง
เทอมที่สามนี้ต้องบอกว่าหนักสุดเป็นเทอมที่ผมแทบไม่ได้โงหัวเลย เพราะทั้งสามวิชามีเคสมาให้ทำตลอด การกลับบ้านเที่ยงคืน ตีหนึ่งเป็นเรื่องปกติไปเลย เพราะต้องนัดกันมาทำเคสด้วยกัน ด้วยความที่แต่ละคนทำงานกว่าจะมารวมกันได้บางทีก็ทุ่มหรือสองทุ่ม กว่าจะได้เริ่มทำงานกันบางทีก็เกือบสามทุ่มไปแล้ว
และสิ่งที่ไม่อยากได้แต่ก็ได้มันมาคือน้ำหนักตัวครับ บางครั้งผมอิ่มแล้วแต่เขากินผมก็กินด้วย บางทีอยู่กันดึกๆก็กินกันอีก เพราะการกินเป็นการคลายเครียดที่ดีที่สุดในโลก (ถ้าไม่นับรวมการช้อปปิ้ง) เมื่อไหร่ที่นัดทำเคสกัน มักจบด้วยเรื่องกินตลอด แม้จะมีคนบ่นว่าอ้วน แต่สุดท้ายก็ไปกินด้วยกันทุกคน
ถ้าใครอยากเรียน MBA ผมอยากแนะนำให้เรียนหลักสูตร Executive program ครับ เพราะคุณจะได้อะไรมากกว่าความรู้ โดยเฉพาะ การทำงานร่วมกัน การแชร์ความรู้กัน บางครั้งเรื่องเดียวกันแต่คนที่มาคนละสายงานอาจจะมีวิธีการตัดสินใจที่ไม่เหมือนกันครับ
การทำงานกลุ่มก็เป็นเรื่องสำคัญ ในคลาสของผมไม่ได้มีกฏเกณฑ์ตายตัว ซึ่งบางคนก็อยู่กลุ่มเดียวมาตลอดแต่บางคนก็ย้ายกลุ่มตัวเองไปเรื่อยๆ(เช่นผม) เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องถูกผิดอย่างไร เป็นเรื่องที่แต่ละคนเลือกกันเอง ส่วนตัวที่ผมเลือกย้ายกลุ่มเรื่อยๆ มีเหตุผลง่อยๆของตัวเองแค่นี้
เพราะชีวิตจริงในการทำงานเราเลือกไม่ได้ครับ
บางครั้งเราต้องทำงานกับคนที่เขาไม่ชอบเรา
หรือบางครั้งเราต้องทำงานคนที่เราไม่ชอบเขา
การย้ายกลุ่มไปเรื่อยๆ สอนให้ผมพูดน้อยลงและฟังมากขึ้น สอนให้รู้จักฟังเสียงตำหนิและต้องหนักแน่นเมื่อถูกวิจารณ์ สอนให้รู้จักใช้เหตุผลและหลักการในการอธิบายเรื่องต่างๆเพื่อให้คนอื่นเข้าใจความคิดของเราได้ และที่สำคัญก็คือสิ่งที่เพื่อนในกลุ่มแชร์มาจากหลากหลายอาชีพหรือจากพี่ๆที่มากประสบการณ์มันเป็นความรู้และสาระที่หาในตำราหรือมหาลัยไหนใดๆไม่ได้อีกแล้วครับ
เล่ามาซะยาว วันนี้คงขอจบแค่นี้ครับ หวังว่ากระทู้นี้คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่จะสนใจศึกษาต่อ MBA นะครับ
กระทู้เก่าๆเกี่ยวกับการเรียน MBA กดลิ้งข้างล่างได้เลยครับ
แชร์ประสบการณ์ เรียน Executive MBA เรียนไปทำไม เรียนแล้วได้อะไรมั่ง
http://pantip.com/topic/34992068
แชร์ประสบการณ์ เรียน Executive MBA เรียนไปทำไม เรียนแล้วได้อะไรมั่ง (เทอมสองแล้วนะยู)
http://pantip.com/topic/35489575
ขอบคุณครับ
แชร์ประสบการ์เรียน Executive MBA เรียนไปทำไหม เรียนแล้วได้อะไร (จบเทอมสามแล้วนะ)
ผ่านมาสามเทอมแล้วครับชีวิตนักศึกษาหนุ่มกับการเรียนปริญญาโทหลักสูตรนักบริหาร เทอมที่สามนี้เรียนสามวิชาเหมือนเดิม และเป็นสามวิชาบังคับสุดท้ายที่ต้องเรียนก่อนที่จะต้องมาเลือกเรียนวิชาเลือกในเทอมที่4ครับ
วิชาแรก Financial Management
ท้าวความหน่อยนะครับ เทอมที่แล้วผมเรียนวิชา Managerial Accounting บางคนสงสัย มันต่างกันยังไง ซึ่งความรู้จากวิชานี้มันมาต่อยอดในวิชา Financial Management ที่ต้องเรียนในเทอมที่สามนี้ครับ Managerial Accounting (บัญชีบริหาร) ไม่มีการรวบรวมที่แน่นอน ข้อมูลเกือบทั้งหมดได้จากรายงานของบัญชีการเงิน ข้อมูลประกอบด้วย อดีต ปัจจุบัน อนาคต มุ่งเน้นไปที่การตัดสินใจเพื่อการวางแผน ที่มีผลกระทบต่อกิจการในอนาคต อะไรประมาณนี้ แต่ Financial Management จะเรียนเกี่ยวกับ ตลาดเงิน ตลาดทุน การตัดสินใจทางการเงิน ซึ่งมีประโยชน์มากๆสำหรับองค์กรที่มีเงินสดเยอะๆ ซึ่งช่วยในการตัดสินใจว่า จะกระจายเงินลงทุนยังไงหรือจะบริหารผลกำไรที่เกิดจากการลงทุนเงินก้อนนั้นยังไง วิชาFMจะสอนการใช้เครื่องมือทางการเงินช่วยให้องค์กรสามารถตรวจจับสภาพคล่องทางการเงินของกิจการให้มีความน่าเชื่อถือ ถูกต้อง แม่นยำ และสามารถพยากรณ์ได้ล่วงหน้า
เรียนวิชานี้เสร็จ ทำให้เข้าใจการลงทุนการเงินได้ดีขึ้น เช่น การลงทุนบางอย่างไม่คุ้มเลยกับระยะเวลาในสัญญา สอนให้รู้จักคำนวนมูลค่าเงินในอนาคต เช่น บางทีการมีเงินสดเก็บไว้กับตัวเยอะๆที่เราคิดว่าดี จริงๆอาจจะไม่ดีก็ได้ หรือ การที่กิจการเติบโตสูงที่เราคิดว่าดี แต่ถ้าโตบนกองหนี้จริงๆแล้วอาจจะไม่ดีก็ได้ สิ่งที่ได้จากการเรียนคือแนวคิดการลงทุน การบริหารทางการเงิน มากกว่าการท่องจำสูตรทางการเงินไปใช้ครับ
วิชานี้เพื่อนที่มาสายการเงินชิวๆสบายๆ แต่สำหรับคนที่ไม่จบสายการเงินมาอย่างผมโงหัวแทบไม่ขึ้น เพราะเจอศัพท์เทคนิคเยอะ แถมต้องใช้ความรู้ความเข้าใจวิชาบัญชีตั้งแต่ตัวแรกๆมาด้วยมันเลยเพิ่มระดับความยากเข้าไปอีก แต่ผมโชคดี มีเพื่อนดี มีเพื่อนเรียนเก่ง ก็อาศัยเขาติวให้ ก็สอบผ่านรอดตายมาได้อย่างฉิวเฉียดครับ
วิชาที่สอง Operation Management
วิชานี้ถือว่าเข้าทางผมบ้าง คนที่เรียนวิศวะมาจะคุ้นเคยกับวิชานี้ ทีนี้ถามว่าทำไมถึงต้องเรียนOMก็เพราะว่า การบริหารปฏิบัติการเป็นงานที่ต้องทำงานร่วมกับส่วนงานอื่นๆในองค์กรครับ เช่น การตลาด บัญชี จัดซื้อ โลจิสติค บลาๆๆๆ เพื่อหาวิธีที่จะช่วยให้องค์กร สามารถผลิตสินค้า หรือบริการได้ดีขึ้น ลูกค้าถูกใจมากขึ้น ด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ และคนทำงานก็แฮปปี้ครับ
เวลาเราเรียนOMเราเรียนเป็นเรื่องๆครับ แต่ในเวลาปฏิบัติงานจริงๆ เราปฏิบัติเป็นProcessที่มีFunctionsต่างๆที่ถูกเชื่อมต่อกัน FunctionsในOMจะถูกกำหนดให้เป็นProcessหรือStreamline โดยที่มี Customer Demand และ Customer Value เป็น ตัวผลักดันซึ่งจัดระบบความคิดเราว่าต้องทำอันไหนก่อน อันไหนหลัง และมีอะไรบ้างที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งนำพามายังแผนการดำเนินกิจการได้
ยกตัวอย่างงี้ครับ เช่น ถ้าต้องการหาจุดที่ตั้งของศูนย์กระจายสินค้าของเซเว่น วิชานี้จะช่วยเราคำนวนได้ว่า เราควรไปตั้งที่ไหนเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าที่ดีที่สุด ต้นทุนต่ำที่สุด หรือการบริหารสินค้าคงคลังที่ช่วยคำนวนว่า เราควรสต๊อคของเท่าไหร่ เมื่อไหร่และเท่าไหร่ที่เป็นจุดสั่งซื้อ (Reorder point)หรือแม้แต่ Forecast(การพยากรณ์) ที่มีโมเดลทางความคิดว่าเราจะใช้ Qualitative(เชิงคุณภาพ) หรือQuantitative(เชิงปริมาณ)ที่ช่วยเราพยากรณ์ยอดขายเพื่อนำมาวางแผนการผลิต การสั่งซื้อวัตถุดิบ และการวางแผนกำลังคนได้ครับ
วิชานี้เรียนอาจารย์สอนสนุกและเป็นกันเองกับนิสิต บ่อยครั้งที่อาจารย์จะยกเคสดังๆมาเล่าให้ฟัง และให้การบ้านที่เป็นเคสของ Harvard มาให้ทำ มีTerm project ที่ต้องพรีเซ้นต์ ถึงแม้ว่างานจะเยอะแต่ก็ถือว่าคุ้มกับเวลาที่ได้เรียนครับ
วิชาสุดท้าย Marketing Management
วิชาการตลาดนี้ หลายคนคิดว่าคงเรียนแบบสมัยป.ตรี แต่การเรียนในชั้นเรียน MBA อาจารย์ไม่ได้สอนให้ท่องจำทฤษฏี 4Pหรือ 4C ไปใช้แต่สิ่งที่อาจารย์สอนคือการฝึกให้นิสิตคิดโมเดลทางการตลาดด้วยตัวเองจากกรณศึกษาและ Term project ครับ ตอนแรกผมคิดว่าการเรียนวิชาการตลาดจะต้องมาทำโฆษณาหรือออกแบบเว็บไซต์ จริงๆแล้วไม่ใช่เลย แต่เป็นการเรียนรู้พฤติกรรม ผู้บริโภค เพื่อเอามาวางกลยุทธ์สำหรับสินค้า การตั้งราคา ทำพวกโปรโมชั่น ไปจนถึงช่องทางการจำหน่าย ส่วนเอเจนซี่โฆษณามัน เป็นเครื่องมือหนึ่งของการสื่อสารการตลาดเท่านั้นเองครับ
ถ้าเทียบกับสองวิชาแรก วิชาการตลาดอาจจะไม่ได้ซับซ้อนเท่า แต่ถ้าจะเรียนมันได้เราต้องมี Common sense ดีพอ จะต้องมีคลังความรู้รอบตัวที่กว้างและลึก และสามารถนำความรู้เหล่านั้นมาปรับใช้สื่อสารกับสถานการณ์ให้ทันท่วงที วิชาการตลาดยังสอนให้ผมสนใจธุรกิจรอบตัว เป็นคนช่างสังเกต ช่างสงสัย รู้จักตั้งคำถาม และมีเหตุผลมากขึ้นครับ
อาจารย์ที่สอนวิชานี้เป็นอาจารย์ที่ทรงคุณวุฒิท่านหนึ่งในมหาลัย ตอนแรกผมคิดว่าคงต้องมาเรียนอะไรน่าเบื่อ แต่คิดผิดเลย อาจารย์เป็นคนสอนสนุกมาก ระหว่างที่สอนอาจารย์จะสอดแทรกเรื่องขำๆฮาๆ มาตลอดทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อด้วยครับ
เรียนมาแล้วสามเทอมชีวิตเป็นไงมั่ง
เทอมที่สามนี้ต้องบอกว่าหนักสุดเป็นเทอมที่ผมแทบไม่ได้โงหัวเลย เพราะทั้งสามวิชามีเคสมาให้ทำตลอด การกลับบ้านเที่ยงคืน ตีหนึ่งเป็นเรื่องปกติไปเลย เพราะต้องนัดกันมาทำเคสด้วยกัน ด้วยความที่แต่ละคนทำงานกว่าจะมารวมกันได้บางทีก็ทุ่มหรือสองทุ่ม กว่าจะได้เริ่มทำงานกันบางทีก็เกือบสามทุ่มไปแล้ว
และสิ่งที่ไม่อยากได้แต่ก็ได้มันมาคือน้ำหนักตัวครับ บางครั้งผมอิ่มแล้วแต่เขากินผมก็กินด้วย บางทีอยู่กันดึกๆก็กินกันอีก เพราะการกินเป็นการคลายเครียดที่ดีที่สุดในโลก (ถ้าไม่นับรวมการช้อปปิ้ง) เมื่อไหร่ที่นัดทำเคสกัน มักจบด้วยเรื่องกินตลอด แม้จะมีคนบ่นว่าอ้วน แต่สุดท้ายก็ไปกินด้วยกันทุกคน
ถ้าใครอยากเรียน MBA ผมอยากแนะนำให้เรียนหลักสูตร Executive program ครับ เพราะคุณจะได้อะไรมากกว่าความรู้ โดยเฉพาะ การทำงานร่วมกัน การแชร์ความรู้กัน บางครั้งเรื่องเดียวกันแต่คนที่มาคนละสายงานอาจจะมีวิธีการตัดสินใจที่ไม่เหมือนกันครับ
การทำงานกลุ่มก็เป็นเรื่องสำคัญ ในคลาสของผมไม่ได้มีกฏเกณฑ์ตายตัว ซึ่งบางคนก็อยู่กลุ่มเดียวมาตลอดแต่บางคนก็ย้ายกลุ่มตัวเองไปเรื่อยๆ(เช่นผม) เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องถูกผิดอย่างไร เป็นเรื่องที่แต่ละคนเลือกกันเอง ส่วนตัวที่ผมเลือกย้ายกลุ่มเรื่อยๆ มีเหตุผลง่อยๆของตัวเองแค่นี้
เพราะชีวิตจริงในการทำงานเราเลือกไม่ได้ครับ
บางครั้งเราต้องทำงานกับคนที่เขาไม่ชอบเรา
หรือบางครั้งเราต้องทำงานคนที่เราไม่ชอบเขา
การย้ายกลุ่มไปเรื่อยๆ สอนให้ผมพูดน้อยลงและฟังมากขึ้น สอนให้รู้จักฟังเสียงตำหนิและต้องหนักแน่นเมื่อถูกวิจารณ์ สอนให้รู้จักใช้เหตุผลและหลักการในการอธิบายเรื่องต่างๆเพื่อให้คนอื่นเข้าใจความคิดของเราได้ และที่สำคัญก็คือสิ่งที่เพื่อนในกลุ่มแชร์มาจากหลากหลายอาชีพหรือจากพี่ๆที่มากประสบการณ์มันเป็นความรู้และสาระที่หาในตำราหรือมหาลัยไหนใดๆไม่ได้อีกแล้วครับ
เล่ามาซะยาว วันนี้คงขอจบแค่นี้ครับ หวังว่ากระทู้นี้คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่จะสนใจศึกษาต่อ MBA นะครับ
กระทู้เก่าๆเกี่ยวกับการเรียน MBA กดลิ้งข้างล่างได้เลยครับ
แชร์ประสบการณ์ เรียน Executive MBA เรียนไปทำไม เรียนแล้วได้อะไรมั่ง
http://pantip.com/topic/34992068
แชร์ประสบการณ์ เรียน Executive MBA เรียนไปทำไม เรียนแล้วได้อะไรมั่ง (เทอมสองแล้วนะยู)
http://pantip.com/topic/35489575
ขอบคุณครับ