Sapa - Fansipan by Cable Car
(March 29 - April 2, 2023)
จัดกระเป๋าแล้วไปเปิดโลกกว้างกัน อัดอั้นมา 3 ปีกับโควิด
ทริปแรกหลังโควิด คือทริปที่ 3 สำหรับการไปเที่ยวเวียดนาม
แพลนเที่ยวคือ ตั้งใจไปชมเมืองซาปา และขึ้นเขาฟานซิปัน 2 วัน 2 คืน แบบอากาศไม่ต้องหนาวมาก เอาพอให้เย็นเป็นกระไส ^^
ทริปนี้ หาข้อมูล แล้ววางแผนการเดินทางกันเอง ตะกุกตะกักบ้าง พอให้ตื่นเต้นค่ะ
Day 1 : วันเดินทาง
- จากบ้านเกิด บินไฟล์ทสายๆ เข้าเมืองกรุง แล้วนั่งรอขึ้นเครื่องต่อไปฮานอย
- สนามบินดอนเมือง – ฮานอย ใช้เวลา 1 ชม. 50 นาที
- ต่อรถไปขึ้นรถบัสนอนในตัวเมืองฮานอย
- นอนบนรถไปถึงเช้าที่ซาปา
Day 2 : ท่องเมืองซาปา
- หมู่บ้าน Cat Cat
- Cong Café
- จตุรัสสแควร์กลางเมือง ชมโบสถ์คริสต์
- นั่งรถรางชมเมืองซาปา
- Maona Cafe
- เดิน-วิ่ง ออกกำลังกายที่ Sapa Lake วันที่ 1
- กินแซลมอนหม้อไฟ และชมวิวยามค่ำคืน
Day 3 : ขึ้นยอดเขาฟานซีปัน
- ขึ้นโมโนเรล ที่ห้าง Sun Plaza เพื่อไปต่อกระเช้าขึ้นฟานซีปัน
- เที่ยวที่ฟานซิปันประมาณ 4 ชม.
- ไอศกรีมเจ้าอร่อย ริมทะเลสาบซาปา
- เก็บตกทะเลสาบซาปา รอบที่ 2
Day 4 : กลับฮานอย
- เรียกรถรางไปส่งที่สถานีรถ แถวๆ ตลาดเช้า
- จากซาปาถึงฮานอย 07.00-13.45 น. ใช้เวลาเดินทางนานกว่าที่คิด
- เที่ยวทะเลสาบคืนดาบ วัดเนินหยก และย่านเมืองเก่า
- แวะชมโบสถ์คริสต์ใกล้ๆ ที่พัก
Day 5 : กลับไทย
- ไฟล์ทเช้า 09.00 -10.50 น. ถึงดอนเมือง รอที่สนามบินต่อเครื่องกลับบ้านเกิด
- จบทริปจ้า
ค่าใช้จ่ายตลอดทริป หาร 5 คน ก็เซฟได้เยอะอยู่น๊า แล้วอัพเดทให้ช่วงท้ายค่ะ
ไปเริ่มวันแรกกันค่ะ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอง
ในวันที่เดินทาง ภาพนี้ถ่ายที่สนามบินดอนเมือง คือ 1 ดอง = 0.0018 บาท (หรือ 10,000 ดอง = 18 บาท)
แต่เราซื้อเงินเวียดนามกันที่ Super ริช (เขียว) ได้ 1 ดอง = 0.0015 บาท (10,000 ดอง =15 บาท)
ก่อนไปแนะนำให้ลองเช็คราคาที่ร้านเขียวก่อนนะคะ ถ้าถูกกว่าก็จัดโลด
ค่ากินต่อวันอยู่ที่ประมาณ 300-500 บาทไทยค่ะ
บ้านอยู่ไกล ก็มาถึงเช้าหน่อย ^_^
เหินฟ้าจากบ้านเกิด มารอขึ้นเครื่องไปเวียดนามค่ะ นั่งเล่นฆ่าเวลาวนไป สะดวกสบาย มีเน็ทฟรีให้เล่น 1 ชม. แค่ล้อคอินสนามบิน
อ้อ...มีเรื่องตลก แลกเปลี่ยนให้ฟังค่ะ .... ประสบการณ์เปิดโรมมิ่งครั้งแรก
ด้วยมือถือเป็นแบบระบบ 2 ซิม เลยขี้เกียจถอดเปลี่ยนซิม
สำหรับเรา เราเลือกเปิดดาต้าโรมมิ่งนะคะ ไม่ได้ไปซื้อซิมการ์ดที่เวียดนาม
ราคาของแพกเกจอยู่ที่ 399 บาท ใช้งานได้ 10 วันของค่ายสีเขียวจ้า ก็สะดวกดีนะ
ปรากฎว่า ซิมที่ใช้เล่นเน็ตบ้าน เน็ตมือถือ ปกติคือ ซิม 2
ส่วนซิมที่อิฉัน ใช้สมัคร ดาต้าโรมมิ่ง เป็น ซิม 1 ที่ตัวเองใช้โทรเข้า-โทรออก ที่ไทยเป็นประจำ
พอไปถึงสนามบินโหน่ยบาย ที่ฮานอย ก็เข้า Setting เปิด Data roaming
chip-hai..... ไม ไม่มีเน็ทวะ ^__^
เครียดเลยตู ซื้อแพคเกจมา ดันเล่นเนทไม่ได้ทำไงดี ทำไงดี
พยายามอยู่พักหนึ่งจนนึกขึ้นมาได้
โทรศัพท์ที่มี 2 ซิมในเครื่อง มันจะให้เราเลือกใช้ Mobile Data ว่าจะใช้ sim 1, หรือ sim 2
ก็เลยไปเปลี่ยน จากเดิมที่เคยเล่นเน็ทที่ sim 2 มาเลือก sim 1
แล้วค่อยเปิด Line App ส่งสติกเกอร์ทดสอบเน็ท หาน้องสาวทันที
เย้... สรุป... ใช้ได้แล้ว
นี่คือ ความเปิ่นของเราเอง
ใครใช้มือถือแบบเรา ก็ทำตามได้เลยนะคะ รับรองไม่พลาด สัญญาณค่ายสีเขียวเค้าก็ดีนะ ใช้ได้ในทุกที่ของเวียดนามค่ะ
ราคาถูกกว่าซื้อซิมที่สนามบินฮานอย เป็นแพคเกจ Ready2Fly Asia Non stop data roaming-fixed 10 days 399 บาท
แต่สำหรับคนที่ไม่สะดวกเปิด ดาต้า โรมมิ่ง กลัวจะพลาดไปรับสายแล้วจ่ายเงินแพงโดยใช่เหตุ ^^
หากต้องการซิมเพื่อใช้งานอินเตอร์เนทเร็ว ก็สามารถไปซื้อซิมที่สนามบินฮานอยได้นะคะ
แค่เดินออกมาจาก Arrival Gate แล้วมองไปทางขวาก็จะเห็นร้านขายซิมอยู่ด้านข้างให้เลือกค่ะ
มี 2-3 package ให้เลือกใช้ ต้องการใช้เน็ทมากหรือน้อย ของแพงๆ อาจจะไม่จำเป็นก็ได้นะคะ
เอาที่เราใช้งานจริงดีกว่า ใครที่โรงแรมมีไวไฟบริการอยู่แล้ว แนะนำให้ซื้อใช้ 250K หรือ 11 USD ก็พอจ้า
เอาไว้เปิด Map ระหว่างท่องเที่ยว ส่วนภาพสวยๆ จะอัพโหลด ส่งไฟล์ ค่อยไปส่งให้กันตอนเข้าที่พักก็ได้โน๊ะ
เวลาซื้อ เค้าจะขอถ่ายหน้าพาสปอร์ตเราด้วยนะคะ ใช้ พาสปอร์ต 1 ใบ ซื้อได้ 2 ซิมค่ะ ทางร้านเปลี่ยนซิมและเปิดใช้งานให้เลยค่ะ
ได้เน็ทเรียบร้อย สบายใจ ก็เดินออกมานอกอาคารสนามบิน
เรานัดหมายรถมารับที่สนามบินเพื่อไปจุดขึ้นรถบัส overnight bus ที่อยู่ในตัวเมืองฮานอย
เค้าจะมีอีเมล์คอนเฟิร์มกลับมา ทั้งใบเสร็จที่เราชำระเงิน และอธิบายวิธีการนัดหมายกับคนขับรถของ Klook
แค่เดินมาที่เสาต้นที่ 10 ตามแจ้ง จะมีคนมารอรับเราโดยเขียนป้ายชื่อเราไว้ ไม่ต้องพูดอะไรมาก เห็นชื่อก็เดินตามเค้าไปได้เลยจ้า
รถ 7 ที่นั่งสำหรับ 5 คน ราคา 531 บาทค่ะ
จากสนามบินวิ่งเข้ามาตัวเมืองฮานอยประมาณ 40 นาทีค่ะ
รถมาส่งเราที่จุดขึ้นรถ ของบริษัท Sao Viet ที่เราก็จองตั๋วรถบัสนอน (Over Night Bus) ไว้แล้ว
เมื่อถึงบริษัท ก็โชว์ E-ticket นี้ให้ จนท.เคาน์เตอร์ เค้าจะออกตั๋วที่มีเลขที่ตู้นอนให้เราค่ะ
เราจองตู้บนทั้งหมด ราคาจะถูกกว่าตู้ล่าง 100 บาท เพราะตอนแรกกังวลเรื่องเหม็นเท้าหากอยู่ด้านล่าง
เพราะจนท.จะให้เราถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติกไว้แล้วถือไปด้วย ห้ามใส่รองเท้าในรถเด็ดขาดค่ะ
แต่ปรากฎว่า รถวิ่งขึ้นเขา นอนชั้นบนโคลงเคลงมาก แทบไม่ได้หลับกันเลยทีเดียว
ถ้าให้แนะนำก็คือ... จองด้านล่างดีกว่านะคะ ^_^
ตอนที่จองผ่านเวปไซต์ เค้าแจ้งเราว่า เราสามารถแจ้งจุดที่ให้รถบัสไปส่งได้ ว่าพักที่โรงแรมไหน
แต่ปรากฎว่า รถบัสไม่ได้ไปส่งตามแจ้ง แต่จอดให้ลง แล้วให้เราเรียกแทกซี่ไปโรงแรมเอง
ตอนนั้น ประมาณตีสี่นิด ๆ ง่วงสุดไรสุด นอนก็แทบไม่ได้หลับ เลยยอมจ่าย 200K ดอง ให้ไปส่งโรงแรม (ต่อไปนี้ K=1,000 ดองเวียดนะคะ)
โชคดีที่ โรงแรมเปิด 24 ชม. แต่ staff จะเริ่มทำงานประมาณตีห้าครึ่ง เลยแกร่วรอกันแถวล๊อบบี้ นั่งหลับรอเวลา Early check-in
เราจองโรงแรม Mimosa Sapa Hotel ไว้ เป็นโรงแรม 3 ดาว วิวภูเขา
แต่ในความเป็นจริง ไม่เห็นอะไรเลย เพราะหมอกลง ^^
ข้อดีคือ สะดวก มีลิฟท์ อยู่ใจกลางเมือง
ข้อด้อย ที่เจอ ระบบน้ำอุ่นในห้องน้ำ ไม่เสถียร อาบๆ อยู่ตัดเป็นน้ำเย็นซะงั้น ^^
วิธีแก้คือ ห้ามเปิดน้ำไว้นานเวลาอาบน้ำ ถ้าจะสระผม ก็สระผมให้เสร็จก่อน แล้วปิดก๊อกน้ำ
โรงแรมมีไดร์เป่าผม แอร์ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ ยาสระผมให้
ราคาต่อคืนอยู่ที่ประมาณ 700 กว่าบาทไทย
จบ Day 1 สำหรับการเดินทางจนถึงเข้าที่พักที่ซาปานะคะ เดี๋ยวมาต่อ Day 2 ท่องซาปากันค่ะ
เที่ยวซาปา-Fansipan ไปกันเอง Sapa March 2023 ขึ้นยอดเขาฟานซีปันในวันท้องฟ้าแจ่มใส (29 มีนาคม - 2 เมษายน 2566)
- ขึ้นโมโนเรล ที่ห้าง Sun Plaza เพื่อไปต่อกระเช้าขึ้นฟานซีปัน
- เที่ยวที่ฟานซิปันประมาณ 4 ชม.
- ไอศกรีมเจ้าอร่อย ริมทะเลสาบซาปา
- เก็บตกทะเลสาบซาปา รอบที่ 2
Day 4 : กลับฮานอย
- เรียกรถรางไปส่งที่สถานีรถ แถวๆ ตลาดเช้า
- จากซาปาถึงฮานอย 07.00-13.45 น. ใช้เวลาเดินทางนานกว่าที่คิด
- เที่ยวทะเลสาบคืนดาบ วัดเนินหยก และย่านเมืองเก่า
- แวะชมโบสถ์คริสต์ใกล้ๆ ที่พัก
Day 5 : กลับไทย
- ไฟล์ทเช้า 09.00 -10.50 น. ถึงดอนเมือง รอที่สนามบินต่อเครื่องกลับบ้านเกิด
- จบทริปจ้า
ค่าใช้จ่ายตลอดทริป หาร 5 คน ก็เซฟได้เยอะอยู่น๊า แล้วอัพเดทให้ช่วงท้ายค่ะ
ไปเริ่มวันแรกกันค่ะ