[CR] True relaxing Trip 9 สังขละบุรี 22-24/12/16

ทริปส่งท้ายปี 2016 เป็นทริปที่คิดเอาไว้ตั้งแต่ต้นปี  ยังไงซะสิ้นปีต้องไปให้ได้  จองห้องพักล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ รวบรวมสมาชิกได้ 3 คน จริงๆมี 4 นะ  เสียดายเกิดเหตุสุดวิสัยเลยเหลือ 3 คน 22/12/16 ออกเดินทางจากตลาดพลูไปตามเส้นราชพฤกษ์เข้าสู่เส้นบรมราชนนี ค่อยๆขับไปโดยไม่เร่งรีบ ไปเที่ยววันที่คนไม่เที่ยวแบบนี้ข้อดีคือรถไม่ติด ขับไปแวะปั้มไปหลงทางไป เรื่อยๆ ชิวๆ ประมาณเที่ยงครึ่งก็แวะพักมื้อเที่ยงที่ครัวแปดริ้ว อำเภอทองผาภูมิ กาญจนบุรี เป็นร้านใหญ่ โปร่งโล่งสบาย เห็นวิวริมแม่น้ำแควน้อย  ต้นไม้ ภูเขา สบายตามากๆ อากาศก็ดี  โชคดีวันที่ไปถึงจะมีแดดแต่ลมโกรกตลอดเวลา อาหารที่สั่งมี ผัดเผ็ดทะเล แกงส้มไข่ชะอม ปลาคังทอดน้ำปลา และยำวุ้นเส้น  รสชาติอาหารใช้ได้เลย  แถมของสด รอก็ไม่นาน ราคาอยู่ระดับปกติไม่แพง สนนมื้อนี้เสียไป 570 บาท

กินเสร็จ+พักสายตาเต็มอิ่มก็ได้เวลาเดินทางต่อ  ขับๆหลงๆไปตาม GPS ขอบอกเลยว่าคราวนี้ GPS ช่วยไม่ได้เท่าไหร่  ต้องใช้ถามทางเอาถึงจะมาถึงในเวลาเกือบสี่โมงเย็น ที่พักคราวนี้เป็นร้านกาแฟที่ทำเป็นที่พักด้วย  ชื่อว่า coffee berry ร้านอยู่ริมถนม ป้ายบอกร้านจะไม่เด่น  ต้องสังเกตุดีๆจริงๆถึงจะเห็น ขับเลยไปสองรอบ  หาอยุ่ตั้งนานกว่าจะเจอ  ภายนอกมองแล้วเหมือนแค่ร้านกาแฟธรรมดา  เพราะโซนที่พักจะอยู่ภายใน ร้านนี้ตกแต่งได้น่ารักๆ  ถึงจะเล็กแต่ทุกมุมในร้านสามารถถ่ายรูปเก๋ๆได้เลย  ภายในห้องนอนก็น่ารัก  ห้องละแค่ 800 บาทเท่านั้น Wi-Fi แรงมากๆ (ไม่มีทีวีและอาหารเช้า) แต่ไม่ชอบตรงประตูห้องที่ใช้เป็นเหมือนแผ่นๆคล้ายกระจกแล้วมีผ้าลงมาปิด  มันมองลอดเห็นข้างใน  และประตูห้องน้ำก็เช่นกัน  ใช้แบบเดียวกับประตูหน้าห้องแต่ไม่มีผ้าปิด  ใครอาบน้ำคนนอกมองเห็นหมด  อิริยาบททำอะไรก็มองเห็น  ห้องน้ำแบบเปิดโล่ง ถึงจะสามารถปิดหลังคาได้  แต่ก็กันแมลงไม่ได้  ห้องน้ำเล็กมาก  ผนังห้องก็บาง  ห้องถัดไปทำอะไรจะได้ยินเสียงหมด  ดูไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย  จะพุดจะคุยก็ต้องเบาๆ  เกรงใจห้องข้างๆ ใครสนใจที่พักนี้เข้ามาดูรายละเอียดที่เว๊บได้เลย http://www.coffeeberrysangklaburi.com/

เก็บของนอนพักกันสักครึ่ง ชม ก็ออกมาเดินเล่นชมสะพานมอญ  กลัวออกเย็นกว่านี้แสงจะหมดถ่ายรูปไม่สวย ที่พักห่างจากสะพานมอญไม่มาก  ประมาณ 500 เมตรได้  เดินไปไม่ไกล  ถ้ามาสังขละแล้วไม่มาสะพานมอญถือว่ามาไม่ถึง  วันที่มาคนไม่มาก  การถ่ายรูปจึงทำได้ง่าย  ชิวๆ  ระหว่างเดินเล่นก็จะมีน้องๆมาคอยเล่าประวัติสะพานมอญให้ฟังก็แล้วแต่จะให้นะค่ะ ไม่ได้เล่าฟรีๆนะ คิดซะว่าสมทบค่าการศึกษาน้องๆ  มีสาวๆมาทาแป้งทานาคาให้  อันนี้ก็แล้วแต่จะให้เหมือนกัน  มีน้องๆโชว์โดดน้ำด้วย  ตัวเล็กๆแต่กล้ามากเลย  สูงเหมือนกันนะ  ข้ามไปฝั่งมอญก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึก  ร้านอาหาร  มีร้านขายของใส่บาตรแถมชุดมอญให้ใส่ด้วย  ปักหมุดไว้  พรุ่งนี้เช้าต้องมาใส่บาตร

เดินเล่นสะพานจนท้องร้องก็ได้เวลาออกหาของกิน  แน่นอนว่ามาถึงที่นี่ก็ต้องมาลองกินหมูจุ่มพม่าที่โด่งดัง  ร้านที่ไปชื่อร้านบารมีหมูจุ่มพม่า  ขายไม้ละบาทเท่านั้น  จะเป็นพวกเครื่องในหมู  ถ้าอยากได้เนื้อก็สั่งได้จานละ 50 บาท  มียำด้วยราคา 50 บาทเช่นกัน  รสชาติน้ำแดงๆที่จุ่มหมูจะคล้ายๆน้ำพะโล้  แต่เจือจางกว่า กินแล้วก็เฉยๆ  ไม่ได้ประทับใจอะไรมากมาย  ไม่อิ่มด้วยซ้ำ  อิอิ สนน 3 คนกินไป 25 ไม้ เนื้อหมูจานนึง ยำจานนึง น้ำเปล่า 2 ขวด รวมราคา 145 บาท   แต่อ่านะ  ในเมื่อไม่อิ่มก็ต้องหาอะไรทานต่อ  ดีที่ตรงนี้คือตลาด  เลยมีร้านขายของกินเพียบ  เลยจัดขนมกรุบกริบไปอีกหน่อย  เบาๆแบบขนมครก ส้มโอ ขนมจีบ รวมราคา 135 บาท เบาๆจริงๆ  กินก่อนนอนจะได้ไม่อ้วน

23/12/16 ตื่นเช้าออกจากที่พักตั้งแต่หกโมง อยู่ที่นี่ตื่นโดยไม่ต้องตั้งปลุกเลย  มีเสียงไก่ขันมาปลุกแต่เช้าเลย  ตั้งใจไปใส่บาตรที่ฝั่งมอญ ข้ามสะพานมอญไปฟ้ายังไม่สว่างดี  จะเห็นหมอกเยอะเลย  อุณหภูมิประมาณ 23 องศา สวยงามมาก  ได้อีกบรรยากาศ  ราคาค่าของใส่บาตรหัวละร้อย จะได้ชุดใส่บาตรและเสื้อผ้ามอญให้ใส่ถ่ายรูป  ไม่แพงเลยนะ  มีชุดให้เลือกเยอะแยะด้วย  ไปก่อนก็เลือกก่อน  อิอิ  กว่าพระจะมาก็ปาไปเจ็ดโมง  ก็ใส่ชุดมอญเดินถ่ายรูปเล่นที่สะพานมอญรอ  วันนี้มีพระสามรูป  คนแถวนั้นบอกว่าวันนี้คนน้อย  ถ้าวันหยุดนะ  คนรอคิวใส่บาตรจะยาวเต็มเพียบมาก  ดีนะที่ยอมลางานเที่ยวอ่ะ  ใส่บาตรเสร็จก็เดินหาของกิน  เห็นร้านโจ๊กร้านนึงดูน่าลอง  โจ๊กร้อนๆกับปาท่องโก๋และกาแฟยามเช้า มันช่างดีๆจริงๆ

กินข้าวเช้าเดินเล่นแป๊บๆแล้วก็กลับมาอาบน้ำแต่งตัว  เตรียมไปล่องเรือชมวัดจมน้ำ  ค่าบริการล่องเรืออยู่ที่ 3 วัด 500 บาท  แต่มาแค่ 3 คน  ลดให้เหลือ 400 บาท  จะพาไปวัดวังก์วิเวกการาม วัดนี้เกือบจะเข้าไม่ได้  ดีนะน้ำลดพอให้เดินได้  ต่อมาก็วัดสมเด็จ  วัดนี้สบายๆ  อยู่สูง  ต้องเดินขึ้นเนินไป และวัดศรีสุวรรณ  ซึ่งวัดสุดท้ายจะไม่สามารถเข้าไปข้างในได้  เนื่องจากน้ำท่วมมิดวัดเลย  คนขับบอกว่าถ้ามาช่วงเมษาหน้าแล้งน้ำลดลงไปสักสิบเมตร  ก็เข้าได้สบายมาก  จุดประทับใจนอกจากวัดแล้วก็เป็นวิวระหว่างล่องเรือ  จะเห็นวิวของเจดีย์พุทธคยา (ซึ่งเดี๋ยวไปแน่นอน) สวยงามมาก  ลมเย็นๆตีหน้า  ถึงแม้จะมีแดดแต่ไม่ร้อนเลยแม่น้ำช่างกว้างใหญ่  ไม่รู้ว่าข้างใต้จะมีเจ้าแม่นาคีอาศัยอยู่รึเปล่า

ล่องเรือเสร็จก็ออกไปมื้อเที่ยงทาน  ตอนใส่บาตรได้ยินคนพูดถึงจุดเล่นน้ำซองกาเลีย มีร้านอาหารสามารถนั่งเอาขาแช่น้ำไปกินข้าวไปได้  ฟังแล้วน่าสนใจ  ลองไปดูหน่อยละกัน  ขับไปตาม GPS + ถามทางไปเรื่อยๆหลงๆ (ทริปนี้หลงตลอด) ก็มาถึง  มันจะเป็นแพเรียงรายริมน้ำ  น้ำลงเล่นได้  เห็นคนลงไปเล่นด้วย  หรือจะแค่เอาขาแช่น้ำก็ได้  น้ำเย็นมากกกกกกกกกก  เหมือนทำสปาเลย  ให้สายน้ำนวดขา  กระแสน้ำไม่แรงมาก  เหมาะกับการแช่น้ำ  เสียดายไม่ได้เอาชุดมา อาหารที่นี่จะเป็นพวกส้มตำ  จอดรถตรงไหนก็นั่งตรงนั้น สั่งร้านนั้น  อาหารที่สั่งมีส้มตำไทย ตำมะม่วง ต้มแซ่บหมู ไก่ย่าง ข้าวผัดรวมมิตรทะเล ข้าวเหนียว และยำมาม่า อร่อยทุกอย่างเลย  ยกเว้นยำมาม่า  ซึ่งอร่อยนะ  แต่มันไม่เผ็ดเลย  ควรเปลี่ยนชื่อเป็นสลัดมากกว่า  สงสัยแม่ครัวลืมใส่พริกมา  มองไม่เห็นพริกเลย  ต้มแซ่บน้ำอร่อยมาก  อต่หมูเหนียวไปหน่อย  เลยเน้นเอามาซดมากกว่า  กินไปปัดแมลงวันไป  มาจากไหนไม่รู้หลายตัว  บริหารต้นแขนไปในตัว  กินเสร็จก็นอนแช่ขาต่อ  โอ๊ยฟิน  มื้อนี้หมดไป445 บาท

กลับมานอนพักผ่อนพี่พักสักหน่อย  เนื่องจากตอนเช้าตื่นไวไปนิด  เลยต้องกลับมาชาร์จพลังกันก่อน  ประมาณ 4 โมงเย็นก็ได้เวลาท่องยุทธจักรกันอีกรอบ คราวนี้เดินทางไปที่เจดีย์พุทธคยา  ชอบใจตั้งแต่ตอนล่องเรือละ ขอไปชมใกล้ๆหน่อยแล้วกัน  จะบอกว่าเห็นใกล้ๆสวยกว่ามองไกลๆมากๆ ใหญ่  เหลืองอร่าม  อลังการงานสร้างจริงๆ  ต่อมาก็ไปที่วัดวังก์วิเวกการามใหม่  ที่เรียกว่าใหม่เพราะของเดิมจมน้ำอยู่  เป้นวัดพุทธแบบมอญ  ที่มองปุ๊บจะรู้ปั๊บเลยว่าแตกต่างจากของคนไทย  แต่ก็มีความสวยงามในแบบของมอญ  เป็นวัดใหญ่และวัดสำคัญของคนมอญ  เป็นวัดของหลวงพ่ออุตตมะ  พระที่ชาวมอญนับถือ  ภายในกว้างขวางสวยงาม  ชอบตรงทางเดินที่มีรูปวิถีชีวิตคนมอญอยู่เรียงราย  เหมือนเป็นแกลอรี่เล็กๆ  ประทับใจจริงๆ  ไม่เคยเจอวัดที่มีภาพมากมายแบบนี้