ทำไมผู้ใหญ่ถึงชอบพูด “มันยาก ทำไม่ได้หรอก” กับความฝันของเด็ก

เรื่องราวที่ทำให้ตั้งกระทู้ในวันนี้ ล้วนเกิดขึ้นจริงๆ กับเราและน้องสาว โดยมีสิ่งแวดล้อมเป็นพ่อแม่ พี่ป้าน้าอาและคนในครอบครัว

                    เราเป็นเด็กต่างจังหวัด ที่เข้าใจอะไรยาก แต่หากขยันก็สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนๆกัน เรามีความฝันว่าอยากทำงานด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เราชอบทำงานที่รักษาคน เราบอกพ่อแม่พี่ป้าน้าอาทุกคน ว่าเราชอบงานด้านนี้ แต่เพราะเราเป็นเด็กเรียนรู้ช้า เข้าใจอะไรยาก เวลาญาติสั่งให้หยิบของตอนเด็ก เรามักหาไม่เจอหรือหยิบผิด สิ่งเหล่านี้กลับเป็นตัวตัดสินว่า ‘เราไม่เฉลียวฉลาดแล้วไปทำงานแบบนั้นจะรอดเหรอ ไม่ไหวหรอกมั่ง’ นั่นคือคำพูดที่เราได้ฟังจากปากคนใกล้ตัวบ่อยๆตั้งแต่เด็ก

                    เราจบจากโรงเรียนบ้านๆ แต่เราอยากไปเรียนโรงเรียนระดับอำเภอ เพราะการเติบโตในสิ่งแวดล้อมที่กว้างกว่าจะเปิดโลกที่ใหญ่กว่าให้กับเรา แต่สิ่งแรกที่ผู้ใหญ่รู้และพูดคือ ‘หัวสมองแบบนี้ จะเรียนไหวเหรอ’

                    พอจบมัธยมต้น เพื่อนเราจึงชวนไปโรงเรียนระดับจังหวัด เราก็ไป อ่านหนังสือสอบและสอบติด ตอนนั้นญาติๆพี่น้องไม่ค่อยพูดติติงอะไรแล้ว เพราะเราทำให้เค้าเห็นแล้ว ว่าเรากำลังทำตามฝันของเรา ผู้ใหญ่จึงปล่อยเราไป แต่ความสนใจกลับพุ่งไปที่น้องเราแทน เราดีใจนะ ที่ที่บ้านต่างสนใจในการศึกษาของลูกหลาน แต่การที่ถามว่าลูกหลานคนนั้นได้เกรดอะไร เรียนได้ที่เท่าไหร่ ในวงข้าว แล้วเปรียบเทียบเด็กคนนั้นกับเด็กคนนี้ เรากลับรู้สึกไม่เห็นด้วย เพราะเด็กที่นั่งอยู่ในนั้นจะรู้สึกอย่างไร เมื่อผู้ใหญ่พูดว่า ‘ทำไมหนูไม่หัดเรียนให้ได้แบบพี่เค้าล่ะ’ ‘ทำไมไม่ขยันแบบพี่เค้า’ เราคิดว่าการถามว่า เป็นยังไงบ้าง เรียนยากไหม เรียนอะไรบ้าง เรียนสนุกไหม มันจะทำให้เด็กอยากพูดคุยสื่อสารกันมากกว่ารึเปล่า

                    อย่างตอนน้องเรายังเด็ก น้องเรามักเรียนเอาเกรดรองสุดท้ายของห้องตลอด เช่น เด็กนักเรียนมี 48 คน น้องเราต้องเอาที่ 47 มาให้ได้ -*- แต่เรากับพ่อแม่มักจะเฉยในเรื่องนั้น สำหรับครอบครัวเรา ขอแค่น้องไม่ใช่เด็กนิสัยเสีย เกเร บ้านเรารับได้ เพราะเราเชื่อในตัวน้องเสมอ ถ้าเค้าโตขึ้นมา เค้าจะเข้าใจอะไรเยอะขึ้น และอาจเรียนได้ดีขึ้น

                    ซึ่งปัจจุบันเราได้ทำงานสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ เป็นนักกายภาพบำบัด อาชีพนี้ในสายตาเรา มันไปได้ไกลอยู่ที่วิธีการทำของแต่ละคน แต่สำหรับเรา มันไม่ใช่ในโรงพยาบาล เราทำงานกายภาพบำบัดคลินิกนอก คลินิกความงาม รับทำพาททามตามบ้าน เคสที่คนรู้จักหรือคุณหมอที่รู้จักแนะนำให้ เอาแบบไม่โลกสวย...มันทำให้เราได้เงินเยอะ มีรถ มีบ้านให้พ่อแม่ ส่งน้องเรียน แต่ทำไมคนที่รู้ว่าเราทำงานที่ไหน ถึงชอบพูดว่า ‘ทำงานแบบนี้ มันไม่มีศักดิ์ศรี ’ ทั้งๆที่เราก็ช่วยเหลือคนเหมือนกัน

                    ส่วนน้องเราในปัจจุบัน น้องเราเรียนแถวบ้าน แต่น้องโตแล้ว และเรียนดีในระดับที่ทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจได้ จากเด็กรองที่โหล่ของห้อง เป็นที่หนึ่งของห้อง เราพยายามสอนภาษาอังกฤษให้น้อง พาน้องไปสอบโรงเรียนเก่าเรา เราถามน้องว่าอยากเป็นอะไร น้องบอกอยากเป็นหมอ คนเป็นพี่ก็พยายามผลักดัน ไม่ถึงไม่เป็นไร ขอให้พยายามก่อน แต่คำพูดผู้ใหญ่ที่เห็นเราสอนน้องกลับเป็น ‘อย่าให้ความหวังน้อง’ ‘อย่าหวังสูง’ ‘เดี๋ยวมันก็คิดไปไกล’

                    อย่างตอนนี้ เราก็กำลังคิดจะเปลี่ยนงาน ไม่ได้ทำในโรงพยาบาลหรือคลินิก แต่ทำเกี่ยวกับการขาย เกี่ยวกับสาขาที่จบมา เพราะเราคิดว่า น้องกำลังจะเรียนในช่วงชั้นที่สูงขึ้น ต้องใช้เงินมากขึ้น และจะได้แบ่งเบาภาระพ่อแม่อีกทางหนึ่ง
แต่สิ่งที่ตามมาคือ ‘มันยาก จะทำได้เหรอ’ ‘ถ้าทำไม่ได้ เค้าจะไล่เราออกรึเปล่า’

                    นั่นคือสิ่งที่เราเจอมาตั้งแต่เล็กจนโต...ไม่ว่าเราจะเข้มแข็งแค่ไหน หากได้ยินแบบนี้บ่อยๆ ทุกๆวัน เราคงรู้สึกเสียใจและน้อยใจกันบ้าง เราก็เคยเป็น แต่พอมันผ่านจุดที่คำพูดทำอะไรเราไม่ได้ เราก็จะเติบโตขึ้น อาจเพราะอายุเรามากขึ้นแล้ว แต่ที่เราเป็นห่วงคือน้องสาวเรา หรือเด็กคนอื่นๆที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ คุณคิดว่าจะมีเด็กกี่คนที่ได้ยินและเข้มแข็งขึ้น และมีอีกกี่คนที่ได้ยินและท้อถอยลง

                    จริงๆแล้ว การเติบโตของเด็ก พ่อแม่พี่น้อง ญาติๆ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญ เด็กทุกคนมีความมั่นใจตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่เป็นคนสร้างเสริมมา ตั้งแต่คุณสอนให้ลูกเรียกพ่อ เรียกแม่ เวลาลูกคุณทำได้ คุณจะชมเค้า ปรบมือให้เค้า นั่นคือการสร้างความมั่นใจให้กับเด็ก
    
                    คุณสอนให้ลูกยืน เดิน พอเค้าทำได้ คุณจะบอกว่าเค้าเก่งมาก
    
                    แต่พอถึงช่วงที่ลูกของคุณเริ่มเรียนหนังสือ คุณจะเริ่มตัดสินเค้า หากเด็กฉลาด เรียนเก่ง เรียนรู้ไว คุณจะเริ่มคาดหวังให้เค้าเป็นอย่างที่คุณเป็น นั่นคือสิ่งแรกที่ควรระวัง
    
                    แต่หากเด็กค่อนข้างช้า หรือธรรมดา สิ่งที่คุณควรระวังคือ คำพูด เพราะคุณอาจเผลอใช้คำพูดที่ทำให้เด็กรู้สึกว่า ถ้าเค้าทำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ซึ่งสิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งปิดกั้นความสามารถของลูกๆคุณ

                    ปล. ผู้ใหญ่บางคน (ย้ำ บางคนเท่านั้น) ที่ชอบอยู่ในช่วง เซฟโหมด คือ จบมาก็ดีแล้ว ได้งานก็ดีแล้ว ได้เงินเท่านี้ก็ดีแล้ว เพราะเวลาที่ผู้ใหญ่หันกลับมา เค้าจะเห็นว่า ลูกเค้าเรียนจบ มีงานทำ มีเงินเลี้ยงตัวเอง ปล่อยวางได้ เราเข้าใจในจุดนี้นะ
แต่หากเด็กคนนั้นหลุดในช่วงเซฟโหมดละ เด็กจะเป็นอย่างไร ดูเด็กในปัจจุบันก็พอ (เด็กวัยรุ่นที่มีข่าวกันบ่อยๆ ครอบครัว สังคม สิ่งแวดล้อม)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่