ธรรมะของพระพุทธเจ้าทำได้ง่าย ๆ

ธรรมะของพระพุทธเจ้าทำได้ง่ายมาก
ถ้าผู้ปฏิบัติ  มีชาคริยะ  มีอิทธิบาท4
มีใจเป็นกลาง ในการพิจารณาธรรม
อย่าใช้ มิจฉาฑิฐิ  มานะ  ยึดว่าสิ่งนั้นๆเป็นอัตตา
และอย่าไปยึดติดว่าสิ่งนั้นอนัตตา
คือวางใจให้เป็นกลางในอัตตา และอนัตตา
จิตไม่รู้จักวางใจให้เป็นกลาง
สังโยชน์ ตัว วิจิกิจฉา จะติดไปเรื่อยละไม่ได้
สงสัยในอัตตาและอนัตตา ไม่จบสิ้น
สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้า
สงสัยในตำรา  สงสัยในคำสอนของอาจารย์
เพราะที่เรายึด อัตตาหรือ อนัตตาตามตำรา
ตามอาจารย์  เราก็ไม่เป็นตัวเราเอง
ปัญญาของเราก็ไม่เกิด
ไปเอาปัญญา  สัญญา ของผู้อื่นมาสวมกอดเอาไว้
เราก็เลย เดินวนเวียนอยู่ที่อัตตาและ อนัตตา
การที่จะเริ่มเห็น อัตตา และ อนัตตาได้
จะต้องถึงพระโสดาบัน
พระโสดาบัน  ไม่ยึด สังโยชน์เบื้องต้น  3  อย่าง  เป็นอัตตา
แต่ยังเห็นสังโยชน์อีก 7 อย่างเป็นอัตตา
และไม่เห็นว่า สังโยชน์เบื้องต้น  3  อย่าง เป็นอนัตตา
พระสกิทาคา ไม่ยึด สังโยชน์เบื้องต้น  3  อย่าง เป็นอัตตา
และไม่เห็นว่าสังโยชน์เบื้องต้น  3  อย่างเป็น อนัตตา
แต่ยังเห็นสังโยชน์อีก 7 อย่างเป็นอัตตา
พระอนาคาไม่ยึด สังโยชน์เบื้องต้น  5 อย่าง อัตตา
และไม่เห็นว่าสังโยชน์เบื้องต้น  5 อย่างเป็น อนัตตา
แต่ยังเห็นสังโยชน์อีก 5 อย่างเป็นอัตตา
พระอรหันต์ไม่ยึด สังโยชน์10 อย่าง อัตตา
และไม่เห็นว่าสังโยชน์เบื้องต้น  10 อย่างเป็น อนัตตา
เพราะสังโยชน์ ดับหมด  ไม่มีอาสวะ