ครั้นพุทธกาล
>> หลังพระบรมศาสดาทรงตรัสรู้ และโปรด ปัญจวคีย์ จนบรรุธรรมแล้ว เหล่าสหายแห่งพระยสะ ได้พากันมาบวชจำนวนมาก พระพุทธองค์ทรง
แบ่งพระนวกะเหล่านั้นให้ ปัญจวคีย์ทั้งห้าช่วยการดูแล อบรมธรรม จนทุกรูปได้สำเร็จ อรหันต์ทุกรูป และให้จารึกประกาศ สัจจะธรรมแห่งพระองค์
ออกไป โดยให้โอวาทแก่พระอรหันตสาวกแห่งพระองค์ว่า , พวกเธอจงประกาศพระสัจจะธรรมให้งามใน เบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย
ความงดงามที่พระองค์ทรงกำชับ นอกจากพระสัจจะธรรมแล้ว ความงดงามแห่ง จริยวัตร ศีลวัตร แห่งสาวกแห่งพระองค์ควรพึงมีด้วย เพื่อยัง ศรัทธา
แด่สาธุชนให้เลื่อมใส และก้าวเข้าสู่หนทางแห่งความดีงามในที่สุด , แม้พระโมคลานะ พระสารีบุตร พระองค์ก้อยังมอบหมายให้ อบรมธรรมวินัย
แด่กุลบุตร กุลธิดา ผู้ที่สละเพศฆาราวาส เพื่อเข้าสู่เพศบรรพชิต ให้ได้บรรลุธรรมยิ่งๆขึ้นไป
และแม้แต่พระองค์เองและเหล่าสาวกทุกรูปแห่งพระองค์ สละแล้วทั้ง ทรัพย์ทางโลก ยศถา บรรดามี อำนาจราชศักดิ์ ทางการเมือง
การปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องทางโลก ละแล้วซึ่งความทะยานอยากในสิ่งเหล่านั้น
มหาเถรสมาคม , สมาคมแห่งพระผู้เป็นเถระ
>> เดิมการดูแลพระนวกะผู้ สละแล้วอันกิเลสทางโลกเป็นหน้าที่ของ พระอุปัชฌาย์ ผู้คอยฟูมฟัก ดูแลอบรม พระธรรมวินัย ให้แก่พระนวกะเหล่านั้น
ให้เกรงกลัว ละอาย ต่อบาปอกุศลทั้งมวล ชี้ธรรมอันลึกซึ้ง ซึ่งเป็นหนทางแห่งความสงบ สะอาด ให้ปราศจาก กิเลสตัณหา ให้เป็นผู้เนื้อนาบุญของโลก
ให้ประพฤติตนสมกับที่ผู้คนเคารพ กราบไว้ บูชา เพื่อเป็นบุญกุศลของผู้ ศรัทธาเลื่อมใสพระธรรมแห่งพุทธองค์
>> ราชอาณาอันเป็นดินแดนแห่ง พุทธ , บรรพชนแห่งกษัตราธิราชเจ้า ล้วนทรงตั้งอยู่ในธรรม ทรงส่งเสริม เผยแผ่ ธรรมแห่งพุทธองค์ ในทั่ว
ราชอาณาจักรแห่งพระองค์ โดยผ่านพระเถระผู้ ประพฤติดี ปฎิบัติชอบ สืบมา
>> รูปแบบการปกครองเพื่อให้เป็นระเบียบ เพื่อความมั่นคง และความสงบสุข แห่งประชาชน ราชอาณาจักร , ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ผู้ปิยะแห่งปวงชน
ทรงจัดตั้งรูปแบบการปกครองทางสงฆ์ขึ้น โดยบัญญัติคำว่า มหาเถรสมาคม ขึ้นเป็นครั้งแรก , และปรับปรุง เปลื่อนแปลงเรื่อยมา จนกลายเป็นดัง
ปัจจุบันในที่สุด
วัตถุประสงค์ของมหาเถรสมาคม
อำนาจหน้าที่
มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังนี้
(1) ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม
(2) ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร
(3) ควบคุมและส่งเสริมการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์
(4) รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
(5) ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฏหมายอื่น
และที่ผ่านมา สมเด็จพระญาณสังวรสังฆราชสกลมหาสังฆะปริณายก ผู้งดงามทั้งศีลวัตร จริยวัตร ได้ทรงทำหน้าที่รักษาพระธรรมวินัย
ทรงทำหน้าที่พระประมุขแห่งสงฆ์ ในการทรงชี้เรื่อง ปาราชิก ของสงฆ์นอกพระธรรมวินัย , กรรมการบางรูปในสมาคมนั้น นั่งทำอะไร ใย
มิมีการสั่งการคณะปกครองไล่ลงตามลำดับในการปฎิบัติ ให้เป็นดังพระลิขิตนั้น , คณะปกครองที่ดูแล สงฆ์ในปกครองตน ใยนิ่งเฉยต่อพระลิขิตนั้น !!!
และพระพุทธองค์ ทรงตรัสถึง ภิกษุ ที่น่ารังเกียจไว้ว่า
บุคคลที่ควรรังเกียจ ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าไปนั่งใกล้ ได้แก่
บุคคลผู้ ทุศีล มีธรรมอันเลวทราม ไม่สะอาด มีความประพฤติที่น่ารังเกียจ มีการงานอันปกปิด ไม่ใช่สมณะ แต่ปฎิญญาว่าเป็น สมณะ
ไม่ใช่พรหมจารี แต่ปฎิญญาว่าเป็น พรหมจารี เน่าภายใน ชุ่มด้วยราคะ เป็นเหมือนหยากเยื่อ บุคคลเช่นนี้ควรรังเกียจ ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ
ไม่ควรเข้าไปนั่งใกล้
จากนั้นสมเด็จพระญาณฯท่านมิได้ทรงร่วมประชุมกับสมาคมแห่งนั้นอีกเลย ก้อคงด้วยพระสูตรดังกล่าว
พระมหาเถระเป็นพระหรือป่าว ????
>> พระธรรมวินัย บัญญัติไว้ชัดเจน เรื่องการสละทรัพย์ อำนาจ ยศถา บรรดาศักดิ์ ก่อนบวช , มีองค์ไหนบ้างที่บวชแล้ว เสาะแสวงหาทรัพย์ อำนาจ
ยศถา บรรดาศักดิ์ , ท่านรู้หรือไม่การกระทำเช่นนั้น ผิดพระธรรมวินัย เป็นการมิเคารพพระบรมศาสดา , ยังความเสื่อมศรัทธาต่อพุทธบริษัทสี่
การกิน การอยู่ ของพระแต่ละรูปผู้มี อำนาจราชศักดิ์ เดี๋ยวนี้เป็นเช่นไร ใหญ่โตรโหฐานราวกับ คหบดีผู้มั่งคั่ง เครื่องประดับประดา หรูหราอันวิจิตร
เป็นไปเพื่ออันใดหรือ , พระพุทธองค์สละราชบัลลังค์ เพื่อมาสู่โคนไม้ กุฎิหลังเล็กๆ , เหล่าพวกท่านล่ะ , สละเรือนหลังเล็กๆเพื่อมาสู่ บัลลังค์
แห่งความมั่งคงแบบ คหบดีไพศาล หรือป่าว ???
>> พวกท่านรู้หรือไม่ พระจับเงินทอง จับจ่ายใช้สอยเองมิได้ , ผิด พระธรรมวินัย , ท่านรู้หรือไม่ ผู้ศรัทธาถวาย ทรัพย์สิน จตุปัจจัย ให้แก่วัด
ทรัพย์นั้นต้องตกเป็นของส่วนรวม คือ สมบัติสงฆ์ส่วนรวมเพื่อยังประโยชน์ให้แก่ สาธุชนมิเลือกชนชั้น วรรณะ , มีสงฆ์ผู้ใด ยักย้ายถ่ายเถทรัพย์
เหล่านั้น ไม่ว่าอยู่ในรูปเงินฝากส่วนตัว นอมินี ผ่านทางมูลนิธิ นำมาเป็นทรัพย์ส่วนตัว ถือว่า ขโมย , ขโมยทรัพย์ส่วนรวมของสงฆ์ นั้นเป็น ปาราชิก
>> พวกท่านเคยดูแล ทำหน้าที่ รักษาพระธรรมวินัย ตามที่พวกท่านมีหน้าที่ไหม , หรือมีใครในหมู่พวกท่านมีพฤติกรรมเยี่ยงนั้นหรือไม่ ???
>> พระ อย่าว่าแต่ชุมนุม เพื่อเรียกร้อง ข้อเสนออันเป็นประโยชน์แห่งตนเลย , สิทธิแห่งการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญยังไม่มีเลย เพราะอะไร
ก้อเพราะควรเป็นเพศที่หมดความทะยานอยากในเรื่องทางโลกแล้ว , แต่นี่อะไร ออกมาอาละวาด ราวกับนักเลงอันตพาล เรียกร้อง กดดัน
ให้ตน พวกตน ได้ผลประโยชน์ อันเป็น ลาภ ยศ สรรเสริญ , พวกท่านผู้มีหน้าที่ดูแล พระธรรมวินัย พวกท่านทำอะไรกัน , มีใครในหมู่พวกท่าน
ร่วมเรียกร้องกับ แกงค์อันตพาล เหล่านั้นด้วยหรือไม่ ???
>> พวกท่านเคยได้ศึกษาพระสูตรที่ว่าถึงผลของ ภิกษุ ผู้ทุศีลที่หลงไหลใน ลาภ ยศ สรรเสริญ หรือไม่ , ที่ว่า ต้องโดนชายแข็งแรงจับอ้าปาก
แล้วหย่อนก้อนเหล็กร้อนลงไป จนทะลุออกทวาร , ถูกจับนั่งบนเตียงร้อนราวถ่านเพลิง , ถูกเส้นเอ็นสีที่หน้าแข้งจนตัดกระดูก !!!!
>> สงฆ์คือประชนชนไหม , อยู่ภายใต้สังคมไหม , อยู่ภายใต้กฎหมายไหม , พวกท่านต้องการอะไรกัน , พวกท่านต้องการ การกระทำ
อันทุจริต ประพฤติผิดธรรมวินัย ผิดกฎหมายบ้านเมือง แล้วไม่ต้องมีใครมาจัดการพวกท่านได้กระนั้นหรือ !!!!!!!!
ในหมู่พวกท่านบางคนแสดงตัวตนของพวกท่านออกมาเถอะ !!!!!!!!!!!!!
มหาเถรสมาคม
>> หลังพระบรมศาสดาทรงตรัสรู้ และโปรด ปัญจวคีย์ จนบรรุธรรมแล้ว เหล่าสหายแห่งพระยสะ ได้พากันมาบวชจำนวนมาก พระพุทธองค์ทรง
แบ่งพระนวกะเหล่านั้นให้ ปัญจวคีย์ทั้งห้าช่วยการดูแล อบรมธรรม จนทุกรูปได้สำเร็จ อรหันต์ทุกรูป และให้จารึกประกาศ สัจจะธรรมแห่งพระองค์
ออกไป โดยให้โอวาทแก่พระอรหันตสาวกแห่งพระองค์ว่า , พวกเธอจงประกาศพระสัจจะธรรมให้งามใน เบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย
ความงดงามที่พระองค์ทรงกำชับ นอกจากพระสัจจะธรรมแล้ว ความงดงามแห่ง จริยวัตร ศีลวัตร แห่งสาวกแห่งพระองค์ควรพึงมีด้วย เพื่อยัง ศรัทธา
แด่สาธุชนให้เลื่อมใส และก้าวเข้าสู่หนทางแห่งความดีงามในที่สุด , แม้พระโมคลานะ พระสารีบุตร พระองค์ก้อยังมอบหมายให้ อบรมธรรมวินัย
แด่กุลบุตร กุลธิดา ผู้ที่สละเพศฆาราวาส เพื่อเข้าสู่เพศบรรพชิต ให้ได้บรรลุธรรมยิ่งๆขึ้นไป
และแม้แต่พระองค์เองและเหล่าสาวกทุกรูปแห่งพระองค์ สละแล้วทั้ง ทรัพย์ทางโลก ยศถา บรรดามี อำนาจราชศักดิ์ ทางการเมือง
การปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องทางโลก ละแล้วซึ่งความทะยานอยากในสิ่งเหล่านั้น
มหาเถรสมาคม , สมาคมแห่งพระผู้เป็นเถระ
>> เดิมการดูแลพระนวกะผู้ สละแล้วอันกิเลสทางโลกเป็นหน้าที่ของ พระอุปัชฌาย์ ผู้คอยฟูมฟัก ดูแลอบรม พระธรรมวินัย ให้แก่พระนวกะเหล่านั้น
ให้เกรงกลัว ละอาย ต่อบาปอกุศลทั้งมวล ชี้ธรรมอันลึกซึ้ง ซึ่งเป็นหนทางแห่งความสงบ สะอาด ให้ปราศจาก กิเลสตัณหา ให้เป็นผู้เนื้อนาบุญของโลก
ให้ประพฤติตนสมกับที่ผู้คนเคารพ กราบไว้ บูชา เพื่อเป็นบุญกุศลของผู้ ศรัทธาเลื่อมใสพระธรรมแห่งพุทธองค์
>> ราชอาณาอันเป็นดินแดนแห่ง พุทธ , บรรพชนแห่งกษัตราธิราชเจ้า ล้วนทรงตั้งอยู่ในธรรม ทรงส่งเสริม เผยแผ่ ธรรมแห่งพุทธองค์ ในทั่ว
ราชอาณาจักรแห่งพระองค์ โดยผ่านพระเถระผู้ ประพฤติดี ปฎิบัติชอบ สืบมา
>> รูปแบบการปกครองเพื่อให้เป็นระเบียบ เพื่อความมั่นคง และความสงบสุข แห่งประชาชน ราชอาณาจักร , ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ผู้ปิยะแห่งปวงชน
ทรงจัดตั้งรูปแบบการปกครองทางสงฆ์ขึ้น โดยบัญญัติคำว่า มหาเถรสมาคม ขึ้นเป็นครั้งแรก , และปรับปรุง เปลื่อนแปลงเรื่อยมา จนกลายเป็นดัง
ปัจจุบันในที่สุด
วัตถุประสงค์ของมหาเถรสมาคม
อำนาจหน้าที่
มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังนี้
(1) ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม
(2) ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร
(3) ควบคุมและส่งเสริมการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์
(4) รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
(5) ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฏหมายอื่น
และที่ผ่านมา สมเด็จพระญาณสังวรสังฆราชสกลมหาสังฆะปริณายก ผู้งดงามทั้งศีลวัตร จริยวัตร ได้ทรงทำหน้าที่รักษาพระธรรมวินัย
ทรงทำหน้าที่พระประมุขแห่งสงฆ์ ในการทรงชี้เรื่อง ปาราชิก ของสงฆ์นอกพระธรรมวินัย , กรรมการบางรูปในสมาคมนั้น นั่งทำอะไร ใย
มิมีการสั่งการคณะปกครองไล่ลงตามลำดับในการปฎิบัติ ให้เป็นดังพระลิขิตนั้น , คณะปกครองที่ดูแล สงฆ์ในปกครองตน ใยนิ่งเฉยต่อพระลิขิตนั้น !!!
และพระพุทธองค์ ทรงตรัสถึง ภิกษุ ที่น่ารังเกียจไว้ว่า
บุคคลที่ควรรังเกียจ ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าไปนั่งใกล้ ได้แก่
บุคคลผู้ ทุศีล มีธรรมอันเลวทราม ไม่สะอาด มีความประพฤติที่น่ารังเกียจ มีการงานอันปกปิด ไม่ใช่สมณะ แต่ปฎิญญาว่าเป็น สมณะ
ไม่ใช่พรหมจารี แต่ปฎิญญาว่าเป็น พรหมจารี เน่าภายใน ชุ่มด้วยราคะ เป็นเหมือนหยากเยื่อ บุคคลเช่นนี้ควรรังเกียจ ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ
ไม่ควรเข้าไปนั่งใกล้
จากนั้นสมเด็จพระญาณฯท่านมิได้ทรงร่วมประชุมกับสมาคมแห่งนั้นอีกเลย ก้อคงด้วยพระสูตรดังกล่าว
พระมหาเถระเป็นพระหรือป่าว ????
>> พระธรรมวินัย บัญญัติไว้ชัดเจน เรื่องการสละทรัพย์ อำนาจ ยศถา บรรดาศักดิ์ ก่อนบวช , มีองค์ไหนบ้างที่บวชแล้ว เสาะแสวงหาทรัพย์ อำนาจ
ยศถา บรรดาศักดิ์ , ท่านรู้หรือไม่การกระทำเช่นนั้น ผิดพระธรรมวินัย เป็นการมิเคารพพระบรมศาสดา , ยังความเสื่อมศรัทธาต่อพุทธบริษัทสี่
การกิน การอยู่ ของพระแต่ละรูปผู้มี อำนาจราชศักดิ์ เดี๋ยวนี้เป็นเช่นไร ใหญ่โตรโหฐานราวกับ คหบดีผู้มั่งคั่ง เครื่องประดับประดา หรูหราอันวิจิตร
เป็นไปเพื่ออันใดหรือ , พระพุทธองค์สละราชบัลลังค์ เพื่อมาสู่โคนไม้ กุฎิหลังเล็กๆ , เหล่าพวกท่านล่ะ , สละเรือนหลังเล็กๆเพื่อมาสู่ บัลลังค์
แห่งความมั่งคงแบบ คหบดีไพศาล หรือป่าว ???
>> พวกท่านรู้หรือไม่ พระจับเงินทอง จับจ่ายใช้สอยเองมิได้ , ผิด พระธรรมวินัย , ท่านรู้หรือไม่ ผู้ศรัทธาถวาย ทรัพย์สิน จตุปัจจัย ให้แก่วัด
ทรัพย์นั้นต้องตกเป็นของส่วนรวม คือ สมบัติสงฆ์ส่วนรวมเพื่อยังประโยชน์ให้แก่ สาธุชนมิเลือกชนชั้น วรรณะ , มีสงฆ์ผู้ใด ยักย้ายถ่ายเถทรัพย์
เหล่านั้น ไม่ว่าอยู่ในรูปเงินฝากส่วนตัว นอมินี ผ่านทางมูลนิธิ นำมาเป็นทรัพย์ส่วนตัว ถือว่า ขโมย , ขโมยทรัพย์ส่วนรวมของสงฆ์ นั้นเป็น ปาราชิก
>> พวกท่านเคยดูแล ทำหน้าที่ รักษาพระธรรมวินัย ตามที่พวกท่านมีหน้าที่ไหม , หรือมีใครในหมู่พวกท่านมีพฤติกรรมเยี่ยงนั้นหรือไม่ ???
>> พระ อย่าว่าแต่ชุมนุม เพื่อเรียกร้อง ข้อเสนออันเป็นประโยชน์แห่งตนเลย , สิทธิแห่งการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญยังไม่มีเลย เพราะอะไร
ก้อเพราะควรเป็นเพศที่หมดความทะยานอยากในเรื่องทางโลกแล้ว , แต่นี่อะไร ออกมาอาละวาด ราวกับนักเลงอันตพาล เรียกร้อง กดดัน
ให้ตน พวกตน ได้ผลประโยชน์ อันเป็น ลาภ ยศ สรรเสริญ , พวกท่านผู้มีหน้าที่ดูแล พระธรรมวินัย พวกท่านทำอะไรกัน , มีใครในหมู่พวกท่าน
ร่วมเรียกร้องกับ แกงค์อันตพาล เหล่านั้นด้วยหรือไม่ ???
>> พวกท่านเคยได้ศึกษาพระสูตรที่ว่าถึงผลของ ภิกษุ ผู้ทุศีลที่หลงไหลใน ลาภ ยศ สรรเสริญ หรือไม่ , ที่ว่า ต้องโดนชายแข็งแรงจับอ้าปาก
แล้วหย่อนก้อนเหล็กร้อนลงไป จนทะลุออกทวาร , ถูกจับนั่งบนเตียงร้อนราวถ่านเพลิง , ถูกเส้นเอ็นสีที่หน้าแข้งจนตัดกระดูก !!!!
>> สงฆ์คือประชนชนไหม , อยู่ภายใต้สังคมไหม , อยู่ภายใต้กฎหมายไหม , พวกท่านต้องการอะไรกัน , พวกท่านต้องการ การกระทำ
อันทุจริต ประพฤติผิดธรรมวินัย ผิดกฎหมายบ้านเมือง แล้วไม่ต้องมีใครมาจัดการพวกท่านได้กระนั้นหรือ !!!!!!!!
ในหมู่พวกท่านบางคนแสดงตัวตนของพวกท่านออกมาเถอะ !!!!!!!!!!!!!