หลวง​ปู่​สังวาลย์​เขม​โก​ พูด​ถึงกำลัง​ธรรม​ะในใจคนก่อนตาย​10ข้อ​

ธรรมะหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก พูดถึง กำลังของ “ธรรมะในใจเรา” ขณะใกล้แตกดับ (ตุย) ว่ามีความสำคัญที่สุด เพราะจิตในช่วงสุดท้ายจะ “ส่งเราไปเกิด” ตามระดับคุณธรรมที่เราฝึกสะสมไว้ตลอดชีวิต

1) “ฟังธรรมะบ่อย ๆ อาจชาตินี้เป็นโสดาบันได้เลย”

หมายความว่า
ถ้าเราฟังธรรมะอย่างเข้าใจ ซึมซับ พิจารณา ใจเกิดศรัทธามั่นคงและรู้ตามความจริง ก็สามารถเข้าถึง “ธรรมะขั้นต้นสู่พระนิพพาน” คือ โสดาปัตติผล ได้แม้ในชาตินี้

ไม่ต้องบวช

ไม่ต้องปฏิบัติหนักแบบพระป่า

แต่ต้องมีความเข้าใจถูก เห็นตามความจริงว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวเรา

นี่คือ “ผลแห่งการฟังธรรมด้วยใจเปิดกว้าง”

2) จิตแตกดับจะยกคุณธรรมที่สะสมขึ้น

หลวงปู่บอกว่า เวลาร่างกายแตกดับ จิตจะพิจารณาคุณธรรมที่เราสั่งสมเอาไว้ทั้งชีวิต

ถ้าเคยมี “มรรค” เคยมี “ปัญญาเห็นไตรลักษณ์”
ช่วงจิตสุดท้ายจะมีแรงดันให้เกิด “มรรคผล” ได้อีก

จิตจะไม่ตกต่ำ แต่จะ ไหลตามระดับธรรมที่สูงขึ้น
เพราะจิตที่เคยเห็นธรรมแล้ว ไม่มีวันกลับไปเป็นปุถุชนอีก

3) “มีแต่ทวีคูณขึ้น ไม่มีลดลง”

คำนี้สำคัญมาก ธรรมะที่ได้แล้ว ไม่หาย ไม่ลด ไม่ถอยหลัง เหมือนคนที่เคยเห็นแสงไฟแล้ว ต่อให้หลับตา ก็ยังรู้อยู่ว่า “แสงมีจริง”

จิตที่เคยมีปัญญา แม้กำลังชีวิตจะหมดลง ก็จะ “พุ่งไปตามระดับแห่งคุณธรรม”
อาจเป็น
สกทาคามี
อนาคามี
หรือพระอรหันต์ ได้ทันทีในช่วง “จิตสุดท้าย”

4) ทำไมจิตสุดท้ายจึงสำคัญมาก?

เพราะช่วงใกล้ตายกิเลสแรงที่สุด ความกลัว ความห่วง ความยึดมั่น จะผุดขึ้นเต็มที่
ถ้าใจเรามีธรรมะรองรับ เราจะมี “สติรู้เท่าทัน” ซึ่งนี่แหละคือโอกาสให้ปัญญาเกิดนั่นเอง

แต่ถ้าใจขุ่นมัว โลภ โกรธ กลัว ห่วงแรง ๆ จิตก็จะไหลไปสู่ภพที่ต่ำกว่า

เพราะงั้นหลวงปู่ถึงสอนให้

ฟังธรรม ภาวนา เจริญสติ น้อมใจอยู่กับความดี
เพื่อให้ช่วงสุดท้ายของชีวิต “เป็นโอกาสของความหลุดพ้น”

⭐สรุปใจความง่าย ๆ

ฟังธรรมและปฏิบัติสม่ำเสมอ → มีโอกาสเป็นโสดาบันได้ในชาตินี้

ขณะจิตแตกดับ ถ้าปัญญาพร้อม → สามารถบรรลุมรรคผลในระดับที่สูงกว่าได้

ระดับธรรมะไม่มีถอยหลัง มีแต่เพิ่มพูน

ดังนั้น ทำดีทุกวัน ฝึกสติ ฝึกปัญญา → ชีวิตนี้ไม่สูญเปล่า

🙏

ระดับพระอริยบุคคล,สังโยชน์ที่ละได้เด็ดขาด (สังโยชน์ 10),คุณสมบัติที่สำคัญ

1. พระโสดาบัน (ผู้ถึงกระแสพระนิพพาน),

,1. สักกายทิฏฐิ (ความเห็นว่าร่างกาย/ขันธ์ 5 เป็นตัวตน),🌟 ไม่ตกต่ำสู่ทุคติภูมิ (อบายภูมิ 4) อีก

,2. วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย),"🌟 มีความมั่นคงในพระรัตนตรัย (พุทธ, ธรรม, สงฆ์)"

,3. สีลัพพตปรามาส (ความถือมั่นในศีลและพรตที่ผิด),🌟 จะเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ และจะบรรลุอรหัตผลในชาติสุดท้าย

2. พระสกิทาคามี (ผู้จะกลับมาอีกครั้งเดียว),ละสังโยชน์ 3 ข้อแรกได้เช่นเดียวกับพระโสดาบัน และ,🌟 ราคะ โทสะ โมหะ เบาบางลงมาก
,(สังโยชน์ที่ 4 และ 5 เบาบางลง),🌟 จะกลับมาเกิดในโลกมนุษย์อีกเพียง 1 ครั้ง แล้วจะบรรลุอรหัตผล

3. พระอนาคามี (ผู้ไม่กลับมาเกิดอีก),ละสังโยชน์ 3 ข้อแรกได้ และ ละสังโยชน์ได้เพิ่มอีก 2 ข้อ คือ:,🌟 เมื่อตายแล้วจะไปเกิดใน พรหมโลกชั้นสุทธาวาส และบรรลุอรหัตผลที่นั่น ไม่กลับมาสู่กามโลกอีก

,4. กามราคะ (ความกำหนัดในกามคุณ 5),🌟 เลิกครองเรือน ประพฤติพรหมจรรย์ (ถ้ายังเป็นฆราวาสอยู่)

,"5. ปฏิฆะ (ความขัดเคืองใจ, โทสะอย่างละเอียด)",

4. พระอรหันต์ (ผู้บรรลุธรรมสูงสุด),ละสังโยชน์ 5 ข้อแรกได้ และ ละสังโยชน์ที่เหลือทั้งหมด (สังโยชน์เบื้องสูง 5 ข้อ) คือ:,🌟 เป็นผู้สิ้นกิเลสโดยสิ้นเชิง (สมุจเฉทปหาน)

,6. รูปราคะ (ความติดใจในรูปภพ),🌟 เป็นผู้ควรแก่การบูชา ไม่มีการเกิดใหม่ (ปรินิพพาน)

,7. อรูปราคะ (ความติดใจในอรูปภพ),🌟 มีชีวิตอยู่ด้วย มหากรุณา และ ปัญญาอันบริสุทธิ์

,"8. มานะ (ความถือตัว, ถือตน)",

,9. อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน),

,10. อวิชชา (ความไม่รู้แจ้งในอริยสัจ 4),

.
https://www.facebook.com/groups/200194166675608/permalink/26122279057373764/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่