สวัสดีค่าาาาา ชาวพันทิพย์ทุกคน วันนี้เราอยากจะมาเล่าประสบการณ์การไปเที่ยวต่างบ้านต่างเมืองของเรากับเพื่อน ซึ่งเป็นครั้งแรกในการเขียนรีวิวในพันทิพย์ค่ะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ
ต้องเกริ่นก่อนว่า...เราเพิ่งรู้จักกับ ซาปา เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา พี่ที่ทำงานเล่าให้ฟังว่า ซาปาเป็นเมืองแห่งสายหมอก มีนาขั้นบรรไดสวยๆ บางครั้งในฤดูหนาวก็มีหิมะด้วย ตอนเราฟังก็คิดว่า เห้ย!! ที่เวียดนามเนี้ยะนะมีหิมะ ส่วนนาขั้นบรรไดก็ดูบ้านเราได้ป้ะ ก็เหมือนๆกัน แต่..ระหว่างนั้นเราก็ได้เห็นรีวิวในพันทิพย์ของหลายๆคน เห็นรูปสวยๆ บรรยากาศดีๆ เราเลยได้แต่เก็บข้อมูลไว้เผื่อซักวันได้ไป และนั้นแหละเป็นจุดเริ่มต้นของทริปนี้ค่ะ
เรามาพูดถึงรายละเอียดต่างๆกันเลยดีกว่า ทริปนี้เริ่มจากเราอยากเที่ยวล้วนๆเลยค่ะ เนื่องด้วยครบปีพอดีที่เราได้ไปเที่ยวพม่ามาปีที่แล้ว ส่วนปีนี้ไม่รู้ว่าจะเที่ยวที่ไหนดี ในไทยก็ร้อน ฝนก็ตก แล้วในเวลาเดียวกันก็ดันไปเห็นคนโพสรูปนาขั้นบรรไดที่ซาปาเลยตัดสินใจในทันทีว่า...เอาว่ะ ไปเวียดนามก็ด้ายยยย ไปดูดิว่านาขั้นบรรไดมันมีอะไรดี 555+ ตัดสินใจชวนเพื่อนค่ะ ขอสรุปค่าใช้จ่ายตอนท้ายนะคะ
เริ่มด้วยหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ของกิน และโรงแรม ทั้งในฮานอยและซาปา ด้วยการเก็บข้อมูลจากท่านบลูหลายๆท่านที่ทำรีวิว จึงได้ข้อมูลว่า..ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการไปซาปาคือ ช่วง สิงหาคม-กันยายน ค่ะ เพราะเป็นช่วงที่นาขั้นบันไดเขียวชอุ่ม ช่วงกลาง-ปลายกันยา นาข้าวจะออกรวงสีเหลืองอร่าม ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นมีตั๋วโปรของเวียดนามแอร์ไลน์ เพจอาแปะโพสพอดี เราเลยจัดการซื้อตั๋วก่อนเลยค่ะ แล้วเราก็มีเวลาเตรียมตัวประมาณ 2 เดือนได้ค่ะ ช่วงเวลาที่เราเลือกไปคือ วันที่ 17-21 กันยายน ค่ะ ที่เลือกเวียดนามแอร์ไลน์ไม่ใช่เพราะมีตังค์นะ แต่เวลามันได้พอดี คือไม่อยากไปเช้าแล้วไม่อยากกลับเช้าค่ะ เวลาของเวียดนามแอร์ไลน์มันได้พอดี เมื่อได้ตั๋วแล้วเราก็จัดการจองรถไฟไปซาปาค่ะ
ส่วนการเดินทางไปซาปามี 2 วิธีค่ะ คือ รถไฟนอน กับ รถทัวร์นอนค่ะ เราเลือกรถไฟเพราะคิดว่าน่าสะดวกกว่าในการเดินทางในระยะเวลา9 ชม. แต่ใช่ว่ารถทัวร์จะไม่สบายนะคะ แต่เรากลัวเมารถ 5555+ ซึ่งแน่นอนว่าการไปรถไฟนอนจะมีราคาแพงว่ารถทัวร์นอนเป็นเท่าตัวค่ะ ได้ข้อมูลมาว่า..รถทัวร์นอนราคาตกคนละ 15$ ส่วนรถไฟนอนราคา 35$ ค่ะ เผื่อเป็นตัวเลือกให้เพื่อนๆได้ลองตักสินใจค่ะ ซึ่งเท่าที่เราหาข้อมูลมาคนส่วนใหญ่จะไปซื้อกับบริษัททัวร์ที่ตั้งอยู่ใน Old quarter ตอนที่ไปถึงที่ฮานอย แต่บางครั้งช่วงเวลาที่เราไปรถทัวร์อาจจะเต็ม ดังนั้นถ้าใครกลัวพลาดการเดินทางไปซาปาโดยรถทัวร์ก็แนะนำให้เข้าไปในเว็บเพื่องจองก่อนก็ได้ค่ะ แล้วค่อไปเอาตั๋วทีหลัง เว็บนี้เลยค่ะ www.sapaexpress.com จองรถทัวร์ค่ะ อ้อ !! รถทัวร์จะส่งเราถึงซาปาเลยนะคะ ถ้าเป็นรถไฟจะต้องต่อรถตู้อีก 1 ชม. จากสถานีลาวไกค่ะ ซึ่งเราเลือกที่จะไปรถไฟนอนค่ะ โดยเข้าไปซื้อตั๋วในเว็บ www.hanoisapatrain.com ซึ่งเป็นของบริษัท Blue Dragon tour ค่ะ ซึ่งในเว็บจะมีรถไฟหลายเจ้าให้เลือกดังนี้ค่ะ
• Chapa express train ราคา 40$
• King express train ราคา 35$ **
• Sapaly express train ราคา 42$
• Livitran express train ราคา 40$
• Pumpkin express train ราคา 35$
• Fanxipan express train ราคา 45$
• Tulico sapa express train ราคา 39$
• Orient express train ราคา 40$
• Victoria express train ราคา 110$
เราก็เลือกไป King express train ค่ะ ไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากวันนั้นเข้าเว็บไปได้ราคาที่ 33$ ค่ะ (ปลื้มปริ่มค่ะ) ราคานี้เป็นราคาขาไปขาเดียวนะคะ ถ้าใครจะไปรถไฟกลับรถทัวร์ก็ได้ หรือจะ ไป-กลับ รถไฟก็ได้เช่นกัน เราซื้อไป-กลับค่ะ สะดวกดี เรื่องการรับตั๋วก็ไปเอาตั๋วที่สถานีรถไฟเลยค่ะ บริษัทจะเปิดให้เอาตั๋วก่อนถึงเวลารถไฟออก 1 ชม.ค่ะ
ส่วนการเดินทางจากสถานีลาวไกไปซาปา บางคนติดต่อให้รถโรงแรมมารับซึ่งจะมีราคาประมาณ 3 $-5 $
เมื่อจองตั๋วรถไฟแล้วเราก็จัดการหาที่พักที่ ซาปาค่ะ ซึ่งก็มีหลายโรงแรมให้เลือกสรรจนตาลายไปหมด ส่วนใหญ่ที่เราเห็นรีวิวก็จะเป็น
• Sapa Summit hotel ราคา 35$ / คืน (คนไทยไปพักกันเยอะค่ะ)
• Sapa house ราคา 32$ / คืน (เงียบสงบ แต่ต้องเดินนิดหน่อย)
• Sapa Eden hotel ราคา 34$ / คืน
ซึ่งพวกราคาเราก็เข้าไปเช็คในเว็บ booking ไม่ก็ agoda ค่ะ ส่วนโรงแรมที่เราไปพักพี่ที่ทำงานแนะนำมาค่ะ ชื่อว่า Phoung Nam hotel ราคาในเว็บ booking ประมาณ 918 บาทค่ะ (26$)
ส่วนที่พักในฮานอยมีให้เลือกเยอะแยะเช่นเคยค่ะในย่าน Old quarter แต่วันนั้นเราเปิดเจอในเพจบลูนี่แหละค่ะ เป็นโรงแรมที่ยังไม่ค่อยมีคนไปพัก ไม่ค่อยมีรีวิว แต่..เราเห็นว่าน่าพักดีเลยจองไปค่ะ ชื่อโรงแรมว่า “ Heart hotel ” ราคาในเว็บ booking ประมาณ 920 บาท
>>> ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ลุยเลยค่ะ <<<
สายการบินเวียดนามต้องมาขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งวันนั้นเราก้อไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมาดังนั้น เราจะว๊าปปปป ไปถึงสนามบินเวียดนามเลยนะ
ในสนามบินเวียดนามมีที่แลกเงินกับซื้อซิมโทรศัพท์เราเลยจัดการซื้อซิมเพื่อเล่นอินเตอร์เน็ต ulimited 9 usd หรือ 200,000 VND แล้วก็แลกเงิน 150 USD ได้เงิน dong มา 3,300,000 VND คอนซื้อซิม ดูดีๆนะว่าราจะใช้เน็ตอย่างเดียวหรือโทรด้วย เพราะมีให้เลือกหลายแบบ ที่เราซื้อมาคือเน็ตอย่างเดียวไม่จำกัดความเร็วคุ้มสุดแระเพราะเราซื้อซิมเดียวแล้วเปิด hotspot แชร์กับเพื่อน เน็ตเร็วใช้ได้
ต่อมาเราก็หารถบัสไปทะเลสาบ ฮวานเกี๊ยม กัน ซึ่งจากการหาข้อมูลมาบอกว่านั่งสาย 17 แต่...พอเราไปถามป้ายรถเมล์นั่งรอไปเกือบชม. รถก็ไม่มาซักที ตัดสินใจเดินไปถามพนักงาน เค้าบอกว่า... "ยูต้องนั่งรถฟรีไปลง T1 ก่อนนะ" หึหึ นั้นไง ลงสนามบินมาก็หลงเลยตู T^T
** ดังนั้นถ้าใครลงที่ตึกใหม่ ต้องเดินออกมาจากสนามบินเลี้ยวขวานะ จะมีคนยืนรอขึ้นรถบัสฟรี รถบัสจะเขียนว่า T1>T2, T2>T1 (มีป้ายบอกด้วยค่ะ) หน้าตาป้ายประมาณนี้ค่ะ
พอมาถึงตึกเก่า (T1) แล้ว ให้ลงมาชั้นล่าง เดินออกนอกอาคาร แล้วเลี้ยวขวา เดินตรงยาวๆ เลย จะเห็นรถบัสรถตู้จอดกันเต็มค่ะ การถบัสสาย 17 นะ กาเจอก็กระโดดขึ้นเลยค่ะ ราคา 9,000 VND ค่ะ นั่งรถไปประมาณ 1 ชม. ก็ถึงจุดจอดรถที่คนลงเยอะๆ (ก่อนถึงเราจะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำสองครั้งนะ) หรือถ้ากลัวหลง ก็เปิด GPS พ้อยที่ ทะเลสาบเลยค่ะ เพราะเราก็เปิด ในรถก็ประมาณนี้ค่ะ
จากนั้นเราก็ลงเดินค่ะ เดินบนฟุตบาทบ้าง บนถนนบ้าง ไม่กลัวรถเฉี่ยวกันเลยทีเดียว เดินตาม GPS ไปค่ะ เราจะรู้ตัวว่าเข้าใกล้ทะเลสาบแล้วก็ต่อเมื่อเรารู้สึกว่า..มันคล้ายๆซอยถนนข้าวสารเลย สองข้างทางทีเกสเฮาส์ มีร้านขายของ มีบริษัททัวร์ จนสุดท้ายเราก็เดินทะลุมาเจอทะเลสาบอยู่ข้างหน้า เหทือนเจอสวรรค์ ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะเราเดินหลงไปๆมาๆในซอยนั้นแหละ 5555++
ตอนแรกเราก็จะเดินไปในสะพานถ่ายรูปสวยๆ แต่เนื่องจากเจอมหาประชาชนจากไหนไม่รุ ทั้งไทย จีน เวียดนาม เยอะมาก และเนื่องจากอากาศดี 35 องศา สุดท้ายก็ไม่ได้ถ่ายเหงื่อทั้งตัวเลยค่ะ ดังนั้นเราเลยตัดสินใจนั่งพัก แล้วก็หาของกินตอนเย็น เดินไปกินไปค่ะ จนพระอาทิตย์ตก เก็บบรรยากาศมารูปนึงค่ะ
สุดท้ายตัดสินใจนั้งรถจักรยานสามล้อไปสถานีรถไฟ ย้ำนะคะ สามล้อ !!! ซึ่ง สามล้อบ้านเค้าจะเป็นแบบให้ผู้โดยสารนั่งข้างหน้า แล้วคนปั่นจักรยานอยู่ด้านหลัง ตอนเรานั่งไปใจก็ตกไปตาตุ่ม หวาดเสียวจิงๆค่ะ ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าการขับขี่ในเวียดนามเป็นยังไง T^T สุดท้ายเราก็มาถึงสถานีรถไฟโดยสวัสดิภาพค่ะ ^__" รูปตอนนั่งบนรถสามล้อค่ะ
ซึ่งหน้าตาของสถานีรถไฟเป็นแบบนี้
เนื่องจากเรามาก่อนเวลานานมาก เราเลยมานั่งรอข้างใน จัดการธุระส่วนตัว ห้องน้ำในสถานีเข้าฟรีนะคะ เป็นชักโครกแบบนั่งยองๆค่ะ
และด้วยความไม่แน่ใจของเรา กลัวมาผิดที่ ทำไมไม่มีคนเลยว่ะ เค้าให้มาเอาตั๋วที่นี่จริงหรอ เราเลยส่งเมลล์ไปถามเจ้าหน้าที่ เค้าก็บอกว่า .. เดี๋ยวเค้าเปิดก่อนรถไฟออก 1 ชม. เราเลยโล่งใจค่ะ
รถไฟจะออกตอน 4 ทุ่มค่ะ ซักสองทุ่มครึ่งถึงสามทุ่ม เจ้าหน้าที่ก็มาเปิดประตูแล้ว ที่ที่เรามาเอาตั๋ว จะอยู่ข้างขวาของตึกในรูปข้างบนค่ะ เป็นเหมือนห้องแถวชั้นเดียว ตอนแรกเราหาไม่เจอเพราะมันปิดมืดเลย มีรถจอดข้างหน้าด้วย เลยคิดว่ามาผิดที่รึป่าว 555+
ตอนเรามาเอาตั๋วให้เราโชว์เอกสารการจอง ที่เจ้าหน้าที่ส่งมาในเมลล์ นำมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูค่ะ จากนั้นเค้าก็ให้ตั๋วมา เก็บไว้ดีๆนะคะ
ตึกข้างบนนี้เป็นทางที่จะเข้าไปที่ชานชะลาค่ะ จะอยู่ข้างหน้าตรงที่เราเอาตั๋วเลยค่ะ พอเค้าเปิดประตูให้เราเข้าไปแล้วเราก็เดินหารถไฟที่เราจะขึ้นได้เลยค่ะ
อย่าขึ้นผิดนะคะ เพราะมีหลายสาย เค้ามีป้ายบอกด้วยค่ะ เราต้องขึ้น SP3 ค่ะ
เดินไกลมากค่ะ เกือบสุดขบวน ก็มาเจอแล้วค่ะ King Express
จะมีเจ้าหน้าที่เช็คตั๋วก่อนเข้าไปข้างในค่ะ พอเข้ามาแล้วดูเลขเตียงตรงหน้าประตูให้ตรงกับในตั๋วนะคะ
ถ้าเราไปกัน 2 คน เราจะได้เตียงบนกับล่างฝั่งเดียวกันค่ะ ถ้าไป 4 คนก็เหมาทั้งห้องเลย สบายๆค่ะ ภายในห้องเป็นประมาณนี้ค่ะ
รถไฟออกตรงเวลานะคะ ดังนั้นควรมาก่อนเวลาจะดี พอรถไฟออกไปแปบนึงเราก็รีบใช้ห้องน้ำก่อนค่ะ ยังสะอาดอยู่
อ้อ !! ในห้องเราแชร์กับฝรั่งคู่นึง มีปัญหากับการจอง (แอบฟังเค้าคุยกัน) เค้าบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า...เค้าจองแบบ VIP ทำไมถึงได้แบบ 4 เตียงยืนคุยกันซักพักกับเจ้าหน้าที่ จนสุดท้ายก็ต้องเอาห้องนี้เพราะจ่ายตังค์ไปแล้ว เราเลยบอกเค้าไปว่า จริงๆแล้ว จะ 2 เตียง หรือ 4 เตียงก็ VIP หมด ถ้าไม่ VIP คือรถไฟแบบนั่งธรรมดาๆ แล้วเราก็ชี้ไปขบวนข้างๆ เราเลยอยากบอกเพื่อนๆว่า.. เวลาจะจองกับบริษัททัวร์อะไรถามรายละเอียดดีๆนะ ของเราจองในเว็บเค้ามีรูปแสดงให้ดูเลยว่าแบบไหน เลยไม่มีปัญหาอะไรค่ะ
การเดินทางไปซาปาด้วยรถไฟ ใช้เวลาไปประมาณ 7-8 ชม. แวะแต่ละสถานีด้วย ดังนั้นนอนหลับยาวๆไปค่ะ เก็บแรงไว้เดินเที่ยวที่ซาปา ไว้เจอกันค่ะที่ซาปา ตอนต่อไป
ตอนที่ 2 ค่ะ >>>
http://pantip.com/topic/35964473
[CR] Review เที่ยวเวียดนาม >>ฮานอย+ซาปา<< สไตล์ 2 สาว :: 5 วัน 4 คืน (ตอนที่ 1)
ต้องเกริ่นก่อนว่า...เราเพิ่งรู้จักกับ ซาปา เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา พี่ที่ทำงานเล่าให้ฟังว่า ซาปาเป็นเมืองแห่งสายหมอก มีนาขั้นบรรไดสวยๆ บางครั้งในฤดูหนาวก็มีหิมะด้วย ตอนเราฟังก็คิดว่า เห้ย!! ที่เวียดนามเนี้ยะนะมีหิมะ ส่วนนาขั้นบรรไดก็ดูบ้านเราได้ป้ะ ก็เหมือนๆกัน แต่..ระหว่างนั้นเราก็ได้เห็นรีวิวในพันทิพย์ของหลายๆคน เห็นรูปสวยๆ บรรยากาศดีๆ เราเลยได้แต่เก็บข้อมูลไว้เผื่อซักวันได้ไป และนั้นแหละเป็นจุดเริ่มต้นของทริปนี้ค่ะ
เรามาพูดถึงรายละเอียดต่างๆกันเลยดีกว่า ทริปนี้เริ่มจากเราอยากเที่ยวล้วนๆเลยค่ะ เนื่องด้วยครบปีพอดีที่เราได้ไปเที่ยวพม่ามาปีที่แล้ว ส่วนปีนี้ไม่รู้ว่าจะเที่ยวที่ไหนดี ในไทยก็ร้อน ฝนก็ตก แล้วในเวลาเดียวกันก็ดันไปเห็นคนโพสรูปนาขั้นบรรไดที่ซาปาเลยตัดสินใจในทันทีว่า...เอาว่ะ ไปเวียดนามก็ด้ายยยย ไปดูดิว่านาขั้นบรรไดมันมีอะไรดี 555+ ตัดสินใจชวนเพื่อนค่ะ ขอสรุปค่าใช้จ่ายตอนท้ายนะคะ
เริ่มด้วยหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ของกิน และโรงแรม ทั้งในฮานอยและซาปา ด้วยการเก็บข้อมูลจากท่านบลูหลายๆท่านที่ทำรีวิว จึงได้ข้อมูลว่า..ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการไปซาปาคือ ช่วง สิงหาคม-กันยายน ค่ะ เพราะเป็นช่วงที่นาขั้นบันไดเขียวชอุ่ม ช่วงกลาง-ปลายกันยา นาข้าวจะออกรวงสีเหลืองอร่าม ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นมีตั๋วโปรของเวียดนามแอร์ไลน์ เพจอาแปะโพสพอดี เราเลยจัดการซื้อตั๋วก่อนเลยค่ะ แล้วเราก็มีเวลาเตรียมตัวประมาณ 2 เดือนได้ค่ะ ช่วงเวลาที่เราเลือกไปคือ วันที่ 17-21 กันยายน ค่ะ ที่เลือกเวียดนามแอร์ไลน์ไม่ใช่เพราะมีตังค์นะ แต่เวลามันได้พอดี คือไม่อยากไปเช้าแล้วไม่อยากกลับเช้าค่ะ เวลาของเวียดนามแอร์ไลน์มันได้พอดี เมื่อได้ตั๋วแล้วเราก็จัดการจองรถไฟไปซาปาค่ะ
ส่วนการเดินทางไปซาปามี 2 วิธีค่ะ คือ รถไฟนอน กับ รถทัวร์นอนค่ะ เราเลือกรถไฟเพราะคิดว่าน่าสะดวกกว่าในการเดินทางในระยะเวลา9 ชม. แต่ใช่ว่ารถทัวร์จะไม่สบายนะคะ แต่เรากลัวเมารถ 5555+ ซึ่งแน่นอนว่าการไปรถไฟนอนจะมีราคาแพงว่ารถทัวร์นอนเป็นเท่าตัวค่ะ ได้ข้อมูลมาว่า..รถทัวร์นอนราคาตกคนละ 15$ ส่วนรถไฟนอนราคา 35$ ค่ะ เผื่อเป็นตัวเลือกให้เพื่อนๆได้ลองตักสินใจค่ะ ซึ่งเท่าที่เราหาข้อมูลมาคนส่วนใหญ่จะไปซื้อกับบริษัททัวร์ที่ตั้งอยู่ใน Old quarter ตอนที่ไปถึงที่ฮานอย แต่บางครั้งช่วงเวลาที่เราไปรถทัวร์อาจจะเต็ม ดังนั้นถ้าใครกลัวพลาดการเดินทางไปซาปาโดยรถทัวร์ก็แนะนำให้เข้าไปในเว็บเพื่องจองก่อนก็ได้ค่ะ แล้วค่อไปเอาตั๋วทีหลัง เว็บนี้เลยค่ะ www.sapaexpress.com จองรถทัวร์ค่ะ อ้อ !! รถทัวร์จะส่งเราถึงซาปาเลยนะคะ ถ้าเป็นรถไฟจะต้องต่อรถตู้อีก 1 ชม. จากสถานีลาวไกค่ะ ซึ่งเราเลือกที่จะไปรถไฟนอนค่ะ โดยเข้าไปซื้อตั๋วในเว็บ www.hanoisapatrain.com ซึ่งเป็นของบริษัท Blue Dragon tour ค่ะ ซึ่งในเว็บจะมีรถไฟหลายเจ้าให้เลือกดังนี้ค่ะ
• Chapa express train ราคา 40$
• King express train ราคา 35$ **
• Sapaly express train ราคา 42$
• Livitran express train ราคา 40$
• Pumpkin express train ราคา 35$
• Fanxipan express train ราคา 45$
• Tulico sapa express train ราคา 39$
• Orient express train ราคา 40$
• Victoria express train ราคา 110$
เราก็เลือกไป King express train ค่ะ ไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากวันนั้นเข้าเว็บไปได้ราคาที่ 33$ ค่ะ (ปลื้มปริ่มค่ะ) ราคานี้เป็นราคาขาไปขาเดียวนะคะ ถ้าใครจะไปรถไฟกลับรถทัวร์ก็ได้ หรือจะ ไป-กลับ รถไฟก็ได้เช่นกัน เราซื้อไป-กลับค่ะ สะดวกดี เรื่องการรับตั๋วก็ไปเอาตั๋วที่สถานีรถไฟเลยค่ะ บริษัทจะเปิดให้เอาตั๋วก่อนถึงเวลารถไฟออก 1 ชม.ค่ะ
ส่วนการเดินทางจากสถานีลาวไกไปซาปา บางคนติดต่อให้รถโรงแรมมารับซึ่งจะมีราคาประมาณ 3 $-5 $
เมื่อจองตั๋วรถไฟแล้วเราก็จัดการหาที่พักที่ ซาปาค่ะ ซึ่งก็มีหลายโรงแรมให้เลือกสรรจนตาลายไปหมด ส่วนใหญ่ที่เราเห็นรีวิวก็จะเป็น
• Sapa Summit hotel ราคา 35$ / คืน (คนไทยไปพักกันเยอะค่ะ)
• Sapa house ราคา 32$ / คืน (เงียบสงบ แต่ต้องเดินนิดหน่อย)
• Sapa Eden hotel ราคา 34$ / คืน
ซึ่งพวกราคาเราก็เข้าไปเช็คในเว็บ booking ไม่ก็ agoda ค่ะ ส่วนโรงแรมที่เราไปพักพี่ที่ทำงานแนะนำมาค่ะ ชื่อว่า Phoung Nam hotel ราคาในเว็บ booking ประมาณ 918 บาทค่ะ (26$)
ส่วนที่พักในฮานอยมีให้เลือกเยอะแยะเช่นเคยค่ะในย่าน Old quarter แต่วันนั้นเราเปิดเจอในเพจบลูนี่แหละค่ะ เป็นโรงแรมที่ยังไม่ค่อยมีคนไปพัก ไม่ค่อยมีรีวิว แต่..เราเห็นว่าน่าพักดีเลยจองไปค่ะ ชื่อโรงแรมว่า “ Heart hotel ” ราคาในเว็บ booking ประมาณ 920 บาท
>>> ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ลุยเลยค่ะ <<<
สายการบินเวียดนามต้องมาขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งวันนั้นเราก้อไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมาดังนั้น เราจะว๊าปปปป ไปถึงสนามบินเวียดนามเลยนะ
ในสนามบินเวียดนามมีที่แลกเงินกับซื้อซิมโทรศัพท์เราเลยจัดการซื้อซิมเพื่อเล่นอินเตอร์เน็ต ulimited 9 usd หรือ 200,000 VND แล้วก็แลกเงิน 150 USD ได้เงิน dong มา 3,300,000 VND คอนซื้อซิม ดูดีๆนะว่าราจะใช้เน็ตอย่างเดียวหรือโทรด้วย เพราะมีให้เลือกหลายแบบ ที่เราซื้อมาคือเน็ตอย่างเดียวไม่จำกัดความเร็วคุ้มสุดแระเพราะเราซื้อซิมเดียวแล้วเปิด hotspot แชร์กับเพื่อน เน็ตเร็วใช้ได้
ต่อมาเราก็หารถบัสไปทะเลสาบ ฮวานเกี๊ยม กัน ซึ่งจากการหาข้อมูลมาบอกว่านั่งสาย 17 แต่...พอเราไปถามป้ายรถเมล์นั่งรอไปเกือบชม. รถก็ไม่มาซักที ตัดสินใจเดินไปถามพนักงาน เค้าบอกว่า... "ยูต้องนั่งรถฟรีไปลง T1 ก่อนนะ" หึหึ นั้นไง ลงสนามบินมาก็หลงเลยตู T^T
** ดังนั้นถ้าใครลงที่ตึกใหม่ ต้องเดินออกมาจากสนามบินเลี้ยวขวานะ จะมีคนยืนรอขึ้นรถบัสฟรี รถบัสจะเขียนว่า T1>T2, T2>T1 (มีป้ายบอกด้วยค่ะ) หน้าตาป้ายประมาณนี้ค่ะ
พอมาถึงตึกเก่า (T1) แล้ว ให้ลงมาชั้นล่าง เดินออกนอกอาคาร แล้วเลี้ยวขวา เดินตรงยาวๆ เลย จะเห็นรถบัสรถตู้จอดกันเต็มค่ะ การถบัสสาย 17 นะ กาเจอก็กระโดดขึ้นเลยค่ะ ราคา 9,000 VND ค่ะ นั่งรถไปประมาณ 1 ชม. ก็ถึงจุดจอดรถที่คนลงเยอะๆ (ก่อนถึงเราจะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำสองครั้งนะ) หรือถ้ากลัวหลง ก็เปิด GPS พ้อยที่ ทะเลสาบเลยค่ะ เพราะเราก็เปิด ในรถก็ประมาณนี้ค่ะ
จากนั้นเราก็ลงเดินค่ะ เดินบนฟุตบาทบ้าง บนถนนบ้าง ไม่กลัวรถเฉี่ยวกันเลยทีเดียว เดินตาม GPS ไปค่ะ เราจะรู้ตัวว่าเข้าใกล้ทะเลสาบแล้วก็ต่อเมื่อเรารู้สึกว่า..มันคล้ายๆซอยถนนข้าวสารเลย สองข้างทางทีเกสเฮาส์ มีร้านขายของ มีบริษัททัวร์ จนสุดท้ายเราก็เดินทะลุมาเจอทะเลสาบอยู่ข้างหน้า เหทือนเจอสวรรค์ ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะเราเดินหลงไปๆมาๆในซอยนั้นแหละ 5555++
ตอนแรกเราก็จะเดินไปในสะพานถ่ายรูปสวยๆ แต่เนื่องจากเจอมหาประชาชนจากไหนไม่รุ ทั้งไทย จีน เวียดนาม เยอะมาก และเนื่องจากอากาศดี 35 องศา สุดท้ายก็ไม่ได้ถ่ายเหงื่อทั้งตัวเลยค่ะ ดังนั้นเราเลยตัดสินใจนั่งพัก แล้วก็หาของกินตอนเย็น เดินไปกินไปค่ะ จนพระอาทิตย์ตก เก็บบรรยากาศมารูปนึงค่ะ
สุดท้ายตัดสินใจนั้งรถจักรยานสามล้อไปสถานีรถไฟ ย้ำนะคะ สามล้อ !!! ซึ่ง สามล้อบ้านเค้าจะเป็นแบบให้ผู้โดยสารนั่งข้างหน้า แล้วคนปั่นจักรยานอยู่ด้านหลัง ตอนเรานั่งไปใจก็ตกไปตาตุ่ม หวาดเสียวจิงๆค่ะ ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าการขับขี่ในเวียดนามเป็นยังไง T^T สุดท้ายเราก็มาถึงสถานีรถไฟโดยสวัสดิภาพค่ะ ^__" รูปตอนนั่งบนรถสามล้อค่ะ
ซึ่งหน้าตาของสถานีรถไฟเป็นแบบนี้
เนื่องจากเรามาก่อนเวลานานมาก เราเลยมานั่งรอข้างใน จัดการธุระส่วนตัว ห้องน้ำในสถานีเข้าฟรีนะคะ เป็นชักโครกแบบนั่งยองๆค่ะ
และด้วยความไม่แน่ใจของเรา กลัวมาผิดที่ ทำไมไม่มีคนเลยว่ะ เค้าให้มาเอาตั๋วที่นี่จริงหรอ เราเลยส่งเมลล์ไปถามเจ้าหน้าที่ เค้าก็บอกว่า .. เดี๋ยวเค้าเปิดก่อนรถไฟออก 1 ชม. เราเลยโล่งใจค่ะ
รถไฟจะออกตอน 4 ทุ่มค่ะ ซักสองทุ่มครึ่งถึงสามทุ่ม เจ้าหน้าที่ก็มาเปิดประตูแล้ว ที่ที่เรามาเอาตั๋ว จะอยู่ข้างขวาของตึกในรูปข้างบนค่ะ เป็นเหมือนห้องแถวชั้นเดียว ตอนแรกเราหาไม่เจอเพราะมันปิดมืดเลย มีรถจอดข้างหน้าด้วย เลยคิดว่ามาผิดที่รึป่าว 555+
ตอนเรามาเอาตั๋วให้เราโชว์เอกสารการจอง ที่เจ้าหน้าที่ส่งมาในเมลล์ นำมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูค่ะ จากนั้นเค้าก็ให้ตั๋วมา เก็บไว้ดีๆนะคะ
ตึกข้างบนนี้เป็นทางที่จะเข้าไปที่ชานชะลาค่ะ จะอยู่ข้างหน้าตรงที่เราเอาตั๋วเลยค่ะ พอเค้าเปิดประตูให้เราเข้าไปแล้วเราก็เดินหารถไฟที่เราจะขึ้นได้เลยค่ะ
อย่าขึ้นผิดนะคะ เพราะมีหลายสาย เค้ามีป้ายบอกด้วยค่ะ เราต้องขึ้น SP3 ค่ะ
เดินไกลมากค่ะ เกือบสุดขบวน ก็มาเจอแล้วค่ะ King Express
จะมีเจ้าหน้าที่เช็คตั๋วก่อนเข้าไปข้างในค่ะ พอเข้ามาแล้วดูเลขเตียงตรงหน้าประตูให้ตรงกับในตั๋วนะคะ
ถ้าเราไปกัน 2 คน เราจะได้เตียงบนกับล่างฝั่งเดียวกันค่ะ ถ้าไป 4 คนก็เหมาทั้งห้องเลย สบายๆค่ะ ภายในห้องเป็นประมาณนี้ค่ะ
รถไฟออกตรงเวลานะคะ ดังนั้นควรมาก่อนเวลาจะดี พอรถไฟออกไปแปบนึงเราก็รีบใช้ห้องน้ำก่อนค่ะ ยังสะอาดอยู่
อ้อ !! ในห้องเราแชร์กับฝรั่งคู่นึง มีปัญหากับการจอง (แอบฟังเค้าคุยกัน) เค้าบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า...เค้าจองแบบ VIP ทำไมถึงได้แบบ 4 เตียงยืนคุยกันซักพักกับเจ้าหน้าที่ จนสุดท้ายก็ต้องเอาห้องนี้เพราะจ่ายตังค์ไปแล้ว เราเลยบอกเค้าไปว่า จริงๆแล้ว จะ 2 เตียง หรือ 4 เตียงก็ VIP หมด ถ้าไม่ VIP คือรถไฟแบบนั่งธรรมดาๆ แล้วเราก็ชี้ไปขบวนข้างๆ เราเลยอยากบอกเพื่อนๆว่า.. เวลาจะจองกับบริษัททัวร์อะไรถามรายละเอียดดีๆนะ ของเราจองในเว็บเค้ามีรูปแสดงให้ดูเลยว่าแบบไหน เลยไม่มีปัญหาอะไรค่ะ
การเดินทางไปซาปาด้วยรถไฟ ใช้เวลาไปประมาณ 7-8 ชม. แวะแต่ละสถานีด้วย ดังนั้นนอนหลับยาวๆไปค่ะ เก็บแรงไว้เดินเที่ยวที่ซาปา ไว้เจอกันค่ะที่ซาปา ตอนต่อไป
ตอนที่ 2 ค่ะ >>> http://pantip.com/topic/35964473